Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2753 ของขวัญจากแมวขาวยักษ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2753 ของขวัญจากแมวขาวยักษ์
ทั่วลานเงียบกริบ
รอยกระบี่สีเลือดจางๆ สายนั้นแผ่ลามลงมาจากหน้าผากของจินจงเยวี่ย
แวบแรกที่ทุกคนมองเห็นล้วนผุดความคิดเดียวกันขึ้นมา
หากกระบี่นี้ออกแรงกว่านี้อีกนิด จินจงเยวี่ยจะไม่ถูกผ่าเป็นสองท่อนหรือ
ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาเหล่านั้นล้วนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น
ไม่อาจจินตนาการว่ารองผู้ดูแลหอแรกนภาลำดับสิบสองอย่างจินจงเยวี่ยที่มีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสัมบูรณ์ จะถูกกระบี่เดียวเอาชนะได้อย่างไร!
ภาพนั้นสะเทือนใจผู้คนเกินไป!
คนระดับรองผู้ดูแลบางส่วนล้วนหนาวเยือกไปทั้งตัว
ลองถามตัวเองว่าพวกเขาสามารถต้านทานกระบี่นี้ได้หรือไม่
และสิ่งที่สะท้านสะเทือนคนใหญ่คนโตในที่นั้น ก็คือเตากระบี่ของหลินสวิน!
ขวานปากไก่มังกรดำถูกตัดสะบั้นอย่างง่ายดาย นี่พิสูจน์ว่าแม้จะเป็นศาสตรามรรคอมตะ เตากระบี่ของหลินสวินก็เรียกได้ว่าเป็นของระดับปลายยอดอย่างไม่ต้องสงสัย!
จุดสำคัญที่จินจงเยวี่ยพ่ายแพ้ ก็อยู่ที่เขานึกไม่ถึงสักนิดว่าเตากระบี่ของหลินสวินจะแข็งแกร่งขนาดนั้น ยามตั้งรับก็มั่นคงไม่อาจทลาย ยามโจมตีก็ทำลายได้ทุกสิ่งไม่อาจต้านทาน!
เพราะเป็นเช่นนี้จึงถูกกระบี่ของหลินสวินโจมตีจนรับมือไม่ทัน ส่งผลให้พ่ายแพ้
ในสนามรบพิพาทสวรรค์ หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ “นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หน้าที่สำคัญอย่างการเฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณก็มอบให้ท่านแล้ว”
ทุกคนล้วนอึ้งไป เฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณหรือ
“ทุกท่านคงยังไม่รู้ เมื่อวานนี้รองผู้ดูแลจินออกคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้หลินสวินไปเฝ้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ แต่ตอนนี้รองผู้ดูแลจินแพ้แล้ว หลินสวินจะรับช่วงต่อตำแหน่งของเขา ส่วนหน้าที่ของหลินสวินก็ให้รองผู้ดูแลจินไปแทน”
คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งเอ่ยปาก ทำลายความมึนงงในนั้น
ในที่นั้นฮือฮาทันที คราวนี้จึงเข้าใจในที่สุดว่าเหตุใดวันนี้หลินสวินจึงท้าสู้กับจินจงเยวี่ย ไม่ใช่เพราะเขาเป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน แต่เพราะถูกจินจงเยวี่ยกลั่นแกล้ง!
“ให้คนสะท้านยุคอย่างหลินสวินไปเป็นยามเฝ้าประตู ไม่ใช่เพียงกลั่นแกล้งแล้ว แต่จงใจทำให้อับอายขายหน้าชัดๆ!”
คนมากมายกล่าวอย่างเดือดดาล
“ฮ่าๆ เช่นนั้นรองผู้ดูแลจินก็ไม่คู่ควรกับการเห็นใจแล้ว อย่างเขาเรียกว่ายกหินทับเท้าตัวเอง หาเรื่องใส่ตัว สมน้ำหน้า!”
มีคนยิ้มเย็น
จินจงเยวี่ยสีหน้าห่อเหี่ยว ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและอับอาย รู้สึกอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดิน ไม่อาจทนอยู่ต่อได้อีกจึงหมุนตัวจากไปทันที
ผู้อาวุโสหอแรกนภาเฉาเป่ยโต้วที่ได้เห็นทุกอย่างนี้ในสายตาอยู่ไกลๆ สีหน้ามืดมนดุจสายน้ำ
วันนี้หลินสวินเอาชนะจินจงเยวี่ย เข้าแทนที่ตำแหน่งอีกฝ่าย กลายเป็นหนึ่งในยี่สิบสี่รองผู้ดูแลหอแรกนภาอย่างราบรื่น!
ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง
ในวันนี้ ยังทำให้ผู้คนจดจำพลังต่อสู้เย้ยฟ้าและศาสตรามรรคอมตะของหลินสวินได้อย่างลึกซึ้ง
…
“ผู้ดูแลเถา หน้าที่ของรองผู้ดูแลคืออะไรหรือ”
หลังออกจากสนามรบพิพาทสวรรค์กลับมาที่เขาแรกนภา หลินสวินก็หามาผู้ดูแลเถาเหลิ่ง
เถาเหลิ่งยื่นป้ายคำสั่งลัทธิของรองผู้ดูแลให้หลินสวินก่อน แล้วจึงกล่าวว่า
“รองผู้ดูแลยี่สิบสี่คน แต่ละคนมีหน้าที่คนละอย่าง หน้าที่ของจินจงเยวี่ยเมื่อก่อนก็คือ เมื่อศิษย์สืบทอดแท้จริงของเก้ายอดเข้าใหญ่ทำผิดละเมิดกฎ เขาจะเป็นผู้กำหนดโทษและลงทัณฑ์”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ตอนนี้เจ้าแทนที่ตำแหน่งของจินจงเยวี่ยแล้ว ภาระหน้าที่ย่อมเหมือนกัน แน่นอนว่าเวลาส่วนใหญ่ที่ไม่มีเรื่องใดก็จะเพ่งจิตฝึกปราณ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
คราวนี้หลินสวินจึงเข้าใจ
เถาเหลิ่งคิดๆ แล้วอดเอ่ยถามไม่ได้ “หลินสวิน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นรองผู้ดูแลแล้ว ตั้งใจจะไปชิงตำแหน่งผู้ดูแลเมื่อไร”
เขาใคร่รู้มากจริงๆ
เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีกว่า หลินสวินก็เลื่อนขั้นจากศิษย์สืบทอดแท้จริงยอดเขาที่เก้าไม่หยุด จนตอนนี้ได้เป็นรองผู้ดูแลแล้ว
ไม่ต้องคิดสักนิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป หลินสวินต้องชิงตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมแน่
“ตอนนี้ยังไม่ได้คิดขอรับ”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ “ครั้งนี้เป็นเพราะจินจงเยวี่ยเล่นงานข้าก่อน หาไม่จากแผนการเดิมของข้า คงรอครึ่งปีให้หลังจึงจะไปท้าทายตำแหน่งรองผู้ดูแล อีกทั้งไม่เคยคิดลงกับมือจินจงเยวี่ยสักนิด”
เถาเหลิ่งแววตาแปลกไป กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “หากจินจงเยวี่ยรู้เข้า เกรงว่าคงเจ็บช้ำยันลำไส้แน่”
ทั้งคู่คุยกันอีกพักหนึ่งหลินสวินจึงขอตัวลา
หลินสวินกลับมาที่ถ้ำสถิตแดนมงคลของตนแล้วนั่งทำสมาธิ
ตอนนี้เขาเป็นรองผู้ดูแลแล้ว แต่คิดอยากขึ้นเป็นผู้ดูแล ผู้อาวุโส และรองหัวหน้าหอภายในร้อยปีกลับยากเย็นถึงขีดสุด
อย่างเช่นการเป็นผู้ดูแล เงื่อนไขก็เข้มงวดสุดขีด
ในแง่พลังปราณ ย่อมต้องเป็นขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลาย
นอกจากนี้ยังต้องผ่านการประเมินของลัทธิ เนื้อหาการประเมินจะแจกจ่ายโดยระดับรองหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์แต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักที่ยากเย็นแสนเข็ญอย่างหนึ่ง
สุดท้ายจึงจะมีคุณสมบัติไปท้าทายหนึ่งในสิบสองผู้ดูแล หากสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ก็จะกลายเป็นผู้ดูแลอย่างราบรื่น!
นี่ยังเป็นแค่การเลื่อนขั้นเป็นผู้ดูแลเท่านั้น
หากอยากเป็นผู้อาวุโสสามหอ เงื่อนไขยิ่งเข้มงวดและวิปริตยิ่งกว่า แค่ข้อแรกก็ต้องมีมรรควิถีขั้นดับเทพแล้ว
ลำพังแค่จุดนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้จะสามารถไขว่คว้าได้
ต่อให้ตอนนี้เขาอยากเป็นผู้ดูแล แต่พลังปราณก็ยังไม่พอ ต้องอยู่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายจึงจะได้
สำหรับหลินสวินแล้ว เป้าหมายในตอนนี้คือรีบเร่งพัฒนาพลังปราณโดยเร็วที่สุด
หืม?
จู่ๆ หลินสวินที่กำลังฝึกปราณพลันรู้สึกหวาดหวั่นในใจ ลืมตาขึ้นมาพลัน
ก็เห็นว่าไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร แมวขาวยักษ์ขนขาวราวหิมะนุ่มลื่น รูปร่างอ้วนพีตัวนั้นนั่งอยู่ไม่ไกลนัก นัยน์ตาเขียวมรกตคู่นั้นกำลังจ้องมองตนอยู่
“ที่แท้เป็นผู้อาวุโสนี่เอง”
หลังจากตกใจหลินสวินก็ลอบถอนหายใจโล่งอก
“ข้าอยากคุยกับอาจารย์อาของเจ้าสักหน่อย”
แมวขาวยักษ์เอ่ยปาก เสียงยังคงน่าเกรงขามดังเดิม
หลินสวินมีหรือจะกล้าปฏิเสธ เชิญคงเจวี๋ยออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที
คงเจวี๋ยกำลังหลับลึกนอนกรน ต่อให้ถูกพาตัวออกมาก็เอนตัวนอนบนพื้นตรงๆ แล้วเริ่มหลับต่อ หนังตาไม่ได้ลืมขึ้นมาสักนิด
หลินสวินเพิ่งหมายจะส่งเสียงปลุกเขาก็ถูกแมวขาวยักษ์ห้ามไว้
ดวงตาเขียวมรกตของมันจับจ้องคงเจวี๋ย นัยน์ตาปรากฏประกายเร้นลับยากหยั่งถึง ไม่รู้ว่ากำลังสัมผัสอะไรอยู่
แม้ว่าในใจหลินสวินจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม
“สหายยุทธ์”
เนิ่นนานจู่ๆ แมวขาวยักษ์ก็เอ่ยปาก “ที่แห่งนี้ไม่เหมาะให้เจ้าฝึกปราณ ไม่สู้ไปพักในอาณาเขตของข้าสักระยะดีหรือไม่”
ทันใดนั้นคงเจวี๋ยที่นอนกรนพลันพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง กล่าวว่า “มีเหล้าหรือไม่”
แมวขาวยักษ์กล่าว “มี แถมยังมีเหล้าหมักศักดิ์สิทธิ์ ‘ทลายทัพ’ ที่เจ้าชื่นชอบอีกด้วย”
คงเจวี๋ยดีดตัวผึง ตื่นเต้นจนดวงตาเป็นประกาย “ไป!”
แมวขาวยักษ์พยักหน้าน้อยๆ ครู่ต่อมาเงาร่างของมันและคงเจวี๋ยก็อันตรธานหายไป ทำเอาหลินสวินยังถามไถ่ไม่ทัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขัดขวาง
อันที่จริงเขาก็ไม่มีปัญญาห้ามไม่ให้แมวขาวยักษ์พาตัวคงเจวี๋ยไป
เพียงแต่นึกถึงภาพต่างๆ เมื่อครู่ ในใจหลินสวินก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
หรือว่าสภาวะจิตของอาจารย์อาได้รับการซ่อมแซมแล้วหรือ
ทันใดนั้นขวดหยกมันแพะและป้ายคำสั่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ในใจหลินสวินมีเสียงน่าเกรงขามของแมวขาวยักษ์ดังขึ้น ‘ทุกเดือนขวดนี้สามารถควบรวมโอสถอมตะสุริยันจันทราได้หนึ่งพันเม็ด หนึ่งเม็ดเทียบเท่ากับแกนเทพอมตะหนึ่งพันชั่ง ในร้อยปีนี้ก็ให้เจ้ายืมใช้ขวดนี้ชั่วคราวแล้วกัน’
“ส่วนในป้ายคำสั่งนี้เป็นรูปจำลองเจตจำนงของข้า สามารถใช้ได้สามครั้ง ในหนึ่งเดือนใช้ได้หนึ่งครั้ง ใช้ในยามประสบเหตุอันตรายถึงชีวิต”
“เจ้าช่วยเหลืออาจารย์อาของเจ้าครั้งใหญ่ และช่วยเหลือข้าครั้งใหญ่เช่นกัน ของพวกนี้เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้า จำไว้ว่าอย่าเอ่ยกับผู้อื่น และอย่าใช้รูปจำลองเจตจำนงของข้าในลัทธิแรกกำเนิด”
ในใจหลินสวินสะเทือนไหว ถูกของขวัญที่ได้มาอย่างปุบปับนี้ทำเอาตั้งรับไม่ทัน
ช่วยอาจารย์อาและแมวขาวยักษ์ครั้งใหญ่หรือ
ว่าแต่ช่วยตอนไหน และช่วยเรื่องอะไร
เหตุใดตนถึงไม่รู้
หลินสวินงงงันยิ่ง หลังจากค่อยๆ สงบใจลง จู่ๆ เขาก็นึกถึงคำที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยกล่าวในปีนั้น
อาจารย์อาคงเจวี๋ยเสาะแสวงยอดมรรคาอมตะจนทำให้สภาวะจิตเกิดปัญหา และคนที่สามารถช่วยเขาแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ มีเพียงตนเท่านั้น!
‘คงไม่ใช่ว่าทุกสิ่งที่ข้าพบเจอยามแจ้งมรรคอมตะล้วนถูกอาจารย์อาคงเจวี๋ยมองเห็น และมองทะลุนัยเร้นลับยอดอมตะบางส่วนได้ ทำให้สภาวะจิตที่เสียหายของเขาได้รับการซ่อมแซมหรอกกระมัง’
‘แมวขาวยักษ์ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกันหรือไม่’
หลินสวินยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเป็นไปได้ ในใจก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย หากสามารถช่วยอาจารย์อาคงเจวี๋ยได้ นั่นย่อมเป็นเรื่องดียิ่งยวด
เขาส่ายหน้าเบาๆ ไม่คิดมากอีก ถือขวดหยกมันแพะและป้ายคำสั่งนั่นไว้ในมือแล้วเริ่มสำรวจ
ขวดหยกมันแพะสูงเพียงเก้าชุ่น หนาเท่าแขนเด็ก ตัวขวดขาวใสโปร่งแสง ถือแล้วเย็นมือ ปากขวดรายล้อมด้วยกลิ่นอายอมตะศักดิ์สิทธิ์เป็นสายๆ
หลินสวินรินขวดหยกลง ทันใดนั้นโอสถเทพขนาดราวไข่นกพิราบเม็ดหนึ่งก็ปรากฏออกมา สว่างไสวเรืองรอง กลิ่นยาคละคลุ้ง ลายมรรคประหนึ่งอมตะเป็นสายๆ ตัดสลับบนพื้นผิวโอสถเทพ และภายในโอสถเทพก็มีสุริยันจันทราลอยผลุบโผล่ แก่นพลังอมตะพลุ่งพล่านไร้ทัดเทียมแผ่ออกมา
โอสถอมตะสุริยันจันทรา!
นัยน์ตาหลินสวินเป็นประกาย
หนึ่งเม็ดเทียบได้กับแกนเทพอมตะพันชั่ง และหนึ่งเดือนขวดนี้สามารถควบรวมโอสถเทพอมตะได้หนึ่งพันเม็ด นี่ก็หมายความว่าภายในหนึ่งร้อยปี ยามฝึกปราณเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแกนเทพอมตะอีก!
‘สมบัติดียิ่ง!’
หลินสวินอุทานในใจ ขวดหยกมันแพะนี้เป็นสมบัติล้ำค่าน่าเหลือเชื่ออย่างแน่นอน มูลค่าประเมินไม่ได้
จากนั้นเขาก็เอาป้ายคำสั่งชิ้นนั้นมาถือในมือ
ป้ายคำสั่งนี้หนักมือ คล้ายหยกแต่ไม่ใช่หยก ตัวป้ายดำสนิท พื้นผิวปกคลุมด้วยพลังระเบียบที่คลุมเครือสุดขีด เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินสอดส่องเข้าไปในนั้น
ตูม!
ในหัวของเขาราวแตกระเบิด จักรวาลไพศาลแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น ดวงดาวมหาศาลโคจร มีเงาร่างสายหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ทั่งร่างหลั่งรินประกายเทพอมตะไพศาล เรืองรองไร้ขอบเขต เกรียงไกรดุจเทพ ควบคุมจักรวาลผืนนี้
และยามมองเห็นเงาร่างสายนี้ชัดเจน หลินสวินก็อึ้งไป
หัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้!!
ก่อนหน้านี้หลินสวินเคยเดินทางพร้อมโม่หลันซานเพื่อทำภารกิจเก้าดารา และเคยถูกหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดดักโจมตีในสถานที่ชื่อว่า ‘เทือกเขาสะเก็ดดาว’ ของโลกชางถู
และก็เป็นตอนนั้น โม่หลันซานใช้รูปจำลองเจตจำนงของเหยียนจี้โจมตีผู้ยิ่งใหญ่สองคนจากหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดจนพ่ายแพ้ในคราวเดียว เหมิงซานหนึ่งในนั้นถูกสังหาร ส่วนจวี้หู่โชคช่วยรอดชีวิตไปได้
และเป็นตอนนั้นเองที่หลินสวินได้เห็นความน่าสะพรึงของหัวหน้าหอแรกนภาเหยียนจี้
รูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่ง โจมตีเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับอมตะอย่างเหมิงซานและจวี้หู่จนไร้เรี่ยวแรงปัดป้อง!
‘ที่แท้แมวขาวยักษ์ตัวนั้นก็คือหัวหน้าหอเหยียนจี้จริงๆ…’
เนิ่นนานกว่าหลินสวินจะสงบลง
เขาสงสัยตัวตนของแมวขาวยักษ์นานแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าได้รับการพิสูจน์ชัดเจนแล้ว
‘ป้ายคำสั่งนี้สามารถใช้ได้สามครั้ง หรือก็เท่ากับว่าข้ามีไพ่ตายรักษาชีพสามใบแล้ว…’
ในใจหลินสวินฮึกเหิม
โอสถอมตะสุริยันจันทราสามารถช่วยเขาฝึกปราณได้
และป้ายคำสั่งนี้ก็ทำหน้าที่เป็นไพ่ตายได้ กล่าวได้ว่าของขวัญจากแมวขาวยักษ์ยิ่งใหญ่อลังการสุดขีด สมกับเป็นหัวหน้าหอแรกนภา!
——