Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2949 แขกไม่ได้รับเชิญ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2949 แขกไม่ได้รับเชิญ
ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัย!
ตอนนั้นที่แหล่งสถานศุภโชค หลินสวินก็เคยได้ยินเฉินหลินคงพูดว่าเขาหาร่องรอยของผู้บงการหลังม่านมาตลอดในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้
อย่างแหล่งสถานศุภโชคแห่งนั้น ภายในมีโลกอารยธรรมยุคสมัยมากมายอยู่รวมกัน แต่กลับไม่มีใครเดินออกมาได้สักคน สาเหตุก็เพราะพวกเขาถูกพลังกฎระเบียบพิสดารอย่างหนึ่งขังไว้ในนั้น
และพลังกฎระเบียบเช่นนี้ก็มาจากผู้บงการหลังม่านที่ลึกลับสุดหยั่งคนนั้น!
เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงสักนิดว่าหายนะที่ลัทธิแรกกำเนิดประสบในวันนี้ คล้ายจะเกี่ยวข้องกับผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั้นเช่นกัน!
หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว
กลับพบว่าจู่ๆ เทียนอูก็หัวเราะกราดเกรี้ยว ตวาดว่า “เจ้าจมูกโค เลิกล้อเล่นหลอกลวงกันได้แล้ว ถึงตอนนี้บนโลกนี้ไม่มีใครรู้ว่าผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นเป็นคนหรือพลังกฎระเบียบ เจ้ากลับคิดเองเออเองว่านี่เป็นหมากที่ผู้บงการหลังม่านนั่นวางไว้ ต้องน่าขันปานไหนกัน”
“ข้ากลับหวังให้ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องสมมติอย่างหนึ่ง”
ซวีอิ่นแววตาลุ่มลึก ถอนใจเบาๆ
บรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อพลันก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว พูดว่า “ล่าช้ามากแล้ว สู้ครั้งเดียวก็ตัดสินความบาดหมางทั้งหมดได้”
“เป็นเช่นนี้จริงๆ”
ชายขราชุดทองหยวนเฟยหูแววตาคมกริบ
คนใหญ่คนโตระดับนิรันดร์คนอื่นที่อยู่ที่นั่นต่างหมายจะลงมือเต็มแก่
“ในเมื่อทุกท่านทุ่มหมดหน้าตักเช่นนี้ ลัทธิวิญญาณของข้าก็ไม่ควรคิดคำนึงมากเกินไปเช่นกัน”
ซวีอิ่นเอ่ยเย็นชา น้ำเสียงเด็ดขาด
ฮูม…
ห้วงอากาศพลันเกิดระลอกคลื่น เงาร่างสองสายปรากฏออกมาอย่างต่อเนื่อง
คนหนึ่งสวมงอบคลุมเสื้อกันฝนฟางคล้ายชาวประมง อีกคนถือพัดขนนกโพกหัวที่ศีรษะ รูปลักษณ์ทรงภูมิ มือถือบรรทัดหยก
ทั้งสองล้วนอบอวลด้วยกลิ่นอายระดับนิรันดร์ เป็นหัวหน้าเรือนลัทธิวิญญาณสองคน
คนแรกฉายามรรค ‘ต้งลี่’
คนหลังฉายามรรคว่า ‘จือเจิ้ง’
ชั่วขณะเดียวทำให้ระดับนิรันดร์ฝั่งลัทธิแรกกำเนิดเพิ่มมาสองคน บวกไท่เสวียน คงเจวี๋ยและเหยียนจี้เข้าไปด้วยมีกำลังเท่ากับระดับนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าพอดี!
ในสนามรบปั่นป่วน ต่างคิดไม่ถึงว่าลัทธิวิญญาณจะทุ่มถึงเพียงนี้เพื่อช่วยลัทธิแรกกำเนิด
“นักพรตจมูกโคอย่างเจ้านี่ ต้องให้ข้าติดค้างน้ำใจเจ้าให้ได้หรือ” หยวนชูถอนใจ
ซวีอิ่นเอ่ย “ไม่มีปากแล้วฟันก็หนาวสิ ถ้าลัทธิแรกกำเนิดจบสิ้นแล้ว ต่อไปเกรงว่าจะวนมาถึงลัทธิวิญญาณของข้า”
สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แต่ยังไม่ทันรอให้หลินสวินโล่งอก
บรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อเอ่ยถอนใจยาวอย่างอดไม่ได้ “เดาไว้แล้วว่าจะเกิดตัวแปรมากมายขนาดนี้ เช่นนี้ดูท่าระหว่างสี่หอบรรพจารย์ต้องตัดสินแพ้ชนะสักครั้งแล้ว”
คำพูดยังก้องสะท้อน
เสียงสวดก็ดังขึ้นกลางห้วงอากาศ มีเงาร่างสูงตระหง่านสีทองปรากฏขึ้นสองร่างติด
คนแรกแก่ชราหาใดเทียบ รอยเหี่ยวย่นเต็มใบหน้า เป็นเจียซิวพุทธอดีตของลัทธิฌาน
คนหลังใบหน้าดุจเด็กหนุ่ม สง่างามรุ่งโรจน์ เป็นเจียจิ้งพุทธอนาคตของลัทธิฌาน
ทันใดนั้นสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง!
หลินสวินยังหวาดหวั่นอย่างไม่อาจห้าม ทรวงอกแน่นไปหมด
ไพ่ตายของเฒ่าชราพวกนี้จะมากเกินไปหน่อยแล้ว ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปหลายครั้งตามไปด้วย ก่อนหน้านี้ใครจะคิดว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดนี้
ครั้นมองดูสีหน้าของเสวียนเฟยหลิง ถูมู่หุน จี้คง ต่างล้วนเผยความสงสัย เห็นชัดว่าเหนือความคาดหมาย นี่ชัดเจนว่าไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาล่วงรู้ล่วงหน้าแม้สักนิด!
“ระดับนิรันดร์ของลัทธิพ่อมดของพวกเจ้าก็ควรเคลื่อนไหวแล้วกระมัง”
บรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดหยวนชูเอ่ยเสียงขรึม สีหน้าเขาตอนนี้เย็นชาถึงขีดสุดแล้ว
ตัวแปรในวันนี้เรียกได้ว่าใจหายใจคว่ำ ไม่ว่าใครต่างเตรียมกำลังพลมาพร้อมพรัก ถึงขั้นทำให้สถานการณ์ตึงเครียดถึงขีดสุด
ทันทีที่ปะทุออกมา ที่ถูกจู่โจมก่อนใครต้องเป็นลัทธิแรกกำเนิดอย่างไม่ต้องสงสัย!
ยามนี้สีหน้าพวกไท่เสวียน เหยียนจี้ คงเจวี๋ยต่างเคร่งขรึมและสงบนิ่งนัก
นี่ก็คือการประชันหมาก
ถ้าไม่ถึงช่วงสุดท้าย ใครก็ไม่รู้ว่าในมืออีกฝ่ายมีไพ่ตายเช่นไร
บรรพจารย์ลัทธิพ่อมดเทียนอูเอ่ยว่า “เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว คงถึงเวลาที่จะตัดสินแพ้ชนะแล้วจริงๆ เหลยอู่ เซียวอิ๋ง พวกเจ้าสองคนก็ออกมาได้แล้ว”
ประโยคเดียวทำให้หลินสวินยิ่งรู้สึกเคร่งเครียด
ดังคาด ฝั่งลัทธิพ่อมดก็มีร่างต้นระดับนิรันดร์เช่นกัน!
หากเป็นเช่นนี้ ฝั่งศัตรูเท่ากับมีระดับนิรันดร์ถึงเก้าคนแล้ว ว่ากันด้วยจำนวนก็ได้เปรียบอย่างเบ็ดเสร็จ
ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าก็คือทันทีที่การต่อสู้เช่นนี้ปะทุขึ้น…
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าสุดท้ายพลังทำลายล้างนั้นจะสร้างผลกระทบให้ใต้หล้าใหญ่โตขนาดไหน แค่แดนแรกเริ่มที่ลัทธิแรกกำเนิดอยู่ก็เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะจมลงเท่านี้!
ถ้าเป็นเช่นนี้คนในลัทธิแรกกำเนิดทุกคนที่ได้รับการคุ้มครองอยู่ในแดนลับแรกฟ้าเหล่านั้นจะมีโอกาสรอดได้อย่างไร
โหยวเป่ยไห่ที่กำลังข้ามเคราะห์นิรันดร์อยู่จะไม่ได้รับผลกระทบได้อย่างไร
เพียงแต่พอเสียงเทียนอูเงียบลง กลับไม่มีใครขานรับอยู่นาน...
บรรยากาศพลันแปลกพิกลขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นฝั่งลัทธิแรกกำเนิดหรือฝั่งคู่ต่อสู้ ต่างรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง
เกิดอะไรขึ้น
กระทั่งหลินสวินยังสัมผัสได้ว่าคล้ายจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไร
ในที่สุดก็เกิดคลื่นอากาศระลอกหนึ่ง
จากนั้นเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ทว่าผู้มาเยือนกลับไม่ใช่ระดับนิรันดร์ของลัทธิพ่อมดสองคน แต่เป็นชายชุดดำผู้หนึ่ง
รูปงามดุจหยก บุคลิกดุจลมเย็นจันทร์กระจ่าง สง่างามทรงศักดิ์ เด่นล้ำเหนือโลก
กลิ่นอายที่ไหวเคลื่อนบนร่างเขาเป็นเพียงขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เท่านั้น ในสถานการณ์ที่ยักษ์ใหญ่ระดับนิรันดร์รวมตัวย่อมดูไม่ควรค่าให้มองนัก
แต่เมื่อเห็นเขาปรากฏตัว หลินสวินกลับร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่รอง ทำไมถึงเป็นท่าน!?”
คนผู้นั้นก็คือผู้สืบทอดลำดับสองของคีรีดวงกมล จ้งชิว
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยมอบฉายามรรค ‘เชียนอวี้’ ให้เขา หมายให้เขาเป็นบุรุษผู้ถ่อมตัว ละมุนละไมดุจหยก
แต่จ้งชิวห่างไกลจากผู้ถ่อมตนโดยสิ้นเชิง เขาหยิ่งผยองเกินใคร ถึงขั้นที่เขาก็กลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเก็บฉายามรรคคืน ทอดถอนใจว่าความหยิ่งผยองของจ้งชิวเป็นดั่งหัวใจของเขา มรรควิถียิ่งสูง ใจเขาก็ยิ่งผยอง ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้…
พูดง่ายๆ ถ้าไม่ผิดไปจากที่คาด คำว่าหยิ่งผยองจะเชื่อมโยงกับจ้งชิวทั้งชีวิต
“ทำไมถึงเป็นข้าไม่ได้”
หลังจากจ้งชิวปรากฏตัวก็เอ่ยโดยไม่สนใจการมองประเมินของพวกน่ากลัวโดยรอบว่า “หรือศิษย์น้องคิดว่าคนที่ยังไม่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์อย่างข้า มาแล้วจะเป็นได้แค่ตัวถ่วง”
ขณะพูดเขาก็มาอยู่ตรงหน้าหลินสวินแล้ว
หลินสวินส่ายหัวเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร ข้าแค่คิดไม่ถึง”
ตั้งแต่สมัยอยู่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ศิษย์พี่รองจ้งชิวก็ล่วงหน้าไปโลกยอดนิรันดร์ก่อนเขาแล้ว ทิ้งเพียงต้าหวงให้ดูแลโลกมืด
ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้หลินสวินเองก็ไม่ได้ข่าวคราวของศิษย์พี่รองจ้งชิวอีก
อย่างพวกศิษย์พี่ใหญ่ถูกขังในแดนยอดจักรวาล พวกศิษย์พี่สามเข้าไปฝึกปราณในลัทธิวิญญาณ มีแต่ศิษย์พี่รองจ้งชิว ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อที่ข่าวคราวเงียบหาย
กระทั่งตอนนี้เมื่อเห็นศิษย์พี่รองจ้งชิวปรากฏตัว หลินสวินยังออกจะรู้สึกไม่ทันตั้งตัว
“คิดไม่ถึงก็ถูกแล้ว นี่ก็เรียกว่าตัวแปร”
จ้งชิวยิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “ศิษย์น้อง สถานการณ์วันนี้ในเมื่อเกิดขึ้นเพราะพวกเราคีรีดวงกมล ย่อมต้องให้พวกเราคีรีดวงกมลมาสะสาง”
ขณะพูดเขาก็กุมมือคารวะให้พวกหยวนชู ซวีอิ่น เสวียนเฟยหลิง ไท่เสวียนและเหยียนจี้ทีละคน เอ่ยจริงจังว่า “ผู้สืบทอดลำดับสองของคีรีดวงกมล จ้งชิว คารวะทุกท่าน”
เขาเป็นเพียงขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ แต่ตอนนี้กลับเผยท่วงท่าสง่างามที่ไม่ด้อยกว่าคนใหญ่คนโตผู้ใดในที่นี้สักนิด เยือกเย็นผ่าเผย สง่างามไร้เทียมทาน
แม้หยวนชู ซวีอิ่นจะประหลาดใจ แต่ยังพยักหน้าให้น้อยๆ พวกเขาต่างดูออก เห็นชัดว่าจ้งชิวมาคราวนี้เตรียมพร้อมมาแล้ว
“ให้พวกเจ้าคีรีดวงกมลมาสะสางหรือ”
ไกลออกไปเทียนอูหัวเราะเย็นชา เอ่ยว่า “ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าขั้นหลุดพ้นอย่างเจ้าจะสะสางอย่างไร”
พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดในการมาครั้งนี้ของจ้งชิวเช่นกัน
จ้งชิวหมุนตัว สายตากวาดมองเหล่าคนน่ากลัวที่อยู่ไกลๆ กลุ่มนั้น ในที่สุดก็หยุดที่ตัวเทียนอู ยิ้มเอ่ยว่า “รู้ไหมว่าทำไมราชครูฟ้าทั้งสองอย่างเหลยอู่กับเซียวอิ๋งถึงมาไม่ได้”
ประโยคเดียวกลับคล้ายฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ ทำเอาทุกคนในที่นั้นหน้าเปลี่ยนสีกันหมด
ก่อนหน้านี้เทียนอูคิดจะเคลื่อนพลระดับนิรันดร์สองคนของลัทธิพ่อมดให้มาร่วมศึกนี้ด้วย เช่นนี้ก็จะได้เปรียบอย่างเบ็ดเสร็จ กำหนดสภาพการณ์ได้
แต่รอจนตอนนี้ราชครูฟ้าทั้งสองอย่างเหลยอู่กับเซียวอิ๋งกลับไม่ปรากฏตัว เดิมทีความผิดปกตินี้ก็ทำให้ทุกคนในที่นั้นสังเกตได้แล้ว
และตอนนี้เมื่อจ้งชิวพูดออกมาเช่นนี้ ก็คล้ายไขคำตอบของปริศนาข้อนี้ให้กระจ่าง!
“เป็นฝีมือเจ้าคีรีดวงกมลหรือ”
เทียนอูเอ่ยอย่างเดือดดาล
ระดับนิรันดร์สองคน!
บาดเจ็บล้มตายทันทีที่ปรากฏตัว รากฐานของหอบรรพจารย์ลัทธิพ่อมดย่อมถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง!
จ้งชิวยิ้มเอ่ยว่า “วางใจได้ ตอนนี้พวกเขาคงถูกส่งไปแหล่งสถานคุนหลุนแล้ว ถ้าโชคดีก็คงไม่ถึงกับประสบเคราะห์”
แหล่งสถานคุนหลุน!
ทุกคนในที่นั้นต่างใจสั่นขึ้นมาพลัน ฉงนใจไม่ว่างเว้น ใครก็คิดไม่ถึง ว่าการหายไปของเหลยอู่กับเซียวอิ๋งจะเกี่ยวโยงกับแหล่งสถานคุนหลุนที่เป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานได้อย่างไร
คีรีดวงกมลมีแผนการอะไรอยู่กันแน่
ยามนี้สายตาที่มองจ้งชิวของพวกหยวนชู ซวีอิ่นต่างเจือแววประหลาดอย่างอดไม่ได้ จ้งชิวมาคราวนี้ มาเพื่อทำลายสถานการณ์ชัดๆ!
“คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร”
เทียนอูเสียงกดต่ำ หว่างคิ้วเจือแววตระหนกระคนโกรธ
จ้งชิวหุบยิ้ม พูดจริงจังว่า “อาจารย์ข้าบอกว่าถ้าเกิดศึกใหญ่ที่นี่ ไม่เพียงแต่ลัทธิแรกกำเนิดจะย่อยยับ สรรพชีวิตทั้งน่านฟ้าที่เจ็ดล้วนเป็นภัย ผลลัพธ์เช่นนั้นเชื่อว่าไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนในนี้อยากเห็นเช่นกัน แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ไปวัดสูงต่ำในแหล่งสถานคุนหลุน ถึงตอนนั้นต่อให้ทำลายแหล่งสถานคุนหลุนไปก็ย่อมไม่กระทบกับต้นไม้ใบหญ้าบนโลกนี้สักต้น”
“ที่แท้นี่ก็เป็นฝีมือของเจ้าเฒ่าโพธิ!”
ดวงตาเทียนอูเย็นชาจนน่ากลัว
ในสนามรบเกิดความโกลาหลขึ้น เรื่องนี้เหนือความคาดหมายเกินไป ใครก็คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายยังเผยไพ่ตายออกมาไม่หยุด การปรากฏตัวของคีรีดวงกมลจะทำให้เรื่องราวเปลี่ยนแปลงกะทันหันอีกครั้งทันที!
แต่หลินสวินกลับรู้สึกคึกคักยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขารู้สึกอัดอั้นและไร้พลัง การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ถึงขั้นทำให้เขามองไม่เห็นความหวังเท่าไร
แต่เมื่อศิษย์พี่รองจ้งชิวมาถึง ทุกอย่างก็คล้ายกำลังพลิกกลับ!
จ้งชิวเอ่ยเรียบๆ “พวกเจ้าขุมอำนาจต่างๆ ร่วมมือกัน อานุภาพกล้าแข็ง ตัดสินแพ้ชนะที่หน้าลัทธิแรกกำเนิดแห่งนี้ ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นเพราะคีรีดวงกมลของข้า คีรีดวงกมลของข้าจะมีเหตุผลไม่โจมตีได้หรือ”
“พูดเช่นนี้ เจ้าแห่งคีรีดวงกมลมาแล้วหรือ”
ทันใดนั้นบรรพจารย์ลัทธิฌานซื่อเอ่ยปาก เสียงดังไปทั่วทั้งที่นั้น
ทุกคนใจสั่นระรัว
แม้แต่ในใจหลินสวินยังตั้งตาคอยอย่างอดไม่ได้
แต่กลับพบว่าจ้งชิวส่ายหัว พูดอย่างเยือกเย็นถึงที่สุดว่า “อาจารย์ไปแหล่งสถานอัศจรรย์นานแล้ว ต่อให้เป็นพลังรูปจำลองเจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ก็อยู่ในแหล่งสถานคุนหลุน ไม่ได้มาเยือน”
ทุกคนต่างอึ้งไป งุนงงไปหมด