Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2833 ยินดีกับผู้ดูแลหลิน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2833 ยินดีกับผู้ดูแลหลิน
ตูม!
ในลานมรรค จงหลีเจ๋อคว้าโอกาส สำแดงอภินิหารพรสวรรค์ออกมา
“เพลิงมารไร้จำกัด!”
บนทวนศึกสีดำ แนวเพลิงสีขาวสายหนึ่งแผ่ลามออกมาโดยพลัน ตอนที่ไปถึงปลายทวนก็ระเบิดออกกะทันหัน กลายเป็นเพลิงดาราไพศาล
ในที่นั้นมีเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง
การโจมตีนี้พร่างพราวหลากสี และอันตรายถึงขีดสุด
ขั้นดับเทพยังอดขนลุกไม่ได้
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งโคจรขวางอยู่เบื้องหน้าหลินสวิน ก็เห็นเพลิงดารานับไม่ถ้วนพุ่งมา ล้วนถูกเตากระบี่ทำลายล้างทั้งหมด
ชิ้ง!
แม้ทวนศึกสีดำพุ่งแทงมา ก็ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งขวางไว้ ไม่อาจสั่นคอลนได้สักนิด
จงหลีเจ๋อนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ไม่ได้เสียเวลา สำแดงวิชาก้นหีบออกมาอีกครั้ง
“เพลิงแสงไร้สิ้นสุด!”
ก็เห็นบนร่างเขาส่องแสงเจิดจ้าราวกับสุริยันดวงโตที่ลุกโชน ทวนศึกสีดำในมือล้วนอาบแสงไร้สิ้นสุด ห้วงอากาศรอบๆ บิดเบี้ยวทรุดทลายราวกับถูกเผาผลาญอย่างไรอย่างนั้น
ยามการโจมตีนี้พุ่งออกไป ทั้งลานมรรคสำแดงสวรรค์สว่างไสวประหนึ่งถูกแสงสว่างกลบท่วม
ตูม!
ทว่าพร้อมๆ กับที่เสียงกึกก้อง เพลิงแสงที่ไร้จำกัดนั่นราวกับถูกฉีกออก ถูกเตากระบี่บดขยี้รุนแรงจนแตกซ่าน
และในเตากระบี่ยังมีกระบี่มรรคเล่มหนึ่งฟันออกมา
ชิ้ง!!
จงหลีเจ๋อใช้ทวนศึกสีดำในมือขวางไว้ กลับถูกกระบี่มรรคฟันใส่จนสองแขนเจ็บปวด ทั้งร่างประหนึ่งถูกพลิกเลิก กระเด็นกลับไปอย่างรุนแรง
“นี่…”
ผู้คนนอกลานมรรคล้วนตกใจ
ต่อสู้มาถึงตอนนี้ ทั้งสองประมือกันนับพันรอบแล้ว แต่จงหลีเจ๋อที่มีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์กลับไม่ได้เปรียบสักนิด
การจู่โจมของเขายิ่งพ่ายแพ้ต่อเนื่อง!
ไกลออกไปคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นสายตาวูบไหว หว่างคิ้วมีความอึมครึมปรากฏขึ้นมาเช่นกัน
ความสามารถของจงหลีเจ๋อไม่ได้ทำให้พวกเขาผิดหวัง พลังที่ใช้ในระดับขั้นนี้ก็นับว่าโดดเด่นแล้ว เพียงแต่เมื่อเทียบกับหลินสวินกลับดูด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย
อันที่จริงในสายตาของพวกฝูเหวินหลี หลินสวินที่เพิ่งทะลวงขั้นดับเทพดูเจิดจ้าเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย พลังต่อสู้ที่ครอบครองเรียกได้ว่าเย้ยฟ้า ทำให้พวกเขายังยากจะอยู่บ้าง
ถึงขั้นที่แม้จงหลีเจ๋อจะสู้เต็มกำลัง แต่ก็ไม่สามารถกลบความโดดเด่นของหลินสวินได้ แน่นอนว่ายิ่งไม่มีพลังไปกำราบเขา
ในลานมรรคสถานการณ์การต่อสู้ยิ่งดุเดือด
“พันเพลิงหลั่งไหล!”
“เพลิงจิตผลาญหมื่น!”
“เพลิงสิ้นอวสาน!”
…ก็เห็นอานุภาพของจงหลีเจ๋อน่ากลัว ใช้วิชาก้นหีบมากมาย สำแดงมรรควิถีทั้งหมดออกมา ทำให้ผู้ชมการต่อสู้นอกลานมรรคอกสั่นขวัญหาย
ใครๆ ล้วนดูออกว่าจงหลีเจ๋อในตอนนี้ราวกับสู้สุดชีวิต ไม่ออมมืออีกต่อไป!
ทว่าสิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงคือ วิชาก้นหีบเหล่านี้ของจงหลีเจ๋อถึงกับถูกหลินสวินต้านทานและสลายไปทั้งหมด ไม่สามารถทำร้ายเขาได้สักนิด
ถึงตอนนี้แม้แต่สีหน้าของจงหลีเจ๋อยังเคร่งเครียด เต็มไปด้วยความเดือดดาล
ห่างกันช่วงใหญ่ขนาดนี้ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ หากพ่ายแพ้เรื่องขายหน้าคือเรื่องเล็ก แต่การเสียตำแหน่งผู้ดูแลไปคือสิ่งที่จงหลีเจ๋อไม่สามารถรับได้!
“เจ้าไม่ไหว”
ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ “จากพลังของเจ้าก็เป็นได้แค่หินลับมีดบนเส้นทางขั้นดับเทพของข้าเท่านั้น”
ฮูม!
กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปโดยพลัน ควบคุมเตากระบี่พุ่งไปข้างหน้า
ตูม!
ยามเตากระบี่พุ่งโจมตี จงหลีเจ๋อถูกซัดจนกระอักเลือดโดยตรง เงาร่างส่ายไปมา
เขาต้านทานเต็มกำลังแล้ว แต่ในการปะทะซึ่งหน้าเช่นนี้กลับได้รับบาดเจ็บ!
สิ่งที่ทำให้จงหลีเจ๋อไม่สามารถรับได้ยิ่งกว่าคือ หลินสวินถึงกับมองขั้นดับเทพสัมบูรณ์อย่างเขาเป็น ‘หินลับมีด!’
“ไป!”
ประกายเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาจงหลีเจ๋อ พลันอ้าปากเอ่ยออกมาคำหนึ่ง
ฟุ่บ!
ดาบบินฟ้าครามที่ขนาดเล็กไม่ถึงสามชุ่นพุ่งออกมา และมาอยู่เหนือศีรษะของหลินสวินด้วยความเร็วราวกับภูตผี ฟันลงโดยพลัน
ความเร็วรวดเร็วมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ในที่นั้นยังตอบสนองไม่ทัน!
แต่การตอบสนองของหลินสวินกลับเร็วยิ่ง กระบี่มรรคเล่มหนึ่งทะยานออกมา ครู่เดียวก็สกัดดาบบินฟ้าครามนั่นไว้ได้แล้ว!
ดาบบินฟ้าครามสั่นไหวรุนแรง กระเด็นลอยออกไป
ส่วนจงหลีเจ๋อกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง นั่นเป็นดาบบินบริสุทธิ์ที่เขาหล่อเลี้ยงไว้ในร่าง และเป็นไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา แต่ตอนนี้กลับถูกสกัดไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้
นอกลานมรรค สีหน้าของคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลีต่างมืดทะมึน
มีหรือจะดูไม่ออก ว่าจงหลีเจ๋ออยากจะพลิกสถานการณ์ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
และคนจำนวนมากกว่าก็ตะลึงกับพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมา
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ไม่เหมือนคนที่เพิ่งทะลวงขั้นดับเทพสักนิด ไม่เช่นนั้นจงหลีเจ๋อที่อยู่ในขั้นดับเทพสัมบูรณ์จะบาดเจ็บต่อเนื่องได้อย่างไร
“ฆ่า!”
จงหลีเจ๋อตะโกน เผ้าผมของเขายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำ ราวกับกำลังสู้สุดชีวิต
วันนี้หากถูกหลินสวินโจมตีพ่ายแพ้ ผลลัพธ์ที่รอคอยเขาอยู่มีเพียงหนึ่งเดียว คือเสียตำแหน่งผู้ดูแล ขายหน้า และไม่สามารถเงยหน้าในสำนักได้อีก!
และควรรู้ว่าตอนแรกที่รู้ว่าหลินสวินท้าสู้ เขาตื่นเต้นมาก คิดจะฉวยโอกาสนี้เล่นงานหลินสวินอย่างหนักสักหน่อย…
ตูม!
ในลานมรรคอานุภาพของจงหลีเจ๋อน่ากลัวกว่าเดิม ทวนกวาดไปตามแนวขวาง ทุกที่ที่ผ่านฟ้าดินสั่นไหว ห้วงอากาศปั่นป่วน น่ากลัวอย่างที่สุด
เพียงแต่หลินสวินรู้ตื้นลึกหนาบางของเขาแล้ว ไม่คิดสู้เต็มที่อีก
เงาร่างของเขาหยัดตรง เตากระบี่พุ่งออกไป บดขยี้ห้วงอากาศกระแทกลงอย่าหนักหน่วง
ตูม!
ในเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดิน ทวนหลุดออกจากมือจงหลีเจ๋อ ทั้งร่างเขากระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรง ร่างกายแตกหัก เกือบถูกกระแทกบี้แบน
แต่นี่ยังไม่จบ ขณะที่จงหลีเจ๋อถูกกดกำราบ หลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาถึงแล้ว ยื่นมือไปคว้าร่างกายที่แตกหักของเขาขึ้นมา
“ไม่อาจฆ่าคน!”
ไกลออกไปเสียงตะโกนของฝูเหวินหลีดังขึ้น
มองดูคนใหญ่คนโตอย่างพวกฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน แต่ละคนต่างเผยสีหน้าเดือดดาลออกมา
จงหลีเจ๋อพ่ายแพ้เร็วเกินไปและน่าอนาถเกินไป ร่างกายเกือบถูกซัดระเบิด ทำให้พวกเขาไม่อาจรับจุดจบเช่นนี้ได้เช่นกัน
ในลานมรรคสำแดงสวรรค์ หลินสวินโยนจงหลีเจ๋อออกไปลวกๆ แล้วเอ่ยเรียบๆ “ข้าย่อมรู้ว่าในลานมรรคสำแดงสวรรค์ห้ามฆ่าคน”
ปึง!
จงหลีเจ๋อกลิ้งลงพื้น หมดสติไป
นอกลานมรรคสำแดงสวรรค์เดือดพล่านอย่างสิ้นเชิงแล้ว
“รองผู้ดูแลหลินสุดยอด!”
“หลังจากวันนี้ควรเรียกว่าผู้ดูแลหลินแล้ว!”
“สุดยอด!”
“ขั้นดับเทพขั้นต้น ข้ามขั้นกลาง ขั้นปลาย ขั้นสัมบูรณ์สามขั้น กำราบคู่ต่อสู้ในคราวเดียว พลังต่อสู้เย้ยฟ้าปานนี้หาได้ยากจริงๆ สามารถสร้างความตกตะลึงไปทั้งอดีตปัจจุบัน!”
เสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นเป็นระลอก สายตาของคนมากมายในสามหอเก้ายอดเขาของลัทธิแรกกำเนิดที่มองไปยังหลินสวินต่างเป็นประกาย แฝงความคลั่งไคล้
การต่อสู้ครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มหลายคนก็กังวลว่าหลินสวินจะพ่ายแพ้แล้ว
แต่ตอนนี้ผู้คนถึงเพิ่งตระหนักได้ ว่าคนที่เย้ยฟ้าอย่างหลินสวินย่อมมั่นใจในชัยชนะอยู่ก่อนแล้ว ถึงได้กล้าท้าสู้เช่นนี้
“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ”
คนใหญ่คนโตอย่างพวกฟางเต้าผิง เสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงยิ้มออกมา โดยเฉพาะยามเห็นสีหน้าย่ำแย่ของพวกฝูเหวินหลี ในใจยิ่งมีความสุข
ช่วงไม่กี่ปีมานี้ การเห็นพวกฝูเหวินหลีถูกบีบและเสียเปรียบกลายเป็นความเคยชินของพวกเสวียนเฟยหลิงแล้ว และความเคยชินนี้ก็หล่อเลี้ยงขึ้นมาหลังจากหลินสวินเข้าสำนัก ผ่านการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่า…
สะใจยิ่งนัก!
“หลินสวิน ยินดีกับเจ้าด้วย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าก็คือผู้ดูแลคนหนึ่งของหอแรกนภาแล้ว!”
ไกลออกไปฟางเต้าผิงยิ้มเอ่ยเสียงดัง
“ยินดีกับผู้ดูแลหลิน”
มีคนประสานหมัดพูด
จากนั้นผู้สืบทอดมากมายในที่นั้นต่างประสานหมัด เอ่ยพร้อมเพรียงกัน
“ยินดีกับผู้ดูแลหลิน!
เสียงกึกก้องท้องฟ้า
สีหน้าของทุกคนต่างแฝงความเลื่อมใส คลั่งไคล้ และตื่นเต้น
สำหรับพวกเขา หลินสวินก็เหมือนกับตำนาน ตั้งแต่เข้าสำนักจนตอนนี้ เรื่องที่เกี่ยวกับเขาได้ฝังลึกในใจผู้คนนานแล้ว!
และตอนนี้พวกศัตรูที่มองหลินสวินเป็นศัตรูต่างสีหน้าย่ำแย่มาก ในใจยากจะรับเหมือนกินแมลงวันเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น!
ผู้ดูแล!
นี่เป็นถึงตำแหน่งที่สามารถเทียบผู้นำเก้ายอดเขาได้!
ใครจะคิดว่าหลินสวินที่เพิ่งเข้าสำนักได้ประมาณสิบปีจะปีนมาถึงตำแหน่งนี้แล้ว
“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเขาต่ำไปเอง”
หยวนฉางเทียนปรบมือชื่นชม
“นายน้อย นี่เป็นการเพิ่มเกียรติให้คนอื่นและทำลายความองอาจของตนไปหน่อยหรือไม่”
หยวนซีหลิวพูดเสียงเบา
หยวนฉางเทียนยิ้มกล่าวว่า “ท่านอาซีหลิว ความริษยาเป็นอาวุธร้ายของผู้ไร้ความสามารถ การชื่นชมจึงจะเป็นการให้ความสำคัญศัตรูที่สุด”
หยวนซีหลิวเอ่ยอย่างชื่นชม “การปฏิบัติตัวของนายน้อยยิ่งยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นแล้ว”
และตอนนี้สายตาของหลินสวินมองไปรอบๆ เห็นความตื่นเต้น ความเลื่อมใสบนใบหน้าของคนส่วนใหญ่ในที่นั้น ในใจเองก็ปลื้มปริ่มขึ้นมาระลอกหนึ่ง
เป็นที่ปรารถนาและเคารพนับถือของผู้คน
เขาในตอนนี้ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ของลัทธิแรกกำเนิดแล้ว นี่ย่อมเป็นเรื่องดียิ่ง
“ยังจะนิ่งอยู่ทำไม รีบไปพาจงหลีเจ๋อออกมา!”
เห็นหลินสวินได้รับการสนับสนุน ฝูเหวินหลียิ่งไม่ชอบใจ ตะโกนเสียงขรึม
ในที่นั้นเงียบกริบ ผู้คนเพิ่งจะตระหนักว่าตอนนี้จงหลีเจ๋อที่ถูกหลินสวินโจมตีพ่ายแพ้ยังอยู่ในลานมรรคสำแดงสวรรค์ หมดสติไม่รู้สึกตัว
พลันมีคนเข้ามาอย่างเร่งรีบ แต่เพิ่งคิดจะพยุง จงหลีเจ๋อที่หมดสติอยู่ก็ลืมตาขึ้นกะทันหัน ตะโกนก้อง
“หลินสวิน เจ้าถึงกับทำลายมรรควิถีของข้า ข้ากับเจ้าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว!”
เสียงเผยความเดือดดาลและชิงชังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
จากนั้นเขาพลันกระอักเลือดคำโตออกมา เงาร่างส่ายโอนก่อนจะหมดสติไปอีกครั้ง
มองเห็นด้วยตาเปล่าว่ารูปลักษณ์ของเขากลับไปเป็นเด็กหนุ่ม และกลิ่นอายรอบตัวก็โรยราลงถึงจุดต่ำสุด!
เห็นเช่นนี้ทั่วลานต่างเงียบกริบ
ทุกคนล้วนตกใจกับภาพนี้ ยากจะเชื่อ
แม้แต่พวกฟางเต้าผิง เสวียนเฟยหลิงเองยังนัยน์ตาหดรัด รู้สึกรับมือไม่ทันอยู่บ้าง
ใครจะคิดว่าหลินสวินถึงกับทำลายมรรควิถีของจงหลีเจ๋อ!?
นี่ทำให้ทุกคนตกใจ
ส่วนพวกฝูเหวินหลีก็โกรธจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว ไอสังหารเต็มดวงตา ชี้หลินสวินจากไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “เจ้าปีศาจ! ในการทดสอบสำนัก เจ้าถึงกับกล้าลงมือทำร้ายคนร่วมสำนักอย่างเหี้ยมโหด ให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด!”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ยกมือขึ้นแล้ว ตบไปทางหลินสวินอย่างรุนแรงผ่านห้วงอากาศ
ตูม!
พลังกฎเกณฑ์ที่รุนแรงพร่าตาตัดสลับ กลายเป็นมือใหญ่น่ากลัวข้างหนึ่ง แต่เพิ่งจะถึงกลางทางก็ถูกเสวียนเฟยหลิงขวางไว้อย่างฉับไว
“ด้วยฐานะรองหัวหน้าหอ พี่ฝูจะกดข่มผู้สืบทอดของสำนักตามอำเภอใจได้อย่างไร”
เสวียนเฟยหลิงพูดอย่างเยียบเย็น
“พวกเจ้าก็เห็นกับตาแล้วว่าเจ้าหมอนี่ต่ำช้าเพียงใด โจมตีจงหลีเจ๋อจนพ่ายแพ้ไม่ว่า ยังทำลายมรรควิถีของเขา นี่เป็นโทษร้ายแรงนัก!”
ฝูเหวินหลีโกรธจนหน้าเขียว
คนใหญ่คนโตอย่างพวกฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวที่มองหลินสวินเป็นศัตรู ตอนนี้ก็ราวกับถูกกระตุ้นความโกรธ แต่ละคนสีหน้าไม่เป็นมิตร
บรรยากาศรอบๆ ลานมรรคสำแดงสวรรค์เปลี่ยนเป็นกดดันและเคร่งขรึมขึ้นมา
——