Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2945 อัญเชิญบรรพจารย์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2945 อัญเชิญบรรพจารย์
ผู้ที่ส่งเสียงหัวเราะลั่นเป็นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ของลัทธิฌาน ฉายาพุทธ ‘จี้หมิง’ เคยมีกิตติศัพท์สะท้านใต้หล้าเมื่อนานมาแล้ว
และเคยถกมรรคกับระดับนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้ามากมาย
แม้ร่างต้นของเขาจะไม่อยู่ที่ลัทธิฌานนานแล้ว แต่อานุภาพของรูปจำลองเจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ให้นี้ยังแข็งแกร่งยิ่งเช่นเดิม
ทันทีที่หลินสวินโจมตีมา เขาก็สำแดงวิชาป้องกันอันแข็งแกร่งยิ่งออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด
ฮูม!
แสงเงาสีทองเหมือนวังวนชั้นหนึ่งแปลงเป็นจีวรมาปกคลุมรอบกายเขา อบอวลด้วยแสงธรรมนิรันดร์อันเจิดจรัสตระการตา
จีวรต้นหว้า!
อานุภาพของมันสามารถต้านพลังกฎระเบียบได้!
ตูม!
ทว่าเมื่อหลินสวินกับร่างแยกของเขาโจมตีเข้ามา พลังอันน่าครั่นคร้ามนั้นกลับซัดให้จี้หมิงสะเทือนไปทั้งตัว จีวรต้นหว้ายังเกิดระลอกคลื่นแรง
เขาหน้าเปลี่ยนสีทันที ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้!
ตูม!
ไม่รอให้เขาตอบสนอง การโจมตีมืดฟ้ามัวดินก็มาพุ่งเข้ามา
ระหว่างนี้รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์อื่นๆ ต่างลงมือ แต่นอกจากพลังศาสตรามรรคนิรันดร์สองชิ้นนั้นแล้ว การโจมตีอื่นล้วนถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกลืนกิน
และแค่ศาสตรามรรคนิรันดร์สองชิ้นนี้ก็ไม่อาจทำอะไรหลินสวินได้
ครู่สั้นๆ จี้หมิงก็ถูกโจมตีรุนแรง บนรูปจำลองเจตจำนงของเขาเกิดรอยแผลแตกเป็นริ้วๆ น่าตกตะลึง
ตูม!
ในที่สุดจีวรต้นหว้าที่คลุมอยู่บนร่างเขาก็ระเบิดออก ส่วนรูปจำลองเจตจำนงของเขาก็ถูกกำราบทั้งอย่างนั้น แตกกระจายไปทั่ว สลายไปดุจสายฝน
รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ร่วงหล่นไปอีกคน!
สภาพการต่อสู้ที่ดุดันอหังการของหลินสวิน ทำให้พวกถูมู่หุนกับจี้คงหนาวสะท้านเช่นกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินยังสามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สองคนได้ พลังเย้ยฟ้าเช่นนั้นจะให้พวกเขาสงบใจได้อย่างไร
แต่พวกเขาต่างดูออกว่าพลังขับเคลื่อนของหลินสวินไม่ได้แกร่งกล้าเหมือนก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าการใช้พลังพรสวรรค์อย่างต่อเนื่องสองครั้งผลาญพลังกายของเขาไปมากยิ่ง
นี่ก็หมายความว่าเมื่อพลังพรสวรรค์ที่เขาใช้ครั้งนี้หายไป เขาย่อมไม่มีพลังต่อสู้ได้อีก!
ในสนามรบ รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์เหล่านั้นก็สังเกตเห็นภาพนี้ เร่งรีบโจมตียิ่งขึ้น
ครืน…
ฟ้าดินปรากฏภาพพังพินาศเหมือนโกลาหลโดยสิ้นเชิง ทะเลหมื่นดาราอันกว้างใหญ่ไม่อาจฟื้นคืนนานแล้ว การต่อสู้ยิ่งดุเดือด
เป็นไปตามที่ศัตรูคาดเดาไว้จริงๆ ไม่นานนักประตูเนรเทศของหลินสวินก็มลายหายไป
เพียงแต่…
ยังไม่ทันให้พวกเขาได้ดีใจ เมื่อหลินสวินกินน้ำค้างเทพฟ้าประทานไปเม็ดหยด พลังกายที่เดิมใช้ไปเกือบหมดก็คืนสู่สภาพสูงสุดในชั่วพริบตา
เห็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลันเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์เหล่านั้นยังตาเบิกกว้างอย่างอดไม่ได้ ตกใจระคนโกรธเกรี้ยว ยังทำเช่นนี้ได้หรือ!
พวกถูมู่หุนต่างอึ้งค้างไปแล้ว อัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
เดิมทีพวกเขานึกว่าจะจับหลินสวินได้แล้ว แต่คิดไปมากมายอย่างไรพวกเขาก็คาดไม่ถึงว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกะทันหันเช่นนี้กับตัวหลินสวิน
เสวียนเฟยหลิงแววตาแปลกไป
ตอนนั้นเขาเป็นคนมอบน้ำค้างเทพฟ้าประทานสิบหยดให้หลินสวินเอง ย่อมรู้ดีที่สุดว่าเหตุใดจึงเกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลันเช่นนี้กับหลินสวิน
ตอนนี้สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนไปอีกครั้ง
นอกจากคนที่ควบคุมศาสตรามรรคนิรันดร์สองชิ้นนั้นแล้ว รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์อื่นๆ ต่างเลือกตั้งรับไม่รุก
ทั้งยังไม่ให้โอกาสหลินสวินได้พัวพันหรือเข้าโจมตี!
เห็นชัดว่าพวกเขาต่างรู้ว่าขอเพียงหลินสวินสำแดงประตูเนรเทศอีกครั้ง พวกเขาที่ไม่มีศาสตรามรรคนิรันดร์เช่นนั้นย่อมไม่มีโอกาสใดไปโจมตีหลินสวิน
“ฆ่า!”
ผู้ที่ควบคุมธงเลือดเหล็กประหัตโลกามีนามว่าเสวี่ยหรง ส่วนผู้ที่ควบคุมแปดมหาคัมภีร์ ฉายาธรรมหังเตียน ทั้งสองเหมือนกลายเป็นกำลังต่อสู้หลัก เข้าโจมตีหลินสวินเต็มกำลัง
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน หลินสวินไม่ได้ใช้ประตูเนรเทศ
เพราะอภินิหารพรสวรรค์เช่นนี้ถูกเฒ่าชราพวกนั้นมองความลับออกแล้ว คิดจะสังหารศัตรูอย่างแต่ก่อนจะต้องลงแรงไม่น้อย
และเมื่อเห็นว่าหลินสวินไม่ใช้ประตูเนรเทศอีก รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์คนอื่นที่เดิมยัง ‘ตั้งรับไม่รุกโจมตี’ ย่อมไม่พลาดโอกาส ร่วมกันล้อมโจมตีเต็มกำลัง
พวกเขาต่างตัดสินใจว่าทันทีที่หลินสวินใช้พลังอภินิหารต้องห้ามนั้นก็จะหนีไปไกลๆ ไม่รุกโจมตี ไม่เชื่อว่าด้วยการปิดล้อมเช่นนี้จะจัดการอีกฝ่ายไม่ได้
แต่แผนของพวกเขาย่อมกลายเป็นความว่างเปล่า
เห็นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์เหล่านี้บุกมา หลินสวินหายใจเข้าออกลึกๆ เสียงชิ้งดังขึ้นคราหนึ่ง ถือกระบี่มรรคในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งไว้ในมือ
สวบ!
หนึ่งกระบี่เคลื่อนกวาดออกไป
เพิกเฉยต่อพันธนาการห้วงอากาศ แหวกพลังกฎระเบียบ ปราณกระบี่แผ่กระจายเหมือนวงคลื่นงดงามดุจภาพฝัน
แผ่วเบาล่องลอย ไม่อาจคาดเดา และว่องไวจนเหลือเชื่อ
ไม่มีกลิ่นอายสังหารใดแพร่งพรายออกมาสักนิด แต่ยามสังเกตเห็นกระบี่สายนี้ ในใจทุกคนกลับเกิดความรู้สึกหนาวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก
อย่างกับนี่เป็นแสงเคราะห์ที่มาจากฟ้าเบื้องบน!
ปัง!
วิชามรรคที่เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งสำแดงออกมา ทันทีที่สัมผัสปราณกระบี่นี้ก็มลายหายไปเงียบๆ
ปังๆๆ!
จากนั้นการจู่โจมต่างๆ ของเฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นล้วนมลายหายไปเหมือนฟองสบู่เมื่อสัมผัสปราณกระบี่
มีเพียงศาสตรามรรคนิรันดร์สองชิ้นที่ต้านรับปราณกระบี่นี้ได้ แต่สมบัติเช่นนี้ทั้งสองชิ้นล้วนเกิดเสียงหึ่งดังลั่น ทำให้เสวี่ยหรงกับหังเตียนนัยน์ตาหดรัด
“ไม่…!”
พลันนั้นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์คนหนึ่งก็ส่งเสียงร้องลั่นด้วยความตกตะลึงผสานกราดเกรี้ยว
เขายื่นมือไปตบ หมายจะสกัดปราณกระบี่นั้น แต่ใครจะคิดได้ว่าปราณกระบี่กลับตัดพลังฝ่ามือของเขาได้อย่างง่ายดาย อานุภาพที่เหลือไม่ลดลง ฟันไปที่มือเขา
ทันใดนั้นปราณกระบี่แผ่กระจาย ย้อนทวนกาลเวลา อานุภาพที่ปล่อยออกมาตัดมรรควิถีทั้งร่างของรูปจำลองเจตจำนงออก!
เดิมทีรูปจำลองเจตจำนงก็เป็นสิ่งที่ควบรวมจากพลังมหามรรค ตอนนี้หลังจากถูกตัดออกแล้วก็พรั่งพรูกลายเป็นละอองแสง หายลับไปคล้ายฟองสบู่!
ทั้งที่นั้นสั่นเทือนไหว ทุกคนต่างตกตะลึงกับภาพที่พิสดารสุดคาดเดานี้
“ดาบกาลเวลา! นี่เป็นอภินิหารพรสวรรค์ต้องห้ามที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ครอบครองวิชานั้น!”
ถูมู่หุนร้องลั่นอย่างเดือดดาล ตาแทบหลุดจากเบ้า
อภินิหารประตูเนรเทศที่หลินสวินสำแดงก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาไม่ทันตั้งตัวแล้ว และตอนนี้พลังของดาบกาลเวลานี้ปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง ทำเอาพวกเขาหน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง
สวบ! สวบ! สวบ!
หลินสวินไม่ได้ร่ำไรสักนิด ร่างต้นควบคุมกระบี่มรรค เข้าโจมตีเต็มกำลังร่วมกับกายมรรคทั้งห้า กระบี่ฟันออกมาแต่ละครั้งก็เหมือนแสงเคลื่อนดุจภาพมายาพร่าเลือนตัดไปมา ลึกลับยากหยั่งถึง
ในช่วงสิบแปดปีที่ผ่านมา เขาเข้าใจนัยเร้นลับของดาบกาลเวลาอย่างทะลุปรุโปร่ง ควบคุมพลังอภินิหารนี้ได้ถึงขั้นสูงสุดนานแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือพลังของดาบกาลเวลาก็เหมือนศาสตรามรรค สามารถใช้อย่างต่อเนื่องได้ครึ่งเค่อ แต่ทันทีที่ถูกกวาดโดนก็จะถูกย้อนทวนกาลเวลา ตัดทอนมรรควิถี!
ต่อให้วิชามรรคกับสมบัติถูกกวาดโดน ก็จะถูกพลังกาลเวลา ‘ย้อนทวน’ ไปยังสภาพแรกสุดเช่นกัน
อย่างเช่นดาบศึกเล่มหนึ่งที่ถูกกวาดโดน ก็จะถูกย้อนคืนสู่สภาพ ‘โครงอาวุธ’ ก่อนที่จะหลอม นี่เรียกได้ว่าเป็นอานุภาพต้องห้ามแล้ว
ตูม…
การต่อสู้เปลี่ยนเป็นรุนแรง
ใครก็คิดไม่ถึงว่าอภินิหารต้องห้ามที่หลินสวินครอบครองจะมากมายปานนี้
ในเวลาต่อจากนั้น ก็พบว่าปราณกระบี่ไหลเคลื่อนแผ่พุ่ง ฉายวาบในสนามรบ มีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ถูกโจมตีเป็นพักๆ จากนั้นก็หายลับไปเหมือนฟองสบู่ในชั่วพริบตา
ชั่วครู่สั้นๆ เท่านั้นก็มีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์หายไปอีกสี่คน!
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เพราะเหตุใด…”
ภาพอันพิสดารแต่ละภาพนั้นกระตุ้นให้พวกถูมู่หุนตาแทบหลุดจากเบ้า โกรธเลือดขึ้นตา ไม่อาจคาดคิดได้สักนิดว่าเหตุใดสถานการณ์ต่อสู้จึงมาถึงขั้นนี้ได้
แววกราดเกรี้ยวอึมครึมปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วเฒ่าดึกดำบรรพ์ลัทธิฌานอย่างพวกจี้คงเช่นกัน จิตฌานอันหนักแน่นยังถูกจู่โจมจนยุ่งเหยิงปั่นป่วน
ระดับนิรันดร์ทุกคนล้วนสามารถต้านรับการโจมตีของพลังกาลเวลาได้ หาไม่แล้วไม่ย่อมไม่อาจเรียกได้ว่า ‘นิรันดร์’
แต่เห็นชัดว่าดาบกาลเวลาที่หลินสวินครอบครองนั้นต่างออกไป นี่เป็นอภินิหารต้องห้ามอย่างหนึ่ง สามารถย้อนทวนเวลา ตัดทอนมรรควิถีได้ ไม่ใช่สิ่งที่พลังกาลเวลาธรรมดาๆ จะเทียบได้!
ตูม!
ไม่นานนักรูปจำลองเจตจำนงอีกคนหนึ่งก็หายลับไป ในสนามรบเหลือรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์อยู่เพียงหกคน
อภินิหารดาบกาลเวลาของหลินสวินจึงหายลับไปในยามนี้
ทว่าเขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สำแดงดาบกาลเวลาอีกครั้ง…
เห็นเช่นนี้รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่เหลือเพียงหกคนนั้นต่างสีหน้าอึมครึมไม่น่ามอง รู้สึกรับมือยากหาใดเทียบ
เคลื่อนพลรูปจำลองเจตจำนงสิบสี่คน มิหนำซ้ำยังเรียกศาสตรามรรคนิรันดร์ออกมาสองชิ้น ยังสยบเจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นอย่างหลินสวินไม่ได้ ตรงข้ามกลับถูกเขาสังหารต่อเนื่องไปแปดคน ความจริงอันโหดร้ายนี้โจมตีพวกเขาอย่างหนักหน่วงหาใดเทียบ
ผลลัพธ์นี้ทำให้พวกถูมู่หุนกับจี้คงไม่อาจคาดคิดได้เด็ดขาด
คราวนี้พวกเขาสองหอบรรพจารย์ร่วมมือกัน เรียกได้ว่าเตรียมตัวพร้อมสรรพเพื่อจัดการลัทธิแรกกำเนิด
แต่ตอนนี้ยังไม่ทันได้บุกเข้าไปในแดนแรกเริ่มก็ถูกหลินสวินขัดขวางอยู่ที่ทะเลหมื่นดารา
มิหนำซ้ำสู้มาถึงตอนนี้ หากรวมรูปจำลองเจตจำนงของอูหวนเจินที่ออกโจมตีเป็นคนแรกด้วย พวกเขาเสียรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ไปแล้วเก้าคน!
ย้อนกลับมาดูฝั่งลัทธิแรกกำเนิด จนตอนนี้ไม่มีกำลังงคนบาดเจ็บสักราย!
“สิ้นเปลืองเช่นนี้ต่อไปก็จะได้ไม่คุ้มเสียแล้วจริงๆ”
ถูมู่หุนเสียงแหบพร่าต่ำลึก ไอสังหารบ้าคลั่งฉายวาบในดวงตา
ใครต่างดูออกว่าถ้าสถานการณ์เช่นนี้ยังดำเนินต่อไป รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่ถูกหลินสวินทำลายก็มีแต่จะยิ่งมากขึ้น!
“เช่นนั้นก็สำแดงวิชาก้นกรุออกมาก็พอ”
จี้คงสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เฮือกหนึ่งคล้ายตัดสินใจแน่วแน่
“ดี!”
ถูมู่หุนกัดฟัน ชูมือเรียกสร้อยกระดูกสัตว์เส้นหนึ่งออกมา ขณะเดียวกันปากก็เอ่ยคาถาแปลกประหลาดคลุมเครือ
วิ้ง!
สร้อยกระดูกสัตว์เปล่งแสง ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือนรุนแรง
รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ลัทธิพ่อมดหลายคนที่กำลังต่อสู้ดุเดือดกับหลินสวินต่างสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเผยแววเร่าร้อนอย่างไม่อาจปกปิด
ขณะเดียวกันนัยน์ตาหลินสวินหดรัด
ตูม!
เสียงมรรคดุจยามแรกกำเนิดดังกึกก้อง สร้อยกระดูกสัตว์เส้นนั้นระเบิดออก ที่ตามมาติดๆ คือกลิ่นอายแรกกำเนิดอันถาโถมอบอวลออกมาดุจภูผาถล่มทะเลคำรน
ท่ามกลางกลิ่นอายแรกกำเนิด เงาร่างผอมตอบสูงโปร่งร่างหนึ่งควบรวมออกมา ชั่วพริบตานั้นประหนึ่งนายเหนือหัวที่หลับไหลไปหมื่นกาลตื่นขึ้น อานุภาพน่าครั่นคร้ามที่ไม่อาจบรรยายได้แผ่ขยายไปเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน กดข่มให้ทุกคนหายใจไม่ออก
สวบ!
หลินสวินปลีกตัวถอยหลังทันที เขาสัมผัสได้ถึงอันตราย ราวกับคมดาบจ่อไปทั้งตัว ทำเอาเขาขนหัวลุก
ขณะเดียวกันก็พบว่าบัดนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าลัทธิพ่อมดอย่างพวกถูมู่หุนล้วนโค้งตัวคำนับ เอ่ยอย่างเคารพนบนอบเหมือนกับศิษย์สืบทอดที่ต่ำต้อย
“ขออัญเชิญรูปจำลองบรรพจารย์!”