Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2886 เลื่องชื่อทั่วหล้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2886 เลื่องชื่อทั่วหล้า
หยวนซวีคุนเลิกคิ้วกล่าวเย็นชา “แม้รูปจำลองเจตจำนงของข้าคนแซ่หยวนจะเหลือพลังแค่ครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ผู้ที่ใครจะท้าทายได้ง่ายๆ!”
เงาร่างเขาสูงโปร่ง ท่าทางราวชายหนุ่ม กำยำสง่างาม กอดกระบี่วิญญาณยอดสยบไว้ในอ้อมแขน ขณะกล่าวอานุภาพทั้งตัวแผ่กระจายออกมา ปกคลุมฟ้าดาราแห้งแล้งที่เหมือนซากปรักหักพังแห่งนี้
สีหน้าของหลินสวินกับฟางเต้าผิงเปลี่ยนเป็นพิกลขึ้นมา
มองออกว่าหยวนซวีคุนไม่รู้อะไรจริงๆ ไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่รูปจำลองเจตจำนงของพุทธอดีตเจียหนานที่มรรควิถีแข็งแกร่งกว่าเขา ทั้งมีสมบัติเหนือกว่าขั้นหนึ่งถูกคงเจวี๋ยใช้กระบี่เดียวฟันกระจุยแล้ว
ความไม่รู้จึงน่าหวาดกลัวเช่นนี้!
คงเจวี๋ยยิ้มกล่าว “ก่อนหน้านี้อาการบาดเจ็บบนรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียน ก็คงเป็นคนผู้นี้เหลือทิ้งไว้กระมัง”
หลินสวินกับฟางเต้าผิงพยักหน้าพร้อมกัน
“มือเขาถือกระบี่วิญญาณยอดสยบ เป็นยอดสมบัติพิทักษ์ตระกูลหยวน พลังสังหารชวนตะลึง” ฟางเต้าผิงกล่าวเตือน
คงเจวี๋ยคล้ายขบคิด “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
หยวนซวีคุนกล่าวราบเรียบ “ดังนั้นเจ้าก็คิดจะเจริญรอยตามไท่เสวียนหรือ”
คงเจวี๋ยหัวเราะเหอะขึ้นมา จากนั้นก็แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า เสียงหัวเราะนั้นสั่นสะเทือนจักรวาล หยิ่งผยองกำแหง เหมือนได้ยินเรื่องน่าขันครั้งใหญ่
สีหน้าหยวนซวีคุนอึมครึมลงทีละน้อย
เดิมทีในใจเขายังเกิดความสงสัย ยังคิดอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ให้แน่ชัดก่อนค่อยลงมือ แต่เสียงหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสานของคงเจวี๋ยกลับยั่วโมโหเขาในชั่วขณะเดียว
นี่คือการเยาะเย้ยและท้าทายเขาขนานใหญ่โดยไม่ต้องสงสัย!
ชิ้ง!
หยวนซวีคุนชักกระบี่ออกจากฝัก เจตกระบี่ขาวโพลนดุจหิมะอบอวลด้วยพลังของกฎระเบียบ ประกายคมเจิดจรัส ส่องสะท้อนจนฟ้าดาราแห่งนี้เจิดจ้าไปทั้งแถบ
“ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะหัวเราะได้ถึงเมื่อไหร่!”
เขาตวัดกระบี่พุ่งเข้ามา อานุภาพประดุจเทพ แสงนิรันดร์โหมกระหน่ำพลุ่งพล่าน อานุภาพน่ากลัวหาใดเปรียบ
ตูม!
ปราณกระบี่นั้นเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เผด็จการ เจิดจรัส ดุดัน ดั่งดวงตะวันถาโถมเข้าใส่
คงเจวี๋ยหัวเราะร่าพลางตบน้ำเต้าสุราที่แขวนอยู่ข้างเอว
วู้ม!
น้ำเต้าสุราทะยานสู่ฟากฟ้า ปากน้ำเต้าพ่นแสงเทพขมุกขมัวเหมือนน้ำวนแถบหนึ่งออกมา
เพียงพริบตาปราณกระบี่ที่ฟันมานั้นราวกับถูกมดนับหมื่นกัดกิน สลายหายไปจนเกลี้ยง
นัยน์ตาหยวนซวีคุนหดรัด
ยามนี้คงเจวี๋ยเหวี่ยงหมัดเข้ามาแล้ว โอหังแกล้วกล้า เรียบง่ายตรงไปตรงมา
ตูม!
หยวนซวีคุนใช้กระบี่วิญญาณยอดสยบฟาดฟัน แต่พลังหมัดที่แข็งแกร่งนั้นกลับซัดปราณกระบี่ของเขาจนกระจาย กระเทือนจนเงาร่างไหวเอนไปพักหนึ่ง
จากนั้นพลังหมัดแน่นหนาก็ซัดมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน พลังของแต่ละหมัดล้วนแข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ ปกคลุมทั่วทิศ จับจ้องทุกทาง ทำให้หยวนซวีคุนไม่อาจหลบหรือหลีกเลี่ยงได้อย่างสิ้นเชิง
พริบตานั้นเงาร่างของหยวนซวีคุนถูกพลังหมัดทับซ้อนราวแม่น้ำใหญ่ฝังกลบ
ปังๆๆ!
เสียงระเบิดทึบหนักดังก้องไม่หยุด ทำให้ฟ้าดาราแถบนี้ตกอยู่ในแรงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นต่อเนื่อง
เมื่อมองโดยละเอียด ต่อให้หยวนซวีคุนใช้พลังถึงขีดสุด แต่กลับไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้อย่างสิ้นเชิง กลับเป็นว่าถูกกำราบจนไม่อาจเงยหน้าขึ้น
มองจากไกลๆ เขาก็เหมือนลูกหนังที่กำลังถูกพลังหมัดนับไม่ถ้วนกระหน่ำซัด…
หลินสวินสูดหายใจสะท้าน อาจารย์อาก็ดุดันเกินไปแล้ว!
ฟางเต้าผิงสงบสติลงเล็กน้อยแล้วกล่าว “เจ้าหมอนี่ใช้พลังของรูปจำลองเจตจำนงไปกว่าครึ่ง หากไม่ใช่ว่าครอบครองกระบี่วิญญาณยอดสยบ เกรงว่าคงถูกซัดกระจุยไปนานแล้ว”
เพิ่งพูดถึงตรงนี้
ตูม!
รูปจำลองเจตจำนงของหยวนซวีคุนระเบิดออกเหมือนลูกหนังถูกซัดกระจุย กลายเป็นละอองแสงโปรยปรายทั่วฟ้า
ก่อนตายเขาได้แต่ส่งเสียงคำรามเจือความไม่จำยอม “วันหน้าข้าจะมาสะสางแค้นนี้กับเจ้าแน่!!”
เสียงดังก้องฟ้าดารา
คงเจวี๋ยถ่มน้ำลายออกมา “พวกไก่อ่อน”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหยามเหยียด
เทียบกับเจียหนานแล้ว ภัยคุกคามของหยวนซวีคุนไม่ได้มาก แต่กลับพูดจาใหญ่โตกว่าเจียหนาน ก็ไม่แปลกที่คงเจวี๋ยจะดูแคลนเช่นนั้น
ชิ้ง!
กระบี่วิญญาณยอดสยบที่สูญเสียการควบคุมส่งเสียงกังวาน พุ่งไปยังส่วนลึกของฟ้าดาราทันที
คงเจวี๋ยยื่นมือไปคว้า แต่กลับรั้งมันไว้ไม่ได้!
“เป็นศาสตราจิตที่เกิดจากระเบียบระดับเทพดังคาด ขอเพียงพลังระเบียบระดับเทพถูกตระกูลหยวนควบคุม กระบี่นี้ก็จะไม่มีทางถูกคนอื่นชิงไป…”
คงเจวี๋ยเผยสีหน้ากระจ่าง ไม่นานเขาก็หันกลับมา กล่าวเหมือนยังไม่หายอยาก “บนเส้นทางนี้ยังมีศัตรูคนอื่นตามล่าพวกเจ้าอีกหรือไม่”
หลินสวินกับฟางเต้าผิงสบตากันวูบหนึ่ง ก่อนส่ายหัวพร้อมกัน “เรื่องนี้ยังไม่รู้แน่ชัดจริงๆ”
เดิมทีจู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมดก็พารูปจำลองเจตจำนงของถูหมิง ระดับนิรันดร์คนหนึ่งมาด้วย แต่ยังไม่ทันได้สำแดงอานุภาพก็ถูกประตูเนรเทศเก็บไป…
บนหนทางต่อจากนี้จะมีศัตรูบุกสังหารมาอีกหรือไม่ พวกเขาพูดลำบากจริงๆ
“ช่างเถอะ พวกเรากลับไปลัทธิแรกกำเนิดก่อน”
คงเจวี๋ยส่ายหัวอย่างผิดหวังอยู่บ้าง พาหลินสวินกับฟางเต้าผิงเคลื่อนผ่านฟ้าดาราไปพร้อมกัน
ตลอดทางราบเรียบไร้คลื่นลม ไม่เกิดอุปสรรคใดอีก
ความจริงเคราะห์สังหารเช่นนี้เรียกได้ว่าหายากยิ่งแล้ว
ตั้งแต่พวกหลินสวินออกจากฟ้าดาราที่แดนมารสิบทิศตั้งอยู่ บนเส้นทางนี้พวกเขาถูกเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะล้อมโจมตีก่อน จากนั้นเจียหนานแห่งลัทธิฌาน จู่เหวินเหิงแห่งลัทธิพ่อมดก็ตามมาโจมตี
แค่เคราะห์สังหารเช่นนี้ก็กำจัดขั้นหลุดพ้นเกือบทั้งหมดบนโลกได้แล้ว!
แต่สำหรับพวกหลินสวิน เคราะห์สังหารเช่นนี้กลับเป็นสิ่งที่คลี่คลายได้โดยง่าย
หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นหยวนซวีคุนหรือเจียหนาน พลังรูปจำลองเจตจำนงของพวกเขาล้วนสามารถกำจัดขั้นหลุดพ้นทั้งหมดได้!
ทั้งพวกเขายังพกยอดสมบัติติดตัวมา ด้วยเหตุนี้รูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนจึงบาดเจ็บสะสม สุดท้ายก็ยืนหยัดไม่อยู่และสลายไป
กล่าวได้ว่าครั้งนี้หากคงเจวี๋ยมาช่วยไม่ทันเวลา หลินสวินกับฟางเต้าผิงคิดกลับไปลัทธิแรกกำเนิดอย่างปลอดภัยก็แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ระหว่างทางกลับสู่ลัทธิแรกกำเนิด ในที่สุดหลินสวินก็รู้ว่าที่แท้หลังจากทางสำนักทราบข่าวขอความช่วยเหลือจากฟางเต้าผิง ก็คิดส่งรองหัวหน้าหอสองคนอย่างเสวียนเฟยหลิงและตู๋กูยงมาช่วยทันที
แต่ยามเคลื่อนไหวกลับถูกคงเจวี๋ยที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันขวางไว้
จากนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่คงเจวี๋ยมาช่วยคนเดียวขึ้น แน่นอนว่าสิ่งที่คงเจวี๋ยใช้คือรูปจำลองเจตจำนงหนึ่งเช่นกัน
“มีข้าเข้ามายุ่ง ต่อให้สังหารคู่ต่อสู้คนใดก็ตาม ศัตรูพวกนั้นก็โทษลัทธิแรกกำเนิดไม่ได้ ทั้งชิงเวลาให้ลัทธิแรกกำเนิดจัดการปัญหาภายในได้มากขึ้น”
คงเจวี๋ยกล่าวเสียงเบา “ไม่เช่นนั้นเมื่อผ่านศึกนี้ไป เกรงว่าลัทธิแรกกำเนิดคงต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพตระกูลหยวน รวมถึงสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด ด้วยรากฐานพลังของลัทธิแรกกำเนิดตอนนี้… ยังรับเรื่องขนาดนี้ไม่ได้”
หลินสวินกับฟางเต้าผิงฟังจบแล้วเงียบไปพักหนึ่ง
นี่ก็คือความจริง
ปัญหาของลัทธิแรกกำเนิดมีมากมาย สิ่งสำคัญอยู่ที่สองประเด็น หนึ่งคือหัวหน้าหอสามคนต่างมีปัญหาของตน อีกหนึ่งคือภัยแฝงที่มาจากสิบขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะในลัทธิแรกกำเนิดพวกนั้น
เปรียบเทียบกันแล้วไม่ว่าจะเป็นลัทธิฌานหรือลัทธิพ่อมด สถานการณ์ล้วนดีกว่าลัทธิแรกกำเนิดไม่น้อย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ลัทธิแรกกำเนิดยังก่อคลื่นลมใหญ่อะไรมากเกินไปไม่ได้จริงๆ
จำเป็นต้องรอ
รอไท่เสวียนก้าวออกมาจากการปิดด่าน รอโหยวเป่ยไห่แจ้งมรรคนิรันดร์ รอเหยียนจี้ซ่อมเสริมร่างกายของตน…
“กลับไปครั้งนี้ก็สะสางปัญหาภายในของสำนักก่อน จัดการโรคเรื้อรังและเนื้อร้ายทั้งสำนัก!”
นัยน์ตาหลินสวินมีไอสังหารพลุ่งพล่าน
ด้วยมรรควิถีของเขาตอนนี้ ไม่กลัวขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์แล้ว ถึงเวลาสู้กับศัตรูที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวินแล้ว
นี่เป็นทั้งการกำจัดปัญหาภายในให้ลัทธิแรกกำเนิด และเป็นการล้างแค้นให้ตัวเขาเองด้วย!
…
ลัทธิพ่อมด
เมื่อรูปจำลองเจตจำนงของราชครูฟ้าถูหมิงถูกประตูเนรเทศม้วนกลืนไป ไม่นานก็ถูกเหล่าบุคคลสำคัญของลัทธิพ่อมดล่วงรู้
“ถึงกับพลาดท่าแล้ว!”
“ทำไมเป็นเช่นนี้… นั่นเป็นถึงพลังระเบียบระดับเทพ แต่ถูกผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนั่นเอาไปเช่นนี้รึ”
“ส่งคนตามไปอีก!”
เหล่าบุคคลสำคัญของลัทธิพ่อมดล้วนเดือดดาลหาใดเปรียบ สีหน้าคล้ำเขียว
“ตอนนี้ต่อให้ตามไปก็สายไปแล้ว อย่าลืมสิ พวกที่หมายตาพลังระเบียบระดับเทพนี้ไม่ได้มีแค่พวกเรา ยังมีลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด เผ่าเทพตระกูลหยวนด้วย…”
มีคนถอนใจยาว
ว่ากันตามจริงพวกเขาลัทธิพ่อมดเสียโอกาสไปชิงระเบียบระดับเทพนั่นแล้ว!
…
ลัทธิฌาน
เมื่อชื่อเย่เห็นยอดสมบัติอย่าง ‘คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติ’ กลับมาชิ้นเดียว เขาก็รู้ว่ารูปจำลองเจตจำนงของเจียหนานเสียท่าแล้ว!
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…”
ชื่อเย่หน้านิ่วคิ้วขมวด
ต่อให้สภาวะจิตเขาหนักแน่นดุจหินผา ยามนี้ก็รู้สึกไม่ยินยอมอย่างอดไม่ได้
วันนี้หลังจากรู้ข่าวว่ารูปจำลองเจตจำนงของพุทธอดีตเจียหนานถูกทำลาย ทั่วลัทธิฌานก็ตกอยู่ในความปั่นป่วนครั้งใหญ่
…
ข่าวแบบเดียวกันส่งต่อไปถึงน่านฟ้าที่แปด สิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลหวัง ตระกูลจงหลี ตระกูลฝู ตระกูลฉีทั้งตระหนกและขุ่นเคือง สั่นสะเทือนทั้งบนล่าง
ผู้เข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ไม่เพียงพังพินาศทั้งขบวน แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่นำขบวนพวกนั้นก็ยังสิ้นชีพ!
สิ่งนี้สร้างแรงโจมตีหนักหน่วงให้กับยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกเขา
ต้องรู้ว่าแม้สิบยักษ์ใหญ่อมตะจะยืนตระหง่านบนน่านฟ้าที่แปดมาเป็นเวลาไร้สิ้นสุด รากฐานน่ากลัว อิทธิพลยิ่งใหญ่ แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลกลับเป็นแค่ผู้แข็งแกร่งระดับอมตะขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์
แค่ศึกมรรคอมตะก็ทำให้พวกเขาแต่ละตระกูลสูญเสียเสาหลักเช่นนี้คนหนึ่ง รวมถึงขั้นดับเทพสัมบูรณ์อีกห้าคน ความสูญเสียเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับกล้ามเนื้อทลายกระดูกเคลื่อน!
“หลินสวิน!!”
“เจ้าเดรัจฉานบัดซบนี่!”
“ความแค้นนี้ไม่อาจยุติเพียงเท่านี้แน่!”
“ก็ไม่รู้ว่าเจ้านี่ถูกขุมอำนาจอย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพตระกูลหยวนฆ่าไปแล้วหรือไม่…”
เสียงเช่นนี้ดังก้องในหมู่สิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งผ่านไปหลายวัน
ไม่ว่าจะเป็นลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน เผ่าเทพตระกูลหยวน หรือสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ล้วนรู้ข่าวแน่ชัด…
หลินสวินพร้อมฟางเต้าผิง รอดชีวิตกลับไปลัทธิแรกกำเนิดแล้ว!
ขุมอำนาจใหญ่พวกนี้แทบไม่กล้าเชื่อไปชั่วขณะ ใครจะกล้าจินตนาการว่าภายใต้เคราะห์สังหารแน่นหนาเช่นนี้ หลินสวินถึงกับรอดมาได้อีก?
ข่าวนี้น่าฮือฮาเกินไป ทำให้ขุมอำนาจใหญ่พวกนี้สั่นสะท้านไม่หยุด ไม่อาจนิ่งสงบเนิ่นนาน
ลัทธิวิญญาณ
หลังจากรู้ข่าวว่าหลินสวินรอดชีวิตกลับไปยังลัทธิแรกกำเนิด เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างรั่วซู่ เฉิงอวี๋ จิ่งจงเยวี่ยล้วนเป่าปากโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย วางใจลงอย่างสมบูรณ์ ต่างฝ่ายต่างล้วนยินดีอย่างยากปกปิด
วันนี้หลังจี้ซานไห่รู้ข่าวนี้ก็ไม่ล่าช้าอีก ออกจากลัทธิวิญญาณ เหยียบเส้นทางกลับสู่น่านฟ้าที่เก้า
ไม่ว่าอย่างไรหลินสวินก็มีชื่อเสียงในเหล่าขุมอำนาจใหญ่พวกนี้โดยสมบูรณ์แล้ว!
ถึงขั้นเมื่อข่าวแพร่สะพัด ในน่านฟ้าที่เจ็ด น่านฟ้าที่แปด รวมถึงน่านฟ้าที่เก้า ย่อมเริ่มมีขุมอำนาจมากมายสังเกตเห็นการมีอยู่ของเขาแน่