Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2874 เคราะห์มาเยือน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2874 เคราะห์มาเยือน
หลินสวินสงบใจสัมผัส
ประทับสำริดอบอสลคลื่นพลังระเบียบที่คลุมเครือ ลึกลับไม่อาจคาดเดา ให้ความรู้สึกว่าแม้โลกนี้ดับสลาย มันก็สามารถคงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์!
แต่เมื่อนึกถึงขั้นตอนการกำราบระเบียบระดับเทพก่อนหน้านี้ ในใจหลินสวินก็อดตกตะลึงไม่ได้
เขาเพียงใช้กฎเกณฑ์อมตะของตนไปเก็บประทับสำริดนี้ คิดไม่ถึงว่ายามสัมผัสถึงกลิ่นอายกฎเกณฑ์อมตะของตน ประทับสำริดนี้จะเปลี่ยนเป็นเชื่องขึ้นมาทันที!
นี่เห็นได้ชัดว่าเหลือเชื่อมาก
‘หรือกฎเกณฑ์อมตะของข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับของระเบียบนิพพาน’
ขณะหลินสวินใคร่ครวญ ก็เก็บประทับสำริดเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ทันใดนั้นภาพที่น่าตกใจปรากฏขึ้น…
เสียงประทับสำริดส่งเสียงโครมคราม ประหนึ่งฟื้นตื่นจากการหลับใหลหมื่นกาล เปล่งแสงสว่างไสว สาดละอองแสงระเบียบที่แน่นขนัดออกมา
ขณะเดียวกันลวดลายดอกบัวที่แปลงจากระเบียบนิพพานอุบัติขึ้น ปลดปล่อยคลื่นพลังลึกลับออกมา เข้ากำราบประทับสำริด
พริบตานี้กระทั่งตัวเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังสั่นไหวรุนแรง ส่งเสียงๆ หึ่งออกมา
จิตรับรู้ของหลินสวินถูกตัดขาด ไม่สามารถสัมผัสสถานการณ์ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งได้อีก
นี่ทำให้เขาอดตะลึงไม่ได้
ยามกำราบน้ำเต้าม่วงเขียว ความเคลื่อนไหวไม่ได้มากขนาดนี้!
ตูม โครม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงรุนแรงกว่าเดิม ทำเอาหลินสวินถึงขั้นรู้สึกไม่อาจควบคุมได้
พวกจี้ซานไห่เองก็สังเกตเห็นสภาพการณ์ของหลินสวิน ต่างอดอึ้งไปไม่ได้ นี่มันสถานการณ์อะไรอีก
ไม่เพียงแต่พวกเขา แม้หลินสวินเองยังรู้สึกตกตะลึงอย่างที่สุด
จนกระทั่งครู่ใหญ่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจึงค่อยๆ สงบลง
หลินสวินแทรกจิตรับรู้เข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที ก็เห็นประทับสำริดขนาดประมาณกำปั้นนั้นถูกปกคลุมอยู่ในระเบียบนิพพาน ส่งเสียงอย่างต่อเนื่องประหนึ่งกำลังโห่ร้องยินดี
“นี่…”
หลินสวินอึ้งไปแล้ว
เสียงใสกังวานของอู๋ซวงดังขึ้น “นายท่าน ท่านได้ระเบียบระดับเทพมาจากไหน ทั้งยังเป็นระเบียบระดับเทพที่เพิ่งถือกำเนิด พลังแฝงไร้จำกัด!”
แววตานางเป็นประกาย เสียงแฝงความประหลาดใจ
หลินสวินกล่าว “พลังแฝงไร้จำกัดหรือ คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร”
“นายท่าน ระเบียบระดับเทพบนโลก นัยเร้นลับที่แฝงอยู่ล้วนเกี่ยวข้องกับมรรคนิรันดร์ พลังระเบียบของพวกมันไม่ต่างอะไรกับพลังกฎระเบียบ พลังระเบียบที่ถูกนายท่านกำราบนี้แฝงมรรคนิรันดร์ที่ดั้งเดิมที่สุดสายหนึ่ง เพียงแต่ถึงอย่างไรมันก็เพิ่งถือกำเนิด เหมือนเด็กหนุ่มที่เป็นดั่งกระดาษขาว ครอบครองศักยภาพแฝงอันไร้สิ้นสุดให้สามารถขุดค้นได้”
อู๋ซวงพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้ระเบียบระดับเทพนี้ถูกระเบียบนิพพานกำราบแล้ว มองระเบียบนิพพานเป็นมารดา นี่ก็หมายความว่าศักยภาพแฝงของมันจะได้รับการนิพพานและหลอมสร้างใหม่ สุดท้ายแปรสภาพเป็นนัยเร้นลับมหามรรคที่น่าเหลือเชื่อ!”
หลินสวินฟังจบแล้วสะเทือนไหวอย่างอดไม่ได้ “เจ้าหมายความว่าพลังของระเบียบนิพพาน ยังสามารถทำให้เกิดการนิพพานและหลอมสร้างใหม่กับระเบียบระดับเทพเช่นนี้ได้ด้วยหรือ”
เมื่อก่อนเขาเคยคาดเดาอยู่หลายครั้ง ว่าระเบียบนิพพานอาจจะเป็นระเบียบระดับเทพ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าระเบียบนิพพานจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นทำให้ระเบียบระดับเทพเกิดการนิพพานได้!
อู๋ซวงพูดอย่างจริงจัง “นายท่าน ตอนที่ซวงเอ๋อร์อยู่ในช่วงรุ่งเรืองก็ไม่ด้อยกว่าระเบียบระดับเทพ”
ความหมายโดยนัยก็คือ แม้แต่นางยังได้รับการนิพพานและหลอมสร้างใหม่จากระเบียบนิพพานได้ นี่พิสูจน์ความไม่ธรรมดาของระเบียบนิพพานได้อย่างเหลือล้นแล้ว
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ เอ่ยว่า “จากที่เจ้าพูด ตอนนี้ระเบียบระดับเทพนี้กำลังได้รับการหล่อเลี้ยงและแปรสภาพจากระเบียบนิพพานหรือ”
อู๋ซวงเอ่ย “ไม่ผิด”
“ถ้าอย่างนั้นในเวลาสั้นๆ ข้าไม่อาจใช้งานมันได้หรือหรือ”
หลินสวินเอ่ย
อู๋ซวงกล่าวว่า “นายท่านไม่จำเป็นต้องรีบร้อน อานุภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของระเบียบระดับเทพ ก็คือมรรคนิรันดร์ที่แฝงอยู่ในนั้น ในอนาคตยามนายท่านแจ้งมรรคนิรันดร์ก็สามารถหลอมมันได้ ควบรวมเป็นพลังกฎเกณฑ์นิรันดร์ของตน”
นางเว้นช่วงไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “แน่นอนว่านายท่านสามารถเก็บระเบียบระดับเทพไว้ได้เช่นกัน เช่นนี้ภายหน้าก็สามาถสร้างขุมอำนาจนิรันดร์ได้”
หลินสวินนึกถึงน่านฟ้าที่เก้าขึ้นมา
ที่เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลสามารถคงอยู่เรื่อยมามาไม่รู้นานเท่าไร ก็เพราะพวกเขาต่างครอบครองพลังระเบียบระดับเทพสายหนึ่ง!
อย่างสี่หอบรรพจารย์ก็ล้วนมีพลังระเบียบระดับเทพเป็นรากฐานสำนัก จึงสามารถโดดเด่นเหนือใครได้!
นี่ก็คือคุณค่าของระเบียบระดับเทพ
หลินสวินเอ่ยพึมพำ “ในเมื่อระเบียบระดับเทพนี้เพิ่งเกิด พลังแฝงไร้จำกัด เรียกว่าปฐมเป็นอย่างไร”
“ปฐม!”
อู๋ซวงยิ้มหวานเอ่ย “นายท่าน ในที่สุดท่านก็ตั้งชื่อเพราะๆ ได้ชื่อหนึ่งแล้ว!”
หลินสวินถลึงตาใส่นางอย่างไม่สบอารมณ์
จากนั้นก็เก็บเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลงไป เงาร่างลอยลงจากห้วงอากาศ
“เป็นอย่างไร”
จี้ซานไห่ประหลาดใจมากเช่นกัน
“ระเบียบระดับเทพที่เพิ่งถือกำเนิด พลังแฝงยิ่งใหญ่มาก”
หลินสวินกล่าว
จี้ซานไห่เอ่ยว่า “ต่อไปเจ้าต้องระวังหน่อย ระเบียบระดับเทพก็เหมือนสมบัติชั้นยอดที่สุดในโลก สามารถทำให้เผ่าเทพน่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นแย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง หลังออกจากแดนมารสิบทิศครั้งนี้ เจ้ารีบกลับลัทธิแรกกำเนิดจะดีที่สุด”
เห็นธิดาเทพแห่งยุคที่ ‘เป็นเลิศในหมู่โฉมสะคราญ พิสุทธิ์หนึ่งเดียวในโลกีย์’ คนนี้เป็นห่วงหลินสวินเช่นนี้ สีหน้าของพวกหลีเจิน จิ่งจงเยวี่ย ถานหลิวอวิ๋นล้วนแปลกพิกลอยู่บ้าง
ส่วนหยวนฉางเทียนกลับทั้งชิงชังทั้งอิจฉา ใช่แล้ว อิจฉา!
เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานมากแล้ว แต่ชั่วขณะนี้กลับอดอิจฉาไม่ได้ หลินสวินได้รับระเบียบระดับเทพ แม้แต่คนงามยังโน้มเอียงไปทางหลินสวินเช่นนี้ แต่เขากลับทำได้เพียงมองในฐานะผู้แพ้ ความรู้สึกเช่นนี้จะดีได้อย่างไร
ตอนนี้ในที่สุดจี้ซานไห่ก็เคลื่อนสายตาไปมองหยวนฉางเทียน แต่ประโยคที่พูดออกมากลับเหมือนไม้ที่ฟาดใส่ศีรษะหยวนฉางเทียนอย่างรุนแรง
“ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว”
น้ำเสียงราบเรียบทำให้หยวนฉางเทียนที่เดิมทีรู้สึกย่ำแย่ไร้ใดเปรียบอยู่แล้วแทบจะพังทลาย
ให้ตนอยู่ก็ต้องอยู่ ให้ตนไปก็ต้องไปหรือ
ในสายตาของจี้ซานไห่ ตนกลายเป็นอะไรไปแล้ว
ตนยังมีศักดิ์ศรี ยังมีหน้าตาหรือไม่
หยวนฉางเทียนกล้าสาบานว่าวันนี้เป็นวันที่เขาอับอายที่สุดนับตั้งแต่ฝึกปราณมา!
แต่สุดท้ายเขายังคงจากไป
ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ถูกโจมตีจนถึงขั้นนี้ ต่อให้เขาทีสภาวะจิตแข็งแกร่งเพียงใจ ความคิดอ่านลุ่มลึกแค่ไหน ก็ล้วนมีสัญญาณจะระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
และเมื่อเห็นเงาร่างเขาค่อยๆ ลับตาไป จิ่งจงเยวี่ยอดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ “เจ้าหมอนี่ความอดทนสูงเกินไปแล้ว ไม่ให้โอกาสพวกเราเล่นงานเขาสักนิด”
“ให้เขามีชีวิตอยู่ต่อมีประโยชน์กว่าตาย”
หลินสวินยิ้มพูด
“ยามจากไปข้าอาจจะช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”
จี้ซานไห่กล่าว
อีกเพียงหนึ่งเดือนศึกมรรคอมตะจะปิดม่านลง หลังออกจากแดนมารสิบทิศ สถานการณ์ของหลินสวินจะต้องอันตรายอย่างไร้ที่เปรียบแน่
ครั้งนี้เขาไม่เพียงจัดการผู้เข้าร่วมศึกของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานทั้งหมด ยังได้รับระเบียบระดับเทพมาด้วย
เรื่องเหล่านี้ถูกกำหนดให้ปิดไม่อยู่ ถ้าให้พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่รออยู่โลกภายนอกรู้ มีหรือจะทนข่มความเดือดดาลได้
ที่อันตรายที่สุดคือแดนมารสิบทิศอยู่ใกล้กับหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดมาก หากคนใหญ่คนโตลัทธิพ่อมดต้องการรั้งหลินสวินไว้โดยไม่สนใจอะไร ผลลัพธ์จะต้องร้ายแรงอย่างแน่นอน
เอ่ยถึงปัญหาเรื่องจากไป สีหน้าของทุกคนล้วนเคร่งขรึมขึ้นมา
มีเพียงหลินสวินที่ยิ้มพูด “ทหารมาใช้ขุนศึกต้านรับ น้ำมาใช้ดินถม ทุกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเรื่องนี้”
ทุกคนล้วนรู้ว่าพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ สถานการณ์ที่โลกภายนอกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรย่อมไม่มีใครรู้
แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ คือลัทธิแรกกำเนิดไม่มีทางยอมให้หลินสวินประสบเคราะห์หน้าประตูลัทธิพ่อมดอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้นในมือหลินสวินยังมีชีวิตของเหวินเฉียวสุ่ย ชางฝูเฟิง นี่สามารถทำให้ลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานหวาดเกรงได้
ส่วนขุมอำนาจอย่างสิบยักษ์ใหญ่อมตะ จะกล้าแตกหักกับลัทธิแรกกำเนิดจริงหรือ
นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่ง
“เช่นนั้นหลังจากนี้เจ้าคิดจะทำอย่างไร”
จี้ซานไห่ถาม
“ฝึกปราณ”
หลินสวินกล่าว “ยังมีเวลาหนึ่งเดือน จะเสียเวลาไม่ได้”
จี้ซานไห่อึ้งไป เอ่ยว่า “ดูไม่ออกว่าเจ้าเยือกเย็นกว่าที่ข้าคิดเสียอีก”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ
จากนั้นจี้ซานไห่ก็ให้จิ่งจงเยวี่ยและถานหลิวอวิ๋นจากไป มุ่งหน้าไปคุ้มครองผูซงจื่อกับเยวี่ยโหยวเฟิง ทั้งสองคนฝึกปราณมาโดยตลอด อีกไม่นานก็จะแจ้งมรรคทะลวงขั้นแล้ว
ส่วนจี้ซานไห่กับหลีเจินอยู่ต่อ
ถึงอย่างไรหลินสวินก็มีมรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ พวกเขาจำต้องระวังว่าหยวนฉางเทียนจะเสี่ยงมาลอบโจมตีขณะหลินสวินฝึกปราณหรือไม่
……
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลาหลังจากนี้ หลังจากหลินสวินหลอมเศษเสี้ยวระเบียบระดับเทพทั้งหมดบนร่าง ก็ตัดสินใจว่าจะหลอมระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าเหล่านั้น
ตอนนี้เขามีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าทั้งหมดสิบกว่าสาย
ในนั้นมีที่ตนรวบรวมมาได้ยามอยู่น่านฟ้าที่แปด มีระเบียบเก้ากระบี่ที่ชิงจากมือชางฝูเฟิง และมีทรัพย์หลังศึกที่ชิงมาจากมือของเหวินเฉียวสุ่ย
จนกระทั่งหลังจากหลอมระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าสองสายเต็มๆ หลินสวินถึงตระหนักได้ว่านี่คือขีดจำกัดที่มรรควิถีของตนสามารถรับได้แล้ว!
หลอมมากกว่านี้ก็มีแต่จะผลาญสมบัติชั้นเลิศระดับนี้ไปเปล่าๆ
ก็เป็นตอนนี้เองที่หลินสวินสัมผัสได้ถึงจุดเปลี่ยนของการแจ้งมรรคทะลวงขั้น
ความรู้สึกรุนแรงอย่างที่สุด พวยพุ่งดุดัน!
และวันนี้ ห่างจากวันที่ศึกมรรคอมตะจะจบลงอีกเพียงสองวัน
หลินสวินลุกขึ้น
จิตใจเขาสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับการแจ้งมรรคทะลวงขั้น เขาไม่ฝืนและไม่ดึงดัน ปล่อยไปตามธรรมชาติ
จี้ซานไห่และหลีเจินล้วนตกใจ สายตามองไปยังเวิ้งฟ้าตามสัญชาตญาณ
เมฆาเคราะห์ดำสนิทราวกับหมึกปกคลุมอยู่บนฟ้าครามอย่างไร้สุ้มเสียง หนาหนักกดข่ม ราวกับกลางวันจมสู่รัตติกาลนิรันดร์อันไร้สิ้นสุด
หลินสวินจะแจ้งมรรคทะลวงขั้น!
จี้ซานไห่และหลีเจินสบตากัน ล้วนลุกขึ้นหนีไปไกล ในใจไม่สามารถสงบได้
สิบปี!
จากขั้นดับเทพขั้นต้นก้าวสู่ขั้นดับเทพสัมบูรณ์
และตอนนี้เพียงสิบปีเศษ หลินสวินจะแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น
ทั้งหมดนี้ก็เหมือนปาฏิหาริย์
กลิ่นอายทำลายล้างอันกดดันพลุ่งพล่านอยู่กลางฟ้าดิน รอบด้านเงียบสงัด ทำให้คนหายใจไม่ออก
จี้ซานไห่และหลีเจินล้วนแจ้งมรรคทะลวงขั้นเมื่อไม่นานมานี้ เคยผ่านมหาเคราะห์มาแล้ว แต่ยามสัมผัสถึงกลิ่นอายเคราะห์สวรรค์ของหลินสวิน ทั้งสองล้วนอดหวาดหวั่นไม่ได้
แข็งแกร่งมาก!
น่าสะพรึงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
กลิ่นอายระดับนั้นทำให้พวกเขาที่มีมรรควิถีขั้นหลุดพ้นแล้ว ต่างรู้สึกหนาวเยือกเสียดกระดูก
ไกลออกไปจิ่งจงเยวี่ย ผูซงจื่อ ถานหลิวอวิ๋น เยวี่ยโหยวเฟิงกำลังเร่งเดินทางมาทางนี้พอดี ครั้นเห็นเมฆาเคราะห์บนท้องฟ้าต่างอดอึ้งไปไม่ได้ ในใจสั่นไหว
พวกเขาจะเดาไม่ออกได้อย่างไรว่านี่คือเคราะห์ทะลวงขั้นของหลินสวิน
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าความเร็วในการทะลวงขั้นพลังปราณของหลินสวินจะรวดเร็วขนาดนี้ ทำเอาผู้คนล้วนอึ้งงัน ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!
…………………….