Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2857 หุบเหวมารปฐพี
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2857 หุบเหวมารปฐพี
ยามถานหลิวอวิ๋นตะโกนเสียงดัง เขาก็พุ่งตัวเข้ามาแล้ว “เร็วเข้า ทุกคนลงมือพร้อมกัน ห้ามให้เจ้าหลีเจินนี่แย่งคะแนนต่อสู้ของพวกเราลัทธิวิญญาณไปเด็ดขาด”
ผูซงจื่อ เยวี่ยโหยวเฟิงมีหรือจะกล้าเพิกเฉย ต่างพุ่งเข้ามาเข้าเก็บทรัพย์หลังศึกด้วยเช่นกัน
หลีเจินอดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ “บอกว่าข้าทำงานต่ำต้อย พวกเจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
ถานหลิวอวิ๋นอักอ่วนทันที กล่าวอย่างปากแข็งว่า “ย่อมไม่อาจปล่อยให้ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้ากอบโกยไปเปล่าๆ จะว่าไปหลินสวินจากลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้า ทะลวงสู่ขั้นดับเทพขั้นปลายภายในหกปีนี้จริงๆ หรือ”
หลีเจินกล่าว “นี่ย่อมแน่อยู่แล้ว”
น้ำเสียงยืนยันเต็มเปี่ยม เจือกลิ่นอายภาคภูมิใจ
“โอ้อวด!”
ถานหลิวอวิ๋นปรายตามองเขาปราดหนึ่ง “จากที่ข้าดู ต่อให้เขาแข็งแกร่งแค่ไหนก็เทียบกับจี้ซานไห่ไม่ได้ นางเป็นถึงธิดาเทพที่ชื่อเสียงโด่งดั่งทั่วน่านฟ้าที่เก้า เป็นเลิศในหมู่โฉมสะคราญ พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์”
การโต้กลับของหลีเจินง่ายดายยิ่ง “จี้ซานไห่เป็นผู้สืบทอดลัทธิวิญญาณของพวกเจ้าหรือ”
ประโยคเดียวทำเอาถานหลิวอวิ๋นสำลักปางตาย ไม่อาจตอบโต้
ต่อให้จี้ซานไห่ตระการตาแค่ไหนก็ไม่ใช่ผู้สืบทอดลัทธิวิญญาณ แต่หลินสวินกลับเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดจริงๆ
เนิ่นนานกว่าถานหลิวอวิ๋นจะกล่าวแย้ง “พี่หลี หากข้าจำไม่ผิด หลินสวินเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ภายหลังถึงเข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเจ้า”
หลีเจินกล่าว “ในเมื่อเข้าลัทธิแรกกำเนิดก็เป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด มีปัญหาหรือ”
ถานหลิวอวิ๋นเถียงไม่ออกไปชั่วขณะ
ความจริงข้อนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยจริงๆ
พวกเขาพูดคุยไปพลางเก็บทรัพย์หลังศึกอยู่ด้านหลัง ส่วนด้านหน้า หลินสวินและจี้ซานไห่ก็กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
เพียงแต่ทัพสัตว์ปีศาจมืดฟ้ามัวดินนั่นล้วนประสบเคราะห์ ถูกซัดสังหารกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า เหลือเพียงกลิ่นคาวเลือดและเศษซากเกลื่อนพื้น
นี่น่าเหลือเชื่อยิ่ง
หากเปลี่ยนเป็นผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นๆ เกรงว่าคงรู้สึกกินแรงเป็นที่สุด ถึงอย่างไรเรื่องสังหารสัตว์ระเบียบหลายสิบตัวในการโจมตีเดียว หากพวกเขาใช้ไพ่ตายบางทีก็อาจทำได้ แต่หากต้องการเข่นฆ่าเป็นเวลานานเช่นนี้กลับแทบจะทำไม่ได้
แต่หลินสวินและจี้ซานไห่แข็งแกร่งและอหังการกินกันไม่ลง ทุกการโจมตีอย่างน้อยๆ ก็สังหารได้สิบกว่าตัว มากหน่อยก็สังหารได้หลายสิบตัว!
แน่นอนว่าส่วนใหญ่ในนั้นเป็นสัตว์ระเบียบระดับปฐพี สัตว์ปีศาจระดับสวรรค์มีน้อยนัก
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็สามารถทำให้ผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นๆ ละอายที่สู้ไม่ได้
เหมือนอย่างพวกหลีเจิน ถานหลิวอวิ๋นที่เก็บทรัพย์หลังศึกอยู่ข้างหลังตลอดทาง ยามพวกเขารวบรวมทรัพย์หลังศึก ก็รู้ระดับสูงต่ำและจำนวนโดยละเอียดของสัตว์ปีศาจที่หลินสวินและจี้ซานไห่ล่าได้เป็นอย่างดี ทำเอาในใจสะเทือนไหวเนืองๆ
“การแข่งขันนี้เริ่มมานานเท่าไรแล้ว”
ถานหลิวอวิ๋นถาม
“หนึ่งเค่อได้”
หลีเจินเอ่ยปากง่ายๆ
“หลินสวินฆ่าไปเท่าไรแล้ว”
“ทะลุหกร้อยแล้ว จี้ซานไห่ล่ะ”
“อื้อ มากกว่าหลินสวินนิดหน่อย จำนวนทะลุเจ็ดร้อยแล้ว”
ถานหลิวอวิ๋นยิ้มออกมา เจือแววภาคภูมิใจ
หลีเจินขมวดคิ้วกล่าว “ยังไม่ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะ ไม่ต้องรีบ”
ถานหลิวอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าทอดถอนใจ “เฮ้อ แม้ว่าสุดท้ายหลินสวินจะพ่ายแพ้ แต่ก็สามารถทำให้พวกข้าเหงื่อตกได้ ถึงอย่างไรหากเปลี่ยนเป็นเฒ่าชราอย่างพวกเรา เกรงว่าล้วนห่างชั้นไม่อาจทำได้ถึงขั้นนี้สักนิด”
เหมือนเป็นคำชม แต่หลีเจินกลับฟังแล้วระคายหู กล่าวว่า “หากจี้ซานไห่แพ้ ข้าก็อยากเห็นนักว่าเจ้าจะหัวเราะออกหรือไม่”
ถานหลิวอวิ๋นยิ้มกล่าวหึๆ “รู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ยอมลดแพ้ เช่นนี้ก็คอยดูเอาเถอะ”
ตูม!
เสียงต่อสู้ดุเดือดเป็นระลอกดังลอยมาจากไกลๆ มีเสียงเตากระบี่ดึงก้องอึงอล และมีแสงวิจิตรสีเขียวไหลเวียน ภาพแต่ละฉากล้วนน่าทึ่งชวนตะลึง
ทว่าทัพสัตว์ปีศาจนั่นท่วมท้นล้นหลาม ยิ่งใหญ่มโหฬาร มีจำนวนนับหมื่น แม้ว่าหลินสวินและจี้ซานไห่จะฆ่าฟันตลอดทาง แต่จำนวนที่สังหารได้ก็ยังคงเป็นส่วนน้อย
“เหตุใดจึงไม่ใช้อภินิหารพรสวรรค์ของเจ้าเล่า”
ในการต่อสู้จู่ๆ จี้ซานไห่ก็เอ่ยปาก ขณะที่นางกำลังต่อสู้ เห็นได้ชัดว่าให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของหลินสวินมาโดยตลอด
“เจ้าเองก็ไม่เคยใช้อภินิหารพรสวรรค์เหมือนกันไม่ใช่หรือ”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
มุมปากชมพูระเรื่อของจี้ซานไห่ยกโค้งเสี้ยวหนึ่ง “ดูไม่ออกว่าเจ้ามีความภาคภูมิพอตัว แต่พลังปราณของข้าอยู่เหนือเจ้าช่วงหนึ่ง ต่อให้เจ้าใช้อภินิหารพรสวรรค์ ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าเอาเปรียบหรอก”
ประโยคเดียวเห็นชัดว่ามั่นใจเต็มเปี่ยม
“ข้าไม่คิดว่าพลังปราณสูงต่ำจะหมายถึงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของพลังต่อสู้”
หลินสวินกล่าวเรียบๆ
“อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”
จี้ซานไห่กล่าวจบ เงาร่างพลันพริบวาบฉับพลัน ถึงกับพุ่งเข้าไปกลางทัพสัตว์ปีศาจ มือกระชับทวนมรกตชำระโลก กระหน่ำสังหารอยู่ภายในนั้น
นัยน์ตาหลินสวินวาววับ จากนั้นก็หัวเราะชอบใจ “เช่นนี้ดีที่สุด”
ตูม!
เงาร่างเขาพุ่งทะยาน ควบคุมเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเคลื่อนไหว พลังขับเคลื่อนทั้งตัวพวยพุ่งถึงขีดสุด ส่วนในเตากระบี่ กระบี่มรรคที่ไม่เคยใช้งานมาตลอดพุ่งปราดออกมาท่ามกลางเสียงกังวาน
สวบ!
กระบี่มรรคพาดขวางเวิ้งฟ้า ฟันฉับลงมาคราหนึ่ง
สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าว่าในฝูงสัตว์ปีศาจที่ดุจกระแสน้ำเชี่ยวเกิดรอยแยกสีเลือดแดงฉานสายหนึ่ง นั่นเป็นรอยแยกที่ถูกกรีดในกระบี่เดียว เมื่อปราณกระบี่กระแทกพื้น สัตว์ระเบียบที่อยู่สองฝั่งของรอยแยกสีเลือดก็ถูกลูกหลง ร่างกายแตกกระจุยตัวแล้วตัวเล่า
สังหารสัตว์ระเบียบระดับปฐพีห้าสิบสี่ตัวในกระบี่เดียวเท่านั้น!
สำหรับเรื่องนี้ นัยน์ตาจี้ซานไห่กลับเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง ลอบกล่าวในใจว่า ‘หากไม่ทำเช่นนี้เกรงว่าคงไม่สามารถเค้นพลังทั้งหมดของเจ้าออกมาได้’
สวบ!
นางกระโจนตัวขึ้นไปข้างหน้า ทวนมรกตชำระโลกในมือหยกขาวเนียนเรียวยาวส่องแสงสว่างโรจน์ ปลดปล่อยเพลิงเทพสีเขียวที่ดุกร้าวอหังการออกมา ทุกที่ที่เคลื่อนผ่าน สัตว์ระเบียบตัวแล้วตัวเล่าล้วนกลายเป็นเถ้าธุลีล่องลอย ไม่อาจต้านทาน!
‘มรรควิถีของหญิงผู้นี้ไม่ธรรมดาดังคาด’
ขณะเดียวกันหลินสวินก็ลอบอุทานในใจเช่นกัน
ควรรู้ว่าตอนนี้เขามีพลังปราณขั้นดับเทพขั้นปลาย เทียบกับตอนที่เพิ่งเข้าสู่แดนมารสิบทิศแล้วต่างกันลิบลับ เวลานี้ต่อให้เขาเจอหวังเจวี๋ยฮ่วนอีกครั้ง ก็มั่นใจว่าจะกำราบอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
แต่ยามเผชิญหน้ากับธิดาเทพจากน่านฟ้าที่เก้าอย่างจี้ซานไห่ หลินสวินกลับไม่มีความมั่นใจเช่นนี้
ตลอดทางนี้เขาเห็นฝีมือของจี้ซานไห่อยู่ในสายตาทั้งหมด ตระหนักได้ถึงความร้ายกาจของสตรีผู้นี้นานแล้ว
สิ่งที่ทำให้หลินสวินมองไม่ออกที่สุด คือจนตอนนี้จี้ซานไห่ก็ยังไม่ได้ใช้พลังพรสวรรค์เช่นเดียวกัน
และจากความเข้าใจก่อนหน้านี้ของหลินสวิน พรสวรรค์ของจี้ซานไห่พิเศษและลึกลับสุดขีด เกี่ยวข้องกับวัฏจักรของโลก การสับเปลี่ยนแห่งเป็นและตาย
อภินิหารพรสวรรค์ที่เลื่องชื่อที่สุดในน่านฟ้าที่เก้า นามว่า ‘วิจิตรกลียุค’
ลือกันว่าหลังจากสำแดงอภินิหารนี้ ศัตรูราวกับถูกกักขังอยู่ในพิบัติเคราะห์กลียุค เป็นตายไม่อาจกำหนด มรรควิถีทั้งหมดล้วนโคจรสู่ความว่างเปล่าในพิบัติเคราะห์!
กระนั้นตั้งแต่ต้นจนจบจี้ซานไห่ก็ไม่ได้ใช้อภินิหารพรสวรรค์นี้
นี่พิสูจน์ว่าจี้ซานไห่ไม่ได้คิดจะเผยไพ่ตายทั้งหมดในการแข่งขันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
และนี่ตรงกับความคิดของหลินสวินเช่นกัน
ต่อมาหลินสวินสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ออกโจมตีเต็มกำลัง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล กระบี่มรรคก้องกังวาน เผยอานุภาพกวาดล้างสรรพสิ่งย่อยยับ จำนวนสัตว์ระเบียบที่ถูกเขาสังหารก็พุ่งกระฉูดอย่างรวดเร็ว
ไม่ไกลนักจี้ซานไห่ที่มองเห็นภาพทั้งหมดนี้ไม่ได้พูดมากความอะไร มีเพียงอานุภาพในตัวเท่านั้นที่ดุกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
นี่ทำให้พวกหลีเจินที่เก็บทรัพย์หลังศึกอยู่ข้างหลังล้วนตึงเครียดขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตระหนักได้ว่าระหว่างหลินสวินและจี้ซานไห่เริ่มแข่งขันกันสุดกำลังแล้ว
นี่สามารถรู้ได้จากคะแนนการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย
ไกลออกไปฟ้าดินมืดมน ปรากฏหุบเหวใหญ่คล้ายไร้จุดสิ้นสุดแห่งหนึ่ง สีเข้มทึบนั่นเสมือนจะฉุดลากราตรีเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเหวใหญ่ ทำให้ฟ้าดินมืดมิดลง
หุบเหวมารปฐพี!
หลังจากฝูงสัตว์ปีศาจที่พุ่งทะยานอยู่หน้าสุดพุ่งมาถึงที่แห่งนี้ก็ส่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้า พุ่งกระโจนเข้าสู่ส่วนลึกของหุบเหวใหญ่นั่นทันทีโดยไม่ลังเลใดๆ艾琳小說
มองจากมุมสูง ทัพสัตว์ปีศาจดุจน้ำตกไหลรินลงสู่หุบเหวใหญ่ หลังจากร่วงสู่เหวใหญ่ไม่นานเงาร่างของพวกมันก็หายไป
ขณะเดียวกันหลินสวินและจี้ซานไห่ก็มองเห็นภาพนี้เช่นกัน
“ดูเหมือนเจ้าจะแพ้แล้ว”
จี้ซานไห่เอ่ยปาก แม้ว่าจะเอ่ยพูดนางก็ไม่ได้หยุดการเข่นฆ่าในมือ เห็นชัดว่าหากไม่ถึงตอนสุดท้าย นางก็ไม่มีทางชะล่าใจทั้งอย่างนี้
กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าวทันที “ยังไม่ใช่หรอก”
สวบ!
ก็เห็นกายมรรคทั้งห้าพุ่งพรวดออกจากร่างเขา เคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ ราวกับปราการกั้นขัดขวางทัพสัตว์ปีศาจตรงๆ
สัตว์ระเบียบที่พุ่งเข้ามาถูกขัดขวาง แต่ละตัวบุกโจมตีอย่างบ้าระห่ำหาใดเทียบราวกับเสียสติ
กายมรรคทั้งห้าย่อมไม่ยอมจำนนโดยง่าย สำแดงพลังเข่นฆ่ากลางทัพสัตว์ปีศาจ
ส่วนเบื้องหลัง ร่างต้นของหลินสวินก็พุ่งเข้ามาทางนี้เช่นกัน
ภาพระดับนี้ เหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นในแม่น้ำ ไม่ว่ากระแสคลื่นซัดกวาดอย่างไรก็ไม่สามารถสั่นคลอนได้
แต่วิธีเช่นนี้อันตรายสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย
การสังหารก่อนหน้านี้เริ่มจากด้านหลังมาโดยตลอด สัตว์ระเบียบหมายจะไปยังหุบเหวมารปฐพีที่อยู่เบื้องหน้า พวกที่ไม่ได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้เหล่านั้นย่อมไม่เหลียวหลังไปจัดการหลินสวิน
แต่ตอนนี้กายมรรคทั้งห้าของหลินสวินขวางอยู่เบื้องหน้า ปิดกั้นเส้นทางของสัตว์ระเบียบมากมาย จึงประสบกับแรงโจมตีที่น่าสะพรึงที่สุดในทันที
ตูมโครม!
ฟ้าดินสะเทือนไหว สัตว์ปีศาจคำรามกึกก้อง
ชั่วขณะเดียวละอองเลือดสาดกระเซ็น กลางฟ้าดินปั่นป่วนไปทั้งแถบ
ยามมองเห็นภาพนี้จี้ซานไห่ยังอดอึ้งไปครู่หนึ่งไม่ได้ คล้ายนึกไม่ถึงว่าหลินสวินจะถึงกับใช้วิธีต่อสู้ที่อันตรายเช่นนี้เพื่อให้ได้รับชัยชนะ
ส่วนไกลออกไป ถานหลิวอวิ๋น ผูซงจื่อ และเยวี่ยโหยวเฟิงล้วนเบิกตากว้าง ลอบอุทานในใจว่าแย่แล้ว
พวกเขามีหรือจะมองไม่ออกว่ายิ่งกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินขวางอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร สัตว์ระเบียบที่สังหารได้ก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
และนี่เป็นไปได้สูงว่าอาจทำให้หลินสวินพลิกสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน!
“ร้ายกาจนัก!”
ถานหลิวอวิ๋นกัดฟัน
ผูซงจื่อและเยวี่ยโหยวเฟิงต่างก็ร้อนใจระลอกหนึ่ง
หากจี้ซานไห่พ่ายแพ้ นั่นย่อมทําให้พวกเขายากจะยอมรับยิ่ง
หลีเจินกล่าว “เฒ่าถาน เหตุใดตอนนี้เจ้าไม่หัวเราะแล้วเล่า”
ถานหลิวอวิ๋นขึงตาใส่หลีเจินปราดหนึ่ง ขณะตั้งใจจะกล่าวอะไร กลับเห็นจี้ซานไห่เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน ถือทวนมรกตชำระโลกเข้าสังหารฝูงสัตว์ปีศาจที่อยู่ทางฝั่งหลินสวิน
มีกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินขวางอยู่เบื้องหน้า นางลงมือเข่นฆ่าจากด้านหลัง ก็เหมือนร่วมมือกับร่างต้นของหลินสวิน ทำให้ได้รับผลมหัศจรรย์ทันที
แน่นอนว่าความจริงแล้วนี่ถือเป็นการปล้นเหยื่อ
ร่างต้นของหลินสวินยังอึ้งไป ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ก็จนปัญญาขัดขวาง เนื่องจากการแข่งขันครั้งนี้เดิมก็ไม่มีกฎห้ามทำเช่นนี้
สุดท้ายฝูงสัตว์ปีศาจประมาณนับพันตัวที่ถูกกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินขัดขวาง ก็ถูกสังหารหมดเกลี้ยง
ฝูงสัตว์ปีศาจอื่นๆ เหล่านั้นล้วนพุ่งเข้าไปในหุบเหวมารปฐพี
“ผู้อาวุโสช่วยนับผลคะแนนต่อสู้ด้วย ดูว่าข้าและแม่นางซานไห่ใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากัน”
หลินสวินยืนอยู่ด้านข้างหุบเหวมารปฐพี เอี้ยวศีรษะเอ่ยถาม
“ไม่ต้องนับแล้ว”
จี้ซานไห่เก็บทวนมรกตชำระโลก นวดนิ้วมือหยกเรียวยาวขาวเนียนเบาๆ นัยน์ตาสุกใสดุจสายน้ำมองหลินสวินแล้วกล่าวง่ายๆ
“นับตั้งแต่เจ้าตอบรับการแข่งขันกับข้าเมื่อครู่ ข้าก็ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าสุดท้ายคะแนนต่อสู้จะมากกว่าหรือน้อยกว่าล้วนจะบอกความลับนั้นให้เจ้าฟังอยู่ดี”
——