Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3020 แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3020 แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์
แดนพร่างแสง
อาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลที่เผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้ครอบครอง
‘เขาเทพตั้งต้น’ ที่ตระกูลจี้ยึดครองก็ตั้งอยู่ในแดนพร่างแสง
เมืองเมฆาเหิน
หนึ่งในเมืองเก่าแก่ขนาดใหญ่นับพันของแดนพร่างแสง
ฮูม…
กระบวนค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณที่อยู่กลางเมืองเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินเดินออกมาจากในนั้น
เขาเงยหน้ามองรอบๆ ก็พบว่าถนนตรอกซอยในเมืองตัดสลับ เจริญรุ่งเรือง มีแต่เงาร่างขวักไขว่ทุกหนแห่ง ดูคึกคักยิ่งนัก
หลินสวินเก็บงำกลิ่นอายทั้งตัวจึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจเท่าไร
‘ออกเดินทางจากเมืองเมฆาเหิน ด้วยความเร็วของข้าไม่ถึงครึ่งวันก็จะถึงเขาเทพตั้งต้นอาณาเขตของตระกูลจี้…’
หลินสวินเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนน ในสมองไตร่ตรองสถานการณ์บางอย่างของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลจี้
ด้วยมีฐานะเป็นเผ่าเทพนิรันดร์หนึ่งในสิบสองตระกูล ตระกูลจี้ในตอนนี้มีระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎดูแลถึงสามคน
ได้แก่จี้เซียวอวิ๋น จี้เหอ และจี้เป่ยเฟิง เร้นกายอยู่ในเขาเทพตั้งต้นตลอดปี น้อยนักที่จะโผล่หน้า
ผู้นำตระกูลจี้มีนามว่าจี้หวังถู นิสัยใจคอหนักแน่น ปราดเปรื่องมากแผนการ
เขาก็คือบิดาของจี้ซีกับจี้ซานไห่
นอกจากนี้ตระกูลจี้ยังมีระดับอมตะมากมาย ว่ากันด้วยรากฐานพลังกับอิทธิพลแล้ว สามารถจัดอยู่ในห้าอันดับแรกของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลได้
รากฐานพลังของตระกูลหยางยังด้อยกว่าตระกูลจี้อยู่บ้าง
แต่ในสายหลินสวินยามนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหยาง ตระกูลจี้ หรือเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอื่นต่างก็ไม่มีภัยคุกคามเท่าไร
‘ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ซีจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว…’
เงาร่างอรชรงามกระจ่างของซีปรากฏขึ้นในสมองหลินสวินอย่างอดไม่ได้ เขานึกถึงเหตุการณ์แต่ละภาพตั้งแต่รู้จักกับซีในวัยเยาว์จนแยกกันสมัยอยู่แหล่งสถานคุนหลุน
หลายปีนั้นนางก็เหมือนผู้นำทางของตน ให้คำชี้แนะ บังแดดกันฝนให้ตน
แค่คิดก็ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกสบายใจและอบอุ่นใจอย่างหาใดเทียบ
เขาในตอนนั้นท่องไปทั่วหล้าตามลำพัง ผ่านลมคาวฝนเลือด ยังดีที่มีซีเดินทางไปด้วย ทำให้เขาไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยว
ต่อมาสมัยอยู่แหล่งสถานคุนหลุน ซีที่เหยียบย่างมรรคาอมตะถูกจวินเฟิงเลี่ยคนของตระกูลนางพาตัวไปกะทันหัน ตั้งแต่นั้นมาหลินสวินก็ไม่ได้พบซีอีก
และก็เป็นตั้งแต่ตอนนั้นเช่นกันที่หลินสวินมักจะนึกถึงซี กระทั่งพบกับจี้ซานไห่ในแดนมารสิบทิศ เขาถึงรู้ถึงชาติกำเนิดของซีในที่สุด
และเพิ่งได้รู้ว่าสตรีเลิศล้ำที่เคยมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งน่านฟ้าที่เก้าผู้นี้ กลับมีเส้นทางชีวิตคดเคี้ยวและขลุกขลักได้ถึงขนาดนั้น
ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว พรสวรรค์ รากฐานพลัง ความสง่างามและรูปโฉมของซี… ล้วนอยู่เหนือคนรุ่นเดียวกันในตระกูลจี้ โดดเด่นเหนือเหล่าผู้กล้า ถูกมองว่าเป็นสตรีที่มีคุณสมบัติสืบทอดตำแหน่งหัวหน้าตระกูล
ชื่อของนางเลื่องลือทั่วน่านฟ้าที่เก้า!
แต่อาจเป็นเพราะสะดุดตาเกินไป ถึงได้ทำให้นางต้องพบเจอความทุกข์ยากยิ่งยวด
เหตุแห่งหายนะก็อยู่ที่การสู่ขอจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลอื่น ตอนนั้นบุตรเทพไม่รู้เท่าไรหมายจะแต่งซีเข้าตระกูล ถึงขั้นว่าคนใหญ่คนโตในเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหล่านั้นต่างออกหน้าด้วยตัวเอง เกิดการขัดแย้งกันไม่รู้เท่าไรเพื่อชิงซีไปครอง
เรื่องนี้ครึกโครมไปทั้งน่านฟ้าที่เก้าจนทั่วหล้าล้วนรู้ข่าว
แต่ไม่มีใครรู้ว่าก็เพราะเรื่องนี้กลับทำให้ภายในตระกูลจี้เกิดความแตกแยกรุนแรง
มีคนหวังให้นางแต่งออกไป เพิ่มความมั่นคงให้กับตระกูลจี้ด้วยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหนึ่ง
และมีคนไม่ต้องการทำเช่นนี้ งยังกล่าวหาว่าผู้อาวุโสที่หวังให้นางแต่งออกไปมีแผนร้ายอยู่ในใจ หมายเตะนางออกจากตระกูล จะได้ให้คนอื่นมีโอกาสชิงตำแหน่งผู้นำตระกูล
และในหมู่คนในตระกูลที่หวังให้นางแต่งงานออกไปก็เกิดความขัดแย้งเช่นกัน บางคนต้องการให้นางแต่งเข้าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเย่ บางคนต้องการให้นางแต่งเข้าตระกูลเจวี๋ย บางคนต้องการให้นางแต่งเข้าตระกูลไท่เฮ่า…
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงทะเลาะกันอย่างรุนแรง ขัดแย้งกันจนถอนตัวไม่ขึ้น
ที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่มีใครเคยถามความเห็นของซี ทุกคนต่างอ้างว่าคิดเพื่อนาง หวังดีกับนาง วางแผนให้นาง ยัดเยียดเจตจำนงกับความคิดของตัวเองไปให้นาง
ถ้าไม่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น ซีก็ยังเป็นดาราที่เด่นสะดุดตาที่สุดในตระกูลจี้ เป็นความภูมิใจของตระกูล
แต่หลังจากเกิดเรื่องเหล่านี้ นางก็เป็นเพียงหมากในสายตาผู้อื่น เพื่อสิ่งที่เรียกว่าภาพรวมของตระกูล ผลประโยชน์ของตระกูล ทำได้เพียงปล่อยให้ถูกควบคุม
ต่อมาซีจึงออกจากตระกูลเพียงลำพัง
แต่ก็เพราะการจากไปของนางทำให้ทั้งตระกูลเดือดดาลนัก และตั้งแต่ตอนนั้นชื่อของนางก็กลายเป็นคำต้องห้ามในตระกูลจี้ไป
เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จี้ซานไห่บอกหลินสวินในตอนนั้นทั้งสิ้น
จนตอนนี้หลินสวินคิดแล้วยังรู้สึกอัดอั้นและโกรธเคืองอย่างหาใดเทียบ
ซีในตอนนั้นจะโดดเด่นสะดุดตาขนาดไหน
แต่ต่อให้เป็นสตรีเลิศล้ำเช่นนี้ กลับกลายเป็นเหมือนหมากกลางคลื่นลม ไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง จะถูกจับวางเช่นไรก็ได้!
ตอนนั้นนางจะผิดหวังและสิ้นหวังขนาดไหน ถึงได้ออกจากตระกูลมาอย่างเด็ดขาดเช่นนั้น
ที่น่าเศร้าก็คือการจากมาของนางกลับได้มาเพียงคำด่าว่าขุ่นเคืองของคนในตระกูล รวมถึงความผิดหวังในตัวนาง!
นี่น่าขันขนาดไหน
ผ่านไปไม่รู้กี่ปีแล้ว ชื่อของนางยังเป็นคำต้องห้ามในตระกูลจี้ น้อยนักที่จะถูกคนกล่าวถึง ถึงขั้นยังมีเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายยังลืมไม่ลง
‘ครั้งนี้ข้าจะระบายความแค้นให้ท่านให้ได้!’
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นความรู้สึกปั่นป่วนในใจ
ตอนนั้นเขาเคยรับปากจี้ซานไห่ไว้ว่าสักวันจะต้องมาเยือนน่านฟ้าที่เก้า ช่วยปลดปล่อยซีจากการจองจำ
และตอนนี้ก็ได้เวลาที่เขาจะทำตามสัญญาแล้ว
ทันใดนั้นเสียงสนทนาระลอกหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจหลินสวิน ทำให้เขาตื่นจากภวังค์
“พรุ่งนี้ขบวนสู่ขอของตระกูลไท่เฮ่าก็จะมาถึงเขาเทพตั้งต้น ว่ากันว่าคราวนี้ผู้นำขบวนคือผู้อาวุโสระดับนิรันดร์ในตระกูลไท่เฮ่าคนหนึ่ง!”
“ข้าก็ได้ยินมาว่าตั้งแต่หลายวันก่อนตระกูลจี้ก็ส่งเทียบเชิญไปมากมายเพื่องานแต่งงานครั้งนี้ ต่อแต่นี้ไปความสัมพันธ์ของตระกูลจี้กับตระกูลไท่เฮ่าจะต้องพัฒนาไปอีกขั้น”
“จะว่าไปตอนนั้นธิดาเทพจี้ซีผู้นั้นเลื่องชื่อไปทั้งน่านฟ้าที่เก้า ได้รับการขนานนามว่าเป็นธิดาเทพอันดับหนึ่งในเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือความสามารถก็เรียกได้ว่าตระการตาเป็นหนึ่งไม่มีสอง ตอนนี้เป็นบุคคลโดดเด่นที่เหยียบย่างบนมรรคาอมตะไปแล้ว”
“ไท่เฮ่าจื่อก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน เป็นบุตรเทพอันดับหนึ่งของตระกูลไท่เฮ่า พรสวรรค์เย้ยฟ้า ตอนนี้เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ในมรรคาอมตะ ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วจะต้องครอบครองอำนาจของผู้นำตระกูลไท่เฮ่าแน่”
…ฟังจบแววเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของดวงตาหลินสวิน
แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์หรือ
เขานึกออกทันทีว่าตอนนั้นจี้ซานไห่เคยพูดไว้ ว่าถ้าซีไม่ตกลงแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับไท่เฮ่าจื่อบุตรเทพตระกูลไท่เฮ่า ก็จะถูกจองจำชั่วนิรันดร์
แต่ตอนนี้การแต่งงานนี้ถึงกับเกิดขึ้นแล้ว มิหนำซ้ำพรุ่งนี้ขบวนสู่ขอของตระกูลไท่เฮ่าก็จะมาเยือนเขาเทพตั้งต้น!
‘ถ้านี่เป็นสิ่งที่ซีสมัครใจเองข้าย่อมไม่เหมาะจะลงมือ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าหาว่าข้าหลินสวินไม่เกรงใจก็แล้วกัน’
ดวงตาดำหลินสวินยิ่งเย็นเยียบน่ากลัวแล้ว
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ฟูมฟักอยู่ในร่างรู้สึกได้ถึงไอสังหารของเขา จึงเต้นไหวตามไปด้วย
ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่ ไปพบซีเองก็จะรู้!
คิดถึงตรงนี้หลินสวินไม่ลังเลอีก เดินออกไปก้าวหนึ่งเงาร่างก็หายลับไปจากเมือง เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมุ่งหน้าไปเขาเทพตั้งต้นอย่างฉับไว
ตลอดทางหลินสวินเห็นเงาร่างผู้ฝึกปราณไม่น้อยรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน เห็นชัดว่ามาจากขุมอำนาจต่างๆ แต่ล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือมุ่งหน้าไปเขาเทพตั้งต้น
จากบทสนทนาของพวกเขา ล้วนเพื่อไปเยี่ยมเยือนและแสดงความยินดีกับเผ่าเทพนิรันดร์
‘การแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ของตระกูลจี้กับตระกูลไท่เฮ่า เป็นขุมอำนาจใหญ่โตจริงๆ ถ้าเป็นคนทั่วไปคงไม่มีทางหยุดยั้งทุกอย่างนี้ได้จริงๆ ที่น่าเสียดายก็คือคราวนี้ข้าหลินสวินมาแล้ว…’
หลินสวินพึมพำในใจ
เขาเคลื่อนย้ายเต็มกำลัง เงาร่างคล้ายแสงสายหนึ่งไหววูบเบาๆ ก็หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย
เส้นทางที่เดิมทีต้องเดินทางครึ่งวัน แค่สองชั่วยามก็มาถึงแล้ว
ไม่นานนักเขาเทพตั้งต้นก็ปรากฏในสายตาหลินสวิน
ภูเขานี้มีรัศมีสามหมื่นลี้ เวิ้งฟ้าอบอวลด้วยไอม่วงแรกกำเนิด แสงมงคลไพศาลโปรยปรายลงมา อาบไล้ภูเขาใหญ่ทั้งลูกไว้ภายใน ศักดิ์สิทธิ์เจิดจรัส
เมื่อหลินสวินมาถึงในพื้นที่ใกล้เคียงประตูภูเขาก็มีเงาร่างมากมายรวมตัวกันอยู่ก่อนแล้ว คึกคักยิ่งยวด
ไม่ว่าจะชายหญิงเด็กแก่ต่างก็สง่าผ่าเผย สวมชุดงามหรู เห็นชัดว่าที่มาที่ไปไม่ใช่เล็กๆ แต่ยามเข้าสู่ประตูภูเขากลับแสดงเทียบเชิญอย่างนบนอบหาใดเทียบทุกคน ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามสร้างความวุ่นวาย
พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันมงคลของตระกูลจี้ แขกเหรื่อที่มาเยือนแสดงความยินดีไม่ขาดสาย มีเงาร่างผู้แข็งแกร่งที่มุ่งหน้ามาจากสี่ทิศแปดด้านปรากฏขึ้นเป็นพักๆ อย่างต่อเนื่อง
จากจุดนี้ก็ดูออกว่าในฐานะเผ่าเทพนิรันดร์ ชื่อเสียงและเกียรติภูมิของตระกูลจี้แข็งแกร่งปานใด
แต่มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีเทียบเชิญถึงพาผู้ติดตามของตนเข้าไปในเขาเทพตั้งต้นได้
หาไม่จะถูกระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมทั่วเขาเทพตั้งต้นขวางไว้ทันที
หลินสวินนิ่วหน้าเล็กน้อย
‘ช่างเถอะ ไปสืบหาร่องรอยของซีก่อนค่อยตัดสินใจ’
หลินสวินสูดหายใจคราหนึ่ง เก็บกลั้นความคิดที่จะลงมือบุกตรงๆ
“สหายยุทธ์ช้าก่อน”
เห็นเงาร่างหนึ่งทะยานมาไกลๆ หลินสวินหน้าไม่เปลี่ยนสี พุ่งตรงเข้าไปหา
นี่เป็นชายชราหนวดผมพลิ้วลอยผู้หนึ่ง เปี่ยมสง่าราศี มีมรรควิถีระดับอมตะขั้นดับเทพ ในน่านฟ้าที่เก้าก็เรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตผู้หนึ่ง
เห็นหลินสวินมาขวาง ชายชราก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ “เจ้าหนุ่ม ไยมาขวางทางข้า”
หลินสวินกุมมือคารวะน้อยๆ “อยากให้สหายยุทธ์ช่วยอำนวยความสะดวก พาข้าเข้าตระกูลจี้ไปด้วยกัน”
ดวงตาชายชราเผยแววดูแคลน “ที่แท้ก็ไม่มีเทียบเชิญ ยังอยากจะมั่วเข้าไปร่วมงานมงคลตระกูลจี้ เจ้าหนุ่ม เทียบเชิญนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะได้มาง่ายๆ ข้าใช้เวลาเกือบเก้าพันปีถึงผูกสัมพันธ์กับตระกูลจี้ได้ในที่สุด ตอนนี้ถึงได้มาเหยียบประตูนี้ได้อย่างผ่าเผย เจ้าเป็นใครกันถึงอยากฉวยโอกาสเข้าไปด้วย”
วาจามีทั้งความหยิ่งผยองและดูถูก ไม่เกรงใจสักนิด
ขณะพูดชายชราก็จะเดินหน้าต่อ
หลินสวินกดไหล่ข้างหนึ่งของเขาเอาไว้ ยิ้มเอ่ยว่า “เห็นแก่ว่ายังจำเป็นต้องยืมใช้เทียบเชิญจากเจ้า ข้าจะไม่ถือสาการดูหมิ่นในคำพูดของเจ้า ตอนนี้ให้เจ้านำทาง พวกเราไปกัน”
ยามนี้ชายชราที่มีมรรควิถีขั้นดับเทพผู้นี้เหงื่อกาฬไหลโชก หน้าซีดถอดสี ไม่มีความหยิ่งผยองและดูถูกอย่างก่อนหน้านี้อีก
มือที่หลินสวินวางบนไหล่เขาดูเหมือนวางตามสบาย แต่กลับผนึกมรรควิถีเขาไว้เหมือนมีดจ่อคอหอย คล้ายว่าถ้าต่อต้านสักนิดก็จะฆ่าเขาทันทีในชั่วพริบตา!
เขาไม่สนกระทั่งการปาดเหงื่อที่ไหลจากหน้าผากไม่หยุด เสียงสั่นเครือ เอ่ยปากสั่นๆ ว่า
“ผะ… ผู้อาวุโส ทะ… ที่นี่เป็นอาณาเขตของตระกูลจี้ ถ้าเกิดเรื่องที่นี่… เกรงว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงนะขอรับ”