Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2877 ยุ่งยาก
นอกแดนมารสิบทิศ
ฟางเต้าผิงแห่งลัทธิแรกกำเนิด ชิงอวิ๋นแห่งลัทธิวิญญาณ ชื่อเย่แห่งลัทธิฌาน จู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมด รวมถึงเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะล้วนมองไปยังกลางห้วงอากาศ
ประตูน้ำวนบานหนึ่งลอยอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
บรรยากาศเงียบสงัดและกดดัน
เพราะวันนี้เป็นวันที่ศึกมรรคอมตะสิ้นสุดลง
ใครต่างก็รู้ชัดว่าผลลัพธ์ของศึกมรรคอมตะครั้งนี้จะต้องแตกต่างจากที่ผ่านมา ถึงขั้นเป็นไปได้สูงว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันที่ไม่สามารถคาดเดาได้!
เวลาผ่านไปทีละนิด
ในที่สุดประตูน้ำวนที่นิ่งไม่ขยับก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นเงาร่างหนึ่งเดินออกมา
เป็นหยวนฉางเทียน!
หยวนซีหลิวเข้าไปต้อนรับอย่างคาดหวังทันที “นาย… ผู้อาวุโสหยวน ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้เป็นอย่างไร”
หยวนฉางเทียนส่ายหน้า สีหน้าอึมครึม “อย่าถามอีกเลย”
ประสบการณ์น่าอับอายในการช่วงชิงระเบียบระดับเทพ ทำให้จนตอนนี้เขายังจำฝังใจ ทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น เขาก็รู้สึกถึงความอับอายและชิงชังที่อธิบายไม่ถูก
หยวนซีหลิวอึ้งไป สังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าสภาวะจิตของหยวนฉางเทียนผิดปกติ เขาอดขมวดคิ้วไม่ได้
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ล้วนพินิจหยวนฉางเทียนอย่างเย็นเยียบ สายตาวาบประกาย แต่ก็ไม่มีใครเผยความเป็นอริออกมา
ถึงอย่างไรหยวนฉางเทียนก็มาจากน่านฟ้าที่เก้า เป็นบุตรเทพของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวน แม้ครั้งนี้เข้าร่วมในนามลัทธิแรกกำเนิด แต่ก็ไม่มีใครมองเขาเป็นคนของลัทธิแรกกำเนิดจริงๆ
“สหายน้อย ขอถามว่าระเบียบระดับเทพนั่นถูกใครชิงไปหรือ”
จู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมดถามเสียงเบา
พูดถึงเรื่องนี้ในใจหยวนฉางเทียนก็หงุดหงิดขึ้นมาระลอกหนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าว “หลินสวิน”
หลินสวิน!
ทุกคนในที่นั้นต่างเผยสีหน้ายากจะเชื่อ เป็นเขาได้อย่างไร
แม้แต่ฟางเต้าผิงยังอึ้งงัน ในใจสั่นไหวไม่หยุด
ในการคาดการณ์ของเขา จี้ซานไห่ เหวินเฉียวสุ่ย ชางฝูเฟิงคือคนที่มีความหวังในการชิงระเบียบระดับเทพนั่นมาได้ที่สุด
แต่ไม่มีใครคิดว่าผู้ชนะในตอนท้ายกลับเป็นหลินสวิน!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร สหายน้อยเล่าเรื่องในตอนนั้นอย่างละเอียดได้หรือไม่”
จู่เหวินเหิงอดถามไม่ได้
หยวนฉางเทียนสีหน้าไม่น่ามอง นี่จะให้เขาเปิดรอยแผลของตนเองให้อับอายขายหน้าหรือ
สำหรับเขา เรื่องในตอนนั้นเป็นช่วงที่เขาอับอายที่สุดในชีวิต เขาจะใช้มีดแทงใจตัวเองภายใต้สายตาของทุกคนได้อย่างไร
“พวกท่านไปถามหลินสวินเถอะ” หยวนฉางเทียนแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ
ทุกคนล้วนเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้นานเท่าไรแล้ว แวบเดียวก็ดูออกว่ายามชิงระเบียบระดับเทพ หยวนฉางเทียนจะต้องเป็นผู้แพ้ จึงได้ถือสาเช่นนี้
มีคนถาม “สหายน้อย ผู้เข้าร่วมศึกของพวกเราสิบตระกูลในน่านฟ้าที่แปด ถูกหลินสวินสังหารหรือไม่”
หยวนฉางเทียนพยักหน้า
สัตว์ประหลาดเฒ่าของสิบยักษ์ใหญ่อมตะนั่นสีหน้าอึมครึม เป็นเช่นนี้ดังคาด!
“สหายน้อย ผู้เข้าร่วมศึกของลัทธิฌานถูกใครสังหาร”
จอมมุนีชื่อเย่ถาม
หยวนฉางเทียนเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หลินสวิน”
ชื่อเย่ตอบรับคำหนึ่งแล้วไม่พูดอะไรอีก
“ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดคงไม่ได้ถูกหลินสวินสังหารด้วยกระมัง”
จู่เหวินเหิงเองก็อดถามไม่ได้
หยวนฉางเทียนพยักหน้า
อารมณ์ของเขาย่ำแย่มาก หากไม่จำเป็นต้องพูดก็จะไม่พูด
แต่คำตอบของเขายังคงทำให้ในที่นั้นฮือฮา
หลินสวิน!
ชื่อนี้เป็นเหมือนหนามแทงเข้าไปในใจของบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในที่นั้นอย่างรุนแรง
“สหายยุทธ์ฟาง ตอนนี้เจ้ายังพูดอะไรได้อีก จากที่ข้าดูหลินสวินคนนี้จิตใจชั่วร้าย จงใจใช้โอกาสนี้สังหารผู้เข้าร่วมศึกคนอื่นๆ อย่างเหี้ยมโหด!”
จู่เหวินเหิงไอสังหารพลุ่งพล่าน พุ่งเป้าไปที่ฟางเต้าผิง
ฟางเต้าผิงกล่าว “ข้ายังคงยืนยันคำเดิม ศึกมรรคอมตะล้วนต้องปรากฏการล้มตายอย่างไม่อาจเลี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ใช่เพราะผู้เข้าร่วมศึกเหล่านั้นจงใจหาเรื่อง คงไม่ประสบเคราะห์เช่นนี้”
“น่าขัน!”
สีหน้าของจู่เหวินเหิงเย็นเยียบ “ในศึกมรรคอมตะ การแย่งชิงและต่อสู้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ถ้าหลินสวินมีใจเมตตาสักหน่อย ย่อมไม่มีทางเกิดการล้มตายมากขนาดนี้”
ฟางเต้าผิงเอ่ยเรียบๆ “เถียงเรื่องพวกนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าคนแซ่ฟางก็คร้านจะโต้เถียงอะไร หากทุกท่านคิดฉวยโอกาสนี้ทำร้ายหลินสวิน ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับลัทธิแรกกำเนิดของข้า!”
สีหน้าทุกคนล้วนอึมครึมไม่สามารถสงบได้
“เหอะๆ ระเบียบระดับเทพตกอยู่ในมือของหลินสวิน แน่นอนว่าพวกเจ้าลัทธิแรกกำเนิดย่อมต้องปกป้องเขา แต่สหายยุทธ์ฟางก็อย่าเอาคำพูดพวกนี้มาข่มขู่พวกเรา แตกหักกันขึ้นมาจริงๆ ไม่เป็นผลดีต่อใครทั้งนั้น!”
จู่เหวินเหิงหัวเราะเย็นชา
จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น “หากระเบียบระดับเทพตกอยู่ในมือของหลินสวินจริง นี่ก็หมายความว่าบุคคลระดับบุตรเทพทั้งสามอย่างจี้ซานไห่ เหวินเฉียวสุ่ย ชางฝูเฟิงก็พ่ายแพ้แล้วหรือ”
สายตาของทุกคนมองไปทางหยวนฉางเทียนอย่างอดไม่ได้
ในใจหยวนฉางเทียนกระตุกวูบ เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “สถานการณ์ของเหวินเฉียวสุ่ย ชางฝูเฟิงน่าอนาถมาก ไม่เพียงแค่ไม่ได้แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น ยังถูกหลินสวินกำราบทั้งหมด”
สีหน้าของทุกคนต่างเปลี่ยนไป ตกใจกับข่าวนี้
ในนั้นชื่อเย่จากลัทธิฌานและจู่เหวินเหิงจากลัทธิพ่อมดเดือดดาลที่สุด
เหวินเฉียวสุ่ยเป็นตัวแทนของลัทธิฌาน ชางฝูเฟิงเป็นตัวแทนของลัทธิพ่อมด ทั้งสองล้วนมาจากน่านฟ้าที่เก้า เบื้องหลังมีเผ่าเทพนิรันดร์คอยหนุน
แต่ตอนนี้พวกเขากลับประสบเคราะห์ในศึกมรรคอมตะ หากตระกูลเบื้องหลังพวกเขารู้เข้า ลัทธิฌานและลัทธิพ่อมดของพวกเขาก็จะเดือดร้อนไปด้วยอย่างแน่นอน!
“เจ้ามารผจญนี่!!”
จู่เหวินเหิงกดด่าเสียงต่ำลึกอย่างเดือดดาล
หว่างคิ้วของชื่อเย่เองก็ปรากฏความเย็นเยียบ
ผู้เข้าร่วมศึกในขุมอำนาจของพวกเขาร่วงหล่น นี่ยังพอรับได้ แต่ถ้าเหวินเฉียวสุ่ย ชางฝูเฟิงเกิดอันตรายถึงชีวิต พวกเขาก็ต้องเผชิญกับเพลิงโทสะจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวินและตระกูลชาง!
ด้านสัตว์ประหลาดเฒ่าจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะต่างตกใจ หลินสวินคนนี้บ้าคลั่งไปแล้วจริงๆ ถึงกับกล้าลงมือกับคนระดับบุตรเทพของน่านฟ้าที่เก้าเชียวหรือ
ฟางเต้าผิงสบตากับชิงอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกลนัก ความกังวลในใจยิ่งรุนแรง
“แม่นางซานไห่เล่า”
มีคนถาม
“แม่นางซานไห่ย่อมไร้กังวล”
หยวนฉางเทียนเอ่ย “อีกทั้งนางยังใจกว้างมาก ทั้งที่มีโอกาสชิงพลังระเบียบระดับเทพ แต่นางกลับยกโอกาสให้หลินสวิน”
ทุกคนต่างอึ้งไป ประหลาดใจไม่หยุด
จี้ซานไห่เป็นไข่มุกกลางฝ่ามือเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ เป็นธิดาเทพของน่านฟ้าที่เก้า หากเทียบฐานะและตำแหน่งจริงๆ หยวนฉางเทียน ชางฝูเฟิงและเหวินเฉียวสุ่ยยังด้อยกว่าเล็กน้อย
แล้วธิดาเทพอย่างนางจะยอมสละระเบียบระดับเทพได้อย่างไร
ฟางเต้าผิงสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหยวน โปรดระวังคำพูดด้วย เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคำพูดเหล่านี้ของเจ้าเผยแพร่ออกไป จะนำพาความวุ่นวายให้กับแม่นางซานไห่มากมายแค่ไหน”
ระเบียบระดับเทพสำคัญมากเกินไป!
หากตระกูลจี้รู้ว่าจี้ซานไห่ยกวาสนานี้ให้หลินสวิน เกรงว่าต้องเดือดดาลยิ่งแน่
และการที่หยวนฉางเทียนบอกข่าวนี้ต่อหน้าทุกคน เห็นชัดว่ามีเจตนาร้าย!
“ข้าเพียงแค่พูดความจริง หากไม่เชื่อ รอหลังจากแม่นางซานไห่มา ถามนางด้วยตัวเองก็แล้วกัน”
หยวนฉางเทียนกล่าว “ดูออกว่าทุกท่านรับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้ ข้าคนแซ่หยวนเองจนตอนนี้ก็ยังสงสัยยิ่ง ไม่รู้ว่าเหตุใดแม่นางซานไห่จึงทำเช่นนี้”
สีหน้าของฟางเต้าผิงอึมครึมลงอีก
จริงอยู่ว่าตอนนี้หยวนฉางเทียนรับตำแหน่งผู้อาวุโสของลัทธิแรกกำเนิด แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือเขามาจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวนแห่งน่านฟ้าที่เก้า!
หากเปลี่ยนเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดคนอื่นๆ กล้าพูดเช่นนี้คงถูกฟางเต้าผิงกดกำราบไปนานแล้ว
ก็ในตอนนี้เอง
ในประตูน้ำวนนั่นมีเงาร่างทยอยเดินออกมา
ผู้ที่สวมชุดกระโปรงยาวสีเรียบตัวหลวม รูปร่างสูงโปร่งที่อยู่หน้าสุดก็คือจี้ซานไห่ ด้านหลังคือพวกจิ่งจงเยวี่ย ถานหลิวอวิ๋น ผูซงจื่อ เยวี่ยโหยวเฟิง
หลังจากนั้นหลินสวินและหลีเจิน
ยามเห็นภาพนี้ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนต่างไม่ยินดี ในขุมอำนาจที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ มีเพียงลัทธิวิญญาณที่ปลอดภัยทุกคน
แม้แต่ลัทธิแรกกำเนิด ยังมีผู้เข้าร่วมศึกสามคนที่ออกมาได้ในท้ายที่สุด
มีเพียงผู้เข้าร่วมศึกของขุมอำนาจของพวกเขาที่พังทลายแทบหมดสิ้น!
แววตาที่เจือความเดือดดาล ชิงชัง และไอสังหารของสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นมองไปยังคนผู้เดียวโดยไม่ได้นัดหมาย
หลินสวิน!
คล้ายคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าจะมีภาพเช่นนี้เกิดขึ้น สีหน้าของหลินสวินนิ่งสงบมาก
เพียงแต่ตอนที่เขากับหลีเจินจะเข้าไปหาฟางเต้าผิง กลับถูกคนตวาดว่า
“หลินสวิน เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้!”
คนที่เอ่ยปากคือจู่เหวินเหิง เขาสีหน้าเหี้ยมเกรียม “เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนมารสิบทิศพวกเรารู้หมดแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้ความผิดหรือยัง!?”
เสียงราวกับฟ้าร้อง อานุภาพกดข่มอันน่ากลัวพุ่งเป้าไปที่หลินสวินในทันที
“สหายยุทธ์จู่ เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ฟางเต้าผิงก้าวออกมาทันที เอ่ยอย่างเย็นชา “คิดจะแตกหักกันจริงๆ หรือ”
“แตกหักแล้วอย่างไร ผู้เข้าร่วมศึกสี่คนของลัทธิพ่อมดของข้าถูกเขาสังหาร แม้แต่ชางฝูเฟิงยังถูกเขากำราบไม่รู้เป็นตาย เจ้าหลินสวินนี่ต้องมอบให้ลัทธิพ่อมดของข้าจัดการ!”
จู่เหวินเหิงพูดอย่างเย็นเยียบ
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
ใครก็คิดไม่ถึงว่าจู่เหวินเหิงจะรอไม่ไหวเช่นนี้
“หากลัทธิพ่อมดตัดสินใจจะทำลายกฎของศึกมรรคอมตะ เช่นนั้นลัทธิวิญญาณของข้าก็ไม่ยินยอม”
ยามนี้ชิงอวิ๋นเองก็ก้าวออกมา สีหน้านิ่งสงบ
“ก่อนจะจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย หลินสวินนี่ไม่อาจจากไปง่ายๆ เช่นนี้ได้” ชื่อเย่จากลัทธิฌานพนมมือ เอ่ยพูดเสียงขรึม
นี่ก็เท่ากับแสดงจุดยืนแล้ว
“ไม่ผิด หลินสวินคนนี้จิตใจบ้าคลั่ง เหี้ยมโหดป่าเถื่อน คนอื่นๆ สามารถจากไปได้ มีเพียงเขาที่ไม่ได้!”
“ฟางเต้าผิง หากเจ้าหวังดีต่อลัทธิแรกกำเนิดจริง เจ้าอย่าแทรกแซงอีกจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นวันนี้ไม่เพียงแค่หลินสวิน แม้แต่เจ้าก็ไม่สามารถจากไปได้”
“ชิงอวิ๋น เจ้าไม่อาจเป็นตัวแทนของทั้งลัทธิวิญญาณ เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับลัทธิวิญญาณของพวกเจ้า พาคนลัทธิวิญญาณของพวกเจ้าจากไปตอนนี้จะดีที่สุด”
สัตว์ประหลาดเฒ่าจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะต่างพากันเอ่ยปาก
ผืนฟ้านี้เปลี่ยนเป็นกดดัน ไอเข่นฆ่าพลุ่งพล่าน
จี้ซานไห่เห็นภาพนี้แล้วขมวดคิ้วน้อยๆ แต่กลับไม่ได้พูดอะไร
จิ่งจงเยวี่ยเองก็เช่นกัน เขาสงบนิ่งกว่าใคร เพียงแต่ในใจเขาคิดอย่างไรกลับไม่มีใครรู้
หยวนฉางเทียนและหยวนซีหลิวมองดูภาพนี้อยู่ไกลๆ ในสายตามีประกายเย็นเยียบวูบไหว
และในสถานการณ์ตึงเครียดนี้ หลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “รู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ หากพวกเจ้ายังอยากให้เหวินเฉียวสุ่ยกับชางฝูเฟิงมีชีวิตอยู่ต่อ ยอมถอยไปตอนนี้จะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นหากบีบจนข้าคนแซ่หลินร้อนรนขึ้นมา ไม่ว่าเรื่องอะไรข้าล้วนทำออกมาได้”
ว่าพลางเขาก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา เคาะที่ผนังเตาเบาๆ คราหนึ่ง เสียงเดือดดาลของชางฝูเฟิงดังออกมาจากเตากระบี่
“ทุกท่านไม่ต้องสนใจข้า รีบกำจัดเจ้าคนแซ่หลินนี่ซะ!!”
เสียงถอนหายใจเบาๆ ของเหวินเฉียวสุ่ยดังขึ้น “พี่หลิน หากเจ้าปล่อยข้าไปตอนนี้ ข้าสามารถใช้ชื่อของตระกูลเหวินมารับรองให้เจ้าได้ ว่าเจ้าจะสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
ท่าทีของทั้งสองแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าเห็นดังนี้จะมีใครที่ไม่รู้อีก ว่าชีวิตของบุตรเทพสองคนนี้อยู่ในกำมือหลินสวินอย่างมั่นคงแล้ว
ขอเพียงแค่เขาต้องการ ล้วนสามารถกำจัดบุตรเทพสองคนนี้ได้ตลอดเวลา!
นี่ทำให้พวกชื่อเย่ จู่เหวินเหิงทั้งโกรธทั้งตกใจ