Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2942 ระเบิด
ทางเข้าแดนแรกเริ่ม
เสวียนเฟยหลิงหรี่ตา สีหน้าเคร่งเครียด
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นหน้าเมืองเทพหมื่นยอดล้วนถูกเขาเห็นอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินกับซย่าจื้อถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานตรึงไว้ ในใจเสวียนเฟยหลิงก็เป็นห่วงทันที
คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
มิหนำซ้ำสองหอบรรพจารย์ยังไม่ได้ใช้ไพ่ตาย เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันได้มากมาย
เสวียนเฟยหลิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตัดสินใจทันที
ขอเพียงหลินสวินมีสัญญาณว่าจะรับไม่ไหวแม้สักนิด เขาจะลงมือช่วยทันที!
หืม?
แต่ไม่นานนักจู่ๆ เสวียนเฟยหลิงก็ตกตะลึง
จากนั้นทั้งตัวเขาค่อยๆ นิ่งอึ้งแล้ว
สาเหตุก็เพราะหลินสวินในสนามรบไม่ได้ถูกกดข่ม ตรงข้ามกลับใช้พลังของเขาคนเดียวข่มเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหล่านั้นอยู่หมัด!
นี่ทำให้เสวียนเฟยหลิงยังอึ้งค้าง
ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของลัทธิพ่อมด คนระดับเดียวกันในสิบยักษ์ใหญ่อมตะยังเทียบไม่ติด
แต่ตอนนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าเช่นนี้ยี่สิบกว่าคนร่วมกันจัดการหลินสวินเต็มกำลัง กลับกลายเป็นถูกหลินสวินคนเดียวกำราบ นี่จะเหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว!
……
ในสนามรบ!
เสียงตูมดังขึ้น หนึ่งกระบี่ของหลินสวินทำลายศาสตรามรรคสีชาดชิ้นหนึ่ง ปราณกระบี่แผ่กระจาย ฟันเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งให้กระเด็นออกไปทันที ร่างกายยังแตกออกตามไปด้วย
ถ้าไม่ใช่มีคนอื่นช่วยทัน กระทั่งพลังจิตยังอาจรักษาไว้ไม่ได้!
เวลานี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิพ่อมดเหล่านั้นสีหน้าเคร่งเครียดถึงขีดสุด ดวงตาเปี่ยมด้วยความตื่นตะลึงระคนเดือดดาล
พลังต่อสู้หลินสวินเย้ยฟ้าเกินไปแล้ว มีแต่ตอนที่สู้กับเขาจริงๆ ถึงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเขา
ทั้งตัวเขาก็เหมือนคีรีเทพสูงตระหง่านที่ตั้งอยู่นอกเก้าฟ้า มั่นคงไม่อาจทำลาย ไม่อาจสั่นคลอนได้!
สู้กับเขายังเกิดความรู้สึกไร้กำลัง
“สารเลว!”
มีคนเดือดดาล พุ่งถลามาทางนี้
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ฟันกระบี่มรรคออกไปสายหนึ่ง
ปัง!
แม้ว่ากระบี่นี้จะถูกอีกฝ่ายรับไว้ได้ แต่พลังที่กระบี่มรรคนั้นแผ่ออกมากลับซัดจนเฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้นี้กระดูกแหลกกระจุยทั้งตัว เจ็ดทวารหลั่งเลือด ตัวเขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ร่างกายระเบิดดังสนั่น ฝนเลือดสาดกระเซ็น
“เร็วเข้า! ขวางเขาไว้ด้วยกัน!!”
ภายใต้การโจมตีเดียว เฒ่าดึกดำบรรพ์สองคนถูกหลินสวินทำให้บาดเจ็บสาหัสต่อเนื่อง ทำเอาคนไม่น้อยตกตะลึง กราดเกรี้ยว ต่างไม่กล้าบุ่มบ่ามโจมตี แต่ออกโจมตีพร้อมกับคนอื่น ใช้ทุกวิชาที่มีบนตัว
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้กลับยังไม่อาจกักตัวหลินสวินไว้ได้ สังหารเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
สาเหตุก็เพราะหลินสวินในตอนนี้แกร่งกล้าเกินไป!
ตัวเขาเป็นดั่งทวยเทพ จู่โจมฟ้าดินแห่งนี้อย่างเหี้ยมเกรียมน่ากลัว เจตกระบี่ไร้ปรานี อานุภาพที่เกิดขึ้นยามยกมือวาดเท้ายังทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ทั้งหมดนี้ล้วนมาจากพลังต่อสู้อันน่ากลัวของเขา หายากไร้เทียมทาน เรียกได้ว่าเป็นอันดับใต้ระดับนิรันดร์ คนระดับเดียวกันล้วนไม่อยู่ในสายตาเขานานแล้ว
ควรรู้ว่าตอนเขายังอยู่ขั้นหลุดพ้นขั้นต้น ก็สู้ข้ามระดับขั้นไปสังหารคู่ต่อสู้ขั้นสัมบูรณ์ได้
ยามอยู่ขั้นหลุดพ้นขั้นปลาย ก็สังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นสัมบูรณ์จากพันธมิตรสงครามสิบตระกูลในน่านฟ้าที่หกได้ด้วยตัวคนเดียว โดดเด่นเหนือใคร
และตอนนี้เขาบรรลุขั้นสัมบูรณ์แล้วเช่นกัน!
พลังระเบียบนิพพานที่หลอมยิ่งมากถึงแปดส่วน กฎเกณฑ์อมตะทั้งร่างไม่ด้อยกว่าพลังระเบียบระดับเทพสักนิด!
ในสถานการณ์เช่นนี้ มองดูคนที่อยู่ระดับเดียวกันในโลกยอดนิรันดร์ จะมีใครมาชิงชัยกับเขาได้อีก
……
เพียงไม่ถึงหนึ่งถ้วยชาก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์สองคนถูกสังหารคาที่ มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ได้รับบาดเจ็บสิบกว่าคนแล้ว!
เลือดย้อมนภาคราม
ฟ้าดินจมสู่ความโกลาหล
การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดเกินไป เรียกได้ว่าหาได้ยากในหมื่นกาล
ถ้าไม่ใช่ว่ารากฐานของเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านี้แต่ละคนแข็งแกร่งเกรียงไกรยิ่ง ทั้งในมือยังครอบครองไพ่ตายรักษาชีวิตมากมาย ช่วยสลายเคราะห์สังหารในช่วงเวลาสำคัญได้ จะยิ่งบาดเจ็บล้มตายกันอย่างอนาถกว่านี้!
ด้านหลินสวินที่อยู่ในสนามรบกลับเผยท่วงท่าโอหังดุจหนึ่งเดียวในใต้หล้า นอกจากข้าไร้ใครเทียม
ไม่ว่าสมบัติใด ล้วนไม่อาจเข้าใกล้ร่างของเขาได้
ไม่ว่าผนึกใด ล้วนไม่อาจขัดขวางก้าวย่างของเขาได้
ไม่ว่าวิชาใด ล้วนถูกยับยั้งอยู่ภายใต้อานุภาพของกฎเกณฑ์อมตะ!
หากภาพนี้ถูกผู้ฝึกปราณทั่วหล้าเห็นเข้า กลัวแต่จะไม่เชื่อเด็ดขาด ว่าหลินสวินที่สู้กับเฒ่าดึกดำบรรพ์จากหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดทั้งหมดด้วยตัวคนเดียวจะถึงกับยังอหังการแข็งกร้าวได้ปานนี้!
อันที่จริงเสวียนเฟยหลิงที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างนี้ยังตกใจจนพูดไม่ออก
ก่อนหน้านี้เขารู้เพียงว่าเกิดการต่อสู้ในน่านฟ้าที่หก ได้ยินเพียงว่าหลินสวินสังหารขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลเท่านั้น
แต่ถึงอย่างไรก็แค่ฟังคำบอกเล่ามา
ทว่าตอนนี้กลับได้เห็นกับตา!
แรงสะเทือนเช่นนั้นรุนแรงเป็นพิเศษ
และเมื่อเสวียนเฟยหลิงหันมองสถานการณ์ต่อสู้ฝั่งซย่าจื้อ ก็สูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้!
พวกเฒ่าชราลัทธิฌานแต่ละคนล้วนรับมือได้ยากทั้งนั้น แสงธรรมทั้งร่างปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ทั้งยังร่วมมือรู้ใจกัน เข้าล้อมโจมตีซย่าจื้อคนเดียวเหมือนกระแสคลื่นเป็นชั้นๆ
เสวียนเฟยหลิงถามใจตัวเองดู หากเปลี่ยนเป็นเขาที่ถูกล้อมโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าคงทำได้เพียงเอาชีวิตเข้าสู้แล้ว มิหนำซ้ำยังเป็นไปได้สูงยิ่งว่าอาจโชคร้ายมากกว่าดี
แต่ซย่าจื้อไม่เหมือนกัน
เงาร่างของนางพริบไหวดุจแสงเคลื่อน เลื่อนลอยไม่แน่นอน ไม่อาจคว้าจับได้ ต่อให้ถูกล้อมโจมตีเป็นชั้นๆ นางก็ยังหลบการโจมตีมืดฟ้ามัวดินได้ครั้งแล้วครั้งเล่า
และเมื่อนางลงมือก็เรียบง่ายตรงไปตรงมาผิดธรรมดา ทวนศึกกระดูกขาวเล่มหนึ่งจ้วง แทง ฟัน สะบัด กวาด กระแทก ตลบ ถล่มได้ต่างนิ้วมือ
ล้วนเป็นการต่อสู้ที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุด ไม่มีความฉูดฉาดให้พูดถึงสักนิด
แต่ความน่ากลัวของอานุภาพนั้น กลับสามารถทำให้ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนใดก็ตามในโลกหนาวสะท้าน!
ต่อสู้จนถึงตอนนี้ผ่านไปเพียงช่วงสั้นๆ มีคู่ต่อสู้ที่ตายด้วยน้ำมือซย่าจื้อแล้วสามคน ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็มีสิบกว่าคน
ไม่ด้อยไปกว่าหลินสวิน!
แม้หลินสวินจะเย้ยฟ้า เสวียนเฟยหลิงก็ยังเข้าใจได้ ถึงอย่างไรคนบนโลกต่างรู้ว่าเขาครอบครองอานุภาพยอดอมตะ
ทว่าพลังต่อสู้ของซย่าจื้อก็แกร่งกล้าเช่นนี้ ทำให้เสวียนเฟยหลิงไม่เข้าใจสักนิด จนถึงขนาดที่ตัวเขายังอึ้งไปเช่นนั้น สีหน้าเหม่อลอย
……
ทั้งถูมู่หุนกับจี้คงล้วนเห็นทุกอย่างนี้
สีหน้าของถูมู่หุนยิ่งโกรธเกรี้ยวและอึมครึม ส่วนสีหน้าจี้คงยิ่งเคร่งเครียด
ครั้นเห็นว่ายิ่งการต่อสู้ดำเนินไป สถานการณ์ของสองหอบรรพจารย์ของพวกเขายิ่งเสียหาย ถูมู่หุนก็เก็บกลั้นไว้ไม่อยู่ คำรามเสียงดุดันว่า
“ใช้รูปจำลองเจตจำนง!!”
เสียงสะท้านจักรวาล
ผู้แข็งแกร่งลัทธิพ่อมดในสนามรบคนหนึ่งสะบัดแขนเสื้อทันใด
กระดูกสัตว์สีดำท่อนหนึ่งระเบิดออกกลางอากาศ เงาร่างสูงตระหง่านที่ทั้งร่างอบอวลด้วยกลิ่นอายระดับนิรันดร์ร่างหนึ่งอุบัติขึ้น เขาสวมชุดหนังสัตว์ทั้งตัว เท้าเปล่าเปลือยเหยียบย่างไปในอากาศ ผมยาวกระเซอะกระเซิง ดวงตากลับน่ากลัวยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ ผิวหนังสีทองแดงนูนขึ้นเป็นก้อนๆ ราวกับถูกหล่อขึ้นจากน้ำสำริด
ทันทีที่เขาปรากฏตัว ฟ้าดินพลันสั่นระรัวขึ้นมา
“โหยวเป่ยไห่กำลังข้ามด่านเคราะห์หรือ…”
หลังจากเงาร่างสูงตระหง่านดุจเทพเถื่อนดึกดำบรรพ์ปรากฏตัว ดวงตาก็มองไปยังส่วนลึกของเวิ้งฟ้า สีหน้ากร้าวแกร่งหยาบกระด้างมีแต่แววเฉยเมยเย็นชา
ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า อสนีเคราะห์ซัดสาด ประหนึ่งมังกรยักษ์ตัวใหญ่หนามากมายพลิกตัวอยู่ในนั้น แสงเคราะห์อันงามวิลาศหลั่งไหล กระตุ้นให้จิตวิญญาณทุกคนต่างรู้สึกเหมือนถูกฉีกขาด
“อูหวนเจิน!”
เสวียนเฟยหลิงใจสั่นระรัวแรง
อูหวนเจิน หนึ่งในราชครูฟ้าลัทธิพ่อมด ยอดบุคคลที่แจ้งมรรคมาเนิ่นนานไม่รู้กี่ปีคนหนึ่ง หากว่ากันด้วยความยาวนานของระยะเวลาฝึกปราณ กระทั่งหัวหน้าหอแรกมายาอย่างไท่เสวียนยังด้อยกว่าอยู่บ้าง
ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่เก้า ชื่อเสียงของอูหวนเจินก็โด่งดังถึงที่สุด
กล่าวอย่างไม่เกินจริง นี่ก็คือบุคคลในตำนานที่มีชีวิตคนหนึ่ง!
“ราชครูฟ้า ขอท่านลงมือจับเจ้าเดรัจฉานหลินสวินนี่ด้วย!”
ไกลออกไปถูมู่หุนเอ่ยอย่างนอบน้อม
กลับพบว่าดวงตาอูหวนเจินจับจ้องหลินสวิน เอ่ยเสียงเฉยชาว่า “ไท่เสวียนล่ะ ต่อให้ร่างต้นเขาไม่ปรากฏ รูปจำลองเจตจำนงของเขาก็ควรอยู่ที่นี่ถึงจะถูก”
ขณะที่เขาพูด สัตว์ประหลาดเฒ่าขั้นหลุดพ้นของลัทธิพ่อมดซึ่งล้อมโจมตีหลินสวินเหล่านั้นต่างถอนตัวถอยหนีไปไกลๆ แล้ว
หลินสวินไม่ได้ไล่โจมตีพวกเขา สายตามองไปที่อูหวนเจินอย่างเรียบเฉย เอ่ยว่า “จัดการกับเจ้า ทำไมต้องให้หัวหน้าหอไท่เสวียนลงมือ ข้าคนเดียวก็พอแล้ว”
“กำเริบ!”
ถูมู่หุนเดือดดาลยิ่งยวด
เจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนหนึ่ง ต่อให้มีพลังยอดอมตะ แต่ใครมอบความมั่นใจให้เขาไปท้าทายรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์กัน
เฒ่าชราลัทธิพ่อมดต่างก็หัวเราะหยันไม่หยุด
หลินสวินคนนี้…
ช่างไม่ประมาณตนจริงๆ!
กลับพบว่าหลินสวินพูดเนิบๆ ว่า “ดูออกว่าความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่พันธมิตรสงครามสิบตระกูลได้รับในน่านฟ้าที่หกไม่ได้ทำให้พวกเจ้ามองเป็นบทเรียน หาไม่เกรงว่าตอนนี้พวกเจ้าคงไม่กล้าใช้รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์จ้อยๆ แค่คนเดียวสักนิด”
ทุกคนแทบนึกว่าได้ยินผิดไป
จ้อยๆ แค่คนเดียวหรือ
จ้อยๆ หรือ
เจ้าคนแซ่หลินนี่ช่างคุยโวเสียจริง!
บัดนี้แม้แต่รูปจำลองเจตจำนงอูหวนเจินยังนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้
แต่เขาเหมือนคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับคนรุ่นหลังอย่างหลินสวิน ดวงตามองไปไกล พูดเรียบๆ ว่า “ไท่เสวียน ถ้ารูปจำลองเจตจำนงของเจ้าไม่ออกมาอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
เห็นชัดว่าเขามั่นใจว่าที่หลินสวินกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้เพราะเบื้องหลังมีที่พึ่ง
และที่พึ่งนี้ก็คือไท่เสวียน!
หลินสวินยิ้มอย่างอดไม่อยู่ ทั้งอคติและหยิ่งผยอง ท่าทางเช่นนี้ของอูหวนเจินทำให้เขานึกถึงรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่สังหารในน่านฟ้าที่หกเหล่านั้น
เหมือนจะ… มีท่าทางยกตัวสูงส่งเช่นนี้ทั้งนั้น!
คิดไปก็ถูก บนโลกนี้ระดับนิรันดร์คนใดจะคิดว่าเจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นคนหนึ่ง จะสามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้
พันธมิตรสงครามสิบตระกูลคิดไม่ถึง
เห็นชัดว่าลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานก็คิดไม่ถึงเช่นกัน
ไม่เช่นนั้นอูหวนเจินย่อมไม่วางท่าเช่นนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะบีบให้เจ้าปรากฏตัว!”
ประกายเย็นชาฉายวาบในดวงตาอูหวนเจิน ลงมือโดยพลัน
ตูม!
เขายื่นมือไปคว้ากลางห้วงอากาศทันที พลังฝ่ามือน่ากลัวบังฟ้ากลบตะวัน ล้อมรอบด้วยนัยเร้นลับมหามรรคนิรันดร์แดงฉานแน่นขนัด น่าสะพรึงหาใดเทียบ
ยามนี้ต่อให้เป็นเสวียนเฟยหลิงยังอกสั่นขวัญแขวน กำหมัดทั้งสองแน่น
ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินไม่หลบไม่หนี กลับพุ่งเข้าไปรับ
ตูม!
เขาตบฝ่ามือออกไปเช่นกัน
ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้องอย่างยากจะเชื่อ ฝ่ามือของอูหวนเจินที่สามารถทำให้ขั้นหลุดพ้นคนใดก็ตามสิ้นหวังนี้ ถูกถล่มทำลายไปทั้งอย่างนั้น
เสียงระเบิดก้องกระหึ่ม ท่ามกลางละอองแสงปลิวว่อนเต็มฟ้า หลินสวินเคลื่อนย้ายมาอยู่หน้ารูปจำลองเจตจำนงของอูหวนเจินแล้ว
“เจ้า…”
เห็นชัดว่าอูหวนเจินตกใจ นัยน์ตาหดรัด
ภาพนี้ทำลายความรูความเข้าใจของเขาอย่างแท้จริง ทำให้เขายังไม่กล้าเชื่อ
แต่ในฐานะระดับนิรันดร์ ต่อให้เป็นรูปจำลองเจตจำนงสายหนึ่งก็น่าครั่นคร้ามถึงที่สุด พริบตานี้เขาใช้กระบวนท่าสังหารทันที สองมือกดลงไป ประทับใหญ่สีแดงอันน่าหวาดหวั่นชั้นหนึ่งควบรวม กดกำราบหลินสวินอย่างหนักหน่วง
โครม!
หลินสวินแกว่งหมัดเข้าต้าน ท่ามกลางเสียงกระแทกสะท้านฟ้าดิน ประทับใหญ่สีเลือดระเบิดแตก
ด้านหลินสวินตัวไหวโคลงเล็กน้อย จากนั้นกายมรรคทั้งห้าก็พุ่งออกมาพร้อมกัน ประหนึ่งนายเหนือหัวเทพสวรรค์ห้าองค์ปรากฏตัวกลางอากาศ เข้าตะลุมบอนรูปจำลองเจตจำนงของอูหวนเจินด้วยกัน
ด้วยไม่ทันตั้งตัวอูหวนเจินจึงถูกปิดล้อมทันที
เขาตะโกนลั่นไม่หยุด จู่โจมอย่างคลุ้มคลั่ง ใช้ยอดมหาอภินิหารทั้งปวง อานุภาพล้วนเรียกได้ว่าน่ากลัวเลิศล้ำ สามารถทำลายบุคคลที่อยู่ต่ำกว่าระดับนิรันดร์คนใดก็ได้
ทว่าต่อหน้าหลินสวินทุกอย่างนี้ล้วนเปลืองแรงเปล่า ต่างถูกต้านรับและสลายทิ้งไปทั้งหมด ไม่อาจทำให้หลินสวินบาดเจ็บได้สักนิด!
และหลินสวินที่เป็นฝ่ายได้เปรียบก็ไม่เกรงใจสักนิด ร่างต้นและร่างแยกร่วมกันจู่โจม ไอสังหารคับฟ้า อานุภาพอหังการ กดข่มจนอูหวนเจินโงหัวไม่ขึ้นโดยสมบูรณ์
แต่ละภาพนี้ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างงุนงง จิตใจสั่นระรัว นี่… นี่เป็นไปได้อย่างไร!?
ปัง!
เพียงกะพริบตาไม่กี่ครั้งเท่านั้น เสียงระเบิดสะท้านฟ้าเสียงหนึ่งดังขึ้น
ก็พบว่ารูปจำลองเจตจำนงของอูหวนเจินถึงกับถูกหลินสวินระเบิดออกทั้งอย่างนั้นในยามนี้!