Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2941 มหาศึกปะทุ
หลูถูกรำศึกบนโลกมาไม่รู้กี่ปี ผ่านการชำระล้างด้วยลมคาวฝนเลือด
พลังต่อสู้ของเขาก็น่าครั่นคร้ามหาใดเทียบ
แต่ชั่วพริบตาเมื่อครู่นั้น เขามั่นใจยิ่งว่าจะหลบการโจมตีนั้นได้ชัดๆ แต่เขายังคงถูกโจมตีโดน เหตุการณ์ผิดแปลกพิสดารนี้กระตุ้นให้เขาไม่อาจรับทุกอย่างได้โดยสิ้นเชิง
หลินสวินกลับสีหน้าปกติ
ยามเขากับซย่าจื้อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ก็เคยเกือบถูกพลังกฎกรรมโชคชะตานั่นทำให้บาดเจ็บ
ตูม!
พูดแล้วเหมือนช้าแต่ที่จริงรวดเร็วนัก ชั่วพริบตาที่จ้วงแทงหลูถู พลังน่ากลัวปะทุออกมาจากทวนศึกกระดูกขาว ร่างมรรคที่เรียกได้ว่าเป็นอมตะไม่บุบสลายนั้นของหลูถูระเบิดออก เลือดสดๆ สาดกระเซ็นทันที
ชิ้ง!
ซย่าจื้อเก็บทวนศึกกระดูกขาว เสื้อผ้าปลิวไสว ท่าทางสุขุมเยือกเย็นเช่นเคย
การโจมตีเดียวสังหารขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของลัทธิพ่อมด คล้ายไม่ได้ทำให้นางรู้สึกรู้สาอะไร
แต่ห่างออกไปไกล พวกถูมู่หุนกับจี้คงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นไม่น้อย
การตายของหลูถูทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัว นอกจากประหลาดใจแล้วยังรู้สึกหนาวสะท้านอยู่บ้าง รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของซย่าจื้อ
“กฎกรรมเกี่ยวโยง โชคชะตาร่วมกำเนิด พลังมหามรรคชั้นยอดเช่นนี้น่ากลัวจริงๆ”
จี้คงสีหน้าเคร่งขรึม แสงธรรมในดวงตาโชติช่วง มองทะลุวิชาของซย่าจื้อ “ทุกท่าน หมายจะจัดการพลังเช่นนี้ก็เหมือนต่อต้านเคราะห์สวรรค์มหามรรค ต้องปะทะกันตรงๆ ไม่อาจเคลื่อนไหวหลบหนีแต่อย่างใด หาไม่จะต้องถูกโจมตีถึงตาย”
“เจ้าพูดมากขนาดนี้ กล้ามาสู้กับข้าไหม”
ซย่าจื้อเสียงใสกังวานแผ่วเบา เรียบเฉยสงบนิ่ง
จี้คงเอ่ย “สหายยุทธ์ การตัดสินเป็นตายทำเป็นเล่นไม่ได้เด็ดขาด ต้องสังหารศัตรูเต็มกำลังถึงจะถูก”
“พูดได้ดี”
เงาร่างหลินสวินลอยสูงขึ้นกลางอากาศ ดวงตาดำเย็นชา เอ่ยว่า “วันนี้ข้าคนแซ่หลินจะขอดูความสง่างามของพวกเจ้าสองหอบรรพจารย์เสียหน่อย!”
“หึ”
บนใบหน้าชราของถูมู่หุนปรากฏแววพิฆาต “ข้ากลับอยากดูนักว่าตกลงยอดมรรคาอมตะจะแข็งแกร่งปานไหนกันแน่!”
สายฟ้าสีเลือดมากมายผุดออกมาจากเงาร่างผอมแห้งของเขา พริบตาเดียวก็เหมือนจำแลงเป็นเทพอสนีดึกดำบรรพ์องค์หนึ่ง กลิ่นอายทำลายล้างสะเทือนจักรวาล
ในมือเขามีไม้เท้าไม้สีดำเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา ไม้เท้าไม้มีคลื่นพลังลึกลับคลุมเครือไหวเคลื่อน
“ไป ปลิดชีพเจ้าหมอนี่!”
ถูมู่หุนเอ่ยปากเย็นชา
ตูม!
ผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดที่อยู่ใกล้ๆ อานุภาพทั้งร่างโคจรเต็มกำลังเช่นกัน บ้างควบคุมเพลิงเทพสีเขียวมรกต กระชับทวนใหญ่กระดูกขาว ประหนึ่งยมทูตจากนรกมาเยือนโลก บ้างเหยียบเมฆเพลิง ทั้งตัวโอบล้อมด้วยปราณกระบี่สีม่วงนับไม่ถ้วน บ้างดวงตาแผ่แสงเทพ ควบคุมแผนภาพมรรคหนังสัตว์ที่ลึกลับไม่อาจคาดเดา…
ขั้นหลุดพ้นแต่ละคนต่างสำแดงอานุภาพยิ่งยง เรียกสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาโดยไม่ปิดบังสักนิด อานุภาพอันน่ากลัวเช่นนั้นทำเอาผืนน้ำบริเวณนี้ปั่นป่วน ห้วงอากาศที่อยู่ใกล้เคียงยังมีสภาพยุ่งเหยิงโกลาหล
“ฆ่า!”
เหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดกรูกันเข้ามา
หลินสวินสื่อจิตเอ่ย ‘ซย่าจื้อ จำเรื่องที่เจ้ารับปากข้าเอาไว้ให้ดี’
ขณะพูดเขาก็สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเคลื่อนทะยานผ่านห้วงอากาศ ลอยอยู่เหนือเขากับซย่าจื้อ แสงมรรคไพศาลพร่างพรมลงมา
ชิ้ง!
ในเตากระบี่ กระบี่มรรคเล่มหนึ่งโฉบพุ่งออกมาดังชิ้ง ถูกหลินสวินยื่นมือไปจับไว้ แล้วตวัดฟันลง
กระบี่นี้ไพศาลเหลือประมาณ โชติช่วงแจ่มจรัส!
ตูม!
การต่อสู้ปะทุขึ้น การจู่โจมของเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหมือนกระแสเชี่ยวมืดฟ้ามัวดิน เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารทำลายล้างอันป่าเถื่อนไร้สิ้นสุด
ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ยืนอยู่บนปลายยอดแล้ว ใต้ระดับนิรันดร์คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
และตอนนี้ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ทั้งหมดเคลื่อนไหวพร้อมกัน สำแดงวิชาทั้งหมด เรียกศาสตรามรรคที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาและเข้าถล่มสังหาร อานุภาพเช่นนั้นแค่คิดก็รู้ว่าน่าครั่นคร้ามปานไหน
เพียงแต่หลินสวินตอนนี้ เมื่อเทียบกับสิบแปดปีก่อนก็เปลี่ยนแปลงไปอีกเช่นกัน ระดับปราณบรรลุขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ หลอมระเบียบนิพพานแปดส่วนเข้าไปในกฎเกณฑ์อมตะของตนแล้ว
ความแกร่งกล้าในพลังต่อสู้ของเขาสามารถหยิ่งผยองเหนือคนระดับเดียวกันทุกคนทั่วหล้า!
เมื่อเขาฟันกระบี่นี้ออกไป
ฮูม…
ปราณกระบี่ไพศาลทะยานออกมา อบอวลด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ตัดสลับทั้งแนวตั้งแนวนอน แผลงฤทธิ์ทั่วทิศ
กระบี่นี้เปี่ยมด้วยอานุภาพทำลายโลก ลึกลับคลุมเครือ อานุภาพเช่นนั้นไม่สามารถบรรยายได้สักนิดๆ ทำเอาฟ้าดินจมสู่ความเงียบสงัด มีเพียงเสียงกระบี่ครวญกังวานนั้นที่ดังก้อง
มหาลักษณ์ไร้รูป มหาสำเนียงไร้เสียง!
เพราะกระบี่นี้แกร่งกล้าเกินไป มีอานุภาพเฟื่องฟูคืนสู่ร่วงโรย หวนกลับสู่ต้นกำเนิด
ตูม!
ฟ้าดิยบริเวณนี้พังถล่ม น้ำทะเลระเหยมลายหายไป
การจู่โจมมืดฟ้ามัวดินของเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหล่านั้นล้วนถูกกดข่มและต้านทานอย่างรุนแรง จากนั้นระเบิดกระจุยเลื่อนลั่นภายใต้กระบี่นี้
กระบี่เดียวถึงกับต้านการล้อมโจมตีของเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดได้!
“นี่…”
“พลังต่อสู้น่ากลัวนัก!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหล่านี้นัยน์ตาหดรัด สีหน้าล้วนเปลี่ยนไป
พวกเขารู้ตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้า ครอบครองอานุภาพยอดอมตะ แต่กลับคิดไม่ถึงสักนิดว่าพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะถึงกับแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้แล้ว!
ถูมู่หุนที่อยู่ไกลออกไปนัยน์ตาหดรัดลงเช่นกัน ในใจสะท้านไหว
เขาตะโกนลั่นทันทีว่า “ใช้พลังทั้งหมด ไม่ต้องออมมืออีก!”
ไม่ต้องให้เตือนสักนิด เฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหล่านั้นก็ใช้พลังทั้งหมดแล้ว
“ผนึก!”
เสียงตะโกนดังขึ้น ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสามสิบหกคนลงมือพร้อมกัน เงาร่างกระจายไปตามทิศต่างๆ สร้างกระบวนค่ายกลศึกหนึ่งขึ้นในชั่วพริบตา
ครืน…
คลื่นผนึกอันน่ากลัวแผ่กระจายออกมา ทำให้ฟ้าดินแห่งนี้จมสู่หมอกดำปั่นป่วน ภายในนั้นยังมีสายฟ้าฟาดเป็นสายๆ บดขยี้โถมเข้าใส่หลินสวินกับซย่าจื้อ
กระบวนค่ายกลศึกนี้เป็นมรดกสูงสุดของลัทธิพ่อมด ผู้แข็งแกร่งสามสิบหกคนร่วมมือกัน กลิ่นอายสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว ประหนึ่งต่อสู้คนเดียว แต่อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมากลับน่าครั่นคร้ามเกินธรรมดา มีชื่อเสียงว่าสามารถหลอมเหล่าเทพ ต่อให้เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ยังต้องหลบพลังของมัน
เดิมทีนี่ก็คือหนึ่งในไม้ตายที่ถูมู่หุนเตรียมไว้
ทว่าแม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าทันทีที่หลินสวินลงมือ พลังต่อสู้ที่สำแดงออกมจะน่าสะพรึงเช่นนั้น ต้องใช้กระบวนค่ายกลนี้ก่อนกำหนด
“ฆ่า!”
ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสามสิบหกคนตะโกนลั่น ทั้งกระบวนค่ายกลศึกโคจร ชั่วขณะเดียวฟ้าดินถูกปกคลุมด้วยแสงเทพ อัคคีเรือง แสงมรรค และกลิ่นอายสมบัติ ละอองแสงสาดพรม เสียงเทพดังสะท้าน สะท้อนทิวทัศน์น่ากลัวอย่างเทพมารคำราม ห้วงอากาศพังทลาย สรรพสิ่งสลายเป็นผุยผง
ที่ตามมาติดๆ คือเงาร่างที่สูงถึงพันจั้งร่างหนึ่งควบรวมจากกระยวนค่ายกลศึก หมัดหนึ่งพลันกระแทกมาที่หลินสวิน
หมัดนั้นอย่างกับมหาคีรีนับแสนตกลงมาจากฟ้า!
“กระบวนค่ายกลศึกหรือ”
หลินสวินยกยิ้มเย็นชาขึ้นอย่างอดไม่ได้
ฟุ่บ!
เขาปล่อยกระบี่ออกไปอีกครั้ง
ชั่วพริบตาคล้ายกลางฟ้าดินแห่งนี้มีสายฟ้าฟาดสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมา แต่กลับเร็วยิ่งกว่าฟ้าแลบ!
หมัดอันน่าครั่นคร้ามที่โถมซัดมานั้นถูกแหวกภายใต้หนึ่งกระบี่นี้เหมือนฟองสบู่
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
หลินสวินถือโอกาสนี้ฟันปราณกระบี่ลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยพันสาย ทะยานครั่นครืนออกไป
ภายใต้การโจมตีเช่นนี้ รอยแผลนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนเงาร่างใหญ่โตสูงพันจั้งนั้นในชั่วพริบตา สุดท้ายก็ระเบิดกระจุยดังลั่น
ด้านผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสามสิบหกคนนั้นล้วนตัวสะเทือน พากันกระอักเลือด กระบวนค่ายกลศึกที่มีพวกเขาร่วมกันสร้างล้วนปั่นป่วนรุนแรง มีเค้าลางไม่เสถียร
“เป็นไปได้อย่างไร!”
คนไม่รู้เท่าไรตกตะลึง “นี่เป็นถึงกระบวนค่ายกลดับเทพของบรรพจารย์พวกเรา ขนาดวิญญาณยังปลิดชีพได้ ทำไมถึงถูกสั่นคลอน นี่ เป็นไปไม่ได้…”
ตูม!
ระหว่างที่พวกเขาจิตใจปั่นป่วร หลินสวินก็ตวัดกระบี่โจมตีเข้ามาแล้ว
ผมยาวดำหนาของเขาปลิวไสว เงาร่างอบอวลด้วยแสงเทพ ประหนึ่งหุบเหวดุจดั่งนรก เฉกเช่นนายเหนือหัวผู้หนึ่ง โอหังเหนือทั้งที่นั้น อานุภาพไม่อาจประมาณ
ภายใต้ปราณกระบี่น่าครั่นคร้ามที่ฟันลงมา กระบวนค่ายกลศึกนั้นทนรับไม่ไหว พังทลายลงในทันที!
ในนั้นยังมีผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นปลายสิบกว่าคนที่หนีไม่ทัน ก็ถูกปราณกระบี่ไพศาลสังหารคาที่อย่างง่ายดาย
“มรรคกระบี่นี้… น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ไม่ ไม่เพียงเท่านี้ เห็นได้ชัดว่าพลังต่อสู้ของเจ้านี่แข็งแกร่งว่าคนระดับเดียวกัน!”
“นี่ก็คืออานุภาพของยอดอมตะหรือ”
ขณะนี้ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีทันที
“เวรเอ๊ย!”
ไกลออกไปถูมู่หุนสีหน้าอึมครึม
พลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้าเกินไป ต่อให้เขาไม่เคยประเมินอีกฝ่ายต่ำ แต่ยามห้ำหั่นกันจริงๆ ถึงพบว่าพลังที่อีกฝ่ายครอบครองเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไปมาก
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ในสนามรบ ระหว่างที่หลินสวินทำลายกระบวนค่ายกลศึก ซย่าจื้อก็กวัดแกว่งทวนศึกกระดูกขาว จ้วงแทงอย่างเรียบง่ายไปสิบกว่าครั้ง
แต่ละครั้งที่แทงออกไปต้องสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นปลายได้คนหนึ่ง
เพียงพริบตาเท่านั้น ผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นขั้นปลายที่ไม่ได้ถูกหลินสวินฆ่าพวกนั้นก็สิ้นชื่อลงด้วยน้ำมือซย่าจื้อ!
ในระหว่างนี้ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของลัทธิพ่อมดไม่ได้ไม่ขัดขวาง แต่ยามจะพุ่งออกไปก็ถูกหลินสวินเหนี่ยวรั้งเอาไว้
ถึงกับทำได้เพียงมองดูพวกพ้องเหล่านั้นตายอนาถด้วยการสังหารของซย่าจื้อไปต่อหน้าต่อตา
ฝนเลือดซัดสาด
เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังก้องฟ้าดิน
เพิ่งเปิดศึกเท่านั้น ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายของลัทธิพ่อมดสามสิบหกคนก็ถูกฆ่าหมด ภาพนองเลือดนี้ทำให้ถูมู่หุนตาแทบหลุดจากเบ้า โกรธจนผมชี้ตั้ง
ด้านผู้แข็งแกร่งลัทธิฌานอย่างพวกจี้คงซึ่งอยู่ไกลออกไปไม่ลงมือมาโดยตลอด แต่สีหน้ากลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
สองคนแล้วอย่างไร
กลับสังหารเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าลัทธิพ่อมดได้อย่างเด็ดขาดภายใต้การปิดล้อมเช่นนั้น!
“มิน่าเจ้าหมอนี่ถึงกล้าปรากฏตัวที่แนวหน้าสุดของลัทธิแรกกำเนิดนี้อย่างเปิดเผย เขาที่มีพลังยอดอมตะรับมือยากเกินไปจริงๆ…”
จี้คงทอดถอนใจเสียงเบา
นอกจากหลินสวินแล้ว ความสามารถอันดุดันที่ซย่าจื้อสำแดงออกมาก็ทำให้เขาลอบตกตะลึงเช่นกัน
“จี้คง พวกเจ้าลัทธิฌานคิดจะดูไฟชายฝั่ง ชมเรื่องสนุกจากลัทธิพ่อมดของข้าหรือ”
ไม่ไกลนักถูมู่หุนสีหน้าไม่เป็นมิตร
จี้คงเอ่ยเสียงขรึม “สหายยุทธ์อย่าได้มีโทสะ”
ขณะพูดเขาก็โบกมือ “ทุกคน ไปช่วยเป็นกำลังให้สหายยุทธ์ลัทธิพ่อมด และจำไว้ว่าตอนลงมือให้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นก็พอ ไม่ต้องออมมือแต่อย่างใด”
ตูม!
ข้างหลังจี้คง เหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิฌานที่สั่งสมกำลังพร้อมสู้นานแล้วต่างมีแสงสว่างหมื่นจั้งปะทุออกมาทั่วร่าง แสงธรรมเลิศวิไล อานุภาพเทพเหลือประมาณ
พวกเขาถือสมบัติอย่างไม้เท้าฌาน บาตร โคมเขียว บรรทัดทัณฑ์ ดาบทัณฑ์ แส้หางม้า กระโจนเข้าสู่สนามรบด้วยกันเหมือนมุนินทร์ทั่วหล้า เข้าไปปิดล้อมซย่าจื้อคนเดียว
การต่อสู้ปะทุขึ้นรอบด้าน ทำให้ฟ้าดินพลิกคว่ำ สุริยันจันทราอับแสง
หลินสวินถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดปิดล้อม ส่วนซย่าจื้อถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิฌานที่เพิ่งเข้ามาในสนามรบเหนี่ยวรั้งเอาไว้
สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือด ทั้งสองฝั่งไม่ปรานีสักนิด
ไกลออกไปถูมู่หุนกับจี้คงมองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ เตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อแล้ว
ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า ลึกเข้าไปในเมฆาเคราะห์หนาหนักดุจน้ำหมึกมีเสียงอสนีเคราะห์ชวนหวาดผวาดังขึ้น ถาโถมครั่นครืน พาให้ฟ้าดินสั่นไหว
ในที่สุดมหาเคราะห์นิรันดร์ของโหยวเป่ยไห่ครั้งนี้ก็จะมาเยือนแล้ว!
เมื่อเห็นภาพนี้ ถูมู่หุนกับจี้คงสบตากัน ในใจต่างรู้ว่าการต่อสู้ที่ปะทุขึ้นระหว่างสามหอบรรพจารย์นี้เพิ่งเปิดฉากเท่านั้น