Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2712 คลื่นลมไม่หยุด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2712 คลื่นลมไม่หยุด
ซวีเหวินไม่ได้ขวาง
แววตาเขาเย็นเยียบแฝงความเวทนาเสี้ยวหนึ่ง หอแรกนภาควบคุมดูแลเรื่องกฎ อำนาจยิ่งใหญ่มาก แต่เจ้าหมอนี่คิดว่าเพียงแค่ไปหอแรกนภาก็จะโชคดีหนีเคราะห์พ้นหรือ
เพียงแต่หลินสวินถูกขวางไว้อีกครั้ง
นอกเรือนมีชายผมขาวสวมชุดเขียวยืนอยู่เงียบๆ แววตาแผ่กลิ่นอายโชกโชน
“ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นในหอแรกมายา ก็ไม่จำเป็นต้องให้สะเทือนไปถึงหอแรกนภา”
เสียงของชายคนนั้นราบเรียบ ราวกับเสียงระฆังยามเช้ากลองยามค่ำ
“ผู้อาวุโสเจี่ยงเยี่ย!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในเรือนสมบัติสวรรค์ จำฐานะของผู้มาเยือนได้
เจี่ยงเยี่ย
ผู้อาวุโสที่มีตำนานสุดยอดมากที่สุดคนหนึ่งในหอแรกมายา มรรควิถีลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ดูแลในเขาตำรามาโดยตลอด ถูกมองว่าเป็นทั้งมือซ้ายมือขวาของรองหัวหน้าหอตู๋กูยง!
“จัดการอย่างไร” หลินสวินพูด
เจี่ยงเยี่ยพูดอย่างนิ่งสงบ “จัดการตามกฎ”
ว่าพลางสายตาเขามองไปยังเฉาจ้งหลินที่ถูกหลินสวินจับตัวไว้ เอ่ยว่า “เจ้ารู้ความผิดหรือยัง”
เฉาจ้งหลินถูกหลินสวินตีจนสภาพน่าอนาถมากนานแล้ว ความเดือดดาลเต็มทรวง กำลังคิดว่าหลังจากไปถึงหอแรกนภาจะระบายความโกรธภายในใจอย่างไร
ทว่าต่อหน้าเจี่ยงเยี่ย ความเดือดดาลในใจเขาถูกความเย็นเยียบเสียดกระดูกเข้าแทนที่ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว “ผู้อาวุโส ท่านก็เห็นแล้วว่าหลินสวินเป็นฝ่ายลงมือก่อน”
ตอนนี้เองซวีเหวินก็เดินเข้ามา ประสานหมัดกล่าว “พี่เจี่ยง เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ล้วนอยู่ในสายตาข้า เจ้าหลินสวินนี่เป็นฝ่ายลงมือจริงๆ การกระทำกำเริบเสิบสาน ทำให้คนโกรธเกรี้ยว”
เขาเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลคนหนึ่ง
แต่เจี่ยงเยี่ยเป็นผู้อาวุโส!
เจี่ยงเยี่ยไม่ได้สนใจซวีเหวิน สายตามองเฉาจ้งหลินนิ่งๆ เอ่ยว่า “ข้าถามเจ้าครั้งสุดท้าย เจ้ารู้ความผิดหรือยัง”
เสียงที่ราบเรียบนั้นกลับเหมือนกระบี่คมที่จี้ใจคน ทำเอาสีหน้าเฉาจ้งหลินเปลี่ยนไประลอกหนึ่ง อดมองไปทางซวีเหวินไม่ได้
ซวีเหวินพูดอย่างเย็นเยียบ “มองข้าทำไม หากเจ้าเป็นฝ่ายทำผิดก่อนก็ยอมรับซะ หากไม่ใช่ก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับผิด! ข้าเชื่อว่าสำนักจะให้ความยุติธรรมกับเจ้า!”
เฉาจ้งหลินสูดหายใจลึกๆ ก่อนกล่าวว่า “เรียนผู้อาวุโสเจี่ยง ข้าไม่ได้ทำผิดกฎสำนัก ไม่รู้ว่าผิดตรงไหนจริงๆ กลับเป็นหลินสวินที่…”
ไม่รอพูดจบเจี่ยงเยี่ยก็กล่าวตัดบท “เด็กๆ พาเฉาจ้งหลินไปหอแรกนภา ให้ผู้ดูแลเถาเหลิ่งไต่สวน”
ทันใดนั้นเงาร่างหนึ่งเดินมาจากนอกเรือน ร่างกายกำยำ สีหน้าเย็นชา ทันทีที่มาถึงก็ชักนำเสียงแตกตื่นขึ้นในที่นั้น
คนผู้นี้คือเหวยฟาง ศิษย์เบื้องท้ายของผู้อาวุโสเจี่ยงเยี่ย!
เมื่อนานมาแล้วเหวยฟางที่อยู่ในฐานะผู้สืบทอดแกนหลักแห่งยอดเขาที่หนึ่ง ถูกเจี่ยงเยี่ยเลือกและพาเข้ามาฝึกปราณในหอแรกมายา ไม่ถึงพันปีก็ทะลวงระดับอย่างราบรื่น ก้าวสู่ระดับอมตะ!
“ศิษย์น้องหลินสวิน ส่งคนผู้นี้มาให้ข้าเถอะ” เหวยฟางกล่าว เสียงเคร่งขรึม
หลินสวินดูการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ออกแล้ว จึงส่งตัวเฉาจ้งหลินไปอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยว่า “รบกวนศิษย์พี่ด้วย”
เหวยฟางพยักหน้าน้อยๆ คว้าตัวเฉาจ้งหลินเดินออกไป
“ใต้เท้าซวีเหวิน ท่านรีบช่วยข้าพูดสิ!” เสียงตะโกนของเฉาจ้งหลินดังมา ในที่สุดก็ลนลานแล้ว
แต่ไม่นานเสียงของเขาก็หายไป
บรรยากาศในเรือนเงียบกริบ ใครต่างก็ดูออก ว่าการมาเยือนของเจี่ยงเยี่ยทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!
“ผู้อาวุโสเจี่ยง เฉาจ้งหลินเป็นศิษย์หอแรกมายาของพวกเรา ยิ่งเป็นผู้สืบทอดแกนหลักที่มาจากยอดเขาที่สอง เจ้าให้หอแรกนภาจัดการเช่นนี้ไม่ใคร่เหมาะกระมัง”
เจี่ยงเยี่ยเคลื่อนสายตามองไปยังซวีเหวิน กล่าวว่า “หากเขาไม่ได้ทำผิดก็จะกลับมาอย่างปลอดภัย หรือเจ้าไม่เชื่อในหอแรกนภา”
สีหน้าของซวีเหวินแข็งค้างไป ชี้หลินสวินแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าหมอนี่จะจัดการอย่างไร”
เจี่ยงเยี่ยกล่าว “เด็กๆ มอบเบี้ยประจำเดือนที่ควรเป็นของหลินสวินให้เขา”
ทันใดนั้นมีคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา ยื่นถุงเก็บของใบหนึ่งให้หลินสวิน
ซวีเหวินเห็นดังนี้ก็โกรธจนแทบกระอักเลือด หลินสวินลงมือเหิมเกริมที่นี่ ไม่เพียงไม่ลงโทษเขา กลับยังให้เบี้ยประจำเดือนกับเขาหรือ
นี่เห็นชัดว่าไม่คิดจะจัดการหลินสวินแล้ว!
ซวีเหวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยพูดเย็นชา “ผู้อาวุโสเจี่ยง เฉาจ้งหลินเป็นศิษย์หอแรกมายาของเรา กลับถูกท่านส่งตัวไปหอแรกนภา ส่วนหลินสวินเป็นเพียงคนใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนัก ท่านกลับปกป้องเช่นนี้ หากข่าวกระจายออกไปคงทำให้คนไม่น้อยเกิดความไม่พอใจ”
เจี่ยงเยี่ยกล่าว “เจ้าไม่พอใจมากหรือ”
เขานิ่งสงบเสมอมา ทว่าท่าทีเช่นนั้นกลับแข็งกร้าวอย่างที่สุด
สีหน้าของซวีเหวินแปรเปลี่ยนไประลอกหนึ่ง “ข้าเพียงคิดว่าเช่นนี้ไม่ยุติธรรม”
เจี่ยงเยี่ยกล่าว “เจ้าสามารถไปฟ้องร้องข้าที่หอแรกนภาได้ ให้พวกเขามาคุยกับข้า”
ซวีเหวินเห็นเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าเจี่ยงเยี่ยตั้งใจจะปกป้องหลินสวิน จึงไม่ได้ยืนกรานต่อ แต่พูดอย่างเย็นชาว่า “ผู้อาวุโสเจี่ยงเยี่ย ท่านทำเช่นนี้จะทำให้คนไม่น้อยไม่พอใจ”
พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป
เจี่ยงเยี่ยไม่ได้สนใจ บนสีหน้าราบเรียบไม่เคยเกิดการเปลี่ยนแปลงแม้แต่เสี้ยว
“ต่อไปยามมารับเบี้ยประจำเดือน จะไม่มีใครกล้ากลั่นแกล้งเจ้าอีกแล้ว ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว” สายตาของเจี่ยงเยี่ยเคลื่อนไปมองหลินสวิน
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ให้ความเป็นธรรม คืนความบริสุทธิ์ให้ผู้น้อย” หลินสวินประสานหมัดกล่าว
เจี่ยงเยี่ยพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไร
หลินสวินเองก็ไม่ได้อยู่ต่อ หมุนตัวจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มองเจิ้งเฉียนอีกแม้แต่แวบเดียว
เจิ้งเฉียนในตอนนี้สีหน้าแข็งเกร็ง ในใจกระเพื่อมขึ้นลงไม่อาจสงบได้ ได้แต่มองดูหลินสวินพลิกสถานการณ์และจากไปอย่างใจเย็นโดยไม่สามารถทำอะไรได้ ทั้งหมดนี้เหมือนถูกคนฟาดอย่างรุนแรง ยากจะรับอย่างไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“ในฐานะผู้อาวุโสยอดเขาที่เก้ากลับทำเรื่องเช่นนี้ เฮ้อ วันนี้ถือว่าได้เปิดโลกจริงๆ”
ในเรือนสมบัติสวรรค์ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จำนวนหนึ่งดังขึ้น
นี่ทำให้เจิ้งเฉียนอึดอัดไปทั้งตัว สะบัดแขนเสื้อจากไปอย่างเดือดดาล
ในใจเขาลอบสาบาน ว่าครั้งต่อไปจะต้องคว้าโอกาสล้มหลินสวินให้เด็ดขาด!
……
เขาแรกมายา เรือนระเบียง
นี่คือสถานที่ฝึกปราณของรองหัวหน้าหอตู๋กูยง
“ใต้เท้า เรื่องราวจัดการเรียบร้อยแล้ว” ร่างของเจี่ยงเยี่ยปรากฏขึ้น เอ่ยพูดอย่างนิ่งสงบ
ตู๋กูยงที่นั่งชมทะเลเมฆอยู่ใต้ต้นสนพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ลำบากเจ้าให้ไปจัดการด้วยตัวเองแล้ว”
เจี่ยงเยี่ยกล่าว “ใต้เท้า ครั้งนี้พวกเราจัดการเฉาจ้งหลินเช่นนี้ เกรงว่าคงทำให้รองหัวหน้าหอเฟ่ยเผิงไม่พอใจ ถึงอย่างไรเฉาจ้งหลินก็เป็นคนที่เขารับเข้าหอแรกมายากับมือ”
ตู๋กูยงเอ่ยพูดเรียบๆ “ไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ พวกเราเพียงทำตามกฎก็พอ เฉาจ้งหลินยอมเป็นเครื่องมือให้ผู้อื่น เช่นนั้นก็ควรเตรียมใจจ่ายค่าตอบแทนเพราะเรื่องนี้ สำหรับรองหัวหน้าหอเฟ่ยเผิง… ไม่ต้องสนใจ”
เจี่ยงเยี่ยพยักหน้า ไม่นานก็จากไป
“ท่านปู่ ขอบคุณท่านมาก”
เงาร่างในชุดกระโปรงยาวสีเขียวอ่อน เอวบาง กลิ่นอายสง่างามคละคลุ้ง ดวงหน้างามละเอียดไร้ที่ติของตู๋กูโยวหรันปรากฏตัวออกมา
วันนี้นางก็มารับเบี้ยประจำเดือนเช่นกัน จึงมาเยี่ยมท่านปู่ตู๋กูยงที่โปรดปรานนางที่สุดผู้นี้สักหน่อย
ใครจะคิดว่ายามทั้งสองกำลังสนทนา ตู๋กูยงกลับสังเกตเห็นเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเรือนสมบัติ และตู๋กูโยวหรันเองก็เห็นเช่นกันว่าหลินสวินถูกกลั่นแกล้ง
ตู๋กูยงยิ้ม ลูบศีรษะของตู๋กูโยวหรันอย่างเอ็นดู กล่าวว่า “ต่อให้เจ้าไม่พูด ครั้งนี้ข้าก็ไม่ปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในหอแรกมายา”
ตู๋กูโยวหรันขานรับว่าอืม
ตู๋กูยงพูดด้วยเสียงอบอุ่น “โยวหรัน ในเมื่อเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดแล้วก็ตั้งใจฝึกปราณ มีปู่อยู่ ย่อมไม่ให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแม้แต่น้อย แต่ต่อไปเจ้าจะออกห่างหลินสวินนั่นสักหน่อย”
ตู๋กูโยวหรันอึ้ง “เพราะเหตุใด”
“ก่อนที่เจ้าหมอนี่จะมาเยือนลัทธิแรกกำเนิด ภายในลัทธิแรกกำเนิดก็มีคลื่นน้ำพลุ่งพล่านแล้ว เหตุผลเพราะฐานะของเขาพิเศษเกินไป เป็นทั้งผู้สืบทอดคีรีดวงกมล และยังมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน”
สายตาของตู๋กูยงมองไปยังทะเลเมฆไกลๆ “เพียงแค่จุดนี้ พวกเฒ่าชราที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็ไม่มีทางไม่เคลื่อนไหวแล้ว”
“แต่ก็มีคนบางส่วนหวังว่าการมาของหลินสวินจะสามารถสร้างความวุ่นวายให้สถานการณ์ภายในลัทธิแรกกำเนิด หมายจะใช้เจ้าหมอนี่ชักนำคลื่นลม เพื่อกำจัดปัญหาสะสมและเนื้อร้ายในสำนัก”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทุกการกระทำของหลินสวินจะอยู่ในสายตาทุกคน ขอเพียงเขากล้าทำผิดแม้แต่น้อย ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะทำให้เกิดคลื่นลมระลอกหนึ่ง”
“อย่างเรื่องวันนี้ หากข้าไม่แทรกแซง หลินสวินจะต้องถูกพาไปที่หอแรกนภาแน่ หอแรกนภาแม้ดูแลเรื่องกฎระเบียบ แต่ภายในก็แบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีคนมากมายที่มองหลินสวินเป็นศัตรู หากไปถึงที่นั่นหลินสวินจะต้องถูกตัดสินโทษหนักแน่”
พูดถึงตรงนี้ตู๋กูยงก็เอ่ยเสียงขรึม “แน่นอนว่าต้องมีคนมากมายไม่อยากเห็นหลินสวินถูกลงโทษ และจะต้องแทรกแซง เพียงแต่เช่นนี้จะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่ หากจัดการไม่ได้ เป็นไปได้สูงมากว่าภายในลัทธิแรกกำเนิดจะเกิดความสั่นคลอน!”
ตู๋กูโยวหรันใจหาย เพิ่งจะตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของหลินสวินในตอนนี้อันตรายมาก!
“ตอนนี้เรื่องนี้ถูกระงับไว้ที่หอแรกมายา บางทีอาจจะทำให้คนบางส่วนไม่พอใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นชักนำแรงสะเทือนอะไรมากนัก เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว”
ตู๋กูยงพูดเอ่ยเบาๆ
“ท่านปู่ ข้าอยากไปพบหลินสวินสักครั้ง” ตู๋กูโยวหรันพูดเสียงเบา
ตู๋กูยงส่ายหน้า “ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ากับเจ้าหมอนี่ขีดเส้นความสัมพันธ์กัน แต่เจ้าอย่าปฏิสัมพันธ์กับเขามากเกินไปจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นก็เป็นไปได้สูงมากว่าอาจถูกคนบางส่วนจับจ้อง ทำให้เจ้าตกอยู่ในวังวนความวุ่นวาย”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยเย้า “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เจ้าจะเป็นห่วงเขามากแค่ไหน คนใหม่ที่เพิ่งเข้าสำนักอย่างเจ้าจะช่วยเขาได้อย่างไร”
ตู๋กูโยวหรันกะพริบตาปริบๆ พูด “ถึงอย่างไรก็ยังมีท่านปู่ไม่ใช่หรือ”
ตู๋กูยงจนคำพูด พลันเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “โยวหรัน สถาการณ์ในลัทธิแรกกำเนิดตอนนี้ซับซ้อน ทุกอย่างยังไม่ชัดเจน ตอนนี้ข้าก็ไม่อาจสอดมือเข้าไปในน้ำขุ่นเร็วเกินไป เข้าใจหรือไม่”
ตู๋กูโยวหรันถอนหายใจ ซึมลงเล็กน้อย กล่าวว่า “เดิมทีข้าคิดว่าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดเป็นแดนที่อยู่เหนือเรื่องโลกีย์ในโลก สามารถฝึกปราณอยู่ที่นี่ได้อย่างอิสระสบายใจ ใครจะคิดว่าที่นี่ไม่ต่างอะไรกับโลกภายนอก”
“การแก่งแย่งในมหามรรคเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด”
ตู๋กูยงถอนหายใจเบาๆ “ยิ่งกว่านั้น ในร้อยปีมาตำแหน่งหัวหน้าแห่งหอแรกพิสุทธิ์ว่างมาโดยตลอด ใคร… จะไม่หวั่นไหวได้เล่า”
……
หอแรกนภา
ผู้ดูแลเถาเหลิ่งมองเฉาจ้งหลินนิ่งๆ มองจนอีกฝ่ายขนลุกซู่ อึดอัดขึ้นมา
ในหอแรกนภา เถาเหลิ่งในฐานะผู้ดูแลมีชื่อเสียงด้านความดุร้ายลือเลื่อง
อุปนิสัยของเขาเย็นชา ลงมือแข็งกร้าว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่รู้มีคนที่ทำผิดกฎสำนักเท่าไหร่เคยถูกเขาลงโทษกับมือ
ทุกคนที่ถูกตัดสินโทษ จุดจบล้วนน่าอนาถ
นี่จะไม่ให้ในใจเฉาจ้งหลินลนลานได้อย่างไร
ครู่ใหญ่เถาเหลิ่งจึงพ่นคำพูดประโยคหนึ่งออกมา “ถูกคนหลอกใช้ โง่”
——