Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3048 กวาดเรียบในคราเดียว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3048 กวาดเรียบในคราเดียว
กลางฟ้าดิน กระแสพลังปานทำลายล้างนั่นยังคงดังก้องอยู่
แต่ทุกคนในที่นั้นล้วนเงียบกริบ
จี้ป๋อเหวินกับขั้นล่วงกฎอีกแปดคนล้วนราวกับถูกฟ้าผ่า มึนงงโดยสิ้นเชิง
จี้เฉาอิน!
ขั้นสรรสร้างขั้นปลายที่ชื่อเสียงสะเทือนแหล่งสถานศุภโชค เฒ่าดึกดำบรรพ์เพียงคนเดียวของตระกูลจี้ที่มีปราณทะลวงถึงขั้นสรรสร้างขั้นปลาย แต่กลับดับสิ้นกลายเป็นเถ้าถ่าน!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา
เดิมทีพวกเขาคิดว่าภายใต้สถานการณ์ที่ใช้อภินิหารต้องห้ามไร้เทียมทานอย่างยอดกระบี่เฟิ่งฉี ล้วนสามารถสังหารขั้นสรรสร้างได้อย่างง่ายดาย การจะสังหารขั้นล่วงกฎอย่างหลินสวินยิ่งง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือไม่ใช่หรือ
แต่ความจริงกลับตบหน้าพวกเขาอย่างรุนแรง
การปรากฏตัวของซย่าจื้อ เพียงการโจมตีเดียวก็ทำลายยอดกระบี่เฟิ่งฉีพินาศ สังหารขั้นสรรสร้างขั้นปลายอย่างจี้เฉาอินจนกลายเป็นฝุ่นผง!!
ทั้งหมดนี้ทำให้พวกจี้ป๋อเหวินหวาดกลัวไร้ใดเปรียบ สะพรึงกลัวถึงขีดสุด
“พิบัติโลกีย์…”
หลินสวินยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้
อภินิหารต้องห้ามที่ผสานมหามรรคไร้เทียมทานสองชนิดอย่างกาลเวลาและกฎกรรมน่ากลัวเกินไปจริงๆ ทำให้เขาเองยังหวาดหวั่น
“หลินสวิน หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว” ซย่าจื้อผินหน้า ดวงตากระจ่างมองหลินสวิน จากนั้นจู่ๆ ร่างสูงเพรียวนั้นล้มลงมาช้าๆ
หลินสวินกอดซย่าจื้อเอาไว้ในอก ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว จนกระทั่งมั่นใจว่าซย่าจื้อเพียงแค่ใช้พลังทั้งหมดไปจึงหลับใหลไป เขาถึงได้โล่งอก
การสำแดงอภินิหารพิบัติโลกีย์ ทำให้ซย่าจื้อใช้พลังทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย ส่งผลให้หลับไปโดยตรง
เมื่อจัดการให้ซย่าจื้ออยู่ในเรือนิรันดร์อย่างระมัดระวังแล้ว สายตาของหลินสวินมองไปยังพวกจี้ป๋อเหวินที่อยู่ห่างออกไป
ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดอย่างจี้เฉาอินถูกซย่าจื้อกำจัดไปแล้ว พวกจี้ป๋อเหวินที่เหลืออยู่แม้จำนวนคนจะมาก แต่ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ให้พูดถึงแล้ว
“หย่งชิง พวกเจ้าจากไปก่อน ไปพาคนในตระกูลจากไป ข้ากับคนอื่นๆ จะยื้อหลินสวินไว้”
จี้ป๋อเหวินออกคำสั่งเสียงขรึม สีหน้าเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
ค่ำคืนนี้เดิมทีพวกเขามาเพื่อช่วงชิงพลังพรสวรรค์ของหลินฝานและซูไป๋ แต่ใครจะคิดว่าการปรากฏตัวกะทันหันของหลินสวินจะทำให้สถานการณ์พัฒนามาถึงขั้นนี้
เริ่มจากขั้นล่วงกฎสองคนอย่างจี้ฉางอวิ๋นกับจี้ฉางซาน และคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ถูกสังหารเกลี้ยง
จากนั้นขั้นสรรสร้างสามคนอย่างจี้กุยหลิง จี้ไห่เหวิน จี้เฉาอินล้วนร่วงหล่นทั้งหมด!
ทำให้ถึงตอนนี้จี้ป๋อเหวินตระหนักได้แล้วว่า อย่าว่าแต่เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตระกูล ตอนนี้ถึงขั้นที่ตระกูลจี้ของพวกเขาอาจต้องพบเจอความพินาศในคืนนี้
ทั้งหมดนี้เป็นแรงโจมตีใหญ่ยิ่งเกินไป แม้คนใหญคนโตที่มากประสบการณ์อย่างจี้ป๋อเหวิน ในใจยังอดเกิดความสิ้นหวังไม่ได้
“ผู้นำตระกูล…” จี้หย่งชิงขอบตาแดงก่ำ สีหน้าเศร้ารันทด
“เร็ว!”
จี้ป๋อเหวินตะโกน
“ที่นี่คืออาณาเขตของพวกเจ้าตระกูลจี้ ยังจะหนีไปไหนได้”
ไกลออกไปหลินสวินพูดอย่างเย็นเยียบ
วู้ม!
พริบตานี้หลินสวินสำแดงประทับผนึกเวลาออกมา แสงแห่งกาลเวลาที่ราวกับภาพฝันตัดสลับ กลายเป็นผนึกปิดฟ้าคลุมตะวัน ปกคลุมในฟ้าดินผืนนี้
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินสวินสำแดงอภินิหารประทับผนึกเวลาตั้งแต่ก้าวสู่มรรคานิรันดร์ และแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ผนึกที่ก่อตัวจากประทับผนึกเวลาประหนึ่งม่านฟ้าผืนหนึ่ง เข้าปกคลุมสิบทิศ!
เมื่อเทียบกับพลังประทับผนึกเวลาที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์วางไว้นอกแดนผนึกเรืองแสงในตอนนั้น ยังคงด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็แย่กว่าไม่เท่าไร
“ประทับผนึกเวลา อภินิหารต้องห้ามไร้เทียมทานของจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์…”
จี้ป๋อเหวินจำได้ทันที หัวใจหล่นวูบ
ผู้แข็งแกร่งระดับนิรันดร์คนอื่นๆ ของตระกูลจี้สีหน้าก็ไม่น่ามองอย่างที่สุด
เมื่อนานมาแล้วจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ท่องยุคทวยเทพ ตัวคนเดียวเท่านั้นกลับกวาดล้างไร้ศัตรู กดข่มผู้กล้าทั่วหล้า ทำให้ระดับนิรันดร์ยังทำได้เพียงก้มหัว!
จนกระทั่งภายหลังจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์เผชิญเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่หลังจากนางหนีเข้าไปในแดนผนึกเรืองแสง ในแหล่งสถานศุภโชคอันกว้างใหญ่นี้กลับไม่มีใครสามารถบุกเข้าแดนผนึกเรืองแสงได้
เหตุผลก็เพราะประทับผนึกเวลาที่ปกคลุมอยู่นอกแดนผนึกเรืองแสง
และตอนนี้อภินิหารต้องห้ามเช่นนี้ถูกหลินสวินสำแดงออกมา ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้…
นี่เท่ากับกักขังพวกเขาตระกูลจี้ทั้งหมดในอาณาเขตของตระกูลจี้เอง ราวกับสัตว์ในกรงก็ไม่ปาน!
“ตอนนี้ควรต้องจัดการบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราอย่างสิ้นเชิงแล้ว” หลินสวินกลืนโอสถเทพที่มหัศจรรย์ยิ่งเม็ดหนึ่ง พลังกายที่เดิมสูญเสียไปมากก็ฟื้นคืนในชั่วพริบตา
หลังจากกวาดล้างเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลในน่านฟ้าที่เก้า หลินสวินได้โอสถเทพชั้นเลิศเช่นนี้มาไม่น้อย
“ทุกคนเข้าสู้กับเขา…!”
จี้ป๋อเหวินส่งเสียงตะโกน ภายใต้แรงกระตุ้นของการจนหนทางเช่นนี้กลับปลุกเร้าจิตต่อสู้ของพวกเขา แต่ละคนล้วนมีความคิดจะสู้สุดชีวิต
“ฆ่า!”
คนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ตะโกนลั่น ล้วนลงมืออย่างไม่ลังเล ต่างเรียกศาสตรามรรคนิรันดร์ออกมา สำแดงอภินิหารแกร่งกร้าวโจมตีไปทางหลินสวิน
อานุภาพน่าตระหนกแผ่ไพศาล แสงมรรคนิรันดร์พลุ่งพล่านเหิมหาญ ทว่ากลับสลายพลังของประทับผนึกเวลาไม่ได้
แต่ตอนนี้ไม่มีคนสนใจเรื่องพวกนี้
พวกเขาราวกับบ้าคลั่ง แต่ละคนพุ่งปะทะโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎเก้าคน ภาพเช่นนั้นต้องน่ากลัวเพียงใด
ก็เห็น…
บางคนราวกับเทพในกองเพลิง ควบคุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผลาญฟ้าดิน บางคนมือกุมทวนใหญ่ ทั้งร่างสวมเกราะ ประหนึ่งเทพสงครามมาเยือน บางคนยามหายใจลมกรรโชกเมฆพลุ่งพล่าน ฟ้าร้องฟ้าผ่า ปลดปล่อยอภินิหารชั้นเลิศที่สามารถทำลายล้างโลกออกมามากมาย บางคน…
การโจมตีที่เกรียงไกรน่ากลัวมากมายล้วนปกคลุมมาทางหลินสวินคนเดียว เพียงแค่ภาพทำลายล้างนั่นก็ทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังแล้ว
“มดเขย่าต้นไม้!”
ในดวงตาดำลึกล้ำของหลินสวินเผยแววดูถูกเย็นเยียบ
ครู่ต่อมาเขาก้าวออกไปก้าวหนึ่ง สี่กายมรรคล้อมพิทักษ์ร่างต้น ต่างกระตุ้นศาสตรามรรคในมือ ราวกับประกายคมเย้ยฟ้าที่พร่างพราวไร้ใดเปรียบแทงทะลวงในกระแสพลังไพศาลนั่นอย่างรุนแรง
ตูม โครม…
สามารถมองเห็นได้ทันทีว่ากระแสพลังที่รวมจากอภินิหารและศาสตรามรรคมากมายถูกแหวกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่สายหนึ่ง
อภินิหารไม่รู้เท่าไรสลายไปราวกับฟองอากาศ
ศาสตรามรรคนิรันดร์ไม่รู้กี่ชิ้นระเบิดแหลกภายใต้การปะทะสะเทือนฟ้าดินนี้
ชั่วพริบตาเท่านั้น…
การจู่โจมของพวกจี้ป๋อเหวินถูกทำลายไม่อาจต้านทาน ส่วนร่างต้นและร่างแยกของหลินสวินล้วนโจมตีเข้าประชิดมาแล้ว!
เร็วเกินไป และเผด็จเกินไป ไม่ต่างอะไรกับการบดขยี้โดยตรง
“แย่แล้ว!”
“หลบเร็ว!”
เสียงร้องตกใจดังขึ้น พวกจี้ป๋อเหวินล้วนหน้าเปลี่ยนสี
แต่เห็นชัดว่าช้าไปก้าวหนึ่ง ก็เห็นร่างต้นและสี่กายมรรคของหลินสวินแยกตัวกัน ต่างเข้าโจมตีคู่ต่อสู้แต่ละคนอย่างเหี้ยมหาญ
ปัง!
ยามเฒ่าชราผมเทาคนหนึ่งกำลังหนี เงาร่างพลันถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกระแทกใส่โดยตรง ทั้งร่างเหมือนฟางข้าวที่ถูกภูเขาใหญ่ทับไว้ ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงดิ้นรน
และในทิศทางอื่นๆ ร่างแยกทั้งสี่อย่างไม้เขียว เพลิงแดง ทองขาว ดินเหลืองก็สำแดงท่าทางไร้เทียมทานที่บดขยี้เด็ดขาด กำราบศัตรูทั้งหมด
ภาพเช่นนี้ไม่ต่างเสือในฝูงแพะ!
ขั้นล่วงกฎแล้วอย่างไร
แม้แต่ขั้นสรรสร้างขั้นต้น ขั้นกลาง ยังถูกหลินสวินสังหารได้ นับประสาอะไรกับคนระดับขั้นเดียวกันเหล่านี้
ในสายตาหลินสวินตอนนี้ คู่ต่อสู้เหล่านี้อาจจะก้าวสู่มรรคานิรันดร์แล้ว พลังที่ครอบครองสามารถทำให้ทุกคนบนโลกแหงนมองได้
ทว่าสำหรับเขาก็ไม่ต่างอะไรกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา!
ชั่วพริบตาเท่านั้นก็มีห้าคนถูกกำราบ
ภาพนี้ทำให้พวกจี้ป๋อเหวินที่เดิมทีตัดสินใจสู้สุดชีวิตรู้สึกพังทลายขึ้นมา
นี่ยังจะสู้อย่างไร
ด้วยพลังที่พวกเขาครอบครอง ไม่เพียงพอเลยจริงๆ!
หากเป็นเมื่อก่อนพวกเขาคงยังมีใจหมายจะตายไปพร้อมศัตรู ทว่าตอนนี้หลังจากเห็นภาพเช่นนี้ แม้แต่ใจที่จะสู้สุดชีวิตยังสั่นคลอนขึ้นมา…
และหลินสวินไม่ได้ชักช้า ร่างต้นและร่างแยกของเขาพุ่งออกไป เพียงไม่กี่อึดใจก็กำราบพวกจี้ป๋อเหวินที่เหลืออยู่เพียงสี่คนทั้งหมดแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้ตั้งแต่เริ่มจนจบก็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!
และตั้งแต่ต้นจนจบ หลินสวินเผยท่าทีบุกทะลวงเหมือนผ่าลำไผ่ กวาดล้างไร้ศัตรู ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของเขาได้
“เป็นไปได้อย่างไร… เป็นไปได้อย่างไร…”
จี้ป๋อเหวินที่ถูกกำราบคุกเข่าลงพื้นจิตใจเหม่อลอย ใบหน้าซีดเซียว
ทุกสิ่งที่ประสบในคืนนี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไป ทำให้ตอนนี้เขารู้สึกชาวาบ หัวสมองว่างเปล่า อึ้งงันทำอะไรไม่ถูก
“บนโลกนี้ไม่มีเรื่องดีที่สามารถทำได้โดยเสียค่าตอบแทน คิดว่าลงมือแทนผู้บงการหลังม่านของเคราะห์แห่งยุคสมัย แล้วจะสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตระกูลเจ้าได้จริงๆ หรือ”
แววตาของหลินสวินเย็นเยียบ มองจี้ป๋อเหวินอย่างดูถูก ไม่ปกปิดแววเสียดสีสักนิด “ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้วว่าเพราะพวกเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ให้ผู้บงการหลังม่านนั่น ทำให้ทั้งตระกูลจี้ของพวกเจ้าถูกลบชื่อออกจากโลก นี่… ก็คือสิ่งที่ต้องแลก!”
“ไม่ ไม่มีทาง! ตระกูลจี้ของข้าผ่านเคราะห์แห่งยุคสมัยยังไม่ล่มสลาย คงอยู่ตั้งแต่หมื่นกาลจนถึงปัจจุบัน จะถูกทพลายได้อย่างไร ไม่มีทาง ไม่มีทาง…!”
จี้ป๋อเหวินคำราม ราวกับบ้าคลั่งอย่างไรอย่างนั้น
“ไม่เพียงตระกูลจี้ของพวกเจ้า ตระกูลเกา ตระกูลเจียงก็หนีไม่พ้น”
พูดพลางหลินสวินคว้าตัวคนใหญ่คนโตตระกูลจี้อย่างพวกจี้ป๋อเหวินที่ถูกกำราบ แล้วยัดเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ถึงตอนนี้ผู้ที่ก้าวสู่ระดับนิรันดร์ทั้งตระกูลจี้ถูกจับทั้งหมดแล้ว!
แต่หลินสวินกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เขาสะบัดแขนเสื้อ เงาร่างของหลินฝานและซูไป๋ปรากฏกลางอากาศ
บาดแผลบนร่างของทั้งคู่สมานแล้ว แต่หลินสวินกังวลว่าพลังพรสวรรค์ของพวกเขาจะถูกทำลาย นี่ต่างหากที่หลินสวินใส่ใจที่สุด
“พวกเจ้ายืนเฉยๆ อย่าขยับ”
ยังไม่รอหลินฝานและซูไป๋ตอบสนอง จิตรับรู้ของหลินสวินก็แทรกเข้าไปภายในร่างกายทั้งคู่แล้ว เริ่มสัมผัสและตรวจสอบอย่างละเอียด
หลินฝานและซูไป๋สบตากัน สายตาอดพินิจรอบๆ ไม่ได้
ก็เห็นว่ากลางฟ้าดินกลิ่นอายทำลายล้างยังคงแผ่กระจาย เต็มไปด้วยภาพโรยรา ล่มสลาย คาวเลือดและกลิ่นอายเข่นฆ่าที่รุนแรงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ ทำให้คนหนุ่มที่ยังก้าวสู่มรรคาอมตะอย่างพวกเขาหนาวเยือกไปทั้งตัว
“ท่านพ่อ พวกเขา… ตายหมดแล้วหรือ” หลินฝานอดถามไม่ได้
ซูไป๋เองก็เคลื่อนสายตามองอาจารย์เช่นกัน
หลังจากเขาแยกกับหลินสวินในเมืองจรดฟ้าของแดนใหญ่พันศึก นี่เป็นครั้งแรกที่เจออีกฝ่าย ในใจทั้งตื่นเต้นและละอาย
ว่ากันถึงที่สุดตนยังอ่อนแอเกินไป ทำให้ถูกศัตรูจับเป็นตัวประกัน นำพาภัยร้ายมาให้อาจารย์
“อืม ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวจะพาพวกเจ้าจากไป”
หลินสวินตอบลอยๆ ยังคงตรวจสอบและสัมผัสพลังพรสวรรค์ของหลินฝานและซูไป๋อย่างจดจ่อ ไม่กล้าประมาทสักนิด
ส่วนศัตรูแข็งแกร่งที่ไม่อาจจินตนาการได้เหล่านั้น ถึงกับตายหมดแล้ว!
ในใจหลินฝานและซูไป๋เกิดความตะลึงและตื่นเต้นที่พูดไม่ออก รู้สึกว่าทุกสิ่งที่ประสบวันนี้เหมือนฝันอย่างไรอย่างนั้น