Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2888 เลื่อนตำแหน่ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2888 เลื่อนตำแหน่ง
สามารถสืบค้นความทรงจำของผู้ฝึกปราณจากพลังจิตได้
ความทรงจำไม่มีทางหลอกลวง
ขอเพียงตอนนั้นหากอวิ๋นเทียนหมิงกับเฉาเป่ยโต้วเคยติดต่อผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูพวกนี้มาก่อน ความจริงนี้ก็ต้องคงอยู่ในความทรงจำของพวกเขา
นี่ก็คือสาเหตุที่พวกฝูเหวินหลีหน้าเปลี่ยนสี
กล่าวได้ว่าหมากตาท้ายที่ซ่อนไว้ของหลินสวินนี้ซัดโจมตีปางตาย!
ฟางเต้าผิงกับหลีเจินล้วนอึ้งงัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าตอนนั้นยามกำจัดผู้ร่วมศึกสิบยักษ์ใหญ่อมตะพวกนี้ หลินสวินยังเหลือวิธีนี้ไว้ด้วย
เสวียนเฟยหลิงกล่าวตรงไปตรงมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เริ่มสืบค้นวิญญาณเถอะ อะไรผิดอะไรถูก ความจริงย่อมกระจ่าง!”
เขาตรงไปข้างหน้ากำลังจะลงมือ
“ช้าก่อน!”
ฝูเหวินหลีสีหน้าอึมครึม “เสวียนเฟยหลิง พลังจิตของผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูข้า ไหนเลยจะถูกหยามเหยียดเช่นนี้ได้ ข้ายอมฆ่าพวกเขา แต่ไม่มีทางให้พวกเขาโดนดูถูกแน่!”
เสวียนเฟยหลิงกล่าวตรงไปตรงมา “ได้ เช่นนั้นเจ้ามาลงมือ”
ฝูเหวินหลีถลึงตามองด้วยโทสะ พูดไม่ออกทันที
เขาจะทำใจฆ่าคนตระกูลตนได้อย่างไร
คนพวกนี้ยังเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นดับเทพสัมบูรณ์ เป็นพลังแกนหลักของพวกเขาตระกูลฝูด้วย!
“ความจริงแล้วไม่ต้องวุ่นวายเช่นนั้น”
เวลานี้หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก “ข้าสืบค้นจิตวิญญาณพวกเขาไว้ก่อนแล้ว ทั้งรวบรวมภาพความทรงจำบางส่วนไว้ด้วย ทุกท่านแค่มองก็จะรู้”
เขาพูดพลางหยิบม้วนหยกเล่มหนึ่งออกมาบีบจนแหลกเบาๆ
ปึง!
จอภาพหนึ่งปรากฏ ในภาพมีผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูคนหนึ่งยืนอยู่กลางภูผาธารา กล่าวสีหน้าตื่นเต้น ‘ฝั่งลัทธิแรกกำเนิดส่งข่าวมาแล้ว ตอนนี้เจ้าหลินสวินนี่อยู่ในเทือกเขาหมื่นห้วยของแดนมารบูรพา!’
ผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูอีกคนที่อยู่ใกล้เอ่ยถาม ‘ข่าวจริงหรือ’
‘เฉาเป่ยโต้วเป็นผู้ส่งข่าว คนผู้นี้คือสุนัขผู้ซื่อสัตย์ของพวกเรา ไม่กล้านำเรื่องนี้มาล้อเล่นเด็ดขาด’
ภาพมาถึงตรงนี้แล้วสลายหายไป
สีหน้าทุกคนในเรือนใหญ่ล้วนเจือความเดือดดาล
ส่วนสีหน้าฝูเหวินหลีไม่น่าดูถึงขีดสุดแล้ว โกรธจนผมตั้ง สายตาจับจ้องหลินสวินเขม็ง “เฉาเป่ยโต้วทรยศ ถูกเจ้าฆ่าตายก็สมควรโดน แต่อวิ๋นเทียนหมิงมีโทษอันใด”
เขายังคงถกเถียง
กลับเห็นหลินสวินยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “รองหัวหน้าหอฝูอย่ารีบร้อน”
เขาพูดพลางหยิบม้วนหยกอีกม้วนออกมาบีบแหลกอีกครั้ง
จอภาพหนึ่งปรากฏในครรลองสายตาของทุกคน
ในภาพผู้ร่วมศึกตระกูลตงหวงคนหนึ่งเอ่ย ‘ข่าวที่ตระกูลฝูบอกมาคือเรื่องจริง เมื่อครู่อวิ๋นเทียนหมิงก็ส่งข่าวมายืนยันประเด็นนี้แล้ว’
‘ได้ พวกเราไปรวมตัวกับหวังเจวี๋ยฮ่วน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดเจ้าเดรัจฉานหลินสวินนี่!’
ผู้แข็งแกร่งตระกูลตงหวงส่วนหนึ่งที่อยู่ใกล้รับคำ
ภาพมาถึงตรงนี้ก็กระจายหายไป
ตงหวงชิงซึ่งติดตามพวกฝูเหวินหลีมาที่นี่ หลังจากเห็นทุกอย่างนี้ด้วยตาตนเองแล้วหน้าดำทะมึน ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง
เมื่อมองฝูเหวินหลี สีหน้ายิ่งดำราวก้นหม้อ ทรวงอกกระเพื่อมไหวฮวบฮาบ เดือดดาลถึงขีดสุด
ต่อหน้าหลักฐานแน่นหนานี้ แม้ว่าเขาอยากถกเถียงก็หาคำพูดไม่ได้ทันที
สีหน้าของเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวก็ไม่น่าดูนัก
พวกเขามาเพื่อคาดคั้นเอาความ เดิมต้องการฉวยโอกาสนี้ซัดหลินสวินให้คว่ำ ต่อให้ฆ่าไม่ตายก็ต้องทำให้หลินสวินถูกถลกหนัง
แต่ใครจะคิดว่าสถานการณ์กลับพลิกผัน!
“ตอนนี้ไม่เพียงพิสูจน์ว่าหลินสวินถูกคนทรยศสองคนนี้ใส่ร้าย ยังพิสูจน์ว่าผู้ร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะนั่นต้องการกำจัดผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดของเราอย่างเสียสติด้วย เจตนาชั่วช้า!”
เสวียนเฟยหลิงกล่าวเย็นชา “หลินสวิน เจ้ามอบพลังจิตของผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูให้รองหัวหน้าหอฝู ข้าอยากดูนักว่าในสายตาของรองหัวหน้าหอฝู คนตระกูลฝูของพวกเขาสำคัญ หรือผู้สืบทอดกับกฎระเบียบสำนักสำคัญกว่ากันแน่!”
“ขอรับ”
หลินสวินโยนพลังจิตที่ถูกกักขังพวกนั้นลงพื้นต่อหน้าฝูเหวินหลีทันที
เวลานี้ทุกสายตาในเรือนใหญ่ล้วนมองไปทางฝูเหวินหลีคนเดียว
สีหน้าเขาปรวนแปรไม่หยุด โกรธจนผมตั้ง ใครต่างก็มองออกว่าในใจเขาขัดแย้งรุนแรงหาใดเปรียบ
ยามนี้พวกฉีเซียวอวิ๋นกับชือเวินล้วนไม่อาจสอดปาก
เสวียนเฟยหลิงต้องการนำเรื่องนี้มาเอาความชัดๆ ทั้งยังยึดครองคุณธรรมและเป็นฝ่ายได้เปรียบ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครแทรกแซงก็เป็นการหาเรื่องใส่ตัว
กล่าวสรุปโดยง่ายคือ ได้แต่ดูว่าฝูเหวินหลีจะตัดสินใจอย่างไรแล้ว
ครู่ใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศกดดันเงียบสงัด ฝูเหวินหลีกล่าวเสียงแหบพร่า “คนในตระกูลพวกนี้คิดทำร้ายผู้สืบทอดของสำนัก ไร้มโนธรรม ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย วันนี้… ข้าจะกำจัดญาติเพื่อคุณธรรม!!”
ประโยคสุดท้ายเหมือนลอดออกมาจากทรวงอก
พูดจบเขาก็ยื่นมือตบลงไป
ตูม!
พลังจิตห้าสายที่ถูกกักขังของผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูถูกซัดกระจุยตรงๆ กลายเป็นละอองแสงหายไป
ผู้คนมากมายใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไป ฝูเหวินหลีช่างเหี้ยมนัก!
เสวียนเฟยหลิงพยักหน้าพลางกล่าว “เมื่ออยู่ต่อหน้าความจริง รองหัวหน้าหอฝูยังรู้ผิดพร้อมแก้ไข รั้งบังเหียนม้ายามถึงหน้าผาชัน ตอนนี้ยังกำจัดญาติผดุงความเป็นธรรม เรื่องในวันนี้ก็พอแค่นี้เถอะ”
ความจริงในใจเขากลับเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อย
หากฝูเหวินหลีกล้าปกป้องผู้แข็งแกร่งตระกูลฝูพวกนั้น เขาย่อมกล้าฉวยโอกาสนี้ใช้ชื่อของสำนักโจมตีฝูเหวินหลีให้คว่ำในคราเดียวแน่นอน!
สีหน้าของฝูเหวินหลีตอนนี้สามารถใช้คำว่าคล้ำเขียวและแข็งทื่อมาบรรยายได้
เขามองไปที่หลินสวิน “ผู้ดูแลหลิน ระวังตัวให้ดี!”
พูดจบเขากำลังจะจากไป ก็เห็นเสวียนเฟยหลิงกล่าว “รองหัวหน้าหอฝูช้าก่อน”
“ยังมีเรื่องใดอีก”
ฝูเหวินหลีขมวดคิ้ว
เสวียนเฟยหลิงกล่าวง่ายๆ “เฉาเป่ยโต้วทรยศสำนัก ตอนนี้ถูกหลินสวินฆ่าตายแล้ว หอแรกนภาก็เท่ากับมีตำแหน่งผู้อาวุโสว่างหนึ่งตำแหน่ง พวกเราหารือกันแล้ว ผลงานต่อสู้ในศึกมรรคอมตะครั้งนี้ของหลินสวินจัดอยู่ในอันดับหนึ่ง สร้างผลงานโดดเด่นให้พวกเราลัทธิแรกกำเนิด ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าตั้งแต่วันนี้ไปหลินสวินจะดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสแทนเฉาเป่ยโต้ว”
นัยน์ตาฝูเหวินหลีหดรัด “เจ้ากำลังถามความเห็นของข้าหรือ”
“ไม่ ข้าแค่อยากให้เจ้ารู้ล่วงหน้าสักหน่อย”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มกล่าว “ตามกฎของสำนัก ผู้สร้างผลงานโดดเด่นล้วนเลื่อนขั้นโดยไม่อิงกฎได้”
ฝูเหวินหลีกำสองมือในแขนเสื้อแน่น เนิ่นนานกว่าจะควบคุมเพลิงโทสะในใจได้ กล่าวว่า “หากข้าไม่ขัดขวาง พี่เสวียนคิดจะเลื่อนตำแหน่งเจ้านี่เป็นรองหัวหน้าหอ เข้ามาแทนตำแหน่งข้าใช่หรือไม่”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มน้อยๆ “รองหัวหน้าหอฝูอย่าพูดด้วยความโมโห แต่จากสภาวการณ์เลื่อนขั้นของหลินสวิน บางทีอาจใช้เวลาไม่นานก็เข้ามาแทนใครก็ตามในหมู่พวกเรารองหัวหน้าหอเก้าคนได้”
“หึ!”
ฝูเหวินหลีคร้านจะพูดอะไรอีก สะบัดแขนเสื้อจากไป
เขากังวลว่าหากอยู่ต่อคงโกรธจนกระอักเลือด
เห็นดังนี้พวกฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิวก็จากไป ไม่มีหน้าอยู่ต่ออีก
ขณะพวกเขาเพิ่งก้าวออกจากเรือนใหญ่ หลินสวินก็ยิ้มพลางเอ่ย “ลืมบอกไป ผู้ร่วมศึกสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่เข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้พินาศทั้งขบวน แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าที่นำขบวนพวกนั้นก็ไม่รอดสักคน เหตุการณ์นั้น… ช่างน่าอนาถจริงๆ”
นอกเรือนใหญ่ พวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นตัวแข็งทื่อราวกับถูกฟ้าผ่า
ครู่ใหญ่พวกเขาจึงจากไปอย่างรีบเร่ง
แต่ในเรือนใหญ่กลับมีเสียงหัวเราะระลอกหนึ่งดังขึ้น ไหนเลยจะไม่รู้ว่าพวกฝูเหวินหลีคงโกรธจนแทบเป็นบ้าแล้ว
งานเลี้ยงดำเนินต่อไป บรรยากาศคึกคักยิ่งกว่าเดิม
สำหรับเรื่องนี้ในใจทุกคนถือว่าผ่อนลมหายใจได้บ้าง
แต่สำหรับหลินสวิน นี่ยังห่างไกลจากคำว่าพอ!
เขากลับมาครั้งนี้ เป้าหมายใหญ่ที่สุดก็คือเก็บกวาดศัตรูภายในสำนักให้สิ้นซาก
แต่หลินสวินก็รู้ดีว่าเรื่องนี้รีบร้อนไม่ได้ วันนี้เขาเพิ่งกลับมายังสำนัก ไม่อาจรีบร้อนเกินไป
กระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุด
หลินสวินกำลังคิดกลับไปยังถ้ำสถิตของตน เสวียนเฟยหลิงก็เรียกรั้งเขาไว้
“ฟางเต้าผิงไม่ได้บอกเจ้าหรือ ผู้สร้างผลงานสูงสุดให้สำนักในการเข้าร่วมศึกมรรคอมตะครั้งนี้ สามารถได้รับรางวัลอย่างหนึ่งจากสำนัก”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มกล่าว
หลินสวินตบหน้าผาก “เกือบลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ”
“เดิมทีตามความคิดแรกของพวกเราคือตกรางวัลเป็น ‘น้ำค้างเทพฟ้าประทาน’ ขวดหนึ่งที่เกิดจากระเบียบระดับเทพของสำนัก แต่ปัจจุบันเหมือนว่ารางวัลนี้กลับดูน่าเกลียดอยู่บ้าง”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มกล่าว “ดังนั้นพวกเราจึงเห็นพ้องต้องกัน นอกจากน้ำค้างเทพฟ้าประทานแล้ว สักวันหนึ่งยามเจ้าไปชิงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ พวกเราทั้งหมดจะสนับสนุนเจ้าเป็นอย่างไร”
ดูเหมือนกังวลว่าหลินสวินจะฟังไม่เข้าใจ เขากล่าวเสริมประโยคหนึ่ง “เจ้าเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ทั้งเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด รอเจ้ากลายเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์แล้ว ศัตรูของเจ้าก็คือศัตรูของลัทธิแรกกำเนิด เข้าใจไหม”
หลินสวินใจสะท้าน มีหรือจะไม่เข้าใจอีก
นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจน ภายหน้าเมื่อเขาไปจัดการศัตรู ลัทธิแรกกำเนิดจะเป็นกองหนุนของเขา!
ความยิ่งใหญ่ของสัญญานี้ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติใดจะเทียบได้
หลินสวินสูดหายใจลึก ประสานมือคารวะกล่าว “ขอบคุณผู้อาวุโส!”
เสวียนเฟยหลิงยิ้มกล่าว “ความจริงก่อนเจ้าเข้ามาในลัทธิแรกกำเนิด ศิษย์พี่สามรั่วซู่ของเจ้าได้เผยความคิดบางส่วน ในสายตาศิษย์พี่สามของเจ้า ลัทธิแรกกำเนิดมีทั้งศึกนอกศึกใน แต่หากมีเจ้าครองตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ ภายหน้าต้องนำพาลัทธิแรกกำเนิดให้ฟื้นคืนอำนาจเหมือนก่อนได้แน่ กระทั่งเหนือกว่าหอบรรพจารย์อื่นด้วย”
“ตอนนั้นคนแก่อย่างพวกเราเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ถึงอย่างไรเวลานั้นเจ้าเพิ่งอยู่แค่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ เป็นเจ้าหนุ่มที่ไม่เคยแม้แต่ก้าวสู่มรรคาอมตะคนหนึ่ง อาศัยคำพูดของศิษย์พี่สามเจ้า มีหรือจะโน้มน้าวเฒ่าชราอย่างพวกเราได้”
“แต่พวกเราตัดสินใจให้โอกาสเจ้าพิสูจน์ตัวเอง แน่นอนว่านี่ก็เป็นโอกาสหนึ่งของลัทธิแรกกำเนิดเช่นกัน ตอนนี้เจ้าพิสูจน์ตัวเองแล้ว เฒ่าชราอย่างพวกเราย่อมใช้พลังทั้งหมดสนับสนุนเจ้าขึ้นสู่ตำแหน่งเป็นธรรมดา!”
คำพูดนี้ทำให้จิตใจหลินสวินไหวหวั่น
เขาคิดไม่ถึงว่าก่อนมาลัทธิแรกกำเนิด ศิษย์พี่สามถึงขั้นเคยคุยกับเหล่าผู้อาวุโสของลัทธิแรกกำเนิดอย่างลับๆ!
“นี่คือน้ำค้างเทพฟ้าประทาน ทุกหมื่นปีจึงจะควบรวมออกมาจากระเบียบระดับเทพได้สิบหยด สิ่งที่บรรจุไว้ในขวดนี้คือน้ำค้างเทพสิบหยดซึ่งรวบรวมได้ในช่วงหมื่นปีนี้”
เสวียนเฟยหลิงหยิบขวดหยกหนึ่งออกมามอบให้หลินสวิน “สมบัตินี้มีความอัศจรรย์ไม่อาจประเมินต่อการฝึกปราณขั้นหลุดพ้น แม้แต่ยามต่อสู้ เมื่อพลังแห้งเหือด ขอแค่ดื่มหนึ่งหยดก็จะฟื้นคืนสภาพยอดเยี่ยมได้ในพริบตา เจ้าต้องถนอมใช้ให้ดี”
หลินสวินรับมาด้วยสองมือ คำนับขอบคุณอีกครั้ง ในใจรู้สึกอบอุ่น
“ไปเถอะ ในเมื่อกลับมาถึงสำนักก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นอีก ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาก็มีพวกเราเหล่ากระดูกเฒ่าคอยต้าน” เสวียนเฟยหลิงกล่าว
“เอ้อ” หลินสวินกำลังเตรียมตัวจากไป แต่เพิ่งนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ยังมีเรื่องหนึ่งต้องขอคำชี้แนะจากท่าน”
“เรื่องใดหรือ”
หลินสวินกล่าวเสียงเบา “ยามอยู่แดนมารสิบทิศ ข้ากักพลังจิตของบุตรเทพสองคนจากเผ่าเทพตระกูลเหวินและตระกูลชางไว้ ตอนนี้ยังถูกกำราบอยู่ในสมบัติของข้า ท่านคิดว่าควรจัดการอย่างไรจึงจะดี”
เสวียนเฟยหลิงอึ้งงัน ครู่ใหญ่จึงกล่าวด้วยสีหน้าพิกล “เจ้าหนูอย่างเจ้า… ช่างใจกล้าเหิมเกริมจริงๆ…”
เขาทั้งทอดถอนใจและตกตะลึง