Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3063 ตัดความแค้นในอดีต
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3063 ตัดความแค้นในอดีต
ตอนที่ 3063 ตัดความแค้นในอดีต
โลกยอดนิรันดร์ ลัทธิแรกกำเนิด
“ท่านแม่ ลูกกลับมาแล้ว”
จ้าวจิ่งเซวียนที่หลับอยู่ถูกเสียงอันคุ้นเคยปลุกขึ้นมา ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
จากนั้นก็เห็นหลินฝานยืนอยู่หน้าเตียง
จ้าวจิ่งเซวียนลุกพรึ่บขึ้น พูดอย่างตื่นเต้น “ฝานเอ๋อร์!”
นางเหมือนไม่กล้าเชื่อ ยังคิดว่ากำลังฝันอยู่
หลินฝานเข้าไปกอดจ้าวจิ่งเซวียนไว้แน่น ยิ้มพูด “ท่านแม่ ที่ผ่านมาทำให้ท่านเป็นห่วงแล้ว ท่านพ่อช่วยข้ากับศิษย์พี่ซูไป๋ไว้ ตอนนี้พวกเราล้วนปลอดภัยดี”
จ้าวจิ่งเซวียนแสบจมูกขึ้นมา ดีใจจนร้องไห้ “กลับมาก็ดีแล้วๆ ก่อนหน้านี้ยามเจ้าไม่อยู่ ข้าแทบไม่รู้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรแล้ว…”
ในใจหลินฝานพลุ่งพล่าน ทั้งซาบซึ้งทั้งรู้สึกผิด “ท่านแม่วางใจ ต่อไปลูกจะไม่ทำให้ท่านเป็นห่วงอีก”
“พ่อเจ้าล่ะ” จ้าวจิ่งเซวียนถาม
“ท่านพ่อไปหาพวกผู้อาวุโสเสวียนเฟยหลิงแล้ว”
หลินฝานพยุงจ้าวจิ่งเซวียนขึ้นจากเตียงแล้วชงชาร้อนเองกับมือยื่นไปให้ ถึงค่อยเอ่ยว่า “ท่านแม่ ท่านไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านพ่อร้ายกาจขนาดไหน คนผู้เดียวก็สังหารจนแหล่งสถานศุภโชคไม่มีใครกล้าเทียบแล้ว…”
จ้าวจิ่งเซวียนตัดบทอย่างไม่อภิรมย์ “ข้าไม่อยากฟังเรื่องพวกนี้หรอก ข้าเพียงอยากให้พวกเจ้าพ่อลูกปลอดภัย ให้ข้าเป็นห่วงน้อยๆ หน่อยก็พอแล้ว”
หลินฝานพลันเก้อกระดากขึ้นมา
……
“ไปแหล่งสถานศุภโชคหรือ”
เรือนมรรคกลาง เมื่อรู้ว่าหลินสวินกลับมาครั้งนี้เพราะคิดจะพาคนในลัทธิแรกกำเนิดไปแหล่งสถานศุภโชคทั้งหมด พวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยง ฟางเต้าผิงต่างอึ้งไป
“ไม่ผิด มีเพียงไปที่นั่น ทั้งบนล่างลัทธิแรกกำเนิดจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้บงการหลังม่านโจมตี และไม่ต้องกังวลอันตรายของการดับสิ้นของยุคสมัย”
หลินสวินกล่าว “อีกทั้งหลังจากทุกคนไปถึงเมืองเทพศุภโชคก็มีโอกาสไปแจ้งมรรคนิรันดร์ ไม่เช่นนั้นอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ไปย่อมไม่มีโอกาสแน่นอน”
พวกเสวียนเฟยหลิงสบตากัน ล้วนลังเลไม่หยุด
ลัทธิแรกกำเนิดคงอยู่มาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ให้พวกเขาจากไปเช่นนี้ใครจะทำใจได้
แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ดีว่าการจัดการของหลินสวินเป็นวิธีที่มั่นคงและปลอดภัยที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เรื่องนี้ให้พวกเราใคร่ครวญสักหน่อย”
เสวียนเฟยหลิงกล่าว
หลินสวินพยักหน้า “ไม่รีบ ครั้งนี้ข้ายังต้องไปน่านฟ้าที่เก้า ภายในครึ่งเดือนผู้อาวุโสทุกท่านค่อยให้คำตอบข้าก็พอ”
“ยังจะไปน่านฟ้าที่เก้าอีกหรือ”
พวกเสวียนเฟยหลิงต่างอึ้ง
หลินสวินยิ้มกล่าว “ปีนั้นที่ไปน่านฟ้าที่เก้า ตระกูลเย่ ตระกูลสิงเทียน ตระกูลผานอู่หนีไปได้ จะปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไร”
ทุกคนต่างเผยสีหน้าประหลาดอย่างอดไม่ได้
เมื่อก่อนเผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้าเป็นฝ่ายรังแกหลินสวิน
ตอนนี้กลับดีนัก เปลี่ยนเป็นหลินสวินที่ไปรังแกเผ่าเทพนิรันดร์เหล่านั้นแล้ว
“นอกจากนี้ข้ายังต้องไปลัทธิฌานกับลัทธิพ่อมดสัดรอบ สะสางความแค้นในอดีตอย่างสิ้นเชิง ในอนาคตหากไปแหล่งสถานศุภโชคจะได้ไม่มีอะไรต้องเสียใจภายหลัง”
หลินสวินพูดเสียงเบา
ในใจพวกเสวียนเฟยหลิงต่างสะท้านไหว หลินสวินถึงกับหมายจะไปคิดบัญชีกับลัทธิพ่อมดและลัทธิฌาน!
เสวียนเฟยหลิงเอ่ยเสียงขรึม “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เรื่องไปแหล่งสถานศุภโชค ข้าคิดว่าจำเป็นต้องไปคุยกับลัทธิวิญญาณ หากเป็นไปได้ข้าอยากให้ทั้งบนล่างของลัทธิวิญญาณจากไปพร้อมพวกเรา”
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว” หลินสวินพยักหน้า เดิมเขาก็มีความตั้งใจเช่นนี้
“ดี เรื่องนี้ให้พวกเราไปคุยกับลัทธิวิญญาณแล้วกัน”
เสวียนเฟยหลิงตัดสินใจ
วันนั้นกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเคลื่อนไหว มุ่งหน้าไปน่านฟ้าที่เก้าเพียงลำพัง
กายมรรคเพลิงแดงและกายมรรคทองขาวมุ่งหน้าไปยังลัทธิพ่อมดด้วยกัน
ส่วนร่างต้นของเขาเดินทางไปยังลัทธิฌานพร้อมกับกายมรรคดินเหลือง
สำหรับกายมรรควารีดำ ยังคงถูกหลินสวินทิ้งไว้ให้ดูแลลัทธิแรกกำเนิด
……
แดนฌาน
สถานที่ที่หอบรรพจารย์ลัทธิฌานตั้งอยู่ ถูกเรียกว่า ‘แดนธรรมสว่างไสว’
ทางเข้าแดนฌานตั้งอยู่ในภูเขาเทพที่อาบแสงมงคลไพศาล เพียงแต่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันคนบนโลกกลับมีคนรู้จักที่นี่น้อยมาก
ทำให้ลัทธิฌานดูลึกลับที่สุดในภาพจำของผู้คนบนโลก
วู้ม…
วันนี้ห้วงอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ สายตามองไปยังภูเขาเทพไกลๆ
ด้วยจิตรับรู้ของเขาแวบเดียวก็ดูออกว่าภูเขาเทพแห่งนั้นปกคลุมด้วยพลังผนึกลึกลับไม่อาจคาดเดาจำนวนนับไม่ถ้วน และมีพลังระเบียบระดับเทพพลุ่งพล่านอยู่ภายใน
ระดับนิรันดร์ขั้นล่วงกฎทั่วไปมาถึงก็อย่าได้คิดจะเข้าไปภายใน
ในหัวหลินสวินปรากฏเรื่องในอดีตบางส่วนโดยไม่รู้ตัว
ตอนนั้นพวกศิษย์พี่ใหญ่ถูกขังอยู่ในแดนยอดจักรวาล เหล่าคนใหญ่คนโตลัทธิฌานปิดล้อมรอบๆ แดนยอดจักรวาล
ตอนนั้นชื่อเย่หนึ่งในเก้าจอมมุนีของลัทธิฌานเคยนำยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งตามฆ่าศิษย์พี่ผู่เจินและศิษย์พี่เสวี่ยหยา โชคดีที่ยามหนีไปถึงเรือนเมฆปรกถูกหลินสวินเจอเข้า จึงช่วยศิษย์พี่ทั้งสองคลี่คลายปัญหา
ยังมีปีนั้นระหว่างทางขากลับจากแดนมารสิบทิศ เขาถูกรูปจำลองเจตจำนงของพุทธปัจจุบันเจียหนานแห่งลัทธิฌานขวางไว้ โชคดีที่รูปจำลองเจตจำนงของอาจารย์อาคงเจวี๋ยมาช่วยไว้ได้
ยังมีปีนั้น…
ความแค้นต่างๆ ในอดีตผุดขึ้นในใจหลินสวินราวกับกระแสน้ำ
และตอนนี้เขามายุติความแค้นเหล่านี้แล้ว!
ฮูม…
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ระเบียบระดับเทพมากมายกระจายออกมา ปกคลุมฟ้าดินผืนนี้ จากนั้นเขาเอ่ยว่า
“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลินสวิน วันนี้มายุติความแค้นในอดีต คนลัทธิฌานอยู่ที่ใด…”
เสียงนั่นดังกังวานก้องฟ้าดิน คลื่นเสียงแผ่กระจาย ทำให้เมฆสิบทิศทรุดตัว สรรพสิ่งร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง
แสงมงคลไพศาลที่ปกคลุมบนห้วงอากาศเหนือหมู่ล้วนระเบิดครืนโครม ทรุดทลายราวกับกระแสน้ำ
จากนั้นคลื่นผนึกนับไม่ถ้วนพลิกม้วน แสงธรรมลุกโชน เสียงดังอึกทึกขึ้นเป็นระลอกๆ
เห็นชัดว่าผู้แข็งแกร่งภายในลัทธิฌานต่างตื่นตกใจ
ไม่นานก็มีเงาร่างมากมายปรากฏกลางอากาศ แต่ละคนแสงธรรมล้อมรอบตัว ท่าทางเคร่งขรึม กลิ่นอายแข็งกร้าว
“หลินสวิน เจ้ามาจริงๆ…”
ผู้นำคือภิกษุเฒ่าคนหนึ่ง คิ้วขาวหนวดขาว สีหน้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ตอนนี้ผู้แข็งแกร่งลัทธิฌานเหล่านี้มองเห็นหลินสวินแล้วเช่นกัน แม้ยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง แต่เงาร่างสูงโปร่งกลับประหนึ่งราชัน ทำให้คนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ปะทะเข้ามา
ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าของพวกเขาล้วนหนักอึ้ง
เรื่องที่เกิดขึ้นในน่านฟ้าที่เก้าก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนรู้แล้ว จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งหาใดเปรียบแล้ว
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าวันนี้หลินสวินจะมาหาถึงที่
“ความแค้นในอดีตไม่ยุติ ข้าคนแซ่หลินไม่มาได้อย่างไร”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง สีหน้านิ่งสงบ ไม่ดีใจหรือเสียใจ “ให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง ก้มหัวยอมรับผิดตอนนี้ ข้าคนแซ่หลินจะให้พวกเจ้าได้ตายไวหน่อย ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าเหยียบทำลายที่นี่”
คำพูดดังก้องไปทั่วอย่างชัดเจน ทำให้ผู้แข็งแกร่งลัทธิฌานเหล่านั้นล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวด ทั้งโกรธทั้งเดือดดาล
ในฐานะหนึ่งในสี่หอบรรพจารย์ ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมาพวกเขาเคยถูกข่มขู่เช่นนี้เสียที่ไหน
“หลินสวิน เจ้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้ไม่กลัวถูกฟ้าลงโทษหรือ?!”
ภิกษุเฒ่าคนหนึ่งตวาด
ฟุ่บ!
หลินสวินชี้กลางอากาศ เงาร่างของภิกษุเฒ่าระเบิดทันที กลายเป็นฝุ่นผงสลายไป ร่างและจิตล้วนดับสิ้น
ภาพนี้ทำให้คนใหญ่คนโตลัทธิฌานคนอื่นๆ ล้วนแข็งทื่อไปทั้งตัว
ควรรู้ว่าที่ที่พวกเขายืนอยู่ยังมีพลังผนึกนับไม่ถ้วนปกคลุม รวมถึงคลื่นระเบียบระดับเทพของลัทธิฌาน
แต่ต่อหน้าการโจมตีของหลินสวิน กลับเหมือนของจำลอง ไม่อาจขวางกั้นเขาสักนิด!
“ในอดีตหลายปีที่ผ่านมา เพื่อเล่นงานคีรีดวงกมลของข้า ลัทธิฌานของพวกเจ้าใช้วิธีที่เลวทรามต่ำช้าไม่รู้เท่าไร ตอนนี้กลับกล้าบอกว่าข้ากำเริบเสิบสาน น่าขันเพียงใด!”
แววตาหลินสวินเย็นเยียบ สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก “หรือพวกเจ้าเท่านั้นที่ทำร้ายคนอื่นได้ แต่ไม่อนุญาตให้ผู้อื่นเอาคืน ไร้ยางอาย!”
เสียงสะเทือนฟ้า
“หลินสวิน ให้โอกาสลัทธิฌานของข้าชดเชยความผิดที่ผ่านมาได้หรือไม่”
ภิกษุเฒ่าคิ้วขาวที่เป็นผู้นำพนมมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและขมขื่น
หลินสวินเลิกคิ้ว “ชดเชยอย่างไร”
“ขอเพียงให้โอกาสลัทธิฌานของข้าคงอยู่ต่อไป พวกข้าขอมอบชีวิตให้เจ้าจัดการ และจะไม่บ่นว่าแม้สักคำ” ภิกษุเฒ่าคิ้วขาวพูดเสียงขรึม
คนอื่นๆ ต่างแตกตื่น แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี
นี่เท่ากับก้มหัวและยอมจำนนต่อหลินสวิน ทำให้ในใจพวกเขาเต็มไปด้วยความเศร้ารันทดและอัดอั้น
กลับเห็นหลินสวินพูดโดยไม่ลังเลสักนิด “เป็นไปไม่ได้! ตั้งแต่วันนี้ไปลัทธิฌานไม่อาจคงอยู่บนโลกได้อีก ข้าว่าพวกเจ้ารีบตัดใจเสียเถอะ”
“หลินสวิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว!”
ภิกษุวัยกลางคนผิวสีทอดแดง กลิ่นอายเหี้ยมหาญคนหนึ่งพูดอย่างเดือดดาล “คิดว่าพวกข้าเหมือนเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้น ที่ทำได้เพียงยอมให้เหยียบย่ำตามอำเภอใจหรือ”
สวบ!
ปราณกระบี่ไร้รูปพุ่งมา สังหารภิกษุวัยกลางคนตายคาที่ เลือดสาดเต็มเวิ้งฟ้า
หลินสวินพูดเรียบๆ “ขอโทษด้วย พวกเจ้าในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเนื้อบนเขียงที่สามารถฆ่าได้ตามใจชอบจริงๆ”
ภาพนองเลือดนี้กระตุ้นจนคนอื่นๆ หน้าเขียว ตาแทบถลนออกมา
“พวกเรายอมรับผิดแล้ว หวังเพียงว่าสำนักจะสามารถคงอยู่ต่อไปได้ สหายยุทธ์ไม่คิดจะให้โอกาสพวกเราจริงหรือ”
สายตาของภิกษุคิ้วขาวมองไปยังหลินสวิน
“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า สีหน้านิ่งสงบแต่กลับไม่ยอมให้ปฏิเสธ
ภิกษุคิ้วขาวถอนหายใจยาว ไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้
จากนั้นในภูเขาเทพใต้เท้าพวกเขากลับปรากฏพลังผนึกนับไม่ถ้วน ล้วนปลดปล่อยแสงมรรคเสียงสวดที่ยิ่งใหญ่ทรงพลังโจมตีใส่หลินสวิน
พลังเช่นนั้นสามารถทำให้ขั้นล่วงกฎหวาดหวั่น!
แต่หลินสวินไม่มองด้วยซ้ำ พลันสะบัดแขนเสื้อ
ตูม!
แสงมรรคและเสียงสวดที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรล้วนสลายไปหมดสิ้น
หลินสวินก้าวเท้าไปข้างหน้าทันใด
ฟ้าพลิกดินคว่ำ สุริยันจันทราไร้แสง พลังผนึกนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมอยู่รอบภูเขาเทพล้วนระเบิดออกภายใต้เสียงโครมคราม กลายเป็นละอองแสงสาดกระเซ็นทั่วฟ้า
“นี่คือพลังของขั้นสรรสร้าง!!”
ทันใดนั้นสีหน้าของภิกษุเฒ่าคิ้วขาวซีดขาว ใบหน้าซีดเซียว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดหลินสวินจึงกล้าบุกมาอย่างไร้เกรงกลัวเช่นนี้
เพียงแต่ยามเขามีปฏิกิริยาก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
ก็เห็นว่า…
เมื่อหลินสวินก้าวเดินกลางอากาศ ฟ้าดินกพลิกกลับ หมื่นลักษณ์ทรุดทลาย ภูเขาเทพซึ่งตั้งอยู่บนโลกมาไม่รู้นานเท่าไรยังพังถล่ม กลายเป็นซากปรักฝุ่นควันคละคลุ้งทั่วฟ้า
ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกภิกษุเฒ่าคิ้วขาวกลับถูกอานุภาพน่ากลัวที่ปลดปล่อยจากร่างหลินสวินกักขัง แต่ละคนไม่สามารถขยับตัวได้ สีหน้าถูกความหวาดกลัวและสิ้นหวังปกคลุมแล้ว
“วางใจ ข้าหลินสวินไม่ใช่คนที่จะทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แม้ลัทธิฌานจะถูกลบชื่อไปจากโลก แต่จุดจบของทุกคนในลัทธิฌานจะเหมือนเผ่าเทพนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้าเหล่านั้น บางคนสามารถมีชีวิตอยู่ได้ บางคนต้องตายเท่านั้น”
ในเสียงราบเรียบหลินสวินเดินมาถึงบริเวณทางเข้าหน้าระเบียบระดับเทพแล้ว มือขวาสะบัดโบกคราหนึ่ง
ตูม!
พลังระเบียบระดับเทพที่ปกคลุมอยู่ตรงทางเข้าแดนฌานก็ระเบิดออกราวกับกระดาษเปื่อย
จากนั้นเงาร่างของหลินสวินก็ก้าวเข้าไป