Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3012 ท้าทายหน้าประตูเพียงลำพัง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3012 ท้าทายหน้าประตูเพียงลำพัง
ตอนที่ 3012 ท้าทายหน้าประตูเพียงลำพัง
ProjectZyphon
ระหว่างทางหลินสวินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังกฎระเบียบฟ้าดินในน่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้สามารถรับพลังของระดับนิรันดร์ได้
มิน่าน่านฟ้าที่เก้าถึงมีอีกชื่อว่าแดนนิรันดร์
ก็มีแต่สถานที่เช่นนี้ถึงรองรับพลังปราณของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล รวมถึงระดับนิรันดร์เหล่านั้นได้
หากเปลี่ยนเป็นที่อื่นย่อมเป็นไปไม่ได้สักนิด
‘เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ’
ตลอดทางแม้ว่าหลินสวินจะเร่งเดินทางอย่างรวดเร็วยิ่ง แต่ตามทางก็ได้เห็นว่าทุกหนแห่งภูเขางามน้ำดี ผืนดินพิสุทธิ์กว้างใหญ่ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน่านฟ้านี้ต่างได้รับการหล่อเลี้ยงจากไอวิญญาณฟ้าดินตามธรรมชาติ มีรากฐานมหามรรคที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตในน่านฟ้าอื่น
นี่ยังเป็นแค่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป ถ้าฝึกปราณในถ้ำสวรรค์แดนมงคลหายากบางแห่ง ประโยชน์ที่ได้ย่อมมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่าน่านฟ้าที่เก้าไม่ได้มีแต่เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลกับเผ่าเทพอมตะยี่สิบสี่ตระกูล
ในน่านฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุดแห่งนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตมากมายกระจายตัวอยู่ มีขุมอำนาจตระกูลและสำนักมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ขุมอำนาจเหล่านี้ต่างอิงแอบอยู่ภายใต้เผ่าเทพต่างๆ ทั้งสิ้น
เพราะอาณาเขตในน่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้ถูกเผ่าเทพนิรันดร์กับเผ่าเทพอมตะเหล่านั้นแบ่งสรรอย่างชัดเจนไปนานแล้ว คิดจะเติบโตในน่านฟ้าที่เก้าก็ทำได้เพียงเลือกศิโรราบ
นี่คล้ายกับสถานการณ์ในน่านฟ้าที่แปดอยู่บ้าง
แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่แตกต่างกัน จุดหลักก็อยู่ที่เผ่าเทพนิรันดร์เป็นนายเหนือหัวสูงสุดที่แท้จริงของโลกหล้า ดำรงอยู่มาถึงตอนนี้ไม่รู้กี่วันเวลา เรียกได้ว่าเป็นคงอยู่มาแต่โบราณ!
หากเป็นแต่ก่อนหลินสวินก็ไม่กล้ามาเยือนตามลำพังสักนิด ถึงอย่างไรเผ่าเทพนิรันดร์แต่ละตระกูลล้วนมีเฒ่าชราระดับนิรันดร์ขั้นไร้ขอบเขตดูแล
แต่ตอนนี้…
สถานการณ์เปลี่ยนไปนานแล้ว
เมื่อพวกเฒ่าชราขั้นไร้ขอบเขตกับขั้นสรรสร้างเหล่านั้นทยอยมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุน ก็เป็นช่วงเวลาที่เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลทั้งน่านฟ้าที่เก้าอ่อนแอที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่านี่มีผลต่อหลินสวินเพียงผู้เดียวเท่านั้น
เพราะไม่ว่ากับขุมอำนาจหรือผู้แข็งแกร่งคนใดก็ตาม เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลที่ยังมีระดับนิรันดร์คอยดูแลอยู่ ก็ยังเป็นมหาคีรีที่ไม่อาจสั่นคลอนได้!
……
เขาเทพตะวันไพศาล
ในส่วนลึกของเขาเทพที่ทั้งภูเขาปกคลุมอยู่ใต้กฎระเบียบตะวันไพศาลมีแดนลับอยู่แห่งหนึ่ง
ใจกลางแดนลับนี้มียอดเขาที่สูงเด่นทะลุเมฆลูกหนึ่ง ณ จุดสูงสุดของยอดเขามีคฤหาสน์เก่าแก่หลังหนึ่งเผยตัววับแวมอยู่กลางทะเลเมฆ
ที่นี่คือคฤหาสน์หลักของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยาง
ในตระกูลหยางมีเพียงเฒ่าชราที่มีพลังขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ขึ้นไปถึงมีสิทธิ์เข้าไปในคฤหาสน์หลักของตระกูล
ยามนี้ผู้นำตระกูลหยางชางเซิงกำลังสนทนากับเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์สองคนอย่างหยางเสียเทียนและหยางปู้ต้ง
“พูดเช่นนี้ เป็นไปได้สูงยิ่งว่ากลิ่นอายมหาเคราะห์นิรันดร์ที่ปรากฏขึ้นบนโลกเมื่อหลายวันก่อนจะเกิดขึ้นจากหลินสวินข้ามด่านเคราะห์หรือ”
หยางชางเซิงขมวดคิ้วแน่น เขาสวมชุดขาว เครายาวปลิวไหว ใบหน้าดุจหยกยอดมงกุฎ สง่างามเป็นธรรมชาติ แม้เป็นผู้นำตระกูลหยาง แต่ตัวเขาเองกลับมีพลังปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์
“ไม่ใช่เป็นไปได้สูงยิ่ง แต่ใช่แน่ๆ”
หยางเสียเทียนเอ่ยเสียงเครียด “อีกทั้งหลินสวินคนนี้ต้องบรรลุระดับนิรันดร์ไปแล้ว ไม่เช่นนั้นลำพังคนของลัทธิแรกกำเนิดเพียงหยิบมือนั่น ไม่มีทางต้านการล้อมโจมตีจากระดับนิรันดร์เก้าคนได้สักนิด”
เขาสวมชุดดำทั้งตัว เบ้าตาลึกโหล แม้ชราแต่ผิวหน้าอ่อนเยาว์ กลิ่นอายระดับนิรันดร์อันน่าตกตะลึงแผ่ไปทั้งร่าง
หยางชางเซิงเอ่ยอย่างยากจะเชื่อว่า “หรือผู้อาวุโสคิดว่าหลินสวินที่เพิ่งฝ่าเคราะห์แจ้งมรรคผู้นี้ สามารถสังหารระดับนิรันดร์เก้าคนนั้นได้หรือ”
“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ตรงไหน อย่าลืมสิว่าตอนนั้นอาจารย์เขาเจ้าแห่งคีรีดวงกมลเคยคุยโวในน่านฟ้าที่เก้านี้ ว่าเมื่อยอดมรรคาอมตะปรากฏจะต้องทำลายความรู้ความเข้าใจในอดีตทั้งหมด พลิกความคาดหมายของผู้คนทั่วหล้า”
หยางปู้ต้งเอ่ยเนิบๆ ว่า “และไม่กี่ปีก่อน หลินสวินได้พิสูจน์ความเย้ยฟ้าและแกร่งกล้าของมรรคายอดอมตะด้วยศึกใหญ่ต่างๆ มาแล้ว”
เขาเว้นช่วงไป ดวงตาปรากฏแววคลุมเครือ “ยิ่งกว่านั้นถ้าไม่ใช่เพราะสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากตัวหลินสวิน ผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัยนั่นจะมีคำสั่งให้พวกเราร่วมมือกับลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน ไปฆ่าเจ้าหนุ่มหลินสวินนั่นได้อย่างไร”
เขาสวมชุดหยก ผมยาวสีดอกเลากระเซอะกระเซิง ใบหน้าแห้งเหี่ยว
หยางเสียเทียนก็พยักหน้าเอ่ย “กระทั่งผู้บงการหลังม่านนั่นยังคิดว่าส่งระดับนิรันดร์เก้าคนไปจึงจะมีโอกาสสังหารหลินสวิน แค่คิดก็รู้ว่าหลังจากคนผู้นี้แจ้งมรรคนิรันดร์แล้วจะเป็นภัยร้ายแรงแค่ไหน”
ระหว่างที่ฟังการวิเคราะห์ของผู้อาวุโสระดับนิรันดร์ทั้งสอง ใจหยางชางเซิงยังเปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนหนึ่ง กลับเย้ยฟ้าถึงขั้นเพิ่งแจ้งมรรคนิรันดร์ก็สังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์เก้าคนได้!?
นี่น่าตกตะลึงยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ครู่หนึ่งหยางชางเซิงถึงถอนหายใจยาว เอ่ยว่า “ถ้าตอนนี้หลินสวินบุกมาในน่านฟ้าที่เก้า…เช่นนั้นก็อันตรายแล้ว…”
กลับพบว่าหยางเสียเทียนหัวเราะหยัน “ผู้นำตระกูล อย่าตกใจเพราะหลินสวิน อย่าลืมสิ ที่นี่คือน่านฟ้าที่เก้า เป็นอาณาเขตของพวกเราตระกูลหยาง ต่อให้หลินสวินบุกมาก็ต้องถูกขวางไว้นอกกฎระเบียบตะวันไพศาลของตระกูลเรา!”
เสียงเผยแววมั่นใจโดยสมบูรณ์
หยางชางเซิงดวงตาเปล่งประกาย “ใช่ พลังต่อสู้ของเขาอาจจะสู้กับคนหลายคนเพียงลำพังได้ เย้ยฟ้าถึงขีดสุด แต่ย่อมไม่อาจสั่นคลอนระเบียบระดับเทพได้แน่ๆ!”
ระเบียบระดับเทพ นั่นเป็นสมบัติล้ำค่าที่ขัดขวางการโจมตีของระดับนิรันดร์ได้ และยังเป็นรากฐานของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหนึ่ง
ทำไมระดับนิรันดร์ถึงปรากฏในเผ่าเทพนิรันดร์ได้
จุดหลักก็อยู่ที่มีระเบียบระดับเทพ!
“นอกจากนี้ตระกูลเรายังมีกระบวนค่ายกลร้อนระอุ ทั้งยังมีข้ากับเสียเทียนอยู่ ต่อให้หลินสวินนั่นบุกมาก็ต้องคว้าน้ำเหลวกลับไป”
หยางปู้ต้งเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าถึงกับกังขาว่าหลินสวินก็คงรู้เหมือนกัน ว่าถ้ามีระเบียบระดับเทพคุ้มครอง เผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาจะประจันหน้าได้ ดังนั้นเกรงว่าเขาจะไม่กล้ามา”
หยางชางเซิงพลันรู้สึกผ่อนคลาย กล่าวว่า “เป็นเช่นนี้จะดีที่สุด ต้องโทษว่าผลกระทบของเคราะห์แห่งยุคสมัยรุนแรงเกินไป หาไม่ต่อให้หลินสวินคนนี้จะเย้ยฟ้าปานไหนก็ไม่มีทางอยู่ในสายตาพวกเราได้สักนิด”
ได้ยินดังนั้นหยางเสียเทียนกับหยางปู้ต้งต่างก็ทอดถอนใจ
เพื่อหลีกเลี่ยงภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ระดับนิรันดร์ขั้นสรรสร้างและขั้นไร้ขอบเขตของพวกเขาตระกูลหยางต่างไปยังแหล่งสถานคุนหลุนตั้งแต่เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนแล้ว
หากไม่เป็นเช่นนี้ ย่อมไม่ต้องสนใจเจ้าหนุ่มเย้ยฟ้าอย่างหลินสวินสักนิด
“รายงาน...”
ทันใดนั้นเสียงแก่ชราหนึ่งดังขึ้นนอกคฤหาสน์
เงาร่างข้ารับใช้อาวุโสคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาทันที หมอบคำนับลงกับพื้นเอ่ยว่า “ใต้เท้าทุกท่าน มีชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าหลินสวินปรากฏตัวอยู่นอกประตูภูเขา ประกาศว่าให้ตระกูลเราศิโรราบ หาไม่จะทำลายเขาเทพตะวันไพศาลให้ราบเป็นหน้ากลอง”
หลินสวิน!
หยางชางเซิงใจสะท้าน เอ่ยว่า “เขาถึงกับมาจริงๆ!?”
เมื่อครู่เพิ่งพูดถึงคนผู้นี้ เขาดันมาแล้วจริงๆ นี่จะไม่ให้พวกเขาประหลาดใจได้อย่างไร
“เจ้าหมอนี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงกับกล้ามาท้าทายพวกเราอย่างเปิดเผยเช่นนี้
หยางเสียเทียนก็รู้สึกเหลือเชื่อนัก
“ดูสักหน่อยว่าตกลงใช่เจ้าหมอนี่หรือไม่”
ขณะพูดหยางปู้ต้งก็สะบัดแขนเสื้อ วงคลื่นระเบียบเป็นระลอกๆ ไหลเวียนแปลงเป็นจอภาพชิ้นหนึ่ง สิ่งที่ฉายอยู่ในจอก็คือภาพนอกประตูเขาเทพตะวันไพศาล
ก็เห็นเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งยืนอยู่ตามลำพังตรงนั้น เขาสวมชุดขาวพระจันทร์ ผมยาวปลิวไหว รูปลักษณ์หล่อเหลาละโลกีย์ เป็นหลินสวินจริงๆ
“ถึงกับเป็นเขาจริงๆ….” หยางปู้ต้งนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
เมื่อหยางชางเซิงนึกได้ว่าคนใหญ่คนโตระดับนิรันดร์เก้าคนต่างถูกหลินสวินคนเดียวฆ่าตาย ในใจก็สั่นระรัวไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามอย่างอดไม่อยู่ว่า “ผู้อาวุโสทั้งสอง นี่จะทำอย่างไร”
หยางเสียเทียนเอ่ยเรียบๆ “หากเขาบุกเข้ามาได้เกรงว่าคงไม่ต้องท้าทายสักนิด ย่อมบุกฆ่าเข้ามาโดยตรง หัวหน้าตระกูลไม่ต้องกังวลไป มีกฎระเบียบตะวันไพศาลกับกระบวนค่ายกลร้อนระอุอยู่ เขาต้องอับจนหนทางแน่”
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินที่อยู่ในจอภาพนั้นคล้ายสัมผัสได้ว่ามีคนแอบมองเขาอยู่ จู่ๆ ก็เงยขึ้นมอง บนใบหน้ายังปรากฎรอยยิ้มเย็นชา
‘ทุกท่าน ถ้ายังไม่ออกมาอีก เกรงว่าเขาเทพตะวันไพศาลที่เรียกได้ว่าไม่เป็นรองใครในโลกนี้จะถูกทำลายแล้ว’ หลินสวินพูดเนิบๆ
แม้ไม่มีเสียงออกมา แต่พวกหยางชางเซิงกลับอ่านจากปากเขาได้อย่างชัดเจนว่าเขาพูดอะไร
“กำเริบเสิบสานจริงๆ!”
สีหน้าหยางเสียเทียนอึมครึมลงแล้ว
ตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้ ทั่วหล้านี้ใครกล้าโหวกเหวกหน้าประตูภูเขาของพวกเขาตระกูลหยางเช่นนี้
“ช่างเถอะ ให้ข้าใช้กฎระเบียบตะวันไพศาลฆ่าเจ้าหมอนี่ก็พอ”
ขณะพูดหยางปู้ต้งก็สะบัดมือทันที
โครม!
ฟ้าดินที่เขาเทพตะวันไพศาลตั้งอยู่นี้พลันปลดปล่อยแสงสว่างไร้ขอบเขต ชั่วพริบตานั้นคล้ายมีดวงอาทิตย์นับร้อยนับพันลอยสูงขึ้นจากพื้นดิน ประกายแสงหมื่นจั้งโชติช่วงชัชวาล
คนตระกูลหยางที่กระจายอยู่ตามเขาเทพตะวันไพศาลต่างตกตะลึงอย่างอดไม่อยู่ ล้วนหยุดสิ่งที่ทำอยู่ สีหน้าเผยแววงุนงง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
พวกเขาเคยชินกับความสงบสุขในเขาเทพตะวันไพศาลมาไม่รู้กี่ปี คนในตระกูลมากมายถึงกับไม่เคยเห็นอานุภาพกฎระเบียบตะวันไพศาลของตระกูล
แต่ตอนนี้กฎระเบียบตะวันไพศาลถูกโคจรแล้ว อานุภาพยิ่งใหญ่น่าตกตะลึงอุบัติขึ้น
ขณะเดียวกันที่นอกเขาเทพตะวันไพศาล หลินสวินก็สังเกตเห็นภาพนี้เช่นกัน นัยน์ตาหรี่ลงเล็กน้อย แต่สีหน้ายังคงราบเรียบเช่นเดิม
พลังระเบียบระดับเทพสายหนึ่งหรือ
นับว่าให้ตนได้ครอบครองพลังกฎระเบียบเพิ่มอีกสาย
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมา หลินสวินก็ตั้งตาคอยอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ ถ้าชิงระเบียบระดับเทพของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลได้ทั้งหมด บางทีอาจเติมเต็มความต้องการในการฝึกปราณยามตนอยู่ขั้นสรรสร้างให้เพียงพอก็เป็นได้
“หลินสวิน ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง รีบจากไปเสียตอนนี้ยังรักษาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าไว้ได้ หาไม่แล้วอย่าโทษที่ข้าจะสังหารเจ้าที่นี่”
ทันใดนั้นเสียงเฉยชาเหี้ยมเกรียมของหยางปู้ต้งก็ดังขึ้นกลางฟ้าดิน
กลับพบว่าหลินสวินยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยว่า “สาเหตุที่ข้าคนแซ่หลินตรงมาที่นี่ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าหมายจะหลอมเขาเทพตะวันไพศาลแห่งนี้ไปอย่างสมบูรณ์ไม่สึกหรอก่อนจากไป ถ้าพวกเจ้าคิดว่าข้าคนแซ่หลินไม่มีความสามารถจัดการกฎระเบียบตะวันไพศาลนี้ก็ผิดมหันต์แล้ว”
เสียงพูดเพิ่งเงียบลง เสียงหัวเราะด้วยความกราดเกรี้ยวยิ่งของหยางปู้ต้งก็ดังขึ้น “หลินสวิน นี่เจ้ามารนหาที่ตายเองนะ!”
ทุกคำพูดดังสนั่นดุจอสนีบาต กึกก้องไปสิบทิศ
จากนั้นก็มีเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าดินดังขึ้นระลอกหนึ่ง ก็เห็นว่าดวงอาทิตย์ดุจไฟลุกโชนดวงแล้วดวงเล่าทะยานฟ้า แปลงเป็นวงแหวนเทพกลมเกลี้ยงมหึมาหาใดเทียบวงหนึ่งพุ่งทะยานมาทางหลินสวิน
ชั่วพริบตานั้นฟ้าดินยังขาวโพลนไปหมด พลังระเบียบน่าครั่นคร้ามถักทอเป็นดวงอาทิตย์สามสิบหกดวง จากนั้นก็รวมตัวเป็นวงแหวนเทพกลมเกลี้ยงมหึมาวงหนึ่ง เพียงแค่กลิ่นอายทำลายล้างเช่นนั้นก็ทำให้ระดับนิรันดร์ล้วนหวาดผวา!
………………….