Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2805 ยอดเขาราตรีสงัด ตะวันตกของเมือง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2805 ยอดเขาราตรีสงัด ตะวันตกของเมือง
ทะเลสาบจันทร์หม่น
ลมกลางคืนพัดโชย บนหอกลางทะเลสาบโคมไฟสว่างไสว
ในหอหลินสวินเตรียมอาหารเลิศรสเต็มโต๊ะด้วยตัวเอง กำลังดื่มกินกับบิดามารดา
ทั้งครอบครัวเบิกบานกลมเกลียว
หลินสวินเล่าประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ หลินเหวินจิ้งและลั่วชิงสวินต่างฟังจนอารมณ์ปั่นป่วน
สิ่งที่คนอื่นสนใจ คือตำนานและความสำเร็จที่หลินสวินสร้างในช่วงหลายปีมานี้
ทว่าในฐานะพ่อแม่ พวกเขากลับรู้เพียงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกของตนพบเจอความยากลำบากและอันตรายมามากเกินไปแล้ว!
หลินเหวินจิ้งถอนหายใจยาว สีหน้าหดหู่
เขาเป็นเพียงคนตระกูลหลินแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า ไม่มีพรสวรรค์โดดเด่น ไม่มีอำนาจล้นฟ้า อย่าว่าแต่ในโลกยอดนิรันดร์ แม้อยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารายังเป็นแค่ผู้ฝึกปราณที่ธรรมดามากคนหนึ่ง
แม้ในหลายปีที่ถูกขังในแดนผนึกเรืองแสง เขาพยายามฝึกฝนอย่างยากลำบาก จนถึงตอนนี้ยังเพิ่งเหยียบย่างมรรคาระดับจักรพรรดิเท่านั้น
หากอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่า แน่นอนว่านี่เป็นความสำเร็จที่เรียกได้ว่าโลกตะลึง
ทว่าภายใต้ฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้ ระดับจักรพรรดิก็ยังไม่เพียงพอ!
ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่ก็ทำให้หลินเหวินจิ้งละอายใจหาใดเปรียบแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถช่วยลูกของตนได้ ความรู้สึกเช่นนี้จะให้เขารู้สึกดีได้อย่างไร
ลั่วชิงสวินพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “หากเจ้าไร้ความสามารถ จะเข้าตาข้าลั่วชิงสวินได้อย่างไร และตอนนี้ลูกของเราโดดเด่นเพียงนี้ คนเป็นพ่ออย่างเจ้าควรจะภาคภูมิใจถึงจะถูก”
“ท่านแม่พูดถูก ต่อไปมีข้าอยู่ ท่านก็อย๔อย่างสุขสบายก็พอ”
หลินสวินพูดอย่างจริงจัง
ลั่วชิงสวินกล่าวเย้ายิ้ม “ใช่แล้ว ต่อไปลูกชายของเราชื่อเสียงเลื่องลือ ใครจะกล้าดูถูกเจ้าหลินเหวินจิ้ง”
หลินเหวินจิ้งยิ้มขื่น “ข้าแค่รู้สึกติดค้างสวินเอ๋อร์มากเกินไป ไม่ได้คิดสักนิดว่าจะให้คนอื่นมองข้าสูงส่งอย่างไร”
“ไร้สาระ!”
ลั่วชิงสวินจ้องเขาเขม็งแวบหนึ่ง “หากเจ้าคิดว่าติดค้างจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้แล้ว เอาความองอาจของบิดาออกมา ที่ควรดื่มก็ดื่ม ที่ควรกินก็กิน อย่ามาพูดเรื่องความรู้สึกอะไรอีก!”
หลินเหวินจิ้งร้องเอ้อคำหนึ่งแล้วอ่ยว่า “ไม่พูดแล้วก็ได้ๆ มา พวกเรามาดื่มกัน!”
เขายกจอกเหล้าขึ้นชนกับหลินสวิน แน่นอนว่าหลินสวินไม่ปฏิเสธ
ลั่วชิงสวินยิ้มพูด “นิสัยนี้ของพ่อเจ้า ไม่ด่าเขาก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว”
หลินเหวินจิ้งพยักหน้ากล่าวอย่างเบิกบาน “จะว่าไปก็แปลก ข้ากลับแพ้วิธีนี้ของแม่เจ้า”
หลินสวินเองก็อดยิ้มไม่ได้
เดิมทีเขากังวลจริงๆ ว่า ฐานะของท่านพ่อต้อยต่ำ ทำให้ถูกท่านแม่บีบบังคับและออกคำสั่ง แต่ตอนนี้ดูท่าว่าตนเป็นห่วงโดยใช่เหตุ
ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมาก
หลังจากงานฉลองสิ้นสุดลง ลั่วชิงสวินถามถึงสถานการณ์และเหตุการณ์ที่หลินสวินเผชิญในตอนนี้
หลินสวินคิดจะบ่ายเบี่ยง พูดเพียงสั้นๆ แต่เห็นชัดว่าลั่วชิงสวินไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้ ภายใต้การซักไซ้ไม่หยุด หลินสวินจึงต้องเล่าสถานการณ์ในตอนนี้ของตนคร่าวๆ
ลั่วชิงสวินฟังจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มปลอบว่า “อย่ากดดันเกินไป ข้ากับพ่อของเจ้าไม่ใช่คนที่ไม่เคยเห็นความเป็นตาย ต่อให้สุดท้ายเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น พวกเราทั้งครอบครัวเผชิญด้วยกันก็พอแล้ว”
ในคำพูดเต็มไปด้วยความสงบและเบิกบาน
“แม่เจ้าพูดถูก” หลินเหวินจิ้งพยักหน้าอยู่ข้างๆ
ในใจหลินสวินอุ่นวาบ เอ่ยว่า “พวกท่านวางใจ ข้าจะต้องพาพวกท่านไปจากแหล่งสถานศุภโชค และยังจะพาพวกท่านกลับจักรวรรดิจื่อเย่าด้วย!”
เขาเอ่ยด้วยเสียงมาดมั่น
ลั่วชิงสวินยิ้มฟังจนจบ จู่ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ลูกสะใภ้ข้าเป็นคนอย่างไร”
หลินสวินเพิ่งหมายจะอ้าปากก็พลันรู้ตัวว่ามารดากำลังหยั่งเชิงตน ตอนที่เขากำลังใคร่ครวญคร่าวๆ พิจารณาว่าจะเล่าเรื่องของจ้าวจิ่งเซวียนและหลินฝานหรือไม่
ลั่วชิงสวินก็เอ่ยปากมาแล้วว่า “เหอะ มีภรรยาแล้วจริงๆ ดังคาด ขืนเจ้ายังไม่พูดความจริงข้าจะโกรธแล้ว ไม่แน่ว่าจะปลดลูกสะใภ้คนนี้เสีย!”
คำพูดดุดันนัก
หลินสวินยิ้มขื่น เขามองบิดาแวบหนึ่ง อีกฝ่ายเผยสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น เก็บมือมองดูอยู่ข้างๆ
“พูดมาเร็วๆ” ลั่วชิงสวินเร่งเร้า
นางอยากรู้มากจริงๆ ว่าหลินสวินหาลูกสะใภ้มาอย่างไรให้ตน
หลินสวินยังจะทำอย่างไรได้ ทำได้เพียงเล่าเรื่องทั้งหมดของจ้าวจิ่งเซวียนและหลินฝานออกไป
“ที่แท้ก็เป็นลูกสาวของจักรพรรดิจักวรรดิจื่อเย่าจ้าวหยวนจี๋ ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ” หลินเหวินจิ้งยิ้มไม่หุบ “ฮ่าๆ ถ้าอย่างนั้นข้าก็เป็นปู่แล้วไม่ใช่หรือ”
ลั่วชิงสวินกลับขมวดคิ้วน้อยๆ คล้ายไม่พอใจมาก เอ่ยว่า “ทำไมมีแค่คนเดียว น้อยเกินไปแล้ว ข้าคาดหวังให้ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”
หลินสวิน “…”
นี่ไม่พอใจที่ตนไม่มีคนเคียงข้างซ้ายขวา มีเมียหลายคนหรือ
จู่ๆ หลินสวินก็รู้สึกว่าตนตามความคิดของมารดาไม่ทัน…
“ชิงสวิน ข้าก็รักเจ้าคนเดียวอย่างไรเล่า จุดนี้สวินเอ๋อร์เหมือนข้า!”
หลินเหวินจิ้งพูดอย่างภาคภูมิใจ
ลั่วชิงสวินแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ “ลูกชายจะเหมือนเจ้าได้อย่างไร”
พูดจบสายตาของนางก็มองไปยังหลินสวิน กล่าวอย่างแฝงความคาดหวัง “ลูกแม่ เจ้าพูดมาตามจริง ในหลายปีมานี้เจอผู้หญิงที่โดดเด่นมากมายใช่หรือไม่”
หลินสวินหนังหัวชาวาบ เอ่ยว่า “นี่ย่อมแน่นอน”
แววตาลั่วชิงสวินเร่าร้อน “เช่นนั้นมีคนที่เจ้าถูกใจหรือไม่ ว่ามา ข้าจะให้คำปรึกษาเจ้าเอง เจ้าเป็นลูกคนเดียวของตระกูลหลิน เพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูลจะต้องมีหลายเมียหน่อย…”
หลินเหวินจิ้งอึ้งงัน เหมือนคิดไม่ถึงว่าลั่วชิงสวินจะถึงกับพูดเช่นนี้
เขาอดพูดไม่ได้ “เหตุใด… เหตุใดต้องทำเช่นนี้ ตอนพวกเราแต่งงานกันไม่ได้เป็นเช่นนี้นะ”
สายตาของลั่วชิงสวินราวกับคมดาบ จ้องหลินเหวินจิ้งอย่างเย็นเยียบ “หนอยหลินเหวินจิ้ง เจ้าก็คิดอยากมีหลายเมีย มีพี่น้องให้หลินสวินเพิ่มหรือ”
หลินเหวินจิ้งเงียบไปทันที ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าแทรกอีก
หลินสวินเพิ่งเตรียมจะจากไป สายตาของลั่วชิงสวินก็มองมาแล้ว ใบหน้างดงามประดับยิ้มระรื่น กล่าวว่า “คืนนี้พวกเราแม่ลูกต้องคุยกันสักหน่อย”
หลินสวินสีหน้าแข็งทื่อ พยายามดิ้นรน เอ่ยว่า “ท่านแม่ ดึกขนาดนี้แล้วยังจะคุยอะไรอีก”
“คุยเรื่องแต่งงานในอนาคตของเจ้าอย่างไรเล่า!”
หลินสวิน “…”
เช้าวันถัดมา
หลินสวินออกจากทะเลสาบจันทร์หม่นแล้ว
เขาตัดสินใจไปเดินเล่นในเมืองสักหน่อย เมื่อคืนถูกลั่วชิงสวินสอบสวนนานเกินไป เกลี้ยกล่อมอยู่นาน ทำเอาเขาเกือบหวั่นไหวไปแล้ว
“หลินสวินนั่นออกมาแล้ว!”
“เร็ว ระวังตัว!”
หลินสวินเพิ่งเดินออกจากอาณาเขตของทะเลสาบจันทร์หม่น ผู้แข็งแกร่งมากมายที่จับจ้องอยู่ไกลๆ ก็สังเกตเห็นแล้ว แต่ละคนระมัดระวังขึ้นมา
เจ้าคนที่เพิ่งสร้างเรื่องนองเลือดท่วมฟ้าเมื่อวาน คิดจะทำอะไรอีก
หลินสวินเองก็สังเกตเห็นพวกเขาแต่กลับไม่ได้สนใจ ยังคงเดินหน้าต่อ
ยามออกจากทะเลสาบจันทร์หม่น เขาจัดแจงให้บิดามารดาไปอยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งแล้ว จึงไม่ได้กังวลอะไร
เวลาหนึ่งวันเต็ม
หลินสวินเดินเล่นอยู่ในเมือง ทุกที่ที่ไปจะต้องดึงดูดสายตามากมาย พร้อมกับความแตกตื่นฮือฮา
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครกล้ากระโดดออกมาลงมือกับเขาเลย
นี่ทำให้หลินสวินอดผิดหวังเล็กน้อยไม่ได้
เขาย่อมไม่ได้โง่จนคิดว่าศัตรูล้มเลิกการเล่นงานตนแล้ว
สามารถคาดการณ์ได้ว่า ตอนที่ศัตรูลงมืออีกครั้งจะต้องเตรียมตัวมาพร้อมสรรพ
ทว่าหลินสวินไม่ได้กังวลอะไร
อย่างน้อยในเมืองเทพศุภโชค เขาไม่กลัวการเข่นฆ่าใดๆ!
สิ่งที่ทำให้หลินสวินจนใจคือ ทุกครั้งที่เขาเข้าร้านค้าหนึ่ง จะต้องทำให้เจ้าของร้านตกใจ ราวกับมองเขาเป็นเทพแห่งโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น
แม้รู้ว่าหลินสวินมาเพื่อซื้อของก็ยังตื่นตระหนก กล้าๆ กลัวๆ
จนสุดท้ายหลินสวินก็หมดกะจิตกะใจจะเดินเล่น หยิบตำราและม้วนหยกที่ซื้อมากลับทะเลสาบจันทร์หม่น
ถึงตอนนี้สายตามากมายที่จับจ้องหลินสวินอยู่ตลอดเวลาต่างโล่งอกโดยไม่ได้นัดหมาย
เจ้าโจรเหี้ยมนี่ วันนี้ไม่ได้ลงมือเข่นฆ่า!
นี่เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่เช่นนั้นทั้งเมืองเทพศุภโชคคงปั่นป่วนโกลาหลแน่
ยามดึก
หลินสวินกำลังอ่านตำราที่ซื้อกลับมา ตำราเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเมืองเทพศุภโชค ในนั้นบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองเทพศุภโชคอย่างละเอียด
ในนั้นสิ่งที่บรรยายถึงมากที่สุดคือ ‘นภาดาราศุภโชค’!
ก่อนจะมาเยือนเมืองเทพศุภโชค ไท่เสวียนเคยบอกหลินสวินว่าในเมืองเทพศุภโชคมีนภาดาราลึกลับไม่อาจคาดเดาผืนหนึ่งมาตั้งแต่ในอดีต ถูกเรียกว่านภาดาราศุภโชค ดวงดาวทุกดวงที่แต่งแต้มในนภาดาราผืนนี้ ล้วนแปลงมาจากระบบการฝึกปราณที่สมบูรณ์แบบอย่างหนึ่ง มหัศจรรย์อย่างที่สุด
และจากบันทึกในตำราเหล่านี้ พื้นที่อย่างนภาดาราศุภโชค ลือกันว่าเป็นบุคคลไร้เทียมทานคนหนึ่งสร้างขึ้นเองกับมือ
เมื่อนานมาแล้วบุคคลไร้เทียมทานผู้นี้เคยก้าวเข้ามาสู่โลกยุคสมัยนับร้อย ทุกครั้งที่ไปถึงโลกยุคสมัยหนึ่ง ก็จะครอบครองระบบการฝึกปราณของโลกนั้นอย่างสมบูรณ์
จนกระทั่งภายหลังบุคคลไร้เทียมทานคนนี้นำระบบการฝึกปราณของยุคสมัยนับร้อยเหล่านี้มายังเมืองเทพศุภโชค จากนั้นก็สร้างสถานที่มหัศจรรย์อย่างนภาดาราศุภโชค
ส่วนบุคคลไร้เทียมทานคนนี้เป็นใครนั้น ในตำราเหล่านี้ไม่ได้บันทึกไว้ เห็นชัดว่าลึกลับอย่างที่สุด
เมื่อได้รู้เรื่องพวกนี้ในใจหลินสวินอดตะลึงไม่ได้
ไปเยือนยุคสมัยนับร้อย ครอบครองระบบฝึกปราณที่สมบูรณ์แบบนับร้อย!
เพียงแค่คำว่า ‘สมบูรณ์’ ก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า บุคคลไร้เทียมทานคนนี้จะต้องเป็นคนที่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์แล้วอย่างแน่นอน
ไม่เช่นนั้นระบบฝึกปราณที่เขาครอบครอง ย่อมไม่ถึงขั้น ‘สมบูรณ์’ อย่างแน่นอน
‘รวบรวมระบบการฝึกปราณนับร้อย สร้าง ‘นภาดาราศุภโชค’ ในเมืองเทพศุภโชคแห่งนี้ ให้ผู้ฝึกปราณรุ่นหลังได้ศึกษาและหยั่งรู้อย่างไม่ปิดซ่อน ไม่สงวนไว้ ความใจกว้างและองอาจเช่นนี้สามารถเรียกได้ว่าโดดเด่นเหนืออดีตปัจจุบัน!’
หลินสวินอยากรู้อย่างอดไม่ได้ว่า ‘บุคคลไร้เทียมทาน’ ผู้นี้เป็นใครกันแน่
สวบ!
จู่ๆ ลำแสงหนึ่งพุ่งมาจากฟ้ารัตติกาลไกลๆ เร็วจนเหลือเชื่อ
ประกายเย็นเยียบวาบไหวในดวงตาดำของหลินสวิน เขาดีดนิ้วเบาๆ
ปัง!
ลำแสงนั้นระเบิดตัว จากนั้นเสียงที่แหบพร่าเย็นยะเยือกก็ดึงขึ้น “ยอดเขาราตรีสงัดตะวันตกของเมือง ข้ารอเจ้าเพียงครึ่งเค่อ”
หลินสวินเลิกคิ้ว หยิบม้วนหยกที่ซื้อวันนี้ขึ้นมาม้วนหนึ่ง ในม้วนหยกนี้เป็นภาพภูมิประเทศที่สมบูรณ์ของเมืองเทพศุภโชค
‘ยอดเขาราตรีสงัดทิศตะวันตกของเมือง… ที่นี่ห่างจากบริเวณที่นภาดาราศุภโชคตั้งอยู่ไม่ไกล…’
หลินสวินเก็บม้วนหยก สายตาวูบไหว
คนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดจึงอยากเจอตนกลางและใช้วิธีเช่นนี้
‘ข้าอยากดูนักว่าการเจอกันครั้งนี้จะซ่อนความลับอะไรไว้’
หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจลุกขึ้น เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหายไปในท้องฟ้ารัตติกาล
——