Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3059 เพลี่ยงพล้ำ
“สมัยก่อนก็มีคนนอกรีตที่คิดเอาเองว่าก้าวสู่หนทางเย้ยฟ้าแล้วอย่างเจ้า ไม่รู้จักยำเกรง ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ คิดว่ามรรคาที่ตนแสวงหาทำลายและเปลี่ยนแปลงได้ทุกอย่าง แต่ในสายตาพวกเราแล้วก็แค่หนอนน่าสมเพชที่โง่เขลาตัวหนึ่งเท่านั้น”
ในแววตาเฉยชาของเงาร่างสีทองเจือความเยียบเย็น “หากข้าต้องการ เพียงหนึ่งห้วงคิดก็สามารถทำให้มหาสมุทรพลิกตลบ แผ่นดินทรุดทลาย ภูผาธาราแปรเปลี่ยน ทั่วฟ้าดารากลายเป็นพื้นที่ไหม้เกรียมได้ หากเจ้าคุกเข่ายอมจำนน ภายหน้าก็ครอบครองพลังเหมือนข้าได้เช่นกัน ไม่ต้องกลัวเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ สามารถอยู่เหนือระดับนิรันดร์ทั่วหล้า!”
กล่าวถึงตอนท้ายเสียงเขาเจือความหยิ่งทะนง รวมถึงการหว่านล้อมหาใดเปรียบ
เวลานี้หากเปลี่ยนเป็นพวกที่ติดอยู่ในแหล่งสถานศุภโชคมานานอย่างเกาหยางไหว เจียงเถา ไม่แน่ว่าคงใจสั่นกันหมดแล้ว
ถึงอย่างไรสำหรับพวกเขา เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็เหมือนเงามืดแห่งความตายที่ช่วงชิงชีวิตพวกเขาไปได้ตลอดเวลา ใครไม่อยากหลุดพ้นจากมันบ้างเล่า
แต่หลินสวินกลับยิ้มหยัน “ทูตชะตาสวรรค์อะไร ดูแล้วก็เหมือนทำให้คนเป็นสุนัขรับใช้จนเคยชิน ถ้าให้ข้าเดา ปีนั้นเจ้าก็ใช้วิธีคุกเข่าและยอมจำนนถึงแลกสิทธิ์การเป็นสุนัขรับใช้มาได้ใช่หรือไม่”
“เจ้า…”
เงาร่างสีทองเดือดดาล กลิ่นอายทั่วร่างพลิกตลบ ดวงตาสีเงินคู่นั้นฉายประกายคมสองสาย ราวกับกระบี่สวรรค์สองเล่มแหวกผ่านอากาศ
“ดูท่าว่าข้าคงเดาถูก ถึงได้อับอายจนกลายเป็นโกรธเช่นนี้”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา เขาถึงขั้นสงสัยว่าเดิมเงาร่างสีทองตรงหน้าก็คงเป็นระดับนิรันดร์ในยุคหนึ่ง สาเหตุที่กลายเป็น ‘ทูตชะตาสวรรค์’ ขายชีวิตแก่ผู้บงการหลังม่านนั่นก็แค่เข่าอ่อนเกินไป แบกรับความล่อใจของการเป็นสุนัขให้คนอื่นไม่อยู่
“ฝีปากคมนัก ไม่รู้ดีชั่ว ปล่อยเจ้าไว้ไม่ได้!”
เงาร่างสีทองถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์ ยื่นมือออกมาทันใด
ชิ้ง!
ทวนศึกที่ควบรวมจากแสงเคราะห์เล่มหนึ่งตกสู่มือเขา
“ตาย!”
เงาร่างสีทองโบกสะบัดทวนแสงเคราะห์พุ่งโจมตีหลินสวิน พริบตานั้นราวกับดวงตะวันทลายฟ้ามลายดินเคลื่อนขวาง ปลดปล่อยอานุภาพไม่อาจจินตนาการออกมา
“แย่แล้ว!”
พวกอู๋ยางรู้สึกปวดตาและใจสั่น การโจมตีนี้น่ากลัวเกินไป กำจัดขั้นสรรสร้างได้โดยง่าย ขั้นล่วงกฎอย่างพวกเขาแค่มองไกลๆ จิตใจยังถูกโจมตีอย่างน่าหวาดกลัว
เคร้ง!
กลางอากาศปรากฏละอองแสงลึกลับนับหมื่นแสน เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทะยานขึ้นฟ้า ขวางการโจมตีของทวนแสงเคราะห์นั่น
เงาร่างของหลินสวินพลันไหวเอน ถูกกระเทือนจนเกือบถอยหลังออกไป
นี่ทำให้นัยน์ตาเขาหดรัด แต่ในใจไม่ตระหนกกลับยินดี
ยามลงมือจริงๆ แม้ว่าพลังของฝ่ายตรงข้ามจะเหนือกว่าขั้นสรรสร้างอย่างเกาหยางไหว แต่ใช่ว่าไม่อาจต่อกร!
ทั้งทวนศึกซึ่งควบรวมจากพลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่อีกฝ่ายใช้ ก็ไม่เหมือนสิ่งต้องห้ามและน่ากลัวอย่างที่หลินสวินคาดคิด
อย่างน้อยเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ประทับกฎระเบียบนิพพานก็พอต้านทานได้
“ตาย!”
เงาร่างสีทองพุ่งเข้ามาอีกครั้ง เวลานี้แสงเคราะห์ทั่วร่างเขาม้วนซัด ประกายทองเจิดจรัส อานุภาพน่ากลัวโหมกระหน่ำไม่หยุด เคลื่อนขวางท้องนภา ทวนแสงเคราะห์เล่มหนึ่งวาดกวาด ปั่นป่วนฟ้าดาราใกล้เคียงจนแหลกละเอียด แข็งแกร่งจนน่ากลัว
พวกอู๋ยางต่างตื่นตระหนก
รู้สึกว่าภายใต้การโจมตีนี้ แม้พวกเขาสิบคนไปขวางก็คงถูกฉีกเป็นจุณ ในใจหลายคนเครียดขมึง เวลานี้แม้พวกเขามั่นใจในตัวหลินสวินแค่ไหน ก็ได้แต่หวังว่าถ้าเขาเห็นท่าไม่ดีแล้วจะหนีกลับเมืองเทพศุภโชค
แต่เหนือความคาดหมายของทุกคน
ตึง!!
การโจมตีดุดันหาใดเปรียบของเงาร่างสีทองถูกหลินสวินต้านได้อีกครั้ง พลังน่ากลัวแผ่กระจายระหว่างทั้งคู่ดังสนั่น ฟ้าดาราแถบนี้แบกรับไม่อยู่อีก พังทลายอลหม่าน ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพมลายล้าง
“นี่…”
พวกอู๋ยางพลันตาลาย
ความแข็งแกร่งด้านพลังของหลินสวินทำลายความเข้าใจของพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เหมือนยามนี้ การโจมตีของเงาร่างสีทองนั้นทำให้ผู้คนสิ้นหวังเพียงใด แต่ยังถูกหลินสวินต้านทานไว้ นี่ไม่ได้หมายความว่าเงาร่างสีทองที่เรียกตัวเองว่า ‘ทูตชะตาสวรรค์’ ก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้หรอกหรือ
เงาร่างสีทองนั้นรับรู้ถึงความผิดปกติ สีหน้าอึมครึมลงทันที
“ตาย!”
เขาส่งเสียงตะโกน
แสงเคราะห์รอบกายมากมายซัดโหม ปล่อยออกมาอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นกระแสด่านเคราะห์เชี่ยวกรากล้นฟ้า แม้แต่ทวนศึกของเขายังมีแสงเคราะห์นับไม่ถ้วนลุกโชนโหมกระหน่ำ ขณะเดียวกันโซ่หลากสายปรากฏกลางอากาศแล้วพันรอบทวนศึก กลิ่นอายที่แผ่ออกมาประหลาดและอัปมงคลยิ่งกว่าเดิมแล้ว
ให้ความรู้สึกว่าการต้านทานมัน ก็เหมือนต้านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!
ตูม!
ห้วงอากาศแหวกแยก ทวนแสงเคราะห์พุ่งตัวดังสนั่น
ขณะเดียวกันหลินสวินบุกโจมตีก่อนโดยไม่ลังเลและกังวลอีก เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสาดละอองแสงลึกลับไร้สิ้นสุดโดยมีหลินสวินเค้นพลัง ปะทะกับทวนแสงเคราะห์นั้นอย่างแข็งกร้าว
ไม่อาจไม่พูดถึงว่าพลังด่านเคราะห์ที่ทวนศึกนี้ครอบครองแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวเกินไป ทะลวงผ่านเก้านรก บดขยี้ฟ้าดารา แสงเคราะห์ยิ่งใหญ่ม้วนตลบอยู่บนนั้น มันกดดันไปทางหลินสวินอย่างเชื่องช้าและหนักแน่นทีละน้อย ส่งเสียงปะทะดุเดือดกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
กฎระเบียบละอองแสงและพลังทำลายล้างนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากจุดที่ทั้งสองปะทะกัน
พวกอู๋ยางไม่สงสัยแม้แต่น้อย หากพวกเขาพุ่งเข้าไปคงกลายเป็นเถ้าถ่านชั่วพริบตา
เมื่อเห็นว่าเงาร่างสีทองเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างชัดแจ้ง ก็ได้ยินเสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากเตากระบี่ ฟาดฟันด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ทำให้เงาร่างสีทองสกัดขวางตามจิตใต้สำนึก
เงาร่างเขาถูกฟันจนถอยหลังไปดังปึง แต่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน เจตกระบี่น่ากลัวนั้นถึงกับไม่อาจทำลายเกราะสีทองชั้นหนึ่งที่ปกคลุมบนตัวอีกฝ่ายได้
ไม่ต้องสงสัยว่านี่คือยอดสมบัติป้องกันที่ชวนตะลึงยิ่งชิ้นหนึ่ง!
“ขั้นสรรสร้างขั้นต้นอย่างเจ้าถึงกับสั่นคลอนข้าได้หรือ”
เงาร่างสีทองคล้ายยากจะเชื่อ ทั้งเหมือนอับอายจนกลายเป็นโกรธ หลังตวาดลั่นก็โบกสะบัดทวนแสงเคราะห์พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
กลิ่นอายเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ราวกับร่างจำแลงของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจริงๆ แสงเคราะห์ทั่วร่างร้อยถักเข้าด้วยกัน อานุภาพทั้งตัวเพิ่มพูนขึ้นมากกว่าเมื่อครู่!
“หลินสวิน รีบถอยกลับมา!!”
เวลานี้อู๋ยางส่งเสียงเร่งร้อนอย่างกลั้นไม่อยู่อีก
พลังของเงาร่างสีทองแข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการแล้ว ถ้าฝืนปะทะกับเขาอีกย่อมมีโอกาสสูงว่าจะประสบหายนะถึงตาย
มีเพียงแค่ถอยกลับมายังเมืองเทพศุภโชค อาศัยพลังกฎระเบียบของเมืองเทพศุภโชคไปต้านทานถึงจะเป็นการตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่สุด
เวลานี้กลับเห็นหลินสวินหัวเราะร่า “แค่จัดการสุนัขตัวนี้ ไม่จำเป็นต้องมุดหัวหลบหนี”
เมื่อพูดจบกายมรรคทั้งสี่พุ่งผ่านอากาศพร้อมกัน ต่างคนต่างควบคุมศาสตรามรรคนิรันดร์ อานุภาพไร้จำกัด จู่โจมไปทางเงาร่างสีทองพร้อมร่างต้นของหลินสวิน
ร่างต้นร่างเดียวยังแข็งแกร่งยิ่งแล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้ที่มีร่างแยกมหามรรคสี่ร่างซึ่งไม่ด้อยไปกว่าร่างต้นเข้าร่วมด้วย
ก็เห็น…
เงาร่างของหลินสวินพุ่งวาบดังสนั่นเหมือนรุ้งเทพห้าสายแหวกผ่านเก้าชั้นฟ้า ทะลวงแสงเคราะห์ไร้สิ้นสุดทั้งหมด อานุภาพทั้งตัวเคลื่อนผ่านฟากฟ้า
แม้ว่าอานุภาพของเงาร่างสีทองจะเพิ่มขึ้นอีกช่วงใหญ่ แต่เมื่อถูกล้อมโจมตีเช่นนี้ก็ตัวแข็งทื่อทันที สีหน้ามืดทะมึนอีกครั้ง
เขาเหมือนคิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของหลินสวินจะแข็งแกร่งเช่นนี้ เห็นชัดว่าอยู่เหนือการคาดเดาของเขาแล้ว
“ฆ่า!”
แต่เงาร่างสีทองไม่ได้คิดถอยหลบ กลับเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ทวนแสงเคราะห์ชี้เวหาฟาดพสุธา ปลดปล่อยพลังทำลายล้างยิ่งใหญ่
ตูม… โครม…
ทั้งสองคนต่อสู้ดุเดือด เพียงชั่วขณะก็ประมือกันหลายร้อยครั้ง โจมตีจนจักรวาลพลิกคว่ำ ห้วงอากาศพังทลาย ทุกหนแห่งเปี่ยมแสงเคราะห์และแสงมรรคเวิ้งว้างไร้สิ้นสุด
เงาร่างสีทองอาจกำราบร่างต้นของหลินสวินได้ แต่เมื่อสี่กายมรรคลงมือพร้อมกับร่างต้นของหลินสวินก็พลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างแข็งกร้าว สู้กับเงาร่างสีทองได้อย่างสูสี
ปังๆๆ!
เสียงระเบิดทึบหนักระลอกหนึ่งดังก้อง
ทวนแสงเคราะห์ของเงาร่างสีทองก็แข็งแกร่งหาใดเปรียบ เป็นสิ่งที่วิวัฒน์จากพลังส่วนหนึ่งของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ศาสตรามรรคนิรันดร์ที่กายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินครอบครองถูกซัดกระจุยในการต่อสู้
แต่ยังไม่รอให้เงาร่างสีทองดีใจ ในมือกายมรรคทั้งสี่ต่างมีศาสตรามรรคนิรันดร์ชิ้นหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
“ข้าอยากดูนักว่าในมือเจ้ามีศาสตรามรรคนิรันดร์ให้ทำลายเท่าไร!”
เงาร่างสีทองบันดาลโทสะ ความยากรับมือของหลินสวินเกินความคาดหมายของเขา ทำให้เขาเสียหน้าอยู่บ้าง ในฐานะทูตชะตาสวรรค์ เขาเพิ่งเคยเจอคนนอกรีตที่ยากจัดการเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ในยุคสมัยก่อนขอเพียงเป็นคนนอกรีตที่ถูกเขาจับจ้อง ถึงขั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาลงมือด้วยตัวเอง แค่ใช้พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพก็กำจัดอีกฝ่ายได้โดยง่าย
แต่เห็นชัดว่าหลินสวินไม่เหมือนเหล่าคนนอกรีตก่อนหน้านี้
เขาครอบครองนัยเร้นลับนิพพาน มีรากฐานพลังต้านเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ กอปรกับมรรควิถีทั้งตัวยังแข็งแกร่งถึงขั้นเย้ยฟ้า กระทั่งไม่อาจจัดการได้ในเวลาอันสั้น
นี่ทำให้เงาร่างสีทองไม่อาจทนได้อย่างสิ้นเชิง
ตูม!
เงาร่างสีทองบุกโจมตีอย่างเดือดดาล เมฆาเคราะห์ตรงส่วนลึกของฟ้าดาราต่างม้วนซัดรุนแรง ถูกพลังของเขาชักนำ แสงเคราะห์ลี้ลับเกินคาดเดาหลากสายทิ้งตัวลงมา
เวลานี้หลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันและอันตรายอย่างมาก โดยเฉพาะศาสตรามรรคนิรันดร์ในมือของสี่กายมรรคที่แทบจะถูกซัดกระจุยทุกชั่วขณะ หากไม่ใช่ว่าศาสตรามรรคนิรันดร์ที่เขารวบรวมหลายปีนี้มีมากพอก็คงยืนหยัดไม่ได้ถึงตอนนี้
“ฆ่า!”
เห็นชัดว่าเงาร่างสีทองคิดกำจัดหลินสวินในคราเดียว อานุภาพยามต่อสู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาสีเงินคู่นั้นมีเพลิงโทสะลุกโชนโหมกระหน่ำ
เขาถูกยั่วโทสะโดยสมบูรณ์แล้ว
‘เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!’
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สำแดงอภินิหารดาบกาลเวลาทันใด กลายเป็นเงาแสงสายหนึ่งหลอมรวมกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ตูม!
แต่เมื่อเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปะทะกับทวนแสงเคราะห์ของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง ภาพในการคาดเดาของหลินสวินกลับไม่ปรากฏ พลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั้นถึงกับไม่กลัวการกัดกร่อนของอภินิหารดาบกาลเวลาโดยสิ้นเชิง!
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่หลินสวินเจอสถานการณ์เช่นนี้
จากนั้นเขาพลันกัดฟัน ใช้อภินิหารประตูเนรเทศ!
รอยแยกห้วงอากาศปรากฏกลางอากาศทันที ประตูมิติยาวพันจั้งแผ่คลุมไปทางเงาร่างสีทองนั่น
“ออกไปซะ!”
เงาร่างสีทองแววตาเยียบเย็น เมื่อเสียงตวาดดังขึ้น ทวนแสงเคราะห์พลันตวัดตัดออกไป
ตูม!!
เมื่อแสงเคราะห์ระเบิดออก ประตูเนรเทศรัศมีพันจั้งถูกทำลายอย่างน่าหวาดกลัว แค่ไม่กี่ลมหายใจก็ดับทลายดังสนั่น
“นี่…”
ในที่สุดหลินสวินก็หน้าเปลี่ยนสี
ประตูเนรเทศที่แต่ก่อนทำอะไรล้วนราบรื่น เวลานี้กลับถูกทำลายแล้ว!
“เจ้าคนนอกรีตยังมีลูกไม้อะไรอีก เจ้าสำแดงออกมาให้หมดก็พอ” ท่ามกลางเสียงเยียบเย็นราบเรียบ เงาร่างสีทองเคลื่อนตัวเข้ามาอีกครั้ง แข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนสิ้นหวังจริงๆ
………………..