Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2967 ในคนรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครเทียบเคียงได้อีก
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2967 ในคนรุ่นเดียวกัน ไม่มีใครเทียบเคียงได้อีก
ตอนที่ตัดสินใจมาน่านฟ้าที่แปด หลินสวินก็ได้อ่านและทำความเข้าใจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิบยักษ์ใหญ่อมตะแล้ว
สิบยักษ์ใหญ่อมตะแม้อยู่ในน่านฟ้าที่แปดอย่างคล้ายเท่าเทียม แต่อิทธิพลที่พวกเขาครอบครองกลับมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอ
ในนั้นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดคือตระกูลหวัง จึงถูกเรียกว่ายักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่ง
อิทธิพลของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ ล้วนสู้ตระกูลหวังไม่ได้ ระหว่างพวกเขาก็มีระยะห่างที่ไม่เสมอกัน ในนั้นตระกูลฉี ตระกูลฝู ตระกูลตงหวง ตระกูลจงหลีสามารถจัดอยู่ในห้าอันดับแรก
เพราะทุกตระกูลล้วนครอบครองระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายาก
ตระกูลจ้ง ตระกูลจู่ ตระกูลชือ ตระกูลมู่ ตระกูลจิงล้วนด้อยกว่า ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับหลังๆ เหตุผลเพราะพลังระเบียบในตระกูลพวกเขาเป็นเพียงระดับสวรรค์ขั้นเก้าเท่านั้น
เช่นเดียวกัน เบื้องหลังพวกเขาล้วนมีเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหนึ่ง
ที่ผ่านมามีเผ่าเทพนิรันดร์หนุนหลังพวกเขา แน่นอนว่าสามารถยืนอยู่ในน่านฟ้าที่แปดหยิ่งผยอง เหยียดมองลงมายังผู้คนทั่วหล้าได้ แม้เจอกับสี่หอบรรพจารย์ก็มีความมั่นใจยิ่ง
ทว่าสถานการณ์ตอนนี้แตกต่างจากในอดีตนานแล้ว
ไม่กี่ปีมานี้เมื่อกำลังพลของพันธมิตรสงครามสิบตระกูลดับสิ้นในน่านฟ้าที่หก ทำให้สิบยักษ์ใหญ่อมตะได้รับแรงสะเทือนรุนแรง
และหลังจากกำลังพลที่ตระกูลตงหวงระดมถูกหลินสวินทำลาย เท่ากับโจมตียักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ อย่างรุนแรงไปอีกขั้น
ตอนนี้เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นล้วนเอาแต่ปกป้องตนเอง ไม่อาจคุ้มครองสิบยักษ์ใหญ่อมตะเหล่านี้ได้อีก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวังที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งยังแทบเอาตัวไม่รอด และหลังจากสี่กายมรรคของหลินสวินมาถึงก็พินาศย่อยยับ ไม่ได้เกิดอุปสรรคอะไร
ตระกูลฉียิ่งน่าสังเวช
ยักษ์ใหญ่อมตะที่ยิ่งใหญ่ตระกูลหนึ่ง แม้แต่รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ยังไม่มี!
ยามผู้นำตระกูลฉีซูเหิงถูกกำราบ โชคชะตาของตระกูลก็ได้ถูกกำหนดแล้ว
ไม่ถึงครึ่งเค่อ
ภายในเขาเทพสะท้อนหิมะที่ตระกูลฉียึดครองเลือดไหลเป็นสายธาร พลังระเบียบของตระกูลก็ถูกชิงไป ตามรอยตระกูลตงหวงและตระกูลหวัง!
ตั้งแต่ตระกูลตงหวงล่มสลาย จนกระทั่งทำลายตระกูลฉี ทั้งหมดเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น หลังจากนั้นหลินสวินไม่หยุดพัก บุกไปยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลอื่นต่อ
……
“ตระกูลฝูของพวกเราอุทิศตนรับใช้ตระกูลหยวนของพวกเจ้ามาไม่รู้นานเท่าไร ไม่เคยคิดคดแม้แต่น้อย เหตุใด… เหตุใดเห็นคนตายแล้วไม่ช่วย!?”
“เพราะเหตุใด!!”
ตระกูลฝู ตรงหน้าแท่นบูชาเก่าแก่ ผู้นำตระกูลฝูเฉาหลันตะโกน ในดวงตาเต็มไปด้วยความเดือดดาล ร้อนรน รวมถึงไม่จำยอม
ไกลออกไปเสียงโหยหวนดังมาเป็นระลอก คลื่นการต่อสู้พลิกม้วนกลางฟ้าดิน กำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วน่าตกใจ
แท่นบูชาโบราณนั่นกลับยังคงไม่มีการตอบสนองสักนิด
ฝูเฉาหลันตาแดงก่ำราวกับบ้าคลั่งไปแล้ว
แท่นบูชาโบราณนี้สามารถสื่อสารกับเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวนแห่งน่านฟ้าที่เก้าได้ ที่ผ่านมาตระกูลหยวนต้องการอะไรก็จะออกคำสั่งผ่านแท่นบูชานี้
ถึงขั้นที่ตอนนั้นหยวนฉางเทียนและหยวนซีหลิวก็ใช้พลังของแท่นบูชานี้มาเยือนน่านฟ้าที่แปดจากน่านฟ้าที่เก้า
แต่ตอนนี้ช่องทางการสื่อสารนี้ เห็นชัดว่าถูกตระกูลหยวนปิดแล้ว!
“ที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพูดไว้ไม่ผิด ไม่ว่าพวกเราจะจงรักภักดีแค่ไหน อย่างไรก็เป็นแค่สุนัขเฝ้าประตูในมือของพวกเจ้าเผ่าเทพนิรันดร์เท่านั้น!”
แววตาของฝูเฉาหลันค่อยๆ ดับแสงลง ทั้งตัวเหมือนวิญญาณล่องลอย
“นี่คือทางเชื่อมไปน่านฟ้าที่เก้าหรือ”
เสียงราบเรียบสายหนึ่งดังขึ้น สี่กายมรรคของหลินสวินมาแล้ว
“ไม่ผิด”
ฝูเฉาหลันหมุนตัว มองร่างแยกมหามรรคของหลินสวิน สีหน้ากลับนิ่งสงบผิดปกติ “หรืออาจารย์ของเจ้าไม่เคยบอกเจ้า ว่าตอนนั้นเขาใช้เส้นทางของตระกูลฝูไปยังน่านฟ้าที่เก้า”
หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”
ฝูเฉาหลันสีหน้าเย็นชา “น่าเสียดาย เจ้าสู้อาจารย์ของเจ้าไม่ได้สักนิด เขาในตอนนั้นกล้าเหยียบเข้าน่านฟ้าที่เก้าเพียงลำพัง ดวลกับเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้น ส่วนเจ้าในตอนนี้แม้พลังต่อสู้จะเย้ยฟ้า แต่อย่างไรก็ยังไม่ได้ก้าวสู่มรรคานิรันดร์… ตอนนี้ในน่านฟ้าที่แปด หนทางที่เชื่อมต่อกับน่านฟ้าที่เก้าล้วนถูกปิด ภายในพันปีเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เจ้าคงไม่มีโอกาสบุกไปน่านฟ้าที่เก้าอีกแล้ว…”
หลินสวินพูดเรียบๆ “บนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เมื่อก่อนยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกเจ้า ใครจะคิดว่าข้าคนแซ่หลินแค่คนเดียวก็สามารถบุกมาถึงน่านฟ้าที่แปดได้”
ฝูเฉาหลันเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้น จ้องมองสี่กายมรรคของหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “ข้ากลับหวังจริงๆ ว่าวันหนึ่งเจ้าจะสามารถบุกไปถึงน่านฟ้าที่เก้า และกวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นทั้งหมด!”
ในเสียงเผยความชิงชังอย่างรุนแรง
ปัง!
ไม่รอหลินสวินตอบสนอง ร่างของฝูเฉาหลันพลันระเบิดออก มรรควิถีทั้งหมดสลายไปอย่างรวดเร็ว พลังจิตกลายเป็นละอองแสงที่แตกสลายสาดกระเซ็น
“ข้าฝูเฉาหลันแจ้งมรรคถึงตอนนี้หนึ่งแสนเก้าหมื่นปีแล้ว ยามยังเยาว์ก็เป็นผู้กล้าชั้นเลิศชื่อเสียงเลื่องลือ แม้หลังจากครอบครองอำนาจตระกูลฝูจะล่องลอยอยู่ในมรรคาอย่างเปล่าประโยชน์มาตลอด แต่ก็มีศักดิ์ศรี! ข้าตายได้ แต่จะตายในมือเจ้าไม่ได้เด็ดขาด!”
เสียงราบเรียบดังกึกก้อง ส่วนฝูเฉาหลันกายสิ้นจิตสลายไปแล้ว
ผู้นำตระกูลของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหนึ่ง กลับเลือกจบชีวิตตนเองอย่างเยือกเย็น นี่เหนือความคาดหมายของหลินสวินโดยสมบูรณ์
“ศักดิ์ศรีหรือ ปกป้องตระกูลตนไม่ได้ นี่นับว่าเป็นศักดิ์ศรีอะไร”
หลินสวินส่ายหน้า หมุนตัวจากไป
ยามสี่กายมรรคของเขาจากไป ประตูภูเขาตระกูลฝูล่มสลาย พลังระเบียบถูกชิงไป ผู้คนในตระกูลทั้งบนล่างล้วนตามรอยตระกูลตงหวง ตระกูลหวัง และตระกูลฉี
……
หนึ่งเค่อหลังออกจากตระกูลฝู
เขามรรคเงาตะวันที่ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจงหลียึดครองพังทลาย ผู้นำตระกูลจงหลีชิ่งรวมถึงเหล่าคนใหญ่คนโตตระกูลจงหลีถูกสังหาร
พลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากของตระกูลอย่าง ‘เพลิงพิสุทธิ์’ ถูกชิงไป
……
หลังจากนั้นยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลมู่ ตระกูลจ้ง ตระกูลชือทยอยล่มสลาย ประตูภูเขาพังถล่ม เลือดไหลเป็นสายน้ำ
เมื่อสี่กายมรรคของหลินสวินมาถึงยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลจิงและตระกูลจู่ ทั้งสองตระกูลล้วนหนีไปก่อนแล้ว
เพียงแต่ หลินสวินไม่ได้ปล่อยพวกเขาไป
ในเวลาหลังจากนั้น สี่กายมรรคของเขาและกายมรรควารีดำที่อยู่ในตระกูลตงหวงรวมตัวกัน เปิดฉากไล่ล่าในน่านฟ้าที่แปด
สิบวันหลังจากนั้น หาคนใหญ่คนโตอย่างพวกผู้นำตระกูลจู่ฝ่าเทียนเจอในส่วนลึกของภูเขาใหญ่ที่เปล่าเปลี่ยว
จากนั้นตระกูลจู่ก็ล่มสลายตามไป
หนึ่งเดือนหลังจากนั้น
ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลจิงที่ซ่อนตัวอยู่ในแดนลับแห่งหนึ่งก็ถูกหาพบ และประสบเคราะห์ดับสิ้นเช่นกัน
……
ใต้เวิ้งฟ้า
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเสื้อผ้าพลิ้วไหว พลันทะยานขึ้นห้วงอากาศ
สิบยักษ์ใหญ่อมตะล่มสลายหมดแล้ว กลายเป็นฝุ่นผงอย่างสิ้นเชิงในหน้าประวัติศาสตร์นับจากนี้
สำหรับหลินสวิน เท่ากับเป็นการแก้แค้นครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย
‘สุนัขเฝ้าประตูเหล่านี้ถูกฆ่า เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นกลับไม่สนใจ ดูท่าการคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจะทำให้พวกเขาไม่อาจสนใจเรื่องอื่นได้จริงๆ…’
หลินสวินพึมพำในใจ
‘ก็ควรกลับไปแล้ว’
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นหลินสวินสลัดความคิดฟุ้งซ่าน เงาร่างพุ่งทะยาน หายไปในขอบฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล
……
เวลาหนึ่งเดือน สิบยักษ์ใหญ่อมตะล่มสลายทั้งหมด!
ข่าวนี้สะเทือนไปทั่วหล้า สร้างความแตกตื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในน่านฟ้าที่แปด แต่ละขุมอำนาจ สรรพชีวิตทั่วหล้าล้วนตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร…”
มีเฒ่าชราที่อยู่มาไม่รู้นานเท่าไรสีหน้าเหม่อลอยยากจะเชื่อ
สิบยักษ์ใหญ่อมตะยืนตระหง่านบนน่านฟ้าที่แปดมาไม่รู้นานเท่าไร ราวกับนายเหนือหัวที่สูงส่ง เหยียดมองใต้หล้า อานุภาพน่าเกรงขาม
ในใจของทุกคนบนโลก พวกเขาเป็นภูเขาใหญ่สิบลูกที่ไม่อาจสั่นคลอน!
แต่เวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งเดือน ภูเขาใหญ่สิบลูกนี้กลับถล่มกะทันหัน หายไปจากโลกใบนี้!
แรงสะเทือนนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้ตอนแรกผู้คนคิดว่าเป็นข่าวปลอม ไม่มีทางเป็นจริงได้
แต่หลังจากผู้ฝึกปราณมากมายไปดูอาณาเขตของสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อไม่ได้
“มรรคายอดอมตะ… ถึงกับน่ากลัวเพียงนี้เชียวหรือ”
“คนผู้เดียวก็กวาดล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะจนหมด นี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว สถานการณ์ของทั้งโลกยอดนิรันดร์ล้วนถูกเขาคนเดียวเปลี่ยนแปลง!”
เสียงฮือฮาที่แฝงความตะลึงต่างๆ ดังก้องในทุกพื้นที่ของน่านฟ้าที่แปด อีกทั้งข่าวยังคงแพร่สะพัดอย่างต่อเนื่อง กระจายออกไปในน่านฟ้าอื่นๆ
“ตำนาน นี่จึงจะเป็นตำนานไร้เทียมทานที่แท้จริง!”
“ร้อยปีที่แล้วหลินสวินกราบเข้าลัทธิแรกกำเนิดด้วยมรรควิถีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ ในวันนี้ในร้อยปีให้หลัง เขาเป็นหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์ของลัทธิแรกกำเนิดแล้ว เป็นยักษ์ใหญ่ที่ชื่อเสียงเกริกก้องทั่วหล้า เป็นคนแรกที่ทำลายสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!”
“อานุภาพของคนผู้เดียวพลิกผันสถานการณ์ทั่วหล้า!”
“เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้นไม่ออกหน้า บนโลกนี้ใครจะสามารถกำราบคมประกายของหัวหน้าหอหลินได้อีก”
สำหรับทุกคนบนโลก ผลกระทบของการล่มสลายของสิบยักษ์ใหญ่อมตะที่มีต่อสถานการณ์ทั่วหล้า เรียกได้ว่าไม่อาจประเมินอย่างแน่นอน
นี่ก็หมายความว่าจากนี้ไปน่านฟ้าที่แปดจะไม่มียักษ์ใหญ่อีกต่อไป!
เมื่อข่าวเช่นนี้กระจายออกไป ขุมอำนาจทั่วหล้าจะต้องเข้าแย่งชิงในน่านฟ้าที่แปด ไปช่วงชิงและยึดครองอาณาเขตที่เดิมเป็นของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ!
การล้างไพ่อันบ้าคลั่งครั้งนี้ก็ปิดม่านไปเช่นนี้ กฎระเบียบเก่าที่สิบยักษ์ใหญ่อมตะกำหนดขึ้นถูกทำลายลง ขุมอำนาจใหม่ผงาดขึ้น เปิดม่านบทใหม่
ส่วนหลินสวินก็เป็นม่านเหล็กที่ไม่ว่าขุมอำนาจใด ผู้ฝึกปราณคนใดก็ไม่สามารถมองข้ามได้
ม่านเหล็กที่ปกคลุมแทบทุกน่านฟ้า!
พูดอย่างไม่เกินจริง แม้ตอนนี้หลินสวินไม่ได้สร้างขุมอำนาจของตนเอง แต่ด้วยอานุภาพของเขาคนเดียวก็สามารถอยู่เหนือแปดน่านฟ้าได้แล้ว
หลินสวิน!
หากบอกว่าในอดีตชื่อนี้เพียงแค่สะเทือนทั่วหล้า ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ความหมายของชื่อนี้แตกต่างจากในอดีตโดยสมบูรณ์แล้ว
บนมรรคาอมตะ ชื่อนี้หมายความถึงการไร้ศัตรูอย่างแท้จริง เป็นบุคคลปลายยอดที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดดเด่นยิ่งยวด
ทั่วหล้านี้เขาคือตำนานที่เหยียบย่ำบนร่างศพของสิบยักษ์ใหญ่อมตะ ภายใต้สถานการณ์ที่ระดับนิรันดร์ไม่ปรากฏตัว เขาก็คือราชัน!
มีคนรุ่นอาวุโสทอดถอนใจ ให้คำวิจารณ์ไว้ว่า
‘ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันบนโลกนี้ไม่เคยขาดผู้โดดเด่น มียักษ์ใหญ่ระดับตำนานนับไม่ถ้วน ล้วนโดดเด่นในช่วงเวลาของตน ทว่าคนอย่างหลินสวิน คนเดียวก็สามารถกำราบคนระดับเดียวกันทั้งยุคสมัยได้ ทอดสายมองไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีเพียงคนผู้นี้ที่ไม่มีใครเทียบได้!’