Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2902
ตอนที่ 2902
ขณะพูด อวิ๋นฉางคงโบกมือคราหนึ่ง
ขั้นดับเทพกลุ่มหนึ่งเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ปิดทางหนีของหลินสวินกับตู๋กูโยวหรัน
ไกลออกไปพวกตู๋กูเซียวที่เห็นภาพนี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม
“ไป ฝ่าออกไป ไม่ว่าอย่างไรก็จะให้หลินสวินกับโยวหรันตายที่นี่ไม่ได้เด็ดขาด!”
ตู๋กูเซียวตาแดงก่ำ เดือดดาลจนผมชี้ตั้ง
เขาไม่ได้โกรธเช่นนี้มานานแล้ว
แต่สิ่งที่มากกว่าความเดือดดาลคือความสิ้นหวังจากในใจ
สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้คนมองไม่เห็นความหวังใดๆ จริงๆ…
แต่ตอนที่พวกเขาตัดสินใจจะเคลื่อนไหว จู่ๆ กลับเห็นหลินสวินยิ้มบางๆ พูดเสียงดัง
“คนตระกูลตู๋กูทุกท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ ให้ข้ากับศัตรูเก่าเหล่านี้ได้สะสางบุญคุณความแค้นในอดีตอย่างสิ้นเชิงก่อน ค่อยมารับพวกท่านจากไป!”
เสียงราบเรียบก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
พวกตู๋กูเซียวต่างอึ้งงัน เจ้าหมอนี่จะทำอะไร
ไปปะทะกับกำลังพลของสี่ตระกูลตงหวงเพียงลำพังหรือ
พวกอวิ๋นฉางคง หนานเจิ้นหยวนเองก็เกือบคิดว่าฟังผิดไป สีหน้าเปลี่ยนเป็นขบขัน
มีเพียงตู๋กูโยวหรันที่ตาวาบประกาย เต็มไปด้วยความหวัง
ในที่นี้ก็มีเพียงนางที่รู้ดีที่สุดว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินน่ากลัวเพียงใด!
“จัดการเขา!”
อวิ๋นฉางคงตะโกน
พลันมีขั้นอายุขัยเทียมฟ้ากลุ่มหนึ่งพุ่งออกมา อานุภาพล้นฟ้า เข้าปิดล้อมไปทางหลินสวิน
ตูม!
พวกเขาต่างสำแดงวิชามรรค ประกายศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน กลายเป็นกระแสมหามรรคเข้าปกคลุมฟ้าดิน หอบม้วนมาทางหลินสวิน
แววตาหลินสวินสงบนิ่ง ริมฝีปากเผยความเย้ยหยัน
การจู่โจมเหล่านี้น่ากลัวเพียงใด แต่ยังไม่มันเข้าใกล้หลินสวินก็ถูกอานุภาพไร้รูปทำลายล้าง
“หาเรื่องขายหน้า”
คำพูดเบาๆ ประโยคเดียว จากนั้นก็เห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
ฟ้าพลิกดินคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง
ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสิบกว่าคนที่ลงมือกับหลินสวินก่อนหน้านี้ พลันประหนึ่งกพายุวันสิ้นโลกปกคลุม ร่างกายถูกฉีกกระชากขาดเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วนในชั่วพริบตา สลายหายไปทั้งหมด!
การโจมตีเดียวซัดกวาดทั่วลาน
เหล่าผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลตงหวงล้วนตกใจ แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสียิ่งยวด
“นี่…”
“สมควรตาย เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร”
“ตามข่าวลือ ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เขาเพิ่งแจ้งมรรคมรรคาอมตะไม่ใช่หรือ”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น สายตายากจะเชื่อนับไม่ถ้วนมองมายังหลินสวิน
บนยอดภูเขาไกลๆ เหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลตู๋กูอย่างพวกตู๋กูเซียวกำลังร้อนใจ ตัดสินใจจะฝ่าออกไปช่วยทันที แต่ยามเห็นภาพนี้ดวงตาล้วนเบิกโตอย่างอดไม่ได้ แปลกใจอย่างยิ่ง
หลินสวินนี่…
เหตุใดจึงแข็งแกร่งขนาดนี้!?
ตูม!
แขนเสื้อหลินสวินโบกสะบัดอีกครั้ง
ก็เห็นบริเวณนั้นร่างของระดับจักรพรรดิที่อยู่ใกล้ที่สุดระเบิดออกดังปังๆๆ เหมือนหนอนที่อัดแน่นถูกบดขยี้แหลกละเอียดอย่างรุนแรง หมอกเลือดเป็นกลุ่มๆ คละคลุ้งขึ้นมา นองเลือดน่าสยดสยอง
นี่เป็นการสังหารหมู่อย่างไม่ต้องสงสัย!
ระดับจักรพรรดิเหล่านั้น ในน่านฟ้าที่เจ็ดถือว่าเป็นกำลังหลักได้เช่นกัน สามารถปกครองอาณาเขตหนึ่งได้ แม้แข็งแกร่งสู้ระดับอมตะไม่ได้ แต่ในสายตาของคนทั่วไปก็เรียกได้ว่าเป็นผู้สูงส่งไม่อาจเอื้อมเช่นกัน
ทว่าตอนนี้ แค่การโจมตีเดียวนี้ก็สังหารระดับจักรพรรดิในที่นั้นไปหลายร้อยคนแล้ว!
นี่ทำให้ผู้นำตระกูลทั้งสี่อย่างพวกอวิ๋นฉางคง หนานเจิ้นหยวนล้วนหน้าเขียว เอ่ยเสียงกร้าว “ผู้อาวุโสขั้นดับเทพทุกท่าน รีบไปเด็ดหัวเจ้าเดรัจฉานนี่!”
ตูม!
ขั้นดับเทพหลายสิบคนเคลื่อนไหว อานุภาพแต่ละคนล้วนน่าหวาดหวั่น มีพลังที่สามารถสะเทือนจักรวาล พลิกฟ้าคว่ำดิน
พวกเขาลงมือพร้อมกัน เพียงแค่กลิ่นอายระดับนั้นก็แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนสิ้นหวังแล้ว
“ยังคงอ่อนแอเกินไป”
แววตาของหลินสวินเฉยชา ยามกล่าววาจาแขนเสื้อโบกสะบัดอีกครั้ง
ตูม โครม!
ปราณกระบี่แน่นขนัดนับไม่ถ้วนทะลวงอากาศออกไป เหมือนสายรุ้งมากมายแผ่เต็มฟ้าดารา ทุกกระบี่ล้วนวาบประกายแสงที่ทำให้คนใจสั่น
ในสายตาของทุกคน ชั่วขณะนี้เหมือนฝนกระบี่กระหน่ำลงจากฟ้า ขั้นดับเทพหลายสิบคนที่เคลื่อนไหวถูกกลบมิดในพริบตา
เสียงระเบิดทึบหนักดังตามมา สมบัติต่างๆ แตกหักราวกับกระดาษเปื่อย สารพัดวิชามรรคถูกปราณกระบี่ที่พลุ่งพล่านไพศาลบดขยี้ ส่วนร่างมรรคของขั้นดับเทพเหล่านั้นก็ถูกฝนกระบี่แน่นขนัดสังหารอย่างไร้ปรานี
พรูดๆๆๆ!
บุปผาเลือดมากมายเบ่งบานกลางฝนกระบี่ แดงฉานบาดตา ประหนึ่งม้วนภาพแห่งความตายแผ่ขยายในสายตา
เพียงพริบตาเดียว
ขั้นดับเทพหลายสิบคนกำลังถูกสังหาร!
ภาพอันน่าสะพรึงนองเลือดนี้ทำเอาผู้แข็งแกร่งสี่ตระกูลตงหวงในที่นั้นล้วนตาแทบถลน จิตใจสั่นไหว แทบจะพังทลาย
ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ และขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเหล่านั้นยิ่งตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
นี่น่ากลัวเกินไป!
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ผู้นำตระกูลทั้งสี่อย่างอวิ๋นฉางคง หนานเจิ้นหยวน ลี่ชิงเจิ้ง กู้ซานสิงก็ตกใจเช่นกัน แผ่นหลังเย็นวาบ
“พลังของขั้นหลุดพ้น!”
มีคนเอ่ยเสียงแหบพร่า “นี่เป็นอานุภาพของขั้นหลุดพ้น เจ้าหมอนี่ไม่ใช่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้า แต่แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้ว!!”
เสียงดังก้องฟ้าดิน
ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง ราวกับโดนฟ้าผ่า
หลุดพ้น!
นั่นเป็นถึงพวกที่เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ไร้เทียมทาน ทั้งน่านฟ้าที่เจ็ดยังแทบหาไม่เจอ มีเพียงในขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นที่มีบุคคลชั้นเลิศเช่นนี้ดูแล
สิ่งที่ทำให้ไม่อาจรับได้ยิ่งกว่าคือ ระดับขั้นนี้กลับปรากฏบนตัวหลินสวิน!!
นี่แทบจะทำลายการรับรู้ของพวกเขา
ใครกล้าเชื่อว่าเจ้าหนุ่มที่ยามเข้าลัทธิแรกกำเนิดยังมีพลังเพียงระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ตอนนี้หลังจากผ่านไปไม่กี่สิบปีสั้นๆ ก็ทะยานผ่านระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าและขั้นดับเทพ ก้าวสู่ขั้นหลุดพ้นแล้ว
นี่น่าตกตะลึงเกินไป!
ไม่เพียงผู้แข็งแกร่งสี่ตระกูลตงหวง แม้แต่คนใหญ่คนโตตระกูลตู๋กูบนยอดเขาไกลๆ ยังอึ้งจนปากอ้าตาค้าง นิ่งงันอยู่เช่นนั้น
หลินสวินเขา… แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้วหรือ
ความเร็วในการทะลวงขั้นน่ากลัวเกินไปหรือไม่
มองดูตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เคยปรากฏคนที่เย้ยฟ้าเช่นนี้เสียที่ไหน
“หากทุกท่านมีความสามารถเพียงเท่านี้ เช่นนั้นวันนี้ก็รั้งอยู่ทั้งหมดเถอะ”
ในบรรยากาศชะงักค้างนี้ หลินสวินเอ่ยพูดเรียบๆ
เขาเริ่มก้าวเท้าไปข้างหน้า เงาร่างผ่าเผยปรากฏวงแหวนเทพอมตะที่คลุมเครือดุจหุบเหว กลิ่นอายทั่วร่างก็พุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้าในชั่วขณะนี้ แผ่ไปทั่วฟ้าดิน
มองจากไกลๆ เหมือนนายเหนือหัวจอมราชันมาเยือน ท่องทะยานกลางภูผาธารา!
ตูม โครม!
พร้อมๆ กับการก้าวเดิน ห้วงอากาศคล้ายรับอานุภาพระดับนั้นไม่ไหวจนถล่มทลาย พลังมหามรรคอันน่าสะพรึงแผ่ซ่าน ก็เห็นร่างของระดับจักรพรรดิในพื้นที่บริเวณนั้นคล้ายถูกกำราบด้วยพลังที่น่าสะพรึงที่สุด ระเบิดออกประหนึ่งกระดาษเปื่อย
ไม่ทันหนีตาย ไม่ทันหลบเลี่ยง และไม่ทันตอบสนอง
แม้เข้าต้านสุดชีวิตก็ไม่มีประโยชน์ ระเบิดตายคาที่!
จากนั้นก็เป็นขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเหล่านั้น
พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย ทันทีที่สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีก็พลันเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหมายจะหนี
แต่พวกเขากลับสังเกตเห็นขึ้นมากะทันหัน ว่าห้วงอากาศสี่ทิศแปดด้านเหมือนถูกกักขังปิดผนึก พวกเขาก็เหมือนแมลงที่ติดอยู่ในใยแมงมุม ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
และยามหลินสวินก้าวเข้ามา อานุภาพที่ติดตามมาแผ่กระจายออกไปก่อนเป็นอันดับแรก ทำให้พวกเขารู้สึกเพียงว่าหายใจไม่ออก ร่างกายเหมือนถูกภูเขาเทพดึกดำบรรพ์กระแทกใส่ แต่ละคนร่างระเบิด เลือดสดสาดกระเซ็น
“ไม่…!”
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!!”
“ช่วยข้า…”
เสียงตะโกนที่โหยหวนน่ากลัวดังขึ้นเป็นระลอก艾琳小說
ทว่าไม่นานก็สิ้นสุดลงพร้อมกับการตายคาที่ของผู้แข็งแกร่งเหล่านี้
ภาพนี้น่ากลัวเกินไป
หลินสวินเพียงแค่ก้าวเดินไปข้างหน้า ไม่ได้ลงมือ แต่อานุภาพบนร่างกลับกำราบจนระดับอมตะและระดับจักรพรรดิเหล่านั้นตายคาที่
เลือดสดสาดห้วงอากาศจนแดงฉานบาดตา
บรรยากาศของความตายกลับเหมือนหมอกควันที่ไม่อาจปัดออก ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้
และมีขั้นดับเทพกระตุ้นไพ่ตาย พุ่งปราดโจมตีมา แต่ไม่รอพุ่งไปถึงตรงหน้าหลินสวิน ร่างกายก็แข็งทื่อเหมือนถูกมือใหญ่ไร้รูปคว้าไว้ ไพ่ตายที่สำแดงออกมายิ่งสลายหายไป
ยามคิดหลบหนี ก็ถูกพลังที่ปลดปล่อยจากร่างของหลินสวินบดขยี้จนแหลกละเอียดอย่างรุนแรงโดยตรง
อวิ๋นฉางคง หนานเจิ้นหยวน ลี่ชิงเจิ้ง กู้ซานสิงหนาวสะท้านไปทั้งตัว ไม่กล้าลังเลอีก สำแดงไพ่ก้นหีบออกมา…
ครืน!
พร้อมกับเสียงกึกก้อง รูปจำลองเจตจำนงของขั้นหลุดพ้นสี่คนปรากฏกลางอากาศ ราวกับสุริยันดวงโตที่เรืองรองสะดุดตาสี่ดวงขึ้นสู่ขอบฟ้า ส่องสว่างฟ้าดิน ลำแสงกำราบทั่วหล้า
กลับเห็นหลินสวินยังคงสีหน้าเรียบเฉย งดนิ้วดีดออกไปต่อเนื่อง
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ในเสียงกระบี่ครวญที่สะเทือนฟ้าดิน ปราณกระบี่สี่สายทะยานออกมา ทุกกระบี่ล้วนประทับนัยเร้นลับกฎเกณฑ์ที่ลึกลับคลุมเครือ ทุกกระบี่ล้วนฟันไปทางรูปจำลองเจตจำนง
จากนั้น…
ตูม โครม!
ฟ้าดินสั่นไหวรุนแรง พื้นที่บริเวณรอบๆ คล้ายพังทลาย ในประกายแสงสะดุดตา ก็เห็นรูปจำลองเจตจำนงของขั้นหลุดพ้นทั้งสี่สายล้วนแตกกระจายสลายไป
พลังที่แข็งแกร่งของขั้นหลุดพ้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินกลับยังคงดูไม่ได้ถึงเพียงนั้น!
ภาพนี้เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ โจมตีจิตต่อสู้ในใจพวกอวิ๋นฉางคงอย่างเบ็ดเสร็จ ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวถึงที่สุด
แต่ละคนไม่อาจมัวห่วงอย่างอื่น ตะโกนลั่น “ไป รีบไป!”
ในที่นั้นวุ่นวายอย่างสิ้นเชิงมานานแล้ว บรรดาผู้แข็งแกร่งที่เหลืออยู่ล้วนจิตต่อสู้พังทลาย หวาดหวั่นยากจะสงบ หนีกระเจิงราวกับคลุ้มคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
“เพิ่งคิดหนีตอนนี้ ไม่รู้สึกว่าสายเกินไปหรือ”
แววตาหลินสวินเย็นเยียบ กายมรรควารีดำพุ่งออกมาในชั่วขณะนี้
วู้ม…
ก็เห็นร่างแยกนับไม่ถ้วนพุ่งออกจากกายมรรควารีดำ เหมือนคลื่นน้ำกลบฟ้าดิน พุ่งไปทางที่ศัตรูหนีกระเจิงเหล่านั้น
ตอนนี้ร่างแยกเหล่านี้ล้วนมีมรรควิถีที่ไม่ด้อยกว่าขั้นดับเทพ สามารถรับมือสี่ตระกูลตงหวงเหล่านี้ได้อย่างเหลือเฟือ
ชั่วขณะเดียวก็เห็นภาพความตายเกิดขึ้นทุกแห่งหน เลือดสดสาดกระเซ็น เสียงโหยหวนสะเทือนฟ้าดังขึ้นไม่หยุด
คนใหญ่คนโตตระกูลตู๋กูอย่างพวกตู๋กูเซียวต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น เนิ่นนานก็ไม่สามารถคืนสติได้ ความสะท้านไหวจากภาพเหล่านี้หนักหนาเกินไป พุ่งโจมตีจิตใจของพวกเขาราวกับภูเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดสาด
ก่อนหน้านี้พวกเขายังกังวลความปลอดภัยของหลินสวินและตู๋กูโยวหรัน ตัดสินใจจะฝ่าไปช่วยเหลือ
แต่ตอนนี้พวกเขาถึงพบว่าการที่ตนกังวลเรื่องพวกนี้น่าขันและไม่รู้ความเพียงใด
ด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของหลินสวิน ตัวคนเดียวก็สามารถบดขยี้ขุมอำนาจของสี่ตระกูลตงหวงได้อย่างง่ายดาย!
ต่อหน้าเขา ขั้นดับเทพก็ไม่ต่างอะไรกับมด!
ชั่วขณะนี้ตู๋กูโยวหรันเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
กำลังพลมากกว่าพันของสี่ตระกูลตงหวงล้วนแตกกระเจิงในระยะเวลาสั้นๆ พ่ายแพ้ไม่เป็นขบวน ส่วนหลินสวิน ตั้งแต่ต้นจนจบถึงขั้นยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด
เทียบกันเช่นนี้ทำให้คนรู้สึกสะท้านสะเทือนมากเป็นพิเศษ
ปึงๆๆๆ!
ไม่นานเสียงหนักทึบระลอกหนึ่งดังขึ้น
ผู้นำตระกูลทั้งสี่อย่างอวิ๋นฉางคง หนานเจิ้นหยวน ลี่ชิงเจิ้ง กู้ซานสิง ถูกกายมรรควารีดำจับตัวกระแทกตรงหน้าหลินสวิน
แต่ละคนร่างทรุดดุจดินโคลน!
เมื่อมองดูคนอื่นๆ ในที่นั้นอีกครั้ง ผู้แข็งแกร่งของสี่ตระกูลตงหวงไม่เหลือรอดอีกแม้แต่คนเดียว!