Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2986 หลอมกฎเกณฑ์นิรันดร์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2986 หลอมกฎเกณฑ์นิรันดร์
หลินฝานฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ไม่เคยเจอศัตรูที่เทียบได้ในระดับเดียวกันเลย
นี่ทำให้เขาเกิดความดูถูกเต็มทรวงอก ความพ่ายแพ้ในวันนี้จึงเหมือนตื่นจากฝัน สภาวะจิตแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
หลังอึ้งไปนานหลินฝานก็เผยสีหน้าละอาย โค้งคำนับเอ่ยว่า “ลูกขอบคุณท่านพ่อมากที่เตือนสติ ทำให้ตระหนักได้ในตอนนี้”
หลินสวินกล่าว “ฝานเอ๋อร์ เจ้าอยากเข้าสู่วัฏจักรฝึกปราณใหม่หรือไม่”
หลินฝานอึ้งไป “ท่านพ่อหมายความว่าอย่างไร”
หลินสวินเล่าเรื่องที่เขาเข้าไปฝึกปราณใน ‘โลกวัฏจักร’ ของแดนปรินิพพาน
ฟังจบหลินฝานตาเป็นประกาย “บนโลกนี้มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”
หลินสวินพูดพร้อมรอยยิ้ม “หากเจ้ายินยอม ก็สามารถเข้าไปตอนนี้ได้เลย”
เขาครอบครองระเบียบนิพพาน โลกวัฏจักรนั่นก็อยู่ภายในนั้น สามารถส่งหลินฝานเข้าไปได้ตลอดเวลา
“ข้ายินดี”
หลินฝานตอบรับอย่างไม่ลังเลสักนิด
หลินสวินลงมือทันที ส่งหลินฝานเข้าไปในโลกวัฏจักรภายในระเบียบนิพพาน
……
‘ได้เวลาไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์สักหน่อยแล้ว’
หลินสวินเดินอยู่ในแดนลับดวงกมลอย่างผ่อนคลาย พลันตัดสินใจ
ไม่นานเขาก็ไปหาพวกเสวียนจิ่วอิ้น จินเทียนเสวียนเยวี่ย เจ้าคางคก อาหลู่ พร้อมทั้งบอกการตัดสินใจของตน และกำชับให้พวกเขาดูแลแดนลับดวงกมล
จากนั้นหลินสวินก็ออกจากแดนลับดวงกมลในวันนั้น
……
แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คือหนึ่งในจตุโบราณสถาน
ตามคำเล่าลือ แม่น้ำทุกสายทั่วหล้า รวมถึงธารดาราในส่วนลึกของจักรวาล ล้วนจะไหลรวมไปที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อันลึกลับและดั้งเดิมนี้
ตอนเป็นเด็กหนุ่มหลินสวินก็เคยได้ยิน ว่าเมื่อนานมาแล้วรอบๆ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มีภูเขาเทพห้าลูกล้อมพิทักษ์ แบ่งเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว
ภูเขาเทพทุกลูก ทั้งบนล่างมีระยะสามหมื่นลี้ ระหว่างภูเขาห่างกันเจ็ดหมื่นจั้ง ด้านบนเชื่อมต่อทะเลดารา ด้านล่างเชื่อต่อธารใต้พิภพ ลึกลับไม่อาจคาดเดา
เพียงแต่หลินสวินในตอนนี้รู้แล้วว่า เมื่อพลังต้นกำเนิดของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งเหือดไปในช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์ ก็ทำให้ทุกอย่างของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
อย่างน้อยภูเขาเทพทั้งห้าลูกในข่าวลือก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว
ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีเพียง ‘แดนลับดวงกมล’ ในนั้นยังมีแดนลับอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อก่อนหลินสวินไม่เคยสำรวจมาก่อน
และเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลายปีมานี้ ส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ถูกพลังชีวิตที่พลุ่งพล่านท่วมท้น ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้อีก
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้หลินสวินใคร่รู้
เขายิ่งใคร่รู้ต่อกระบี่เทพที่ด้ามกระบี่สลักคำว่า ‘มืดมิด’ และแผ่กลิ่นอายนิรันดร์เล่มนั้น
นั่นเป็นกระบี่คู่กายระดับนิรันดร์อย่างแน่นอน เป็นศาสตรามรรคนิรันดร์ที่แท้จริง แม้เสียหายรุนแรงแต่ยังคงแผ่กลิ่นอายนิรันดร์ออกมา
และกระบี่เล่มนี้ก็ออกมาจากส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์!
ฟุ่บ…
เงาร่างหลินสวินพริบไหว ทะยานตรงเข้าไปในส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์
ระหว่างทางคลื่นพลังชีวิตที่พลุ่งพล่านพุ่งออกมาราวกับคลื่นสมุทร เผยกลิ่นอายต้นกำเนิดที่เก่าแก่ดั้งเดิม น่าทึ่งหาใดเปรียบ
เป็นพลังชีวิตเช่นนี้ที่เปลี่ยนแปลงพลังระเบียบของทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ปลดปล่อยกลิ่นอายมหามรรคที่ไม่เคยมีมาก่อน!
แต่ยามเดินอยู่ภายในและถูกพลังชีวิตเหล่านี้พุ่งโจมตี กลับอันตรายยิ่งยวด
ก็ไม่แปลกที่ตอนนั้นเจ้าคางคกและอาหลู่กลับมามือเปล่า คลื่นพลังชีวิตเช่นนี้สามารถบดขยี้ระดับจักรพรรดิแหลกละเอียดได้อย่างง่ายดาย และยิ่งลึกเข้าไปก็ยิ่งรุนแรงและอันตราย
ตอนท้ายต่อให้เป็นหลินสวิน ยังจำต้องโคจรพลังปราณมาต่อต้านและสลาย
ระหว่างทางหลินสวินได้เห็นแดนลับมากมาย ได้เข้าไปสำรวจภายใน แต่นอกจากสมบัติอย่างพวกโอสถเทพ เจตวัตถุ ก็ไม่มีอะไรดึงดูดหลินสวินแล้ว
อันที่จริงด้วยระดับของเขาในตอนนี้ สมบัติที่ต่ำกว่าระดับอมตะยากจะเข้าตาเขาได้
เดินทางเช่นนี้ไปหนึ่งก้านธูป
โครม!
ในกระแสพลังชีวิตที่พลุ่งพล่านบ้าคลั่ง จู่ๆ ก็มีมือกระดูกขาวซีดข้างหนึ่งยื่นออกมา นิ้วทั้งห้าเปลือยเปล่า ประหนึ่งหล่อจากหินหยก ข้อนิ้วทุกนิ้วแผ่กลิ่นอายนิรันดร์น่าสยดสยอง
มือกระดูกพุ่งออกมา ปลดปล่อยกลิ่นอายรุนแรงน่ากลัว คว้ามาทางหลินสวิน
ชั่วพริบตานั้นหลินสวินอดขนลุกซู่ไม่ได้ เข้าปะทะเต็มกำลังตามจิตใต้สำนึก
เพราะไม่สามารถหนีได้เลยจริงๆ
ปัง!
หลินสวินเหมือนถูกโจมตีรุนแรง เงาร่างเซถอยออกไป สีหน้าเผยแววประหลาดใจ
ด้วยพลังปราณของเขาในตอนนี้ สามารถสังหารรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้แล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกมือกระดูกที่มีกลิ่นอายนิรันดร์โจมตีจนกระเด็นถอยหลัง!
ฟุ่บ!
ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง นิ้วทั้งห้าของมือกระดูกพลันกางออก ราวกับกระบี่เทพแหลมคมไร้เทียมทานห้าเล่ม ซัดปราณกระบี่นิรันดร์มืดมนแถวหนึ่งออกมา ฟันมาทางหลินสวิน
การโจมตีนี้น่ากลัวกว่าก่อนหน้า หลินสวินหลบหนีเต็มกำลังโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
ตูม โครม…
ห้วงอากาศรอบๆ ปั่นป่วน ปราณกระบี่นิรันดร์มืดมิดนั่นแข็งแกร่งเกินไป แม้หลินสวินจะหนี แต่กลับถูกพลังอันไร้ใดเปรียบกวาดโดน
ฟุ่บๆ!
ร่างกายที่เรียกได้ว่าอมตะไม่เสื่อมสลายของเขาปรากฏรอยกระบี่น่าจระหนกเป็นสายๆ เลือดสดสาดกระเซ็น
‘เหตใดจึงแข็งแกร่งขนาดนี้ หรือเจ้าของมือกระดูกนี้เป็นระดับนิรันดร์ที่แท้จริงคนหนึ่ง’ หลินสวินเองยังสัมผัสถึงภัยคุกคามยิ่งใหญ่
ในหลายปีมานี้อย่าว่าแต่บาดเจ็บเลย แม้คู่ต่อสู้ที่เข้าท่าสักหน่อยเขายังเจอเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับถูกมือกระดูกข้างหนึ่งโจมตีจนบาดเจ็บ ทำเอาหลินสวินยังรู้สึกไม่สมจริง
ฟุ่บ!
มือกระดูกขาวซีดที่กลิ่นอายนิรันดร์วนเวียนโจมตีมาอีกครั้ง ทุกการโจมตีล้วนมีเจตกระบี่ดำมืดราวกับรัตติกาลแผ่ออกมา เผด็จการรุนแรง เหมือนสีรัตติกาลนิรันดร์มาเยือน หมายจะกลืนกินสรรพสิ่ง
หลินสวินยังคงหลบหนีสุดกำลัง ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างต่อเนื่อง รอยกระบี่บนร่างเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ทำให้เขาดูน่าอนาถ สะบักสะบอมอย่างมาก
‘จะเสียเวลาต่อไปไม่ได้แล้ว’
หลินสวินสีหน้าอึมครึม ยามมือกระดูกนั่นโจมตีมาอีกครั้ง เขาสำแดงอภินิหารประตูเนรเทศอย่างไม่ลังเลทันที
ฮู้ม!
ชั่วพริบตามือกระดูกขาวซีดรวมถึงเจตกระบี่นิรันดร์ดำมืดที่มันปลดปล่อยออกมาก็หายไปในประตูเนรเทศ
ง่ายดายเหนือความคาดหมาย
‘จริงสิ มือกระดูกนี้ไม่มีวิญญาณและสติปัญญา แม้พลังน่ากลัวแต่กลับไม่รู้จักนัยเร้นลับของประตูเนรเทศ ย่อมตกลงสู่ตาข่ายได้อย่างง่ายดาย’
หลินสวินถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พลันรู้สึกว่าสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว
เสียพลังสามส่วนสำแดงประตูเนรเทศ กลับใช้ได้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
‘ฉวยโอกาสนี้ไปดูสักหน่อยว่ามือกระดูกนั่นคืออะไรกันแน่’
ในใจหลินสวินเกิดความคิด ย่อประตูเนรเทศให้กลายเป็นเงาแสงเล็กๆ เช่นนี้จึงจะสำแดงได้ครึ่งชั่วยาม
จากนั้นเงาร่างของเขาพุ่งเข้าไปในแดนเนรเทศโดยตรง
โลกมืดมิดที่คุ้นเคยสะท้อนในครรลองสายตาของหลินสวิน เงาร่างเขาพริบไหว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศออกไปไกล ไม่นานก็มาถึงบริเวณที่จานเทพคร่าศพตั้งอยู่
ตูม ครืนๆ…
จานเทพขนาดใหญ่สีขาวดำคู่หนึ่งที่ราวกับหินโม่กำลังเคลื่อนไหวบดขยี้ซึ่งกันและกัน เกิดเสียงอึงอลชวนอึดอัดก้องกลางฟ้าดิน
เงาร่างของหลินสวินชะงักโดยพลัน นัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย
ก็เห็นในจานเทพขาวดำที่บีบอัดนั้น มือกระดูกขาวซีดข้างนั้นกำลังค่อยๆ ถูกบดขยี้ทีละนิด
ราวกับข้าวเปลือกที่ร่วงลงหินโม่อย่างไรอย่างนั้น ส่งเสียงแตกสลายดังปังๆๆ
ภายใต้การจับจ้องของหลินสวิน มือกระดูกขาวซีดถูกบดขยี้ทำลายอย่างสิ้นเชิง แต่กลับมีพลังมหามรรคสีดำกลุ่มหนึ่งเหลืออยู่ มืดสนิทราวกับสีรัตติกาล
นี่ทำให้หลินสวินประหลาดใจมาก
จานเทพคร่าศพวิวัฒน์มาจากกฎระเบียบลบล้าง เดิมก็เป็นระเบียบฟ้าดินอย่างหนึ่ง สามารถลบล้างกำจัดพลังของผู้แข็งแกร่งทุกคนได้อย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นพลังที่ไม่สามารถถูกกฎระเบียบลบล้างกำจัดไปได้อย่างหมดจด
หลินสวินคว้ามือผ่านอากาศ เก็บพลังมหามรรคสีดำนั่นมาพินิจคร่าวๆ แล้วอดสะท้านไม่ได้
นี่ถึงกับเป็นกฎเกณฑ์นิรันดร์ที่แข็งแกร่งและบริสุทธิ์มาก ภายในสั่งสมเจตกระบี่ที่กร้างแกร่งหาใดเปรียบ ความแข็งแกร่งของพลังระดับนี้ทำเอาเขารู้สึกถึงอันตรายอย่างแรงกล้า
‘กฎเกณฑ์นิรันดร์ไม่ต่างอะไรกับระเบียบที่แท้จริง ที่พลังนิรันดร์สีดำนี้ไม่ได้ถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง ก็เพราะมันเป็นพลังในระดับเดียวกันกับกฎระเบียบลบล้าง จึงไม่อาจถูกบดขยี้ได้…’
หลินสวินเข้าใจทันที
หลังจากกฎระเบียบฟ้าดินถูกระดับนิรันดร์ควบคุมและหลอมรวม ก็จะกลายเป็นกฎเกณฑ์นิรันดร์ของตน
ก็เหมือนกับพลังที่ระเบียบระดับเทพสั่งสมไว้ เป็นพลังที่เทียบเคียงพลังระเบียบเช่นกัน ล้วนเป็นพลังในระดับเดียวกัน
‘ก่อนหน้านี้มือกระดูกนั่นแข็งแกร่งเพียงนี้ เห็นชัดว่าเป็นเพราะพลังของกฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำนี้ ก็ไม่รู้ว่าหากข้าหลอมมันลงไปอย่างสิ้นเชิงจะเป็นอย่างไร…’
หลินสวินใคร่ครวญ
เปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงไม่กล้าทดลองหลอมกฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำนี้
แต่สำหรับหลินสวินกลับไม่ใช่เรื่องยาก
เพราะกฎเกณฑ์อมตะของเขาแตกต่างจากคนระดับเดียวกัน หลังจากหลอมระเบียบนิพพานได้เก้าส่วน ก็ไม่ด้อยไปกว่าระเบียบระดับเทพนานแล้ว แน่นอนว่าสามารถประชันกับพลังระเบียบได้
ครู่ใหญ่ในดวงตาหลินสวินปรากฏแววตัดสินใจ
เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง นั่งขัดสมาธิกลางอากาศโดยตรง โคจรมรรควิถีแห่งตน เริ่มลองใช้กฎเกณฑ์อมตะหลอมกฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำนี้
ตูม!
กฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำเกิดคลื่นรุนแรงน่าตกใจ แต่ไม่นานก็ถูกกฎเกณฑ์อมตะของหลินสวินห่อหุ้ม ไม่มีเรื่องไม่คาดฝันใดๆ เกิดขึ้น กฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำเริ่มถูกหลอมทีละนิด…
เพียงครึ่งเค่อหลังจากนั้น
กฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำนั่นถูกหลอมจนสิ้น ในเวลาเดียวกันหลินสวินสังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าอานุภาพกฎเกณฑ์อมตะของตนเกิดการเปลี่ยนแปลงรางๆ
แม้การเปลี่ยนแปลงจะเล็กน้อยมาก แต่กลับทำให้ในใจหลินสวินตะลึงไม่หยุด
ควรรู้ว่ายามเขาอยู่ในลัทธิแรกกำเนิด หลอมระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่หายากไม่รู้เท่าไร และหลอมระเบียบนิพพานถึงเก้าส่วนแล้ว เดิมทีคิดว่าหลอมกฎเกณฑ์อมตะของตนไปถึงขีดสุดนานแล้ว
แต่ตอนนี้กลับมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย นี่เหนือความคาดหมายของหลินสวินโดยสมบูรณ์
จนกระทั่งเขาใจเย็นลง ถึงได้คาดเดาความเร้นลับภายในออกรางๆ ‘กฎเกณฑ์นิรันดร์ก็คือพลังระเบียบ สิ่งที่ระเบียบระดับเทพสั่งสมก็เป็นพลังระเบียบเช่นกัน ตอนนี้ข้าหลอมกฎเกณฑ์นิรันดร์สีดำสายหนึ่ง น่าจะเท่ากับหลอมระเบียบระดับเทพสายหนึ่ง’
‘นี่ก็หมายความว่าสำหรับข้า ภายใต้สถานการณ์ที่พลังระเบียบระดับสวรรค์ทั้งหมดล้วนไม่มีประโยชน์ ขอเพียงสามารถดูดซับและหลอมระเบียบระดับเทพได้ ก็จะสามารถกระตุ้นให้กฎเกณฑ์อมตะของข้าแปรสภาพต่อได้เช่นนั้นหรือ’
คิดถึงตรงนี้หลินสวินอดตะลึงไม่ได้
หากเป็นเช่นนี้ก็หมายความว่า ในขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ตนยังไม่เคยหลอมกฎเกณฑ์อมตะไปถึงขีดสุดอย่างแท้จริงหรือ
หากเป็นเช่นนี้ ยังจะพูดถึงการแจ้งมรรคนิรันดร์อะไรได้อีก!
‘โชคดีที่ข้าไม่เคยลองทะลวงระดับนิรันดร์ ไม่เช่นนั้นข้อบกพร่องของกฎเกณฑ์อมตะตอนนี้คงทำให้ข้าประสบเคราะห์ยามทะลวงระดับได้…’
หลินสวินลอบรู้สึกโชคดี