Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2919 ไม่มีอะไรจะพูดก็ตาย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2919 ไม่มีอะไรจะพูดก็ตาย
เผิงจั้นเบิกตาโตทันที ร้องเสียงหลง “เทียนเสียง เจ้ากลับมาได้อย่างไร!?”
คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ในตระกูลเผิงล้วนตกตะลึงเช่นกัน
ตึง!
เผิงเทียนเสียงคุกเข่าลงทันที น้ำตาคลอเบ้า “ท่านพ่อ ท่านลุงท่านอาทุกท่าน พวกเราตระกูลเผิงรอดแล้ว มีทางรอดแล้ว!!”
พูดถึงตอนท้ายเสียงก็คล้ายตะโกน ราวกับมีเพียงเท่านี้จึงจะระบายความกังวลและร้อนรน รวมถึงความละอายใจที่สั่งสมในใจเขาหลายปีนี้ได้
เพราะเดิมทีเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นเพราะเขา!
เผิงเทียนเสียงไม่โทษเรื่องที่ไปมาหาสู่กับหลินสวิน เขาแค่เกลียดตัวเองที่ความสามารถอ่อนแอเกินไป ได้แต่มองดูตระกูลเผิงประสบเคราะห์ตาปริบๆ แต่กลับไร้กำลังความสามารถ
“ทางรอดอะไรกัน เจ้านี่ช่าง…”
เผิงจั้นคล้ายงงงันไปบ้างแล้ว
ส่วนพวกคนใหญ่คนโตตระกูลเผิงที่นั่งอยู่นั่นต่างมองไปทางหลินสวิน
นี่คือผู้ช่วยชีวิตที่เทียนเสียงกล่าวถึงหรือ
เพียงแต่ดูแล้วยังหนุ่มเกินไป..
“เผิงเทียนเสียง! ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวมาแล้ว!”
จู่ๆ เหวินยงกุยที่กลิ้งอยู่บนพื้นก็ตวาดลั่น “พวกเจ้าตระกูลเผิงไม่ใช่บอกว่าตัดความสัมพันธ์กับเจ้าหมอนี่แล้วหรือ แต่ตอนนี้เล่า เขาปรากฏตัวออกมาแล้ว นี่ถ้าให้ภายนอกรู้ พวกเจ้าตระกูลเผิงต้องถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ๆ”
เขาลุกยืนซวนเซ สีหน้าเต็มไปด้วยความอำมหิต
พวกเผิงจั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสี ต่างมองหน้ากัน ในใจหนักอึ้ง
ภัยพิบัติที่ตระกูลเผิงเจอทั้งหมดเป็นเพราะเผิงเทียนเสียง ถ้าเขาไม่ปรากฏตัว เรื่องก็ยังมีทางให้ยืดเวลาและพลิกเปลี่ยนกลับมาได้ แต่ทันทีที่ปรากฏตัวก็จะเป็นจุดตายใหญ่ที่สุดในสายตาศัตรู
มีข้ออ้างเช่นนี้ เกรงว่าศัตรูพวกนั้นจะกรูเข้ามาทันที!
“เจ้าเฒ่า ถึงตอนนี้เจ้ายังกล้าข่มขู่ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
แววตาเผิงเทียนเสียงโกรธจัด เขาตั้งท่าจะลงมือก็ถูกเผิงจั้นรั้งหยุดไว้ กล่าวเสียงเคร่ง “เทียนเสียง อย่าได้ล่วงเกิน!”
เขากังวลว่าเผิงเทียนเสียงจะก่อเรื่อง
เหวินยงกุยกล่าวเย้ยหยัน “เจ้าตัวจ้อย ยังมองสถานการณ์ไม่ออกก็อารมณ์พลุ่งพล่านแล้ว การทำลายชีวิตน้อยๆ ของเจ้าไม่สำคัญ หรือเจ้าคิดจะให้ตระกูลเผิงของพวกเจ้าถูกฝังไปพร้อมกัน”
ประโยคเดียวทำเอาคนใหญ่คนโตตระกูลเผิงล้วนหน้าเปลี่ยนสี
“ท่านพ่อ…” เผิงเทียนเสียงร้อนรน ตั้งท่าจะอธิบาย
เผิงจั้นก็กล่าวตัดบท “รีบขอโทษท่านลุงเหวินเร็ว!”
เผิงเทียนเสียงเบิกตาโพลง “ขอโทษเขาหรือ”
เหวินยงกุยแค่นเสียงเย็น “ขอโทษก็สายไปแล้ว! เว้นแต่วันนี้พวกเจ้าตระกูลเผิงจะแสดงความจริงใจมากพอ มิเช่นนั้นพวกเจ้าตระกูลเผิงก็รอหายนะมาเยือนเถอะ!”
พวกเผิงจั้นใจร่วงจมดิ่ง มีหรือจะไม่เข้าใจว่าความจริงใจที่เหวินยงกุยพูดถึงคืออะไร
เห็นชัดว่าตั้งใจเอ่ยถึงเรื่อง ‘เขาเทพชะตาสวรรค์’ อีกครั้ง!
แต่นี่ยังไม่จบ
เหวินยงกุยกล่าวพลางมองไปทางหลินสวินด้วยสายตาอาฆาต “ยังมีเจ้านี่ ต้องเอามาถลกหนังทั่วร่าง สับเป็นหมื่นชิ้น!”
ก่อนหน้านี้ยามเขากับผู้แข็งแกร่งตระกูลเหวินสองคนออกไปก็ถูกหลินสวินขัดขวาง ซัดเข้าหนึ่งฝ่ามือจนปลิวกลับเข้าโถงใหญ่นี่
นี่ย่อมเป็นความอัปยศยิ่งสำหรับพวกเขา
เผิงจั้นอึ้งไป กล่าวว่า “เทียนเสียง สหายท่านนี่คือ”
ไม่รอให้เผิงเทียนเสียงเอ่ยปาก หลินสวินก็ประสานหมัดน้อยๆ “หลินสวิน คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องนี้ว่ากันถึงที่สุดก็เป็นเพราะข้า ให้ข้าจัดการเองก็พอ”
เขากับเผิงเทียนเสียงคนหาเป็นสหาย ย่อมต้องเรียกพวกเขาว่าผู้อาวุโสเช่นเดียวกับเผิงเทียนเสียน
“หลินสวิน!?”
เผิงจั้นตกใจ
คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ในตระกูลเผิงสะท้านไปทั่วร่าง เผยสีหน้ายากจะเชื่อ
ส่วนพวกเหวินยงกุยสามคนก็อึ้งค้างไปเช่นกัน คล้ายว่าชื่อนี้มีพลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ ทำเอาทุกคนในโถงใหญ่นิ่งเงียบไปหมด
เงียบสงัดไร้สรรพเสียง!
“นี่… เขา…” เผิงจั้นในฐานะผู้นำตระกูลเยือกเย็นสุขุมตลอดมา ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกมึนงงแล้ว
ตอนนี้ในที่สุดเผิงเทียนเสียงก็มีโอกาสพูด กล่าวออกมาทันที “ท่านพ่อ ท่านลุงท่านอาทุกท่าน ผู้นี้ย่อมเป็นหลินสวินสหายสนิทของข้า ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล รองหัวหน้าหอแรกนภาของลัทธิแรกกำเนิด!”
ประโยคเดียวดุจดั่งอสนีบาตทุกคำ สะเทือนจิตใจคนใหญ่คนโตตระกูลเผิงอย่างพวกเผิงจั้น แต่ละคนล้วนเผยท่าทางทำอะไรไม่ถูก
มีหรือพวกเขาจะไม่รู้ว่าชื่อหลินสวินนี้มีความหมายว่าอะไร
บุคคลเย้ยฟ้าที่สะดุดตาที่สุดในโลกยอดนิรันดร์ คนน่าสะพรึงที่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลมองเป็นศัตรูตัวฉกาจ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นถึงรองหัวหน้าหอของลัทธิแรกกำเนิดอันเป็นหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์
อยู่ต่อหน้าเขา แม้แต่เผ่าจักรพรรดิอมตะน่านฟ้าที่เจ็ดยังต้องก้มหัวให้!
และในตอนนี้สีหน้าของพวกเหวินยงกุยก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด สั่นไปทั้งร่าง ในใจมีความหวาดกลัวถาโถมขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบาย
หลายปีก่อนพันธมิตรสงครามสิบตระกูลเคยสั่งให้ทั่วหล้าจับคนที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินทั้งหมด
แต่ไม่ทันไรลัทธิแรกกำเนิดซึ่งเป็นหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ก็ประกาศออกมาเช่นกัน ว่าใครก็ตามที่เป็นศัตรูของหลินสวิน เท่ากับเป็นศัตรูกับลัทธิแรกกำเนิดด้วย!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเหวินยงกุยจะไม่กลัวได้อย่างไร
“เป็นไปไม่ได้ หลินสวินกำลังถูกพันธมิตรสงครามสิบตระกูลประกาศจับ มีหรือจะปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก นี่เป็นเรื่องโกหกแน่!”
ผู้แข็งแกร่งตระกูลเหวินคนหนึ่งข้างเหวินยงกุยส่งเสียงแหลม ควบคุมอารมร์ไม่อยู่
ประโยคเดียวทำเอาเหวินยงกุยได้สติขึ้นมาเช่นกัน พลันสูดหายใจลึกแล้วกล่าว “วันนี้มีเรื่องขัดขวางเยอะ พวกข้าขอตัวไปก่อน ขอลา!”
ขณะพูดก็ตั้งท่าจากไป
“ข้าให้เจ้าไปแล้วหรือ”
หลินสวินยืนนิ่งไม่ขยับ แค่กลิ่นอายบนร่างเขาเผยออกมาเสี้ยวเดียว พวกเหวินยงกุยสามคนก็ประหนึ่งถูกภูเขาใหญ่กดทับ คุกเข่าลงกับพื้นดังปึงๆๆ
เหวินยงกุยร้องเสียงดัง “เจ้าจะทำอะไร! หรือเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับพวกเราตระกูลเหวินจริงๆ ต่อให้เจ้าคือหลินสวิน ไม่กลัวว่าการเผยร่องรอยที่นี่จะดึงดูดการไล่ล่าของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลหรือ”
เขาเว้นช่วงไป สายตากวาดมองคนตระกูลเผิงแล้วเอ่ยพูดเหมือนทุ่มหมดหน้าตัก “พวกเจ้าก็ด้วย อย่าคิดว่าหลินสวินโผล่มาแล้วจะช่วยพวกเจ้าได้ ยามกำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมาถึง ตระกูลเผิงของพวกเจ้ามีแต่จะพินาศเร็วขึ้น”
นี่ทำให้พวกเผิงจั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาเช่นกัน
“พูดจบแล้วหรือ”
หลินสวินกล่าวเรียบๆ
เหวินยงกุยเอ่ยอย่างเยียบเย็น “ถ้าพวกเจ้ารู้ความก็ปล่อยข้าไปจะดีที่สุด มิเช่นนั้น…”
ปัง!
กล่าวยังไม่ทันจบ ร่างของเขาก็ระเบิดกลายเป็นเถ้าปลิวว่อน
ภาพนี้น่ากลัวจนหนังศีรษะพวกเผิงจั้นชาหนึบ ฆ่าเหวินยงกุยไปแล้ว… ตระกูลเหวินจะหลุดรอดจากเรื่องนี้ได้หรือ
“พวกเจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่”
สายตาหลินสวินมองไปทางผู้แข็งแกร่งตระกูลเหวินสองคนที่เหลือ
พวกเขากลัวจนส่ายหน้าพร้อมกัน
“ในเมื่อไม่มีอะไรจะพูดก็ตายได้แล้ว”
คำพูดหลินสวินยังคงล่องลอย ร่างของผู้แข็งแกร่งตระกูลเหวินสองคนนี้ก็ระเบิดเป็นเถ้าถ่านหายไปเช่นกัน
ระดับบรรพจารย์ของตระกูลเหวินสามคนก็ถูกสังหารเช่นนี้
และตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับนิ้วแม้แต่นิ้วเดียว!
พวกเผิงจั้นที่ยืนอยู่ในใจเบิกบานยิ่ง แต่กังวลมากเช่นกัน สีหน้าล้วนสับเปลี่ยนไปมา
หลินสวินมองความคิดทั้งหมดในใจพวกเขาออกทันที กล่าวว่า “เรื่องนี้ข้าจะชดใช้ให้ตระกูลเผิง”
เขาหมุนตัวเดินออกจากโถงใหญ่
“พี่หลิน เจ้าจะไปไหน”
เผิงเทียนเสียงไล่ตามมา
“เจ้าอยู่ในตระกูลรอฟังข่าวก็พอ”
ขณะหลินสวินพูดร่างก็อันตรธานหายไปห้วงอากาศแล้ว
เผิงเทียนเสียงกล่าวพึมพำ “หลินสวิน ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ…”
“เทียนเสียง นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
เสียงของเผิงจั้นดังออกมาจากในโถงใหญ่
เผิงเทียนเสียงหมุนตัวเข้าโถงใหญ่ ก็เห็นเผิงจั้นกับผู้อาวุโสในตระกูลอื่นๆ สีหน้าตกใจปนสงสัย เห็นได้ชัดว่ายังไม่ได้สติจากความตระหนกเมื่อครู่
เผิงเทียนเสียงไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องทั้งหมดออกมา
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
เผิงจั้นกระจ่างแล้ว กล่าวทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าคนชั้นเลิศอย่างเขาจะนึกถึงมิตรภาพเก่าก่อน นี่ทำให้คนแปลกใจจริงๆ ”
เผิงเทียนเสียงกล่าว “ท่านพ่อ ข้าดูออกว่าหลินสวินรู้สึกละอายต่อความทุกข์ที่พวกเราตระกูลเผิงต้องประสบเช่นกัน ท่านอย่าได้ตำหนิว่าความผิดทั้งหมดนี้เป็นของเขาเลย”
เผิงจั้นตอบอย่างไม่ต้องคิด “ย่อมไม่อยู่แล้ว”
“มีหลินสวินอยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเราตระกูลเผิงมีทางรอดแล้วหรือ”
เฒ่าชราคนหนึ่งกล่าวฮึกเหิม
แต่ก็ยังมีคนสาดน้ำเย็นใส่ “อย่าลืมสิว่ายังมีพันธมิตรสงครามสิบตระกูลอยู่ ต่อให้หลินสวินช่วยพวกเราตระกูลเผิงระบายความแค้นได้ แต่ถ้ากำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลมาเยือน… ตระกูลเผิงของพวกเราก็ยังอันตรายมากอยู่ดี!”
ประโยคเดียวทำเอาบรรยากาศในโถงใหญ่กดดันขึ้นมา
เผิงเทียนเสียงรีบกล่าว “ระหว่างทางกลับมา หลินสวินบอกมาแล้วว่าหลังจากช่วยพวกเราตระกูลเผิงขจัดภัยอันตรายครั้งนี้ ก็จะพาพวกเราทุกคนในตระกูลเผิงจากไปด้วยกัน”
“จากไปหรือ ไปที่ไหน” เผิงจั้นประหลาดใจ
“ไปสถานที่ปลอดภัยที่แม้แต่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลก็ไม่มีทางคุกคามพวกเราได้”
เผิงเทียนเสียงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“นี่เป็นรื่องจริงหรือ”
คนใหญ่คนโตในตระกูลเผิงต่างกล่าวอย่างตื่นเต้น
สิบแปดปีแล้ว พวกเขาตระกูลเผิงมาถึงทางตันแล้ว ถ้ามีสถานที่ปลอดภัยให้พักพิงได้ ใครเล่าจะไม่อยากไป
เผิงเทียนเสียงกล่าว “ผู้อาวุโสทุกท่าน ด้วยฐานะของหลินสวินตอนนี้มีหรือจะโกหกเรื่องนี้ได้”
ทุกคนต่างยิ้มแล้ว พยักหน้าไม่หยุด
หลินสวินในตอนนี้เป็นบุคคลแห่งยุค ที่สามารถส่งผลกระทบไปถึงขุมอำนาจใหญ่ในโลกยอดนิรันดร์ได้ทั้งหมด!
เรื่องที่เขารับปากมีหรือจะเป็นเรื่องเท็จ
มีคนเอ่ยอย่างลังเล “เพียงแต่คนในตระกูลพวกเราหลายคนล้วนถูกศัตรูพวกนั้นจับไป…”
กล่าวไม่ทันจบเผิงเทียนเสียงก็เอ่ยตัดบท “หลินสวินเพิ่งจะจากไป ด้วยควมสามารถของเขา การช่วยคนในตระกูลของพวกเราย่อมง่ายดายยิ่ง พวกเราแค่รอฟังข่าวก็พอ”
เผิงจั้นกล่าวอย่างยินดี “เทียนเสียง ในที่สุดเจ้าก็โตแล้ว ครั้งนี้เจ้าช่วยตระกูลของเราไว้ได้ ภายหน้ารอพลังปราณเจ้าแข็งแกร่งอีกหน่อย ตำแหน่งผู้นำตระกูลก็มอบให้เจ้าได้แล้ว”
เผิงเทียนเสียงเบ้าตารื้นแดง กล่าวว่า “ท่านพ่อ แต่ก่อนลูกเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เสียเวลาเปล่าประโยชน์ แต่นับจากนี้ไปจะเคี่ยวกรำอย่างหนัก ไม่ทำให้ท่านและผู้อาวุโสอื่นๆ ผิดหวังอีก”
ขณะพูดเขาก็คุกเข่าลงโขกศีรษะสามครั้ง
เหล่าคนใหญ่คนโตเห็นเช่นนี้ในใจก็พลิกม้วนไม่หยุด
“ลุกขึ้นเถิด พวกเราตระกูลเผิงได้รับความเดือดร้อนเพราะเจ้า แต่ในเรื่องร้ายก็มีเรื่องดี แค่มิตรภาพระหว่างเจ้ากับหลินสวิน ภายหน้ามีเจ้าเป็นผู้นำตระกูล ต้องเหมือนกับได้เกิดใหม่ ทะยานสูงขึ้นไปได้อีก!”
ขณะเผิงจั้นพูดก็ประคองเผิงเทียนเสียงขึ้น
ได้ยินคำพูดนี้ของเผิงจั้น ในใจเหล่าคนใหญ่คนโตในโถงก็สะท้านไหวเช่นกัน
หลินสวินในตอนนี้อานุภาพยิ่งใหญ่ ตำแหน่งสูงส่ง สามารถส่งผลถึงความเป็นไปในสถานการณ์ทั่วหล้าได้จริงๆ เขาไม่เพียงเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ยังเป็นรองหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ สามารถผูกมิตรกับบุคคลที่เหมือนตำนานเช่นนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลหนึ่งได้แล้ว
“ท่านพ่อ เรื่องในภายหน้าค่อยพูดว่ากันเถิด ข้าแค่รู้ว่าครั้งนี้พวกเราตระกูลเผิงมีทางรอดแล้ว และหลินสวินก็เป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ของพวกเราตระกูลเผิง บุญคุณนี้ข้าจะใช้ทั้งชีวิตไปตอบแทน!”
เผิงเทียนเสียงสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวอย่างจริงจัง
พวกเผิงจั้นต่างลอบพยักหน้า ปลื้มใจยิ่งนัก
รู้จักบุญคุณจึงจะเป็นแก่นแท้ของบุรุษตระกูลเผิงอย่างพวกเขา
………………………..