Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2882 บดทลายฟ้าดารา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2882 บดทลายฟ้าดารา
ปะทะกันสองหมัดก่อน จากนั้น…
จู่เหวินเหิงก็ถูกกระหน่ำโจมตี!
การต่อสู้ทั้งหมดสิ้นสุดในเวลาแค่ไม่กี่สิบลมหายใจ
แต่ภาพการต่อสู้นั้นกลับดูเผด็จการ นองเลือด กระเทือนใจคนเป็นพิเศษ!
จู่เหวินเหิงคือราชครูดินแห่งลัทธิพ่อมด ฐานะเท่ากับรองหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิด ในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ล้วนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอด ใช่ว่าคนระดับเดียวกันจะเทียบได้
ถึงอย่างไรลัทธิพ่อมดก็เป็นหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ซึ่งสมชื่อคู่ควร ผู้ที่เป็นราชครูดินได้ ใครบ้างไม่ใช่นายเหนือหัวในหมู่คนรุ่นเดียวกัน
แต่ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับคนรุ่นหลังอย่างหลินสวิน จู่เหวินเหิงกลับแพ้จนน่าอนาถยิ่ง!
นี่เหมือนฟ้าถล่มดินทลาย หากแพร่งพรายออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่
ก็เหมือนตอนนี้ที่ต่อให้เห็นการต่อสู้ทั้งหมดกับตา แต่ชื่อเย่ก็รู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง หนาวสั่นในใจ
หากว่ากันตามจริง เขาเป็นคนระดับเดียวกับจู่เหวินเหิง
ความพ่ายแพ้ย่อยยับของจู่เหวินเหิงเคาะสัญญาณเตือนให้กับเขา ทำให้เขานึกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ว่าหากเมื่อครู่ตนรับคำท้าประลองของหลินสวินก่อน เช่นนั้นผู้พ่ายแพ้ตอนนี้…
ก็เกรงว่าคงเป็นตน!
จู่เหวินเหิงหอบหายใจ ดวงตาแทบถลน
ตน… ถึงขั้นถูกคนรุ่นหลังคนหนึ่ง… กระหน่ำซัด!?
จู่เหวินเหิงไม่เข้าใจและไม่อาจยอมรับ ทั้งตัวเขามีความรู้สึกว่าอึ้งงัน
ก่อนหน้านี้คำพูดเขาเต็มไปด้วยความดูถูกหลินสวิน มองว่าเป็นคนรุ่นหลัง มั่นใจว่าเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนเทพบนสวรรค์ไปจัดการมดปลวกตัวหนึ่ง
มีแค่คนสมองผิดปกติที่เชื่อว่ามดปลวกฆ่ามังกรได้!
แต่เรื่องผิดปกตินี้กลับเกิดขึ้นจริงซะอย่างนั้น…
แรงโจมตีนี้มากเกินไปแล้ว กระทั่งสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มากด้วยประสบการณ์อย่างจู่เหวินเหิงยังถูกเล่นงานจนมึนงงและไม่อาจเชื่อ!
เมื่อเห็นสีหน้าของจู่เหวินเหิง ในใจชื่อเย่พลันม้วนซัด มีหรือจะดูไม่ออกว่าตัวจู่เหวินเหิงเองก็ไม่อาจยอมรับเรื่องทั้งหมดนี้
“ยอมแพ้หรือไม่”
หลินสวินเอ่ยปากอีกครั้ง ไอสังหารเข้มข้นเล็งไปที่ร่างของจู่เหวินเหิง ฝ่ายหลังสั่นสะท้านไปทั้งตัว ได้สติกลับมาโดยสมบูรณ์
สีหน้าเขาปรวนแปรไม่หยุด นัยน์ตาคั่งโลหิตช้าๆ ความอับอายและความเกลียดชังที่เด่นชัดจู่โจมจิตใจราวกับกระแสน้ำ
“ยอมแพ้หรือ”
เสียงของจู่เหวินเหิงเหมือนลอดออกมาจากไรฟัน “ได้ ข้าจู่เหวินเหิงยอมจำนน!”
ฟางเต้าผิงที่รอบคอบและระวังตัวมาตลอดลอบโล่งอก
แต่เวลานี้กลับเห็นจู่เหวินเหิงยิ้มเหี้ยมกล่าว “ข้ายอมแพ้ แต่ไม่ได้หมายความว่าลัทธิพ่อมดของข้าจะยอมแพ้เช่นนี้!”
แย่แล้ว!
ในใจฟางเต้าผิงสะดุดกึก
แต่คนที่ตอบสนองเร็วกว่าเขาคือหลินสวิน เมื่อเสียงจู่เหวินเหิงเพิ่งดังขึ้น ไอสังหารที่จับจ้องจู่เหวินเหิงมาตลอดของหลินสวินพลันระเบิดออก
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบลงมาเต็มแรงด้วยอานุภาพไม่อาจทัดเทียม
ตึง!
ขณะเดียวกันยันต์หยกประหลาดในมือจู่เหวินเหิงแหลกละเอียด
เหตุการณ์น่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นแล้ว
พริบตานี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดร่างจู่เหวินเหิงจนระเบิดออก ขณะเดียวกันกลิ่นอายระดับนิรันดร์ชวนประหวั่นจนทำให้ฟ้าดาราแถบนี้สั่นสะเทือนแผ่อบอวลในพริบตา
ทั้งในพริบตานี้เอง กลิ่นอายระดับนิรันดร์นั้นเพิ่งปรากฏ ก็ถูกประตูเนรเทศดูดกลืนไปพร้อมร่างที่แตกระเบิดของจู่เหวินเหิง
เวลาไม่ต่างกันแม้แต่น้อย!
การเคลื่อนไหวและเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นและปิดฉากในพริบตานี้
ถึงขั้นว่าเมื่อฟางเต้าผิงกับชื่อเย่ตอบสนอง จู่เหวินเหิงกับยันต์หยกที่ประทับรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่เขาบีบแตก ล้วนหายไปกลางอากาศแล้ว
เหตุการณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อนี้ทำให้ทั้งสองล้วนอึ้งงัน ทำไมถึง…
ในใจหลินสวินลอบอุทานว่าโชคดี
หากช้าไปเสี้ยวหนึ่งผลลัพธ์นั้นต้องไม่อาจคาดเดาแน่!
ตอนอยู่แหล่งสถานศุภโชคเขาเคยเห็นความน่ากลัวของรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์มาก่อน ย่อมรู้ดีว่าเมื่อรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่จู่เหวินเหิงเรียกออกมาปรากฏตัว ต้องเกิดภัยคุกคามถึงชีวิตกับเขาแน่
แต่ยังดีที่ตอนนี้ทุกอย่างล้วนไม่เกิดขึ้นแล้ว
ทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่อภินิหารประตูเนรเทศม้วนกลืนรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์!
ในใจจู่เหวินเหิงน่าจะอัดอั้นหาใดเปรียบกระมัง เห็นชัดว่าครอบครองไพ่ตายที่พลิกสถานการณ์ได้ แต่เพียงเพราะช้าไปเพียงเสี้ยวจึงทำไม่สำเร็จ!
ผ่านไปครู่ใหญ่ชื่อเย่จึงส่งเสียงกล่าว “หากข้ามองไม่ผิด สิ่งที่จู่เหวินเหิงต้องการเชิญออกมาเมื่อครู่ ก็คือรูปจำลองเจตจำนงของถูหมิงราชครูฟ้าแห่งลัทธิพ่อมด”
“ไม่ผิด”
ฟางเต้าผิงพยักหน้า “เฒ่าชราที่แจ้งมรรคระดับนิรันดร์มาหนึ่งหมื่นเก้าพันปีคนหนึ่ง ได้รับการกล่าวขานว่าฟ้าดินไม่อาจแบกรับ เป็นตัวอันตรายที่เลื่องชื่อลือนามในลัทธิพ่อมด”
แววตาเขาไหววูบอยู่บ้างเล็กน้อย
ถูหมิง!
หากให้รูปจำลองเจตจำนงของเขาปรากฏตัว ครั้งนี้คิดจะจากไป เกรงว่าต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักหน่วงยิ่ง
แต่เรื่องมหัศจรรย์อยู่ที่รูปจำลองเจตจำนงของถูหมิงเพิ่งปรากฏตัว ยังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพก็ถูกเก็บไปแล้ว…
“เจ้าคิดจะทำเช่นไร”
สายตาฟางเต้าผิงมองไปทางชื่อเย่
สายตาของหลินสวินก็มองไปเช่นกัน “ข้อเสนอของข้าคนแซ่หลินยังนับว่ามีผล”
มุมปากของชื่อเย่กระตุกเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น กล่าวว่า “การไปลัทธิแรกกำเนิดคราวนี้ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน หวังว่า… ท่านทั้งสองจะกลับไปอย่างปลอดภัย”
พูดจบเขาก็เหยียบแท่นบัวสีทองแล้วหันหลังจากไป
ในมือเขามีไพ่ตายอยู่เช่นกัน แต่เขารู้ดีว่าในมือฟางเต้าผิงก็มี หลังจากมีหลินสวินเพิ่มขึ้นมาอีกคน ทั้งหมดก็ต่างออกไปแล้ว
จู่เหวินเหิงตายแล้ว หวังจ้งหยวนและสัตว์ประหลาดเฒ่าของสิบยักษ์ใหญ่อมตะก็พินาศย่อยยับ เขาไม่อยากเจริญรอยตาม
“อย่าตาม”
มองส่งเงาร่างของชื่อเย่จากไป ฟางเต้าผิงพลันกล่าวเตือน เขาสังเกตเห็นว่าหลินสวินมีท่าทางหมายจะเคลื่อนไหว
“น่าเสียดายอยู่บ้างแล้ว”
หลินสวินถอนใจเบาๆ
ฟางเต้าผิงส่ายศีรษะ “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายินดี อีกอย่างลาหัวโล้นนี่ไม่มีทางรามือแค่นี้แน่ ไม่ได้ยินที่เขาพูดหรือ เส้นทางขากลับของพวกเราต้องมีอันตรายไม่อาจคาดเดาเกิดขึ้นอีกแน่”
ในใจหลินสวินเครียดขมึง
ทั้งสองออกจากฟ้าดาราแถบนี้ไปทันที
ระหว่างทางหลินสวินหลอมโอสถอมตะสุริยันจันทรา เสริมพลังกายที่ผลาญไปมากอย่างต่อเนื่อง
ในใจฟางเต้าผิงกลับไม่อาจนิ่งสงบ
ผ่านการต่อสู้ก่อนหน้านี้เพิ่งทำให้เขาตระหนักได้ถึงเรื่องหนึ่ง หลินสวินในตอนนี้ไม่ต้องให้เขามาคุ้มครองแต่แรก!
ตรงกันข้าม ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการต่อสู้เมื่อครู่กลับเป็นหลินสวินทั้งสิ้น
ความพังพินาศของพวกหวังจ้งหยวน พลิกสถานการณ์ด้วยมือเขา
แม้แต่จู่เหวินเหิงกับรูปจำลองเจตจำนงของราชครูฟ้าถูหมิงก็ยังถูกหลินสวินกำจัด
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาถึงขั้นไม่ได้ช่วยเท่าไหร่!
นอกจากฟางเต้าผิงจะตกตะลึงแล้ว ยังรู้สึกชื่นใจอย่างยิ่ง ถึงขั้นจิตตกอยู่บ้างรางๆ
ความรู้สึกนี้ชอบกลนัก เจ้าหนุ่มที่ก่อนหน้านี้ยังต้องให้ตนคุ้มครอง ปัจจุบันไปฟันฝ่าขวากหนามเพียงลำพังได้แล้ว…
สองวันต่อมา
ฟางเต้าผิงกับหลินสวินที่กำลังเร่งเดินทางสุดความสามารถหยุดเท้ากะทันหันพร้อมกัน
ในฟ้าดาราที่ห่างไกลมีเงาร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิ
นี่คือบุรุษที่ท่าทางเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่ง สวมชุดดำ ผมยาวสยาย ใบหน้างามขาวกระจ่าง กอดกระบี่ยาวเล่มหนึ่งในอ้อมแขน
เขากำลังดื่มสุรา ท่าทางผ่อนคลาย
แต่เมื่อเห็นคนผู้นี้ ฟางเต้าผิงพลันหรี่ตา รู้สึกจิตใจหดรัด
รูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์คนหนึ่ง!!
แค่มองจากไกลๆ ก็พาให้คนรู้สึกว่าสูงใหญ่เด่นตระหง่านไม่อาจสั่นคลอน
หลินสวินกลับนิ่งสงบนัก
ปีนั้นยามเขาอยู่ในแหล่งสถานศุภโชค เขาเคยเจอรูปจำลองเจตจำนงของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับนิรันดร์มานับไม่ถ้วน ย่อมรู้ดีว่าพลังที่บุคคลระดับนี้ครอบครองน่ากลัวเพียงใด
ก็เหมือนไท่เสวียนที่เป็นรูปจำลองเจตจำนงหนึ่งเท่านั้น แต่สามารถสังหารขั้นหลุดพ้นได้ราวกับเชือดไก่!
หรือเหมือนกับเฉินหลินคงที่ถึงขั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่า สามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์ได้โดยง่าย
ตอนนี้แค่รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์คนหนึ่งขวางอยู่ตรงหน้าเท่านั้น เทียบกับสถานการณ์ที่เขาเจอหน้าเมืองเทพศุภโชคเมื่อปีนั้นแล้วดีกว่ามาก
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การดูถูก แต่เป็นประสบการณ์ของหลินสวิน
ด้วยเคยเจอมาก่อนจึงเยือกเย็นเช่นนี้
“ตระกูลหยวน หยวนซวีคุน รอทุกท่านอยู่ที่นี่มานานแล้ว”
ห่างออกไปชายชุดดำที่นั่งขัดสมาธิดื่มสุราจนหมดจอก เงยหน้ายิ้มให้ฟางเต้าผิงกับหลินสวินน้อยๆ จากนั้นจึงลุกขึ้นเหยียดเอวอย่างเกียจคร้าน
ตูม!
อานุภาพกดดันน่ากลัวที่ไม่อาจบรรยายแผ่ออกมาจากตัวเขาในพริบตา ปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้ กระทั่งทุกอย่างในฟ้าดารานี้เหมือนจับตัวเป็นน้ำแข็งชั่วพริบตา!
ส่วนหลินสวินกับฟางเต้าผิงที่อยู่ในนั้น ก็เหมือนปลาสองตัวที่ถูกแช่แข็งในชั้นน้ำแข็ง ทั้งตัวถูกกำราบอย่างน่าหวาดกลัว
หากอยู่ในขั้นดับเทพ หลินสวินต้องไม่มีพลังมาต้านทานแน่ แม้แต่นิ้วเดียวก็คงขยับไม่ได้
แต่ตอนนี้เขาเป็นแจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้ว พลังยอดอมตะที่แฝงในตัวได้รับการปลดปล่อยเป็นประวัติการณ์ พริบตาที่ถูกกำราบและพันธนาการ การขับเคลื่อนพลังทั่วร่างก็โคจรดังสนั่น
ปัง!
ห้วงอากาศโดยรอบที่มีหลินสวินเป็นศูนย์กลางพลันระเบิดออก กระแสมหามรรคพลุ่งพล่านโหมกระหน่ำ
จากนั้นฟางเต้าผิงก็หลุดออกมาจากแรงกดดันนั้น เรียกยันต์หยกหนึ่งออกมาทันที
ตูม!
ละอองแสงเฉียบคมเจิดจรัสไร้สิ้นสุดโปรยปราย ร่างกำยำประหนึ่งเทพปรากฏ เขาสวมชุดป่าน เบื้องหลังวิวัฒน์ละอองแสงกระบี่ไร้สิ้นสุดออกมา เป็นไท่เสวียนนั่นเอง!
นัยน์ตาหลินสวินวาววาบ คราวนี้จึงเข้าใจกระจ่าง ที่แท้ไพ่ตายของฟางเต้าผิงก็คือรูปจำลองเจตจำนงของผู้อาวุโสไท่เสวียน!
“สถานการณ์ฉุกเฉิน รบกวนหัวหน้าหอไท่เสวียนเปิดทาง”
ฟางเต้าผิงประสานมือ
ไท่เสวียนพยักหน้าน้อยๆ ทอดสายตามองหยวนซวีคุนที่อยู่ห่างไป กลิ่นอายทั่วร่างพลันกู่ก้อง อานุภาพกดดันที่เดิมปกคลุมฟ้าดาราแถบนี้ของหยวนซีคุนเริ่มซ่านเซ็นดุจกระแสน้ำ
“คิดอยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้”
หยวนซีคุนที่อยู่ห่างไปเหมือนไม่รู้สึกผิดคาด สีหน้าราบเรียบกล่าว “ไท่เสวียน ได้ยินว่าทั้งลัทธิแรกกำเนิด นอกจากเจ้าลัทธิแรกกำเนิดแล้ว พลังต่อสู้ของเจ้าถือว่าแข็งแกร่งที่สุด น่าเสียดาย สุดท้ายที่นี่ก็ไม่ใช่น่านฟ้าที่เก้า ไม่อย่างนั้นข้าก็อยากใช้ร่างต้นประลองกับร่างต้นของเจ้าสักรอบจริงๆ”
แขนเสื้อไท่เสวียนพลิกตลบ ร่างสูงโปร่งดุจกระบี่เทพกล่าวว่า “วางใจเถอะ วันนี้ตั้งแต่เจ้ากล้าขวางคนในลัทธิแรกกำเนิดของข้า ก็เป็นศัตรูกับลัทธิแรกกำเนิดของข้าแล้ว วันหน้าข้าจะไปน่านฟ้าที่เก้า ดูว่าพวกเจ้าตระกูลหยวนมีคุณสมบัติอะไรถึงกล้าเป็นศัตรูกับลัทธิแรกกำเนิดของข้า”
เสียงดังก้องฟ้าดารา
หยวนซวีคุนกลับยิ้มแล้ว “นั่นล้วนเป็นเรื่องของอนาคต สำหรับตอนนี้ต่อให้เจ้าลงมือก็ยากจะคุ้มครองคนพวกนี้ได้”
เขาดูมั่นใจหาใดเปรียบ
ไท่เสวียนไม่พูดมากความอีก สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ฟ้าดาราแถบนี้สั่นสะเทือน ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ เหมือนแสงมหามรรคพุ่งออกมาจากความขุ่นมัว เผยกลิ่นอายดั้งเดิมราวกับเบิกฟ้าผ่าดิน
พลังนั้นบีบกดจนดวงดาวนับไม่ถ้วนในห้วงอากาศแถบนี้กลายเป็นจุณ ทั่วฟ้าดาราพลันปั่นป่วน ราวตกอยู่ในความพังทลาย
กระบี่เดียวบดทลายฟ้าดารา!