Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3022 เผด็จการ
หาไม่แล้วแม้แต่ข้าก็ปกป้องเจ้าไม่ได้
ได้ยินคำพูดนี้ ในใจหลินสวินอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สถานการณ์ของนางย่ำแย่ขนาดนี้แล้ว กลับยังคอยเตือนและเป็นห่วงความปลอดภัยของตน!
เพียงแต่ตนไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ต้องให้นางปกป้องในตอนนั้นแล้ว ตอนนี้เป็นตนที่ควรทำเรื่องบางอย่างเพื่อนางถึงจะถูก
“หลินสวินเจ้านั่งก่อน ซานไห่ เจ้ามารินชา” ซีสั่งเสียงเบา
จี้ซานไห่เริ่มลงมือ
หลังจากหลินสวินนั่งลงและสงบใจลงแล้วก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ก่อนหน้านี้ตอนอยู่นอกเรือนข้าได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านกับแม่นางซานไห่แล้ว ให้ข้าคุยโวโอ้อวดสักหน่อย ข้ามาครั้งนี้เดิมทีมาเพื่อระบายแค้นให้ท่าน หากท่านไม่อยากอยู่ในตระกูลจี้ ข้าก็สามารถพาท่านจากไปได้ทันที”
เสียงของเขาราบเรียบมาก และแน่วแน่ยิ่ง
มือหยกเรียวยาวที่กำลังรินชาของจี้ซานไห่ชะงัก พูดอย่างดีใจ “พี่หลิน เจ้าพูดจริงหรือ”
หลินสวินเอ่ย “ข้าไม่เคยล้อเล่น”
ซีเองก็ดูออกว่าหลินสวินจริงจัง อดซาบซึ้งใจไม่ได้
คนในตระกูลเอาแต่พูดว่าทำเพื่อนาง คิดเผื่อนาง แต่กลับไม่เคยสนใจความรู้สึกนางอย่างแท้จริง
แต่หลินสวินกลับแตกต่าง เด็กหนุ่มที่ผงาดขึ้นในสายตาของตนตลอดมา ตอนนี้เห็นชัดว่าเสี่ยงมาน่านฟ้าที่เก้าเพื่อระบายแค้นให้นาง ถึงขั้นจะพาตัวนางไปด้วย…
ความตั้งใจเช่นนี้จะไม่ให้ซีซาบซึ้งใจได้อย่างไร
เพียงแต่เมื่อนางนึกถึงสถานการณ์บางอย่างของตระกูล ในใจก็หนาวเยือก เอ่ยว่า“หลายปีมานี้ข้าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเจ้ามาบ้าง รู้ว่าตอนนี้เจ้าเป็นหัวหน้าหอคนหนึ่งในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดแล้ว ชื่อเสียงสะเทือนเก้าน่านฟ้า คนบนโลกล้วนสรรเสริญชื่อเสียงของเจ้า ขอเพียงก้าวย่างไปทีละก้าว ในอนาคตย่อมสามารถเป็นหนึ่งในใต้หล้า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้อย่ามาเข้ายุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายของตระกูลจี้เด็ดขาด”
คำพูดหนักแน่น ทำเอาหลินสวินทั้งซาบซึ้งทั้งนึกขำ เห็นชัดว่าซีไม่เชื่อว่าตนมีความสามารถในการพานางจากไป
จี้ซานไห่อดพูดไม่ได้ “ท่านพี่ ให้ข้าถามเรื่องบางอย่างจากพี่หลินก่อน”
กล่าวพลางดวงตางามของนางมองไปทางหลินสวิน เอ่ยว่า “พี่หลิน ครั้งนี้เจ้ามีความมั่นใจใช่หรือไม่”
หลินสวินพยักหน้า “แน่นอน”
“เช่นนั้นตอนนี้พลังปราณของเจ้าอยู่ระดับใดแล้ว” จี้ซานไห่ถาม
หลินสวินไม่ได้ปกปิด “ขั้นล่วงกฎขั้นปลาย”
น้ำชาที่เพิ่งเติมเต็มในมือจี้ซานไห่เกือบกระฉอก ร้องเสียงหลง “ขั้นล่วงกฎขั้นปลายหรือ”
ตั้งแต่แยกกันในแดนมารสิบทิศจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงร้อยปี หลินสวินก็แจ้งมรรคระดับนิรันดร์แล้วหรือ
อีกทั้งยังเป็นขั้นล่วงกฎขั้นปลาย!!
นี่ทำให้จี้ซานไห่ไม่สามารถสงบได้
ซีที่อยู่ข้างๆ เองก็อึ้งงัน ดวงตากระจ่างจับจ้องหลินสวิน เหมือนได้รู้จักหลินสวินใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ครู่ใหญ่นางถึงสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วกล่าวว่า “แม้เจ้าก้าวสู่มรรคานิรันดร์แล้วก็ไม่ได้ ที่นี่คือน่านฟ้าที่เก้า คือพื้นที่ของเผ่าเทพนิรันดร์ อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้มีผู้ช่วยระดับนิรันดร์มาอีกกี่คนก็ไม่สามารถแทรกแซงเรื่องระหว่างตระกูลจี้และตระกูลไท่เฮ่าได้”
สุดท้ายหลินสวินก็ทนไม่ไหวเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส สำหรับข้า อย่าว่าแต่ตระกูลจี้ในวันนี้ ต่อให้เป็นเผ่าเทพนิรันดร์อื่นๆ ก็ไม่อยู่ในสายตาข้า”
เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงคิดว่าหลินสวินอวดดีนานแล้ว
แน่นอน ซีและจี้ซานไห่ในตอนนี้แม้รู้ดีว่าหลินสวินไม่ใช่คนที่คุยโวเกินจริง แต่ได้ยินคำพูดนี้ก็ยังคงรู้สึกขำขึ้นมา
หลังจากเจ้าหมอนี่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์ ถึงขั้นไม่เห็นเผ่าเทพนิรันดร์ในสายตาแล้วหรือ
ดูท่าเขาจะยังไม่รู้ว่ารากฐานของเผ่าเทพนิรันดร์แข็งแกร่งแค่ไหน
ก็ตอนนี้เองเสียงหนึ่งดังขึ้นนอกเรือน
“ใครมาเอะอะอยู่ที่นี่ ไม่กลัวลิ้นขาดหรือ”
ประตูเรือนถูกผลักออก คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา ผู้นำคือชายวัยกลางคนชุดดำคนหนึ่ง คาดเข็มขัดหยกขาว เงาร่างผ่าเผย ก้าวย่างงามสง่าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
ด้านหลังเขาคือชายหญิงกลุ่มหนึ่ง
ผู้พูดคือหญิงสาวที่รูปลักษณ์งดงามคนหนึ่งในนั้น รูปร่างเย้ายวน สัดส่วนได้รูป แต่สีหน้ากลับเย่อหยิ่งอย่างที่สุด
ซีกับจี้ซานไห่ลุกขึ้นคารวะ “ท่านอารอง”
พร้อมกันนั้นเสียงสื่อจิตของจี้ซานไห่ก็ดังขึ้นข้างหูหลินสวิน ‘นี่คือจี้โม่เหลยอาของข้า คนพวกนั้นล้วนเป็นลูกของท่านอา’
หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ทั้งคร้านจะสนใจความสัมพันธ์พวกนี้
ทั้งตระกูลจี้เขาสนใจแค่ซีและจี้ซานไห่ คนอื่นๆ ชื่ออะไร ฐานะและตำแหน่งเป็นอย่างไร เขาคร้านจะสนใจจริงๆ
แต่เห็นชัดมากว่าหลินสวินในตอนนี้กลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนแล้ว
พวกจี้โม่เหลยเพิ่งเข้ามาก็เห็นคนแปลกหน้าอย่างเขา
หญิงสาวงดงามที่เอ่ยปากก่อนหน้านี้จ้องหลินสวินด้วยดวงตาที่คมกริบราวกับดาบ “เจ้าเป็นใคร เข้ามาได้อย่างไร ไม่รู้หรือว่าที่นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามของตระกูลข้า”
“จี้เฉี่ยว เจ้าพูดอะไรน่ะ เขาเป็นสหายของข้า ครั้งนี้ก็มาร่วมงานแต่งของพี่สาวข้า” จี้ซานไห่เอ่ยอย่างไม่อภิรมย์
หญิงงามที่ถูกเรียกว่าจี้เฉี่ยวแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ “พี่ซานไห่ ที่นี่คือเรือนส่วนตัวของพี่ซี ก่อนที่นางจะออกเรือนให้ผู้ชายคนอื่นเข้ามาได้อย่างไร หากลือออกไปจนตระกูลไท่เฮ่ารู้เข้า ผลลัพธ์นั่นเจ้ารับไหวหรือ”
“เจ้า…”
จี้ซานไห่หงุดหงิดแล้ว เพิ่งหมายจะพูดอะไรก็ถูกซีขวางเอาไว้ เอ่ยว่า “พอแล้ว ครอบครัวเดียวกันอย่าได้ทะเลาะกัน”
พูดจบนางมองไปทางจี้โม่เหลยแล้วกล่าวว่า “ท่านอารองมาที่นี่มีเรื่องอะไรหรือ”
สายตาของจี้โม่เหลยสังเกตหลินสวินอยู่ตลอด ได้ยินเช่นนี้ก็เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “ซานไห่ เชิญสหายของเจ้าคนนี้ออกไปก่อน”
จี้ซานไห่อดมองซีไม่ได้ ซีพยักหน้าน้อยๆ
ทว่าหลินสวินกลับเอ่ยขึ้นมากะทันหันว่า “แม่นางซานไห่ ที่ผ่านมาพวกเจ้าพี่น้องเคยถูกคนพวกนี้เอาเปรียบหรือไม่”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างหันมอง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ดวงตาจี้เฉี่ยวเย็นเยียบขึ้นมาทันที ข่มขู่บีบคั้น “พี่ซานไห่ ก่อนหน้านี้สหายของเจ้าคุยโวว่าไม่เห็นเผ่าเทพนิรันดร์ในสายตา ตอนนี้เหมือนคิดจะก่อเรื่องที่นี่ กำเริบเสิบสานและอวดดีเกินไปหรือไม่”
ชายหญิงคนอื่นๆ สายตาเย็นเยียบเช่นกัน
ที่นี่คือตระกูลจี้!
คืออาณาเขตของพวกเขา!
คนแปลกหน้าไม่รู้ที่มาคนหนึ่งกลับอวดดีที่นี่ รนหาที่ตายชัดๆ!
แม้แต่จี้โม่เหลยยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ เอ่ยว่า “พรุ่งนี้เป็นวันมงคลของซีเอ๋อร์ ข้าเองก็ไม่อยากมากความ ซานไห่ หากไม่อยากให้สหายคนนี้ของเจ้าประสบเคราะห์ เจ้าพาเขาจากไปตอนนี้จะดีที่สุด จำไว้ว่าข้าไม่อยากเห็นเขาปรากฏตัวอีก”
ในสายตาเต็มไปด้วยความเฉยชาและเย็นเยียบ รวมถึงความดูถูกยิ่งยวด
คนหนุ่มที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนคนหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ซีและจี้ซานไห่ เขาก็คร้านจะพูดแม้แต่คำเดียว คงให้ผู้ติดตามสังหารอีกฝ่ายโดยตรงไปแล้ว
จี้ซานไห่รีบเอ่ยกับหลินสวินว่า “พวกเราไปจากที่นี่ก่อน”
กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้ากล่าว “จะจากไปย่อมได้ แต่ระบายแค้นให้พวกเจ้าก่อนค่อยพาพวกเจ้าจากไปด้วยกัน”
“อะไรนะ”
ได้ยินคำพูดนี้ของหลินสวิน เสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง จี้เฉี่ยวยิ่งพูดด้วยสีหน้าดูถูกเต็มประดา “ตามคาด เป็นคนไม่รู้ดีชั่วคนหนึ่ง พี่ซานเหอ เจ้าไปผูกมิตรคนเช่นนี้มาจากไหน ช่าง…”
นางยังจะพูดอีก ทว่า… เพียะ!
ฝ่ามือไร้รูปสะบัดใส่แก้มงามของนาง ทั้งร่างทรุดลงพื้น จมูกปากกบเลือด เผ้าผมยุ่งเหยิง ดูน่าอนาถนัก
“ปากร้ายเกินไปมักประสบเคราะห์ นี่เรียกว่าภัยออกจากปาก” หลินสวินพูดเสียงเบา
เขา… เขาถึงกับกล้าทำร้ายคน!?
ชายหญิงเหล่านั้นต่างอึ้งงัน คิดจนหัวแตกก็ไม่กล้าเชื่อ ว่าถึงกับมีคนกล้าตบหน้าคนตระกูลพวกเขาต่อหน้าทุกคนในอาณาเขตตระกูลจี้ของพวกเขา
นี่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสมบูรณ์ เคยเจอคนที่รนหาที่ตาย แต่ไม่เคยเจอคนที่รนหาที่ตายขนาดนี้!
จี้โม่เหลยเดือดดาลไม่อาจควบคุม สีหน้าอึมครึม
จี้ซานไห่ลอบคิดว่าแย่แล้ว แม้แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินบอกว่าจะลงมือก็ลงมือเลย แม้แต่สัญญาณเตือนก็ไม่มี
นางเพิ่งหมายจะส่งเสียงห้าม จี้โม่เหลยก็เอ่ยอย่างเย็นเยียบแล้ว “ใครก็อย่างขวาง วันนี้เจ้าหมอนี่ไม่ตาย ตระกูลจี้ของข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน”
ขณะกล่าวเขาพลันก้าวเข้าไป ฝ่ามือกดไปทางศีรษะของหลินสวิน
ครืน!
พลังขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ทั้งร่างแผ่ออกมาพร้อมฝ่ามือนี้ แข็งกร้าวหาใดเปรียบ
กลับเห็นหลินสวินยืนนิ่งไม่ขยับ ส่วนฝ่ามือนี้ก็หยุดชะงักอยู่ในระยะหนึ่งฉื่อเบื้องหน้าเขา ไม่ว่าจี้โม่เหลยจะออกแรงอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้แต่ชุ่นเดียว
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที
ปัง!
ครู่ต่อมาอานุภาพกดข่มน่ากลัวแผ่พุ่งออกมา ภาพตรงหน้าจี้โม่เหลยมืดมิด คุกเข่าลงพื้นโดยตรง ทั้งร่างราวกับถูกผนึก หัวยังเงยไม่ขึ้น
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่ได้ลงมือเลย
เห็นภาพนี้ชายหญิงคนอื่นๆ ต่างอึ้งค้าง ตกใจจนหนังหัวชาวาบไม่กล้าเชื่อ
เจ้าคนไม่รู้ที่มาผู้หนึ่ง ไม่เพียงทำร้ายคนในอาณาเขตของพวกเขา แม้แต่บิดาของพวกเขาก็ถูกกำราบจนคุกเข่ากับพื้น นี่เป็นความอับอายครั้งใหญ่เพียงใด!
“เจ้า… เจ้า”
ชายหนุ่มในชุดหรูคนหนึ่งชี้หน้าหลินสวิน แต่กลับขลาดกลัวจนพูดไม่ออก
“ขี้ขลาด”
ริมฝีปากหลินสวินพ่นคำสองคำออกมา เต็มไปด้วยความดูถูก
พร้อมกับเสียงนี้ชายหญิงเหล่านั้นต่างคุกเข่าลงพื้นพร้อมกันเรียงเป็นแถว
ภาพเหล่านี้ทำเอาซีและจี้ซานไห่ตะลึงอย่างควบคุมไม่อยู่
แม้แต่พวกนางก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะลงมืออย่างเด็ดขาดเช่นนี้ ช่าง… ช่างทำให้พวกนางยังรู้สึกตั้งตัวไม่ติด
ตอนที่จะห้ามก็สายไปแล้ว
“ใครก็ได้ ใครก็ได้มานี่เร็ว! มีคนจะก่อเรื่องในตระกูลจี้ของพวกเรา!”
จี้เฉี่ยวที่คุกเข่าอยู่บนพื้นร้องเสียงแหลม
หลินสวินยิ้มออกมา “เรือนแห่งนี้ถูกพลังของข้าปกคลุมนานแล้ว เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีประโยชน์”
ประโยคเดียวทำให้เสียงของจี้เฉี่ยวหยุดชะงักไป นางกล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าเป็นใครกันแน่ มาทำอะไรที่ตระกูลจี้ของข้า พี่ซานไห่ เขาเป็นสหายของเจ้า หรือว่าเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับคนนอก คิดจะทำเรื่องไม่ดีต่อพวกเรา เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่เป็นโทษทรยศตระกูล”
ผู้หญิงคนนี้โวยวายเกินไปแล้วจริงๆ หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง นางพลันตาเหลือกหมดสติไปโดยตรง
ทันใดนั้นในเรือนเงียบลงไม่น้อย
“หลินสวิน ครั้งนี้เจ้าก่อเรื่องใหญ่แล้ว”
ซีถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง หว่างคิ้วแฝงความกังวล
ตอนนี้ในใจนางสับสน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี เรื่องเกิดขึ้นแล้ว อยากแก้ไขก็ไม่ได้แล้ว
แม้ตอนนี้นางสามารถช่วยหลินสวินได้ แต่ในน่านฟ้าที่เก้าแห่งนี้ ด้วยพลังของตระกูลจี้มีหรือจะปล่อยให้หลินสวินรอดชีวิตจากไปได้
หลินสวินเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ผู้อาวุโส ท่านวางใจเถอะ ท่านเพียงบอกข้ามาว่าที่ผ่านมามีใครเคยรังแกท่านบ้าง เรื่องอื่นๆ ข้าจัดการเอง”
เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง ประกายเย็นเยียบวาบผ่านในดวงตาดำของเขา เอ่ยว่า “แน่นอนว่าหากท่านลำบากใจที่จะพูดก็ไม่เป็นไร ข้าค้นวิญญาณของคนพวกนี้ทั้งหมดก็สามารถรู้ได้ว่าหลายปีนี้ท่านถูกใครเอาเปรียบบ้าง!”
คำพูดนี้ทำเอาซีอึ้งงันไปแล้ว
ไม่เจอกันหลายปี เจ้าหมอนี่เปลี่ยนเป็นเผด็จการขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…