Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2893 เคลื่อนไหวชำระล้าง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2893 เคลื่อนไหวชำระล้าง
ฝูเหวินหลีกับทังชิวเหมือนสัตว์ติดอยู่ในกรง ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง
นอกประทับผนึกเวลา สายตาหลินสวินมองพวกเขาอย่างเฉยชาแล้วกล่าว “รู้สึกอย่างไร”
ฝูเหวินหลีกล่าวเย็นชา “ต่อให้สังหารพวกเรา สิบขุมอำนาจอมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดก็ต้องไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ถึงขั้นจะฝังต้นตอภัยพิบัติอย่างลัทธิแรกกำเนิดเพราะการกระทำของเจ้าในวันนี้ ดังนั้นตอนนี้เจ้าไม่ต้องมาวางอำนาจบาตรใหญ่!”
หลินสวินยิ้มออกมา “ข้ากลับอยากถาม ว่าพวกเจ้าสิบขุมอำนาจใหญ่เคยล้มเลิกการเคลื่อนไหวเพื่อจัดการข้าคนแซ่หลินหรือ ตั้งแต่ตอนอยู่แดนใหญ่พันศึก กระทั่งข้าคนแซ่หลินเข้าสู่โลกยอดนิรันดร์ ในการเข่นฆ่านองเลือดที่ผ่านมา ทุกหนแห่งล้วนมีเงาของพวกเจ้าสิบขุมอำนาจใหญ่อยู่ เจ้าคิดว่าจนถึงตอนนี้ข้าคนแซ่หลินยังกลัวเรื่องพวกนี้อีกหรือ”
เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวต่อ “นานมาแล้วยามอาจารย์ข้าเจ้าแห่งคีรีดวงกมลใช้เส้นทางผ่านน่านฟ้าที่แปดเพื่อมุ่งหน้าสู่น่านฟ้าที่เก้า พวกเจ้าแต่ละคนล้วนก้มหน้าไม่กล้าสามหาว แต่หลังจากรู้ข่าวว่าอาจารย์ข้าประสบเคราะห์ในน่านฟ้าที่เก้า พวกเจ้าก็มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจัดการข้าคนผู้สืบทอดคีรีดวงกมล พวกเจ้าไม่คิดว่า… พวกเจ้าเป็นเหมือนฝูงสุนัขเฝ้าประตูหรือ”
“ยังมีลั่วทงเทียนตาทวดของข้า ตอนนั้นยามมุ่งหน้าไปประตูนิรันดร์ก็ถูกสุนัขอย่างพวกเจ้าลอบโจมตีด้วยกระมัง ความแค้นนี้ข้าคนแซ่หลินไม่กล้าลืมมาตลอด”
สีหน้าฝูเหวินหลีไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม “ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร หากเจ้าคิดฉวยโอกาสนี้หยามหน้าข้า เช่นนั้นก็ละเมอเพ้อพกแล้ว”
หลินสวินกล่าวราบเรียบ “ไม่ว่าจะละเมอเพ้อพกหรือไม่ ความเป็นตายของพวกเจ้าล้วนขึ้นอยู่กับความคิดเดียวของข้า!”
ทังชิวซึ่งไม่พูดมาตลอดหน้าเปลี่ยนสี กล่าวเสียงแข็ง “หลินสวิน พวกเราล้วนเป็นรองหัวหน้าหอแห่งลัทธิแรกกำเนิด หากเจ้ากล้าทำร้ายพวกเรา ลัทธิแรกกำเนิดทั้งบนล่างต้องไม่ยอมรับเจ้าแน่!”
หลินสวินยิ้มออกมา แววตาล้ำลึก “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนถูกข้าใช้ม้วนหยกบันทึกไว้ทั้งหมด พวกเจ้าคิดว่าหากทั้งสำนักเห็นภาพพวกนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร”
ใจของทังชิวตกไปที่ตาตุ่ม ดวงตาปูดโปนกล่าว “ที่แท้เจ้าก็วางแผนไว้ก่อนแล้ว!”
หลินสวินกล่าวเปิดเผย “ช่วยไม่ได้ ระวังตัวหน่อยก็ไม่ผิด”
ตูม!
ฝูเหวินหลีพลันลงมือ หมายทำลายประทับผนึกเวลา เห็นชัดว่าเขารู้ว่าหลินสวินจะลงดาบสังหาร ถึงได้ตัดสินใจสู้สุดชีวิตแล้ว
แต่ประทับผนึกเวลานี้แข็งแกร่งถึงขั้นกักรูปจำลองเจตจำนงของระดับนิรันดร์อย่างหยวนซวีคุนได้หลายชั่วยาม มีหรือจะเป็นสิ่งที่เขาสั่นคลอนได้
ก็เห็นประทับผนึกเวลาเกิดคลื่นเป็นวงๆ ราวกับปราการทรงพลังเกินต้านทาน แม้ฝูเหวินหลีทุ่มสุดชีวิตก็ไม่อาจทำลายได้
นี่ทำให้เขาสิ้นหวังอย่างอดไม่ได้
เจ้าปีศาจคีรีดวงกมลนี่แข็งแกร่งถึงขั้นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เวลานี้หลินสวินไม่พูดมากอีก ร่างต้นกับกายมรรคทั้งห้าของเขาพุ่งเข้าประทับผนึกเวลาพร้อมกัน เปิดฉากเข่นฆ่าแล้ว
แค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น ฝูเหวินหลีกับทังชิวล้วนถูกสังหาร!
พวกเขายังคิดลากหลินสวินไปตายด้วย น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วยังเปล่าประโยชน์
ก่อนตายล้วนเจือความไม่ยินยอมและเคียดแค้น
หลินสวินเก็บกวาดสนามรบ เจอม้วนหยกม้วนหนึ่งในของติดตัวของฉีเซียวอวิ๋น
ก่อนหน้านี้ฉีเซียวอวิ๋นรอเวลาสามวัน ม้วนหยกม้วนนี้จึงปรากฏ
และเป็นเพราะม้วนหยกนี้ ถึงทำให้ฉีเซียวอวิ๋นแน่ใจว่าหลินสวินไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นในสำนัก
หลินสวินเปิดม้วนหยก เสียงแหบชราหนึ่งดังออกมาจากในนั้น “เสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง… ล้วนไม่มีใครออกจากสำนัก สังหารหลินสวินได้อย่างวางใจ”
นี่คือเสียงของหยวนซีหลิว!
หลินสวินหรี่ตาเล็กน้อย ‘พวกเจ้าสมคบคิดกันนานแล้วดังคาด’
เขาไม่ได้เดือดดาล เดิมทีนี่ก็อยู่ในการคาดเดาของเขา
“พี่เถา รู้สึกอย่างไรบ้าง”
หลินสวินนำเถาเหลิ่งออกมาจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ทั้งปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
เถาเหลิ่งหน้าตามึนงง วิงเวียนศีรษะเล็กน้อย “สถานการณ์คลี่คลายแล้วหรือ”
หลินสวินพยักหน้ากล่าว “ไม่รอดสักคน”
เถาเหลิ่งขานรับว่าอ้อ สมองเขายังสับสนอยู่บ้าง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง สูดหายใจหนาวสะท้านแล้วกล่าว “เจ้าบอกว่าพวกฝูเหวินหลีตายหมดแล้วหรือ”
“อย่าตื่นตูมเช่นนี้ได้ไหม” หลินสวินกล่าวไม่สบอารมณ์
เถาเหลิ่งหน้าตาตกตะลึง กล่าวว่า “สี่คนนั้นเป็นถึงรองหัวหน้าหอ! เจ้ารู้ไหมว่ายามพวกเขาสักคนออกไปข้างนอก ยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดยังต้องให้เกียรติถึงสามส่วน แต่เจ้ากลับฆ่าพวกเขาหมด เจ้าจะไม่ให้ข้าตื่นตูมได้อย่างไร”
หลินสวินนวดหว่างคิ้ว ใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วกล่าวจริงจัง “พี่เถา จากนี้ไปท่านควรยอมรับความจริงว่าข้าเปลี่ยนไปจนแข็งแกร่งได้แล้ว”
หากเป็นเมื่อก่อนเถาเหลิ่งคงสบถใส่อย่างดูถูก หัวเราะด่าเขาว่ายกหางตัวเองแน่
แต่ตอนนี้…
เถาเหลิ่งกลับอึ้งงัน
ใช่แล้ว ภาพความทรงจำที่ตนมีต่อหลินสวินเหมือนว่ายังหยุดอยู่ตรงเวลาที่เขาเพิ่งเข้าลัทธิแรกกำเนิดเมื่อหลายปีก่อน
พอใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ทั้งลัทธิแรกกำเนิดก็เหมือนเขา ยังไม่รู้ซึ้งอย่างแท้จริงว่าหลินสวินในตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนนานแล้ว
เขาเป็นขั้นหลุดพ้นแล้ว มีรากฐานพลังที่กำราบสังหารขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ สามารถทำให้เหล่ารองหัวหน้าหอทั้งลัทธิแรกกำเนิดหม่นแสง!
ในสถานการณ์ที่หัวหน้าหอสามคนไม่เผยตัว ทั่วลัทธิแรกกำเนิดพลังต่อสู้ของใครจะสู้หลินสวินได้
หากกวาดสายตามองทั่วโลกยอดนิรันดร์ หลินสวินในตอนนี้ย่อมอยู่เหนือกว่าน่านฟ้าที่เจ็ด สามารถไปงัดข้อกับกำลังพลชั้นยอดของสิบยักษ์ใหญ่อมตะได้!
อานุภาพของเขาไม่ใช่สิ่งที่ระดับอมตะทั่วไปเทียบได้นานแล้ว
ต่อให้อยู่มานานแล้วอย่างไร
อดีตมีชื่อเสียงร้ายกาจแล้วอย่างไร
เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินก็ถูกซัดกระจุยหมด!
พูดอย่างไม่เกินจริงว่าหลินสวินในตอนนี้ ต่อให้เทียบกับเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดเมื่อปีนั้นก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน
ถึงขั้นมีแต่จะเหนือกว่า!
เถาเหลิ่งทอดถอนใจไม่หยุดทันที
“พี่เถา ท่านแน่ใจว่าไม่บาดเจ็บจริงหรือ”
หลินสวินเห็นเถาเหลิ่งไม่พูดจาเนิ่นนาน เขาอดกังวลอยู่บ้างไม่ได้
เถาเหลิ่งพลันส่ายศีรษะกล่าวว่า “ไม่เป็นไร การเคลื่อนไหวครั้งนี้เดิมทีข้าก็เจตนาให้พวกเขาจับตัว ยิ่งไปกว่านั้นคนใหญ่คนโตอย่างพวกเขาล้วนไม่ยอมลงมือกับข้าแน่”
หลินสวินเป่าปากโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี”
หลายวันก่อนเขากับเถาเหลิ่งลอบหารือกัน ตัดสินใจว่าให้เถาเหลิ่งเป็นเหยื่อล่อ ออกจากลัทธิแรกกำเนิดเพื่อเดินทางไกล ใช้วิธินี้ดึงดูดความสนใจของศัตรู
เป้าหมายสุดท้ายคือเพื่อกำจัดศัตรูตัวฉกาจในลัทธิแรกกำเนิดเหล่านั้น
จากการใคร่ครวญของหลินสวินก่อนหน้านี้ หากอยู่ในลัทธิแรกกำเนิดคงไม่มีโอกาสใดให้ลงมือโดยสิ้นเชิง ทั้งการละเมิดกฎของสำนักก็ไม่เหมาะสม
ด้วยเหตุนี้จึงมีแค่ใช้อุบายล่อศัตรูให้ลงมือก่อน จากนั้นจึงกำจัดอีกฝ่ายได้โดยชอบธรรม
ส่วนสาเหตุที่เลือกเถาเหลิ่ง ความคิดของหลินสวินนั้นง่ายมาก
หากเปลี่ยนเป็นตัวเขาออกเดินทางไกลเอง ย่อมทำให้ศัตรูพวกนั้นระแวงแน่ สงสัยว่าเขาทำเช่นนี้ด้วยมีแรงจูงใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่ถ้าเป็นเถาเหลิ่งก็ต่างออกไปแล้ว
เถาเหลิ่งสนิทสนมกับตนที่สุด ทั้งเป็นแค่ผู้ดูแลคนหนึ่ง ถ้าเขาเป็นเหยื่อล่อออกเดินทางไกลก็ไม่ทำให้ศัตรูระแวงมากเกินไป
จริงดังคาด ศัตรูติดกับแล้ว!
พวกฝูเหวินหลีอวดตัวว่าระวังรอบคอบ เจตนาวางอุบายตลอดทาง ถึงขั้นลองหยั่งเชิงหลายครั้ง ยืนยันว่าเขาไม่ได้เชิญผู้อื่นมาช่วย กล่าวได้ว่าทุ่มเทครุ่นคิดอย่างหนัก
แต่พวกเขาน่าจะคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง ว่าเดิมทีทุกอย่างนี้ก็อยู่ในแผนการของหลินสวิน!
แน่นอนว่าหลินสวินก็คิดไม่ถึงว่าแผนการที่หยวนฉางเทียนกำหนดไว้โดยละเอียด เป้าหมายก็อยู่ที่ตัวเถาเหลิ่ง
กระทั่งแผนการของทั้งสองคนมาบรรจบกัน ไม่เพียงไม่เกิดเรื่องผิดคาดใด กลับทำให้ทุกอย่างนี้ดูราบรื่นเป็นพิเศษ
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่หยวนซีหลิวกล่าวถึงตอนแรก โชคชะตานำพา…
หลินสวินกับเถาเหลิ่งไม่รอช้าอีก กลับไปยังสำนักพร้อมกัน
…
สองวันต่อมา
ลัทธิแรกกำเนิด
ในเรือนมรรคกลางเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิง อวี๋สิ่ง หยวนอู่เทียน รองหัวหน้าหอห้าคนรวมตัวกัน
นอกจากนี้ยังมีหลินสวินกับเถาเหลิ่งที่เพิ่งกลับมาสำนักด้วย
จอภาพหนึ่งปรากฏกลางอากาศ
สิ่งที่เผยในจอภาพคือทุกฉากตั้งแต่หลินสวินเผชิญหน้า จนถึงต่อสู้กับรองหัวหน้าหอสี่คนอย่างพวกฝูเหวินหลี
กระทั่งดูจบสีหน้าของพวกเสวียนเฟยหลิงล้วนเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน
ตกตะลึง ประหลาดใจ เดือดดาล ยากจะเชื่อ…
มีครบทุกสิ่งที่ควรมี
กระทั่งครู่ใหญ่เสวียนเฟยหลิงมองหลินสวินด้วยแววตาซับซ้อน กล่าวว่า “เรื่องนี้ทำไมเจ้าไม่บอกพวกเราแต่แรก”
หลินสวินกล่าว “ช่วยคนเป็นเรื่องเร่งด่วน อีกอย่างพวกเขาล้วนบอกไว้แล้ว ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้กับใคร เพื่อความปลอดภัยของผู้ดูแลเถาเหลิ่ง ผู้น้อยได้แต่มุ่งหน้าไปช่วยคนเดียว”
“เห็นชัดว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าขุดหลุมดักอยู่ก่อนแล้ว รอแค่พวกฝูเหวินหลีกระโดดลงไปกระมัง”
เสวียนเฟยหลิงแค่นเสียงเย็นชา
สีหน้าของเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็ดูพิกลนัก สายตาที่มองหลินสวินล้วนเจือแววประหลาด
จากเรื่องนี้พวกเขาถึงเพิ่งรู้ซึ้งในที่สุด ว่าตอนนี้หลินสวินมีพลังต่อสู้แข็งแกร่งถึงขั้นเป็นภัยคุกคามต่อสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาแล้ว!
หลินสวินยิ้มกล่าวเนิบนาบ “ผู้อาวุโส ข้าลงมือด้วยยึดมั่นคุณธรรม เสี่ยงชีวิตช่วยผู้ดูแลเถาเหลิ่ง ทำไมท่านถึงสงสัยเจตนาของข้าเล่า”
ทุกคนต่างขำขันอย่างอดไม่ได้
แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจเช่นกัน ว่าต่อให้หลินสวินวางกับดักใส่พวกฝูเหวินหลี แต่สถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางยอมรับ
“เสียรองหัวหน้าหอสี่คนในชั่วขณะ หากข่าวนี้กระจายออกไปทั้งสำนักต้องปั่นป่วนด้วยเรื่องนี้แน่ ทั้งหากแพร่ออกไปยังโลกภายนอก เกรงว่าคงนำมาซึ่งคลื่นลมที่ไม่อาจคาดเดา”
ฟางเต้าผิงมุ่นคิ้วกล่าวเสียงขรึม “ทุกท่านคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร”
เสวียนเฟยหลิงกล่าวสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วก็ฉวยโอกาสนี้ชำระล้างในสำนักให้หมดก็แล้วกัน พวกเราอดทนรอมาหลายปี ด้วยเฝ้ารอโอกาสกำจัดภัยแฝงเช่นนี้ไม่ใช่หรือ”
ประโยคเดียวทำให้นัยน์ตาผู้อาวุโสคนอื่นหดรัด
“เกรงว่าเรื่องนี้คงทำให้สำนักได้รับความเสียหายอย่างหนัก”
ตู๋กูยงถอนใจเบาๆ
ปัจจุบันในลัทธิแรกกำเนิดมีคนจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะกระจายกันอยู่มากมาย มีทั้งผู้สืบทอดเก้ายอดเขา ทั้งผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำยอดเขา ผู้ดูแล ผู้อาวุโสเป็นต้น
พูดได้ว่าหากชำระล้างบางพวกเขาทั้งหมด อย่างน้อยจำนวนคนทั้งลัทธิแรกกำเนิดต้องลดลงสี่ส่วน!
“ไม่ทำลายไม่ก่อเกิด หยัดยืนหลังความพินาศ หากไม่กำจัดภัยแฝงพวกนี้ ภายหน้าลัทธิแรกกำเนิดคงไม่มีโอกาสไปสู้กับหอบรรพจารย์อื่นอีก”
ฟางเต้าผิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง “ข้าสนับสนุนการทำเช่นนี้ แต่ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเอิกเกริก หาข้ออ้างลอบจัดการภัยแฝงเหล่านี้ทั้งหมดก็พอ”
เสวียนเฟยหลิงกล่าว “ไม่เลว เรื่องเช่นนี้ไม่อาจแพร่งพราย รอกำจัดภัยแฝงทั้งหมดแล้วค่อยบอกคนอื่นในสำนักจะเหมาะสมที่สุด”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นล้วนพยักหน้าน้อยๆ
การเคลื่อนไหวชำระล้างภัยแฝงในสำนักถูกตัดสินด้วยคำพูดไม่กี่คำเช่นนี้!