Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2820 ละอายต่อตัวเอง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2820 ละอายต่อตัวเอง
นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ขอบคุณมาก”
ประโยคเดียวแค่สองคำ ทำให้สิ่งค้ำจุนสุดท้ายในใจหลินสวินราวกับพังทลาย ในสมองสับสนไปหมด
เมื่อก่อนซย่าจื้อเคยพูดจาห่างเหินและเกรงใจกับตนหรือ
ไม่เคย!
เขาอึ้งงันเหม่อลอย ในใจขมขื่นและหดหู่
หากย้อนกลับไปได้ ยังตัดสินใจเช่นนี้หรือไม่
หลินสวินถามตัวเอง สุดท้ายก็ได้คำตอบ
ใช่!
“สหายยุทธ์ยังมีความทรงจำของแม่นางซย่าจื้ออยู่หรือไม่”
เวลานี้เฉินหลินคงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้
ทั่วร่างนางมีเงาแสงมืดมิดไหลวน เงาร่างสูงโปร่งดูลึกลับและน่าเกรงขาม นางกล่าวง่ายๆ “จำได้แล้วอย่างไร ความทรงจำเล็กน้อยลบหายไปได้ตลอดเวลา”
เฉินหลินคงเบิกตากว้างอย่างอดไม่ได้
สือซานก็ร้อนรนแล้ว กล่าวว่า “นายหญิง คุณชายหลินสวินคนนี้…”
ไม่รอให้พูดจบก็ถูกหลินสวินตัดบท “ไม่ต้องพูดแล้ว”
ตอนนี้หลินสวินสีหน้าแข็งทื่อ กล่าวเหมือนไม่มีความรู้สึก “นายหญิงของเจ้าคือนายหญิงของเจ้า ซย่าจื้อ… คือซย่าจื้อ”
เฉินหลินคงถอนใจยาวอย่างอดไม่ได้ เขาก็คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้
“ข้าจะออกไปสูดอากาศ พวกเจ้าคุยกันเถอะ”
หลินสวินพูดจบแล้วก้าวออกไปจากโถงใหญ่
บนยอดเขาราตรีสงัด รัตติกาลมืดมิด ห่างออกไปจากยอดเขาคือแสงโคมทอดยาวดั่งมังกร
หลินสวินนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่งเพียงลำพัง อึ้งงันเหม่อลอย
ในการคาดการณ์ของเขาก็มีผลลัพธ์นี้ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้จริง
ตอนนี้เห็นชัดว่าซย่าจื้อฟื้นคืนความทรงจำในอดีตแล้ว ทั้งมีปัญญาและสภาวะจิตเหมือนเมื่อก่อน นางไม่ใช่ซย่าจื้อที่เขารู้จักแล้ว
หลินสวินพลันรู้สึกไร้พลังอย่างบอกไม่ถูก ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ต่อให้ประสบความสำเร็จสูงส่งแค่ไหน กิตติศัพท์ล้นฟ้าแล้วอย่างไร
สุดท้ายก็ยังไม่อาจ… สมปรารถนาดังใจ!!
หลินสวินไม่รู้ว่าภายหน้าหากไม่มีซย่าจื้อแล้ว ตนจะเปลี่ยนไปเช่นไร
เขาไม่รู้อะไรเลย
ความผิดหวังและสับสนที่ไม่เคยมีมาก่อนสะท้อนอยู่ในใจเขาเหมือนหมอกควันที่ไม่อาจลบเลือน ไม่มีแม้แต่แรงจะโกรธ นึกเสียใจ หรือเดือดดาล
ผู้ซึมเซาจิตเลื่อนลอย การแยกจากคือสาเหตุ!
“นึกเสียใจหรือ”
เสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น
หลินสวินตัวแข็งทื่อ เมื่อหันกลับไปมองก็เห็นเงาร่างของนางมาถึงข้างกายแล้ว ท่ามกลางรัตติกาลนางดูลึกลับ สูงส่ง น่าเกรงขาม
ทั้งดู… แปลกหน้าถึงเพียงนั้น!
หลินสวินเงียบไปครู่ใหญ่แล้วส่ายหัว “นี่คือการตัดสินใจของข้า”
“เจ้าไม่เคยคิดจะทำให้นางลืมอดีตไปทั้งชาติหรือ ถ้าเป็นเช่นนี้เชื่อว่านางคงไม่มีทางปฏิเสธแน่”
นางนั่งอยู่ข้างๆ สองมือสอดประสาน นัยน์ตางามดุจดวงดาวบนฟากฟ้า
“เคยคิด”
หลินสวินเอ่ยเสียงเบา “แต่ข้าหวังให้นางมีชีวิตอยู่โดยเข้าใจกระจ่าง ไม่ใช่แค่อยู่ข้างกายข้าโดยไม่สนใจเรื่องอื่น หรือกล่าวได้ว่าข้าแค่อยากให้นางอยู่ข้างกายข้า ทั้งมีชีวิตอยู่เพื่อตัวนางเองด้วย”
กล่าวถึงตอนท้ายเขาพลันยิ้มขื่น “บางทีการทำเช่นนี้อาจโง่เขลา แต่ใจของข้าบอกข้าว่าหากไม่ทำเช่นนี้คงเสียใจไปทั้งชีวิต จิตใจยากสงบแน่”
“เสียใจไปทั้งชีวิต จิตใจยากสงบ...”
นางพยักหน้าพลางกล่าว “ข้ารู้ความทรงจำของนางทั้งหมด ตั้งแต่พวกเจ้าพบกันที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น จนถึงตอนที่เจอข้า ทุกภาพฉากล้วนแจ่มชัด ข้ารู้ว่าในใจนางมีเจ้าแค่คนเดียว แต่เห็นชัดว่าเจ้ากลับไม่เคยเผชิญหน้ากับความรู้สึกนี้อย่างแท้จริง”
หลินสวินอึ้งไป “หมายความว่าอย่างไร”
นางหยัดร่างขึ้น ทอดสายตามองไปไกล น้ำเสียงเรียบเฉย “หากเจ้าชอบนาง ทำไมไม่เคยเอ่ยปากบอกนางเล่า เจ้าไม่คิดว่า… นางรู้สึกต่ำต้อยยามอยู่ข้างกายเจ้าหรือ”
หลินสวินอึ้งงัน “เป็นเช่นนั้นหรือ”
“นางเคยสนใจหรือว่าเจ้าเป็นใคร”
“เคยสนใจไหมว่าเจ้ามีบุตรภรรยามานานแล้ว”
“ทั้งเคยปฏิเสธเจ้าสักครั้งไหม”
เสียงของนางเยียบเย็น ทุกคำถามล้วนทำให้จิตใจหลินสวินถูกโจมตีเป็นระลอก
ถึงตอนท้ายสายตานางมองมาทางหลินสวิน “เจ้าล่ะ เคยทำอะไรเพื่อนางบ้าง หากเจ้าคิดว่าการนำนางมาไว้ข้างกาย ไม่ให้คนอื่นรังแกนางก็เพียงพอแล้ว เช่นนั้นจากมุมมองของข้า นางก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ข้างกายเจ้าอีก”
คำพูดนี้เหมือนค้อนหนักฟาดใส่ใจหลินสวินเต็มแรง
เขาหน้าตาเลื่อนลอย เนิ่นนานจึงกล่าวขมขื่น “บางทีข้าอาจผิดจริงๆ ข้ามองนางเหมือนดั่งชีวิต เชื่อมาตลอดว่านอกเสียจากว่าข้าจะตาย มิฉะนั้นไม่ว่าใครก็ไม่อาจพรากนางไปจากข้า”
“แต่ตอนนี้คิดดูแล้ว เหมือนว่าติดค้างนางมากเกินไปจริงๆ…”
เขาพูดถึงตอนท้ายแล้วไอรุนแรงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
มุมปากมีเลือดหลั่งริน
นี่เป็นเพราะสภาวะจิตถูกโจมตีเกินไป ถึงขั้นทำร้ายตัวเองแล้ว
นี่ยังเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ที่หลินสวินกระอักเลือดเพราะสภาวะจิตเปลี่ยนแปลงไปมา
ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี
ภายหน้าก็ไม่มีทางเป็น
ด้วยบนโลกนี้คนที่ทำให้สภาวะจิตของเขาเกิดปัญหาได้ มีแค่ซย่าจื้อคนเดียวเท่านั้น
“หากนางยังอยู่ เจ้าจะแต่งกับนางไหม”
“แต่ง”
หลินสวินกล่าวตามจิตใต้สำนึก จากนั้นก็ชะงักไป กล่าวด้วยสีหน้าเงียบเหงา “แต่ทั้งหมดล้วนสายไปแล้ว เดิมข้าคิดว่าชั่วชีวิตนี้ของข้ากระทำการใดย่อมไม่ละอายต่อตัวเอง แต่ตอนนี้…”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วโศกเศร้ายิ่งนัก ขอบตาล้วนแดงก่ำ
ไม่ละอายต่อตัวเอง
น่าขันเกินไปแล้ว!
เรื่องราวบนโลกนี้ ใครกล้าพูดว่าชีวิตนี้ไม่เคยละอายต่อตัวเองบ้าง
ยิ่งคิดในใจหลินสวินก็ยิ่งเศร้าสร้อย
ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่
เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น “หลินสวิน ข้าหิวแล้ว”
“ได้ ข้าจะทำของอร่อยให้เจ้า” หลินสวินลุกขึ้นตามจิตใต้สำนึก นี่คือความเคยชินโดยสัญชาตญาณที่บ่มเพาะมาหลายปี
เมื่อไหร่ก็ตามที่ซย่าจื้อกล่าวประโยคนี้ออกมา เขาจะนำของดีที่รวบรวมได้ออกมาทำของอร่อยให้นางอย่างเป็นธรรมชาติ
เมื่อก่อนเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ก็เช่นกัน
แต่ครั้งนี้หลังจากลุกขึ้น หลินสวินกลับอึ้งงัน
ราวกับถูกฟ้าผ่า!
นัยน์ตาเขามองเงาร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขม็ง นางยังสวมชุดแบบโบราณ สวมเกี้ยวประดับ มือถือไม้เท้าเหมือนเดิม
เพียงแต่…
“หลินสวิน ทำไมเจ้าถึงมองข้าเช่นนี้”
นางขมวดคิ้ว ในดวงตางามใสสะอาดเต็มไปด้วยความสงสัย
ก็เหมือนหลายปีก่อนหน้านี้ ความรู้สึกของนางไม่เคยเก็บซ่อนไว้ในใจ
“เจ้า…”
หลินสวินเพียงรู้สึกว่ามีอะไรหมักบ่มในใจจนแทบระเบิด หัวสมองเบลออยู่บ้าง ทำไมเป็นเช่นนี้ หรือว่า…
“มีคนรังแกเจ้าหรือ”
นางเอ่ยถามอีกครั้ง มองหลินสวินตั้งแต่หัวจรดเท้า ในแววตาเจือความกังวล
“ข้า…”
หลินสวินกล่าวเสียงสั่น ตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว “ซย่าจื้อ เป็น… เป็นเจ้าจริงหรือ…”
คิ้วดั่งจันทร์เสี้ยวนั้นของนางขมวดขึ้นพลางกล่าว “หลินสวิน เจ้าโง่หรือเปล่า แน่นอนว่าข้าคือข้า”
หลินสวินอึ้งงัน สูดหายใจลึกหลายเฮือกแล้วยิ้มยิงฟันทันที
เพียงแต่ยิ้มไปยิ้มมา เบ้าตากลับเอ่อรื้น
เขาควบคุมตัวเองไม่ได้อีก เดินเข้าไปกอดร่างสูงเพรียวนั้นจนแน่น เหมือนกลัวว่าจะเสียนางไปอีก สุดท้ายหยาดน้ำตาตรงขอบตาหลั่งรินลงมาอย่างไม่เอาไหน
“ซย่าจื้อ เป็นเจ้าจริงๆ”
เขากล่าวพึมพำ ความยินดีถาโถมจิตใจราวกับภูเขาไฟปะทุ ความรู้สึกว่าสูญเสียแล้วได้กลับคืนมาฝังกลบตัวเขาเหมือนกระแสน้ำขึ้นลง
ฝึกปราณมาทั้งชีวิตจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีวันไหนหรือเวลาใดที่เขายินดี ตื่นเต้น ดีใจเหมือนตอนนี้
เขากอดนางแน่นเหมือนกอดชีวิตตัวเอง
ตอนนั้นเป็นยามราตรีพอดี
………………