Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2849 เบื้องหน้าหมาป่าเบื้องหลังพยัคฆ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2849 เบื้องหน้าหมาป่าเบื้องหลังพยัคฆ์
มีการซุ่มโจมตี!
ประโยคสั้นๆ เพียงไม่กี่คำดังก้องฟ้าดิน
แต่เพียงชั่วพริบตาเสียงก็หยุดไป มีเพียงเสียงสะท้อนก้องอยู่กลางภูผาธารา
พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนนัยน์ตาหดรัด หน้าเปลี่ยนสีน้อยๆ
“ฆ่า!”
ไม่รอให้หวังเจวี๋ยฮ่วนเอ่ยสั่ง ผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจงหลีเหล่านั้นลงมืออย่างเดือดดาลแล้ว เรียกสมบัติ สำแดงวิชามรรค พุ่งกรูไปยังส่วนลึกของโกรกธารแห่งนั้น
ทันใดนั้นพื้นที่ใกล้เคียงโกรกธารนั้นล้วนพังถล่มแตกกระจุย ถูกซัดกลายเป็นหลุมยักษ์ขนาดหมื่นจั้งเต็ม ฝุ่นควันคลุ้งโขมง
ฟ้าดินล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง
แต่ส่วนลึกของหลุมยักษ์นั่นกลับไม่มีร่องรอยของศัตรูสักนิด
ก็เป็นเวลานี้ ในห้วงอากาศบริเวณไกลโพ้นปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้นกลางนภา เป็นหลีเจินนั่นเอง
มือข้างหนึ่งของเขาหิ้วศีรษะโชกเลือดหัวหนึ่ง มืออีกข้างกุมดาบศึกสีดำ เงาร่างกำยำดุจภูเขา อยู่ใต้แสงนภาดุจดั่งเทพสงครามองค์หนึ่ง
เมื่อมองเห็นศีรษะหัวนั้น เหล่าผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจงหลีล้วนเดือดดาลแทบคลั่ง เพราะผู้ที่ถูกฆ่าเป็นคนในตระกูลพวกเขา ผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพสัมบูรณ์ที่เข้าสู่ส่วนลึกของโกรกธารก่อนหน้านี้คนนั้น
“ดูท่าสิบยักษ์ใหญ่อมตะล้วนจะเป็นศัตรูกับลัทธิแรกกำเนิดของข้ากันหมด ก็ดี รอภายหน้าค่อยไปคิดบัญชีกับขุมอำนาจทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้าให้หมด!”
หลีเจินเอ่ยปากเย็นเยียบ กล่าวจบเขาก็หมุนตัวออกไป
“ตาม!”
ผู้เข้าร่วมศึกตระกูลจงหลีเหล่านั้นเคลื่อนไหวกลางห้วงอากาศ พุ่งกระโจนไปข้างหน้าทันที
“ตาม!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนสูดหายใจลึกคราหนึ่งและออกคำสั่งเช่นกัน
พวกพ้องข้างกายคนหนึ่งถูกคนฆ่าตายใต้จมูกเขา นี่ทำให้ในใจเขามีไอสังหารทะลักขึ้นมาเช่นกัน
กระนั้นก็เป็นเวลานี้…
กลางอากาศเหนือศีรษะพวกเขาปรากฏรอยแยกมิติสายหนึ่งขึ้นมาทันควัน ราวกับเวิ้งฟ้ากำลังฉีกแหวกกะทันหันในก็ไม่ปาน
ในรอยแยกนี้ปรากฏประตูมิติที่มีอาณาเขตหมื่นจั้งเต็มบานหนึ่ง พลังกาลเวลาอันน่าสะพรึงตัดสลับ ลึกล้ำคลุมเครือดุจดั่งประตูใหญ่ที่เชื่อมสู่นรกเปิดออกในเวลานี้
ภูผาธาราหมื่นจั้งล้วนถูกปิดครอบอยู่ในนั้น!
พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง
แม้จะไม่รู้ว่านี่เป็นอภินิหารระดับใด แต่ต้องเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินอย่างไม่ต้องสงสัย
“รีบใช้สมบัติลับหนีออกจากพื้นที่แถบนี้เร็วเข้า!”
เวลานี้หวังเจวี๋ยฮ่วนเยือกเย็นอย่างหาได้ยาก ระหว่างที่ออกคำสั่งเงาร่างก็ถอยกรูด
ตูม โครม!
ประตูมิติที่กว้างหมื่นจั้งร่วงลงมาอย่างแรง ประหนึ่งกมายจะกลืนกินผืนแผ่นดินแถบนี้ตรงๆ และขณะเดียวกันก็มีพลังกลืนกินที่น่าสะพรึงสุดขีดปลดปล่อยออกมาจากประตูบานนี้
ก็เห็นพื้นที่แห่งแล้วแห่งเล่าบนผืนดินแถบนี้ถูกขุดรากถอนโคน ม้วนเข้าสู่ประตูมิติ ผิวดินล้วนแตกระแหง ลอยขึ้นมาเป็นแผ่นๆ
พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนที่อยู่ในนั้นรู้สึกเหมือนอยู่กลางพายุกระหน่ำ พลังกลืนกินหอบม้วนน่าสะพรึงทำให้ร่างพวกเขาเริ่มส่อแววไม่อาจควบคุม
“เปิด!”
“ทะยาน!”
“โอม!”
พวกเขาคำรามเสียงดัง เค้นมรรควิถีในตัวออกมาทั้งหมด แต่ละคนระเบิดประกายเทพ เรียกสมบัติลับของตัวเองออกมาและต้านทานประหนึ่งสู้สุดชีวิต
สมบัติลับเหล่านี้ส่องประกายแสงแตกต่างกันออกมา เจิดจรัสพราวตา ถึงกับต้านทานพลังกลืนกินที่ประตูมิติบานนั้นปลดปล่อยออกมาได้!
อีกทั้งคนร้ายกาจอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนยังต้านทานไปพลาง ถอยหลบออกไปด้วย
ตูมโครม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน เมฆลมปั่นป่วน พัดหินทรายลอยคลุ้ง
ทอดมองจากไกลๆ ประตูมิติขนาดหมื่นจั้งประดุจปากใหญ่นองเลือด ดูดกลืนแผ่นดินกว้างอย่างรุนแรง
พูดแล้วเหมือนช้า แต่อันที่จริงการเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นสุดขีด
ตูม!
ไม่นานประตูมิติปิดครอบลงมาอย่างสิ้นเชิง ผืนดินพังถล่มร่วงจมดุจกระดาษเปื่อย ร้อยจั้ง พันจั้ง… ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
หวังเจวี๋ยฮ่วนมือกำมุกอสนีกาลเวลา เงาร่างสูงดุจหอกอาบชโลมอยู่กลางเงาแสงสายฟ้าสีน้ำเงินเข้ม
เขายืนอยู่กลางอากาศ สีหน้าอึมครึมน่าสะพรึง
คนที่หลบพ้นเคราะห์ครั้งนี้ได้เช่นเดียวกับเขามีเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้น พวกพ้องอีกเจ็ดคนที่เหลือล้วนหนีออกมาไม่ทัน ถูกประตูมิติบานนั้นกลืนกิน!
แม้ว่าพวกพ้องอีกเจ็ดคนนี้จะใช้สมบัติลับที่สามารถต้านทานพลังแห่งกาลเวลาก็ล้วนไม่ได้ผล
สาเหตุเป็นเพราะประตูมิติบานนี้ปรากฏขึ้นกะทันหันเกินไป และอาณาเขตก็ใหญ่เกินไป แผ่ครอบพื้นที่หมื่นจั้ง
และในอาณาเขตหมื่นจั้งนี้ได้ถูกลูกหลงและการกักขังของพลังกาลเวลา ยามถอยหลบก็เหมือนเดินลุยในบึงโคลน ส่งผลให้ขั้นดับเทพเจ็ดคนนั้นไม่อาจหนีออกไปได้ในท้ายที่สุด ถูกกลืนกินจนสิ้นซาก...
ฟ้าดินสะเทือนไหว ฝุ่นควันคละคลุ้ง ภูผาธาราหมื่นจั้งจมจ่อมโดยสมบูรณ์
ประตูมิติบานนั้นหายไปแล้ว
แต่สีหน้าของพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำสุดขีด
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพริบตา เคราะห์ใหญ่ฉากหนึ่งร่วงมาเยือนเช่นนี้ นี่จะไม่ให้พวกเขาตกใจเดือดดาลได้อย่างไร
“ออกมา!”
ทันใดนั้นหวังเจวี๋ยฮ่วนตะโกนลั่น กระบี่โบราณลายสนในมือฟันเฉียงออกไปทันควัน
ห้วงอากาศไกลโพ้นถูกผ่าเปิดฉับพลัน
เงาร่างสายหนึ่งพุ่งปราดออกจากบริเวณใกล้เคียงห้วงอากาศราวสายฟ้าแลบ เป็นหลินสวินนั่นเอง
“น่าเสียดายแล้ว ดันส่งพวกเจ้าไปภพหน้าพร้อมกันไม่ได้…”
หลินสวินถอนใจเบาๆ
“หลินสวิน!”
ทุกคนข้างกายหวังเจวี๋ยฮ่วนดวงตาแดงก่ำ ไอสังหารพลุ่งพล่าน เจ็บแค้นเจียนคลั่ง เคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศพุ่งเข้าไปตรงๆ
หลินสวินและหลีเจินสบตากันปราดหนึ่ง ก่อนหมุนตัวหนีไปไกลๆ
นี่ไม่ใช่เวลาอวดพลัง
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้หลินสวินตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวมาพร้อมอย่างเห็นได้ชัด พกสมบัติลับที่ต้านพลังกาลเวลาได้มาด้วย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ใช้อภินิหารหยุดเวลา ดาบกาลเวลา และประตูเนรเทศ ก็ยากจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้อีก
และหากยังฝืนสู้ต่อกลับจะเป็นการไม่ฉลาดอย่างยิ่ง
ตอนที่หลินสวินโจมตีพวกจิงอิ่งก่อนหน้านี้ก็ใช้อภินิหารหยุดเวลา เมื่อครู่ก็ใช้ประตูเนรเทศปกคลุมอาณาเขตหมื่นจั้งอีก ถึงตอนนี้พลังในตัวเขาถูกผลาญไปราวครึ่งหนึ่ง
แม้ว่าข้างกายจะมีหลีเจินคอยช่วยเหลือ แต่หากต่อสู้ดุเดือดก็อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันที่เหนือการควบคุมขึ้นมากมาย
หลินสวินไม่เชื่อว่าผู้เข้าร่วมศึกที่สิบยักษ์ใหญ่อมตะส่งมานี้จะไม่ได้เตรียมไพ่ตายมา
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การล่าถอยเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดอย่างเห็นได้ชัด
ศึกมรรคอมตะครั้งนี้จะดำเนินต่อไปสิบปี หลังจากนี้ยังมีโอกาสอีกมากในการกำจัดอีกฝ่ายให้ราบคาบ ไม่ต้องรีบร้อนสู้ตัดสินชี้เป็นชี้ตายกับอีกฝ่ายในตอนนี้
สวบ! สวบ!
กลางห้วงอากาศ ความเร็วในการเคลื่อนไหวของหลินสวินและหลีเจินว่องไวยิ่งยวด ประดุจลำแสงสองสายกำลังพริบวาบ ขยับไหวคราหนึ่งก็ห่างไปไกลเป็นพันเป็นหมื่นจั้ง
แต่ศัตรูที่ไล่ล่าพวกเขาก็ไม่อาจดูเบาเช่นกัน ไล่ตามอยู่ข้างหลังไม่ห่างตลอด
“เจ้าหมอนี่ใช้อภินิหารพรสวรรค์หลายครั้ง ผลาญเรี่ยวแรงไปมหาศาล เห็นชัดว่าใกล้ยืนหยัดไม่ไหว ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้ก็ต้องจับเขาให้ได้!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนสีหน้าเย็นเยียบ
การประสบเคราะห์ของพวกจิงอิ่งไม่อาจโทษเขา
แต่ความพ่ายแพ้หนักหน่วงก่อนหน้านี้กลับทำให้หวังเจวี๋ยฮ่วนไม่อาจปัดความรับผิดชอบนี้ได้
เขาเตรียมตัวพร้อมสรรพ เตรียมพร้อมครบทุกด้าน แต่ยังคงคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะไม่ได้ใช้อภินิหารหยุดเวลา และไม่ได้ใช้ดาบกาลเวลา แต่กลับใช้อภินิหารน่าสะพรึงที่เขาไม่รู้จักสักนิดและคาดไม่ถึงโดยเด็ดขาดแทน
และเป็นเพราะอภินิหารนี้ถึงโจมตีจนเขาตั้งรับไม่ทัน
เวลานี้เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ในใจหวังเจวี๋ยฮ่วนก็ยังคงหวาดผวาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ประตูมิติบานเดียวถึงกับสามารถกลืนกินภูผาธาราที่อยู่ในอาณาเขตหมื่นจั้งได้ นี่น่ากลัวยิ่งกว่าดาบกาลเวลาของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เสียอีก!
แต่หวังเจวี๋ยฮ่วนก็ดูออกว่าหลังจากสำแดงอภินิหารนี้แล้วหลินสวินสูญเสียกำลังไปมหาศาล!
“ไป!”
ยามไล่ตามโจมตี ริมฝีปากหวังเจวี๋ยฮ่วนเอ่ยออกมาคราหนึ่ง ดาบบินสีขาวเจิดจ้าเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ก่อนอันตรธานหายไปกลางอากาศ
ดาบบินตัดชีพ!
สามารถตัดหัวศัตรูที่อยู่ห่างไกลหมื่นลี้ได้ในพริบตา!
บริเวณไกลโพ้น หลินสวินที่กำลังเคลื่อนไหวหนังตากระตุก เรียกเตากระบี่ออกมาในทันที สกัดขวางดาบที่พุ่งมานี้ได้หวุดหวิด
เคร้ง!
ดาบบินตัดชีพและเตากระบี่ปะทะกัน ประกายเทพสาดกระเซ็น
หลินสวินยังอดตกใจไม่ได้ พลังสังหารแข็งแกร่งยิ่งนัก ถึงกับซัดจนเลือดลมรอบตัวเขาปั่นป่วนระลอกหนึ่ง
“ฟัน!”
“ฟัน!”
“ฟัน!”
เมื่อโจมตีไม่โดน หวังเจวี๋ยฮ่วนไม่ท้อแท้สักนิด ใช้ดาบบินตัดชีพโจมตีใส่หลินสวินอย่างต่อเนื่อง ไม่หวังได้ผลชะงัด แต่แค่จำกัดการเคลื่อนไหวของหลินสวินไว้ได้ก็พอ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงปะทะอึงอลดังกึกก้อง ทุกครั้งที่ดาบเล่มนั้นฟันลงมา พลานุภาพล้วนน่าสะพรึงถึงขีดสุด แม้ว่าจะถูกเตากระบี่สกัดต้านไว้ทั้งหมด แต่ความเร็วที่หลินสวินเคลื่อนไหวกลับได้รับผลกระทบ
นี่ทำให้พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนฮึกเหิม
สวบ!
เมื่อเห็นดาบบินตัดชีพทะยานมาอีกครั้ง กระบี่มรรคเล่มหนึ่งก็พุ่งปราดออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันควัน เคลื่อนขวางโจมตีออกไปด้วยอานุภาพดุกร้าวไร้ทัดเทียม
เปรี๊ยะ!
เสียงกังวานแสบหูสายหนึ่งดังขึ้น ดาบบินตัดชีพทะลวงเปิดเป็นรู ถูกฟันกระเด็นออกไป
เมื่อถูกโจมตีเช่นนี้ มุมปากหวังเจวี๋ยฮ่วนก็หลั่งเลือดออกมาสายหนึ่งอย่างไม่อาจกลั้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววตกใจ
ดาบบินตัดชีพเป็นหนึ่งในยอดสมบัติตกทอดของตระกูลหวัง หลอมขึ้นมาจากวัสดุเทพชั้นเลิศหมื่นชนิด เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในศาสตรามรรคอมตะที่อยู่ระดับสุดยอดในโลก อยู่ในน่านฟ้าที่แปดก็ยังมีชื่อเสียงเลื่องระบือ
ทว่าตอนนี้กลับถูกทะลวงเป็นรูในการปะทะซึ่งหน้า!
‘เตากระบี่ในมือเจ้าหมอนี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว…’
หวังเจวี๋ยฮ่วนสีหน้าอึมครึม เขาไม่กล้าเอาดาบบินตัดชีพไปใช้อีก ด้วยกลัวว่ายอดสมบัตินี้จะถูกทำลายทิ้งทั้งอย่างนี้
เพียงแต่เมื่อเห็นว่ายังไม่สามารถไล่ตามหลินสวินและหลีเจินได้ทัน ทำให้ในใจหวังเจวี๋ยฮ่วนผุดความร้อนรนขึ้นมาเสี้ยวหนึ่งอย่างอดไม่ได้ไม่ได้
ก็เป็นเวลานี้เองในเวิ้งฟ้าไกลโพ้นปรากฏแสงสว่างวาวโรจน์ขึ้นมาฉับพลัน แสงธรรมเรืองรองประหนึ่งไร้ขอบเขตแผ่เต็มฟ้าดินแถบนั้น เจิดจ้าแสบตา
ภูผาธาราล้วนถูกส่องสว่าง บรรยากาศสว่างไสววิเศษศักดิ์สิทธิ์ทั้งแถบ
“ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิฌาน!”
มีคนอุทาน
“ต้องมาเพื่อฆ่าหลินสวินเหมือนกันเป็นแน่!”
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่ยากจะหนีแล้ว!”
คนมากมายล้วนฮึกเหิมขึ้นมา
มีเพียงหวังเจวี๋ยฮ่วนเท่านั้นที่ขมวดคิ้วน้อยๆ ในใจผุดความไม่ยินยอมอย่างแรงกล้า
การเคลื่อนไหวตามฆ่าหลินสวินครั้งนี้ เดิมเขาควรจะเป็นตัวหลัก
แต่ตอนนี้ผู้เข้าร่วมศึกจากหอบรรพจารย์ลัทธิฌานกลับกระโดดมาผสมโรง หมายจะเข้ามาตัดหน้า นี่จะให้หวังเจวี๋ยฮ่วนที่ภาคภูมิใจมาตลอดรู้สึกเบิกบานได้อย่างไร
และขณะเดียวกันหลินสวินและหลีเจินก็หยุดเท้า หัวคิ้วขมวดโดยพร้อมเพรียง
ไกลออกไปกลางแสงธรรมท่วมฟ้ามีเงาร่างสี่สายยืนอยู่ แต่ละคนล้วนประดุจมุนินทร์ในตำนาน แสงสว่างเจิดจ้าท่วมร่าง แผ่ครอบฟ้าดิน อานุภาพไร้ขอบเขต
เมื่อมองโดยละเอียด เป็นพุทธองค์ขู่เสวียน พุทธองค์ขู่จี้ พุทธองค์เจวี๋ยเวิน และพุทธองค์เจวี๋ยเจิน ผู้เข้าร่วมศึกของหอบรรพจารย์ลัทธิฌานนั่นเอง
“ลัทธิฌานของพวกเจ้าก็ตีชิงตามไฟตั้งแต่เมื่อไร”
สีหน้าหลีเจินไม่น่ามอง
“ศึกมรรคอมตะเดิมก็เป็นการแข่งขันระหว่างสี่หอบรรพจารย์ สหายยุทธ์หลีเจินโกรธกรุ่นขุ่นเคืองเช่นนี้ เป็นเพราะฝีมือไม่ถึงใช่หรือไม่”
พุทธองค์ขู่เสวียนที่เป็นผู้นำเคร่งขรึมและสงบนิ่ง
ขณะพูดเขาและพุทธองค์อีกสามคนย่างเท้าเดินบีบเข้ามาจากไกลๆ แล้ว กลิ่นอายบนตัวคลุมครอบฟ้าดิน ประดุจภูเขาเทพที่สาดส่องแสงธรรมสี่ลูกกำลังเคลื่อนไหว ขวางกั้นหนทางเบื้องหน้าพวกหลินสวินไว้มิด
ส่วนด้านหลัง พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนสิบสองคนก็กำลังใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็วเช่นกัน
และในเวลานี้หลินสวินตัดสินใจทันที หยัดยืนบนยอดเขาใหญ่ลูกหนึ่งพร้อมกับหลีเจินแล้วกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ต่อจากนี้ก็ยกให้ข้าเถิด”
——