Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3079 การเคลื่อนไหวของศัตรู
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3079 การเคลื่อนไหวของศัตรู
อิงซานอิงมาจากยุคมรรค เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่ชื่อเสียงสมคำเล่าลือ
เขาเคยแก่งแย่งในทะเลโชคชะตาแห่งนี้ แหวกเส้นทางนองเลือดฝ่าเคราะห์สังหารแน่นหนาออกมาได้ สุดท้ายก็ช่วงชิงโอกาสไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์สำเร็จ
จากจุดนี้ก็รู้ว่าอิงซานอิงในปีนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
และเมื่อเทียบกัน ขั้นไร้ขอบเขตเล็กอย่างเจวี๋ยอู๋เทียนกลับมีพลังต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าอิงซานอิง!
แค่คิดก็รู้ว่ารากฐานมหามรรคของคนผู้นี้เย้ยฟ้าปานใด!
อิงซานอิงในปีนั้นถูกหลินสวินในขั้นสรรสร้างขั้นต้นเอาชนะ หลินสวินในตอนนั้นก็บาดเจ็บสาหัสจากเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน อีกนิดเดียวก็เกือบพลาดท่าแล้ว
ตอนนี้หลินสวินที่มีพลังปราณขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์ ลำพังแค่ให้สองกายมรรคเคลื่อนไหวก็สามารถต่อสู้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยงกับเจวี๋ยอู๋เทียนที่มีพลังต่อสู้ไม่ด้อยกว่าอิงซานอิงได้แล้ว และเมื่อเคลื่อนไหวสี่กายมรรคพร้อมกับร่างต้นยิ่งกำราบเจวี๋ยอู๋เทียนได้อย่างดาย
จากจุดนี้จะเห็นได้ว่าหลายปีมานี้การพัฒนาของพลังต่อสู้ทั้งตัวหลินสวินน่าตกใจปานใด!
ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ก็ย้ำเตือนหลินสวินอย่างหนึ่งเช่นกัน ทำให้เขาตระหนักว่าในมรรคานิรันดร์นี้ก็ไม่ขาดพวกเย้ยฟ้าสุดขีดจำนวนหนึ่งเช่นกัน
อย่างเจวี๋ยอู๋เทียนก็เป็นตัวอย่างให้ประจักษ์
‘ต้องรีบจากไปโดยด่วนแล้ว’
หลินสวินเก็บกวาดสนามรบเสร็จก็ไม่กล้าชักช้าอีก หมุนตัวจากไปทันที
ภูเขาเทพเมฆยุทธ์ที่ถูกเก็บพลังระเบียบระดับเทพด้านหลังเขากลายเป็นซากปรักหักพังทั้งแถบ
…
และเวลาไล่เลี่ยกับที่หลินสวินเพิ่งหายลับไปในขอบฟ้า
สวบๆๆ!
เงาร่างเจิดจรัสบาดตา กลิ่นอายน่าสะพรึงเป็นสายๆ ก็พุ่งปราดจากไกลๆ มาหยุดอยู่เบื้องหน้าเศษซากภูเขาเทพเมฆยุทธ์
พวกเขาเป็นระดับนิรันดร์ทั้งกลุ่ม มีทั้งชายและหญิง
ยามเห็นภาพเบื้องหน้าพวกเขาล้วนเบิกตากว้าง อึ้งค้างอยู่ตรงนั้นคล้ายไม่อยากเชื่อ
“ใครช่างบังอาจเช่นนี้ ถึงกับเหยียบฐานที่มั่นของตระกูลเจวี๋ยราบคาบ!?”
พักใหญ่กว่าจะมีคนเอ่ยปากคล้ายละเมอออกมา คำพูดและท่าทางล้วนเจือแววสะท้านสะเทือน
“ต้องเป็นพวกเฒ่าสารเลวจากลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณพวกนั้นแน่!”
มีคนกล่าวเสียงต่ำ
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลาถกเรื่องพวกนี้ รีบกระจายข่าวให้ลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานและกองกำลังทั้งหมดของเผ่าเทพอื่นๆ เร่งมาที่นี่เร็วเข้า!”
มีคนกล่าวเด็ดขาด
ระดับนิรันดร์เหล่านี้เริ่มเคลื่อนไหว ส่งยันต์กระจายข่าวออกไปทันที
ไม่นาน กองกำลังจากลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานและเผ่าเทพนิรันดร์อื่นๆ ล้วนเร่งรีบเข้ามาจากสี่ทิศแปดทางอย่างต่อเนื่อง ยามเห็นฐานที่มั่นของตระกูลเจวี๋ยกลายเป็นเศษซาก แต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
และขณะที่พวกเขากำลังตกใจ เงาร่างสายหนึ่งเร่งรุดมาแต่ไกล กล่าวด้วยสีหน้าไม่น่ามอง
“แย่แล้ว เขาเทพประจุม่วงของตระกูลเย่และเขาเทพแปดจักรวาลของตระกูลหยวนล้วนกลายเป็นซากเหมือนกัน สหายยุทธ์จากเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้ล้วนหายตัวไปไร้ร่องรอย!”
ประโยคเดียวทำเอาคนใหญ่คนโตจากทุกขุมอำนาจในที่นี้ล้วนขนลุก
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
มีคนไม่อยากเชื่อ
วันนี้ทะเลโชคชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาด บัวชะตามหามรรคปรากฏ คนระดับปลายยอดจากแต่ละขุมอำนาจล้วนกรูเข้าโลกบัวชะตา แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ในฐานที่มั่นของทุกขุมอำนาจต่างก็มีพวกร้ายกาจคอยดูแลอยู่
ทว่าตอนนี้ฐานที่มั่นของเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูล อย่างตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย และตระกูลหยวนกลับถูกคนทำลายสิ้น!
นี่จะให้ใครยอมรับได้
“ในพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ นอกจากเฒ่าสารเลวบนภูเขาเทพใบบัวพวกนั้น ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าแข็งข้อกับขุมอำนาจของพวกเราแล้ว!”
มีคนสงสัยว่านี่เป็นฝีมือของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณ
เพราะอย่างไรทอดสายตามองทั่วทั้งโลกวิญญาณยุทธ์ คนที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็มีเพียงบรรดาคนใหญ่คนโตจากลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณเท่านั้น
ส่วนพวกที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่รอบนอกพวกนั้นไม่มีค่าให้พูดถึงสักนิด
“ฐานที่มั่นของเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลนี้ตั้งทำมุมกัน ไม่ว่าใครประสบเคราะห์ อีกสองตระกูลที่เหลือต้องรับรู้ในทันที แต่ตอนนี้ฐานที่มั่นของพวกเขาสามตระกูลกลับถูกคนทำลายทั้งหมด คนลงมือต้องไม่ใช่คนเดียวแน่!”
มีคนวิเคราะห์อย่างใจเย็น
“นี่เป็นไปไม่ได้ สองชั่วยามก่อน บรรพจารย์ซินอิ้งจากลัทธิฌานของข้าและขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อีกสามคนที่ร่วมมือกันมุ่งหน้าไปภูเขาเทพใบบัวด้วยกันแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณไม่มีโอกาสเดินออกจากภูเขาเทพใบบัวสักนิด”
ภิกษุเฒ่าจากลัทธิฌานคนหนึ่งกล่าวเสียงเข้ม
“หากเฒ่าสารเลวบนภูเขาเทพใบบัวพวกนั้นไม่ต้องการแม้แต่ชีวิตแล้ว มีเรื่องอะไรบ้างที่พวกเขาจะทำไม่ได้ ไป พวกเราไปภูเขาเทพใบบัวด้วยกัน ลองไปดูก็รู้เอง”
คนใหญ่คนโตจากลัทธิพ่อมดคนหนึ่งกล่าวอย่างเย็นชา
ขณะพูดเขาก็ทะยานไปทางภูเขาเทพใบบัวก่อนแล้ว
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างสบตากันปราดหนึ่งและเริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน
ทว่ามีเพียงคนส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปภูเขาเทพใบบัว
คนอีกส่วนหนึ่งรีบทะยานไปฐานที่มั่นของขุมอำนาจอื่นๆ
พวกเขาต้องแจ้งข่าวเหล่านี้ให้ผู้แข็งแกร่งในแต่ละขุมอำนาจรับรู้ ให้พวกเขาเตรียมป้องกันล่วงหน้า
…
บริเวณที่ห่างจากภูเขาเทพใบบัวหมื่นจั้งตั้งที่พักไว้แห่งหนึ่ง
แม้จะเป็นเพียงที่พักชั่วคราวแต่ก็สร้างอย่างวิจิตรตระการตา มีโถงอาคารกระจายเป็นจุดๆ
ก่อนหน้านี้มีขั้นไร้ขอบเขตเล็กสี่คนอย่างหยวนจงฉี่ ไท่เฮ่าจวี้ หยางเหิง และชางโย่วจือดูแลความเรียบร้อยของที่นี่โดยตลอด
แต่วันนี้เมื่อขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สี่คนอย่างซินอิ้งจากลัทธิฌาน อูหงจื่อจากลัทธิพ่อมด เหวินไจ้จากตระกูลเหวิน และสิงเทียนหยวนจากตระกูลสิงเทียน รวมถึงขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนอื่นๆ อีกเก้าคน ทำให้กำลังพลในที่พักแห่งนี้แข็งแกร่งยิ่งยวด
เวลานี้พวกซินอิ้ง อูหงจื่อรวมตัวกัน กำลังหารือสถานการณ์ในบัวชะตามหามรรคครั้งนี้ ท่าทางสงบเรียบเรื่อย เยือกเย็นผ่อนคลาย
บางครั้งยามพวกเขาทอดสายตามองภูเขาเทพใบบัวที่ไร้การเคลื่อนไหวไกลๆ นั่นยังเจือแววเหยียดหยันและถากถางอยู่จางๆ
แต่บรรยากาศสงบเงียบเช่นนี้กลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
เหล่าคนใหญ่คนโตจากแต่ละขุมอำนาจทะยานผ่านห้วงอากาศเข้ามา และนำข่าวร้ายเกี่ยวกับตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย และตระกูลหยวนมาด้วย
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“เป็นฝีมือใคร”
ชั่วขณะเดียวคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มในที่นี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี
สีหน้าของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สี่คนอย่างซินอิ้ง อูหงจื่อ เหวินไจ้ และสิงเทียนหยวนก็เริ่มไม่น่ามองขึ้นมาเช่นกัน
ครั้งนี้เหตุที่พวกเขาสี่คนรั้งอยู่ก็เพื่อเฝ้าฐานที่มั่นของแต่ละขุมอำนาจ รับประกันว่ายามกำลังพลระดับปลายยอดของขุมอำนาจพวกเขาต่อสู้แย่งชิงในโลกบัวชะตาจะไม่ถูกผู้อื่นฉวยโอกาสก่อคลื่นลม
แต่ไม่คาดคิดว่าวันแรกที่บัวชะตามหามรรคปรากฏ หายนะก็เกิดขึ้นแล้ว!
นี่เท่ากับหักหน้าขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สี่คนอย่างพวกเขาชัดๆ
“ผู้อาวุโส หรือว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของเฒ่าสารเลวบนภูเขาเทพใบบัวพวกนั้น”
ผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างจากลัทธิพ่อมดคนหนึ่งอดกล่าวไม่ได้
พวกเขามุ่งหน้ามารายงานข่าวเพราะกังวลว่าทางฝั่งภูเขาเทพใบบัวจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้คนของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณฉวยโอกาสหนีออกไป และผลให้เกิดหายนะเช่นนี้
แต่ตอนนี้ดูท่าเหมือนจะผิดปกติอยู่บ้าง!
“พวกเขาจะมีโอกาสที่ไหนกัน”
อูหงจื่อแค่นเสียงเย็น เขารูปร่างซูบตอบ เบ้าตาเว้าลึก ผมบางหร็อมแหร็ม ทั่วร่างกลิ่นอายอึมครึมน่ากลัวพาให้คนใจสะท้าน
“ไม่ใช่ฝีมือของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณแน่”
ซินอิ้งก็เอ่ยปากเสียงขรึมเช่นกัน
พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอด บนภูเขาเทพใบบัวไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ สักนิด อีกทั้งจิตรับรู้ของพวกเขาปกคลุมทั่วฟ้าดินแถบนี้ หากคนของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณเริ่มเคลื่อนไหว ไม่มีทางลอดพ้นสายตาพวกเขาได้สักนิด
“แล้ว… นี่จะเป็นฝีมือใคร”
ทุกคนล้วนอึ้งค้าง สีหน้าเปลี่ยนไปมา
หากไม่ใช่ลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณ ในโลกวิญญาณยุทธ์แห่งนี้ยังจะมีขุมอำนาจไหนมีปัญญาทำลายกำลังพลเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลจนราบคาบได้อีก
“เจวี๋ยอู๋เทียนของตระกูลเจวี๋ยก็ตายแล้วหรือ”
จู่ๆ เหวินไจ้ก็เอ่ยถาม
“ทุกคนในตระกูลเจวี๋ยหายไปหมดแล้ว”
มีคนเอ่ยตอบเสียงเบา
ทันใดนั้นหัวใจของทุกคนในที่นี้ล้วนสะท้าน
เจวี๋ยอู๋เทียน!
ขั้นไร้ขอบเขตเล็กที่เย้ยฟ้าคนหนึ่ง ถูกเรียกว่าไร้ศัตรูในขั้นไร้ขอบเขตเล็ก ความกร้าวแกร่งในพลังต่อสู้ของเขาล้วนสามารถทัดเทียมกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ได้!
คนเย้ยฟ้าเช่นนี้ ในกองกำลังที่ร่วมมือกันของพวกเขายังมีตำแหน่งที่สำคัญอีกด้วย แม้แต่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างซินอิ้ง อูหงจื่อยังต้องเกรงใจสามส่วน
แต่ตอนนี้กลับเป็นไปได้สูงยิ่งว่าเจวี๋ยอู๋เทียนอาจประสบเคราะห์แล้ว!
“ด้วยพลังของเจวี๋ยอู๋เทียน ต่อให้รับมือกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ก็สามารถสู้ได้อย่างสูสี แต่ตอนนี้กลับมีคนเอาชนะเขาได้ ของผู้ร้ายคนนั้นต้องครอบครองมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เป็นแน่ และพลังต่อสู้ยังกร้าวแกร่งสุดขีด หาไม่เจวี๋ยอู๋เทียนไม่มีทางหลบหนไม่ได้เด็ดขาด”
นัยน์ตาซินอิ้งวาววับ หว่างคิ้วเจือแววเคร่งขรึม
เอาชนะคู่ต่อสู้ที่เทียบกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่งอาจง่ายดาย แต่หมายจะฆ่าคนเช่นนี้ให้ตายกลับต้องใช้พลังกำราบอันมั่นคง
จากจุดนี้จะเห็นว่าพลังของผู้ร้ายนั่นน่ากลัวเพียงใด!
“คนลงมือไม่น่ามีเพียงคนเดียว หาไม่ย่อมไม่มีทางทำลายฐานตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย และตระกูลหยวนในเวลาสั้นๆ ได้เด็ดขาด หากสันนิษฐานเช่นนี้ ไม่เท่ากับว่าโลกวิญญาณยุทธ์ในปัจจุบันมีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เพิ่มขึ้นอีกส่วนหนึ่งหรือ อีกทั้งเจ้าพวกนี้ยังมองขุมอำนาจพวกเราเป็นศัตรูด้วย”
อูหงจื่อก็อดเสียวสะท้านไม่ได้เช่นกัน เผยแววตกใจสงสัยออกมา
เมื่อได้ยินการวิเคราะห์ของเขากับซินอิ้ง คนอื่นๆ ต่างรู้สึกใจสะท้านระลอกหนึ่งเช่นกัน บรรยากาศล้วนเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา
“มีเพียงระดับนิรันดร์ในยุคสมัยนี้เท่านั้นจึงจะเข้าสู่โลกวิญญาณยุทธ์ได้ แต่บนโลกนี้นอกจากสี่หอบรรพจารย์และเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูล ยังจะมีขั้นไร้ขอบเขตคนอื่นอีกได้อย่างไร น่าแปลก น่าแปลกเกินไปแล้ว เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำที่พวกเราไม่รู้อีกแน่!”
เหวินไจ้ขมวดคิ้วกล่าว
“จะเป็นคนของคีรีดวงกมลหรือไม่ อย่าลืมสิ เฒ่าชราอย่างเจ้าแห่งคีรีดวงกมลถนัดวางแผนการณ์ที่สุด รูปจำลองเจตจำนงที่เขาเหลือทิ้งไว้ในโลกวิญญาณยุทธ์ปีนั้น แม้จะถูกพวกเราเอาชนะ แต่ก่อนหน้านี้เขากลับติดต่อร่วมมือกับจักจั่นทองลึกลับนั่น ทำเอาพวกเราเสียการใหญ่ไปมาก”
อูหงจื่อกล่าว
คนไม่น้อยนัยน์ตาหดรัดลง
“ตามความเห็นข้า เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้คือรีบสืบหาตัวตนของศัตรูโดยเร็วที่สุด”
ซินอิ้งกล่าว “มีเพียงทำแบบนี้จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้หายนะเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก”
“ตามความเห็นสหายยุทธ์ ต่อไปพวกเราควรเคลื่อนไหวอย่างไร”
อูหงจื่อถาม
ซินอิ้งกล่าวอย่างใคร่ครวญ “นับแต่นี้ไปให้ข้าและสหายยุทธ์สิงเทียนหยวนเฝ้าอยู่ที่นี่ด้วยกันต่อไป ป้องกันไม่ให้พวกคนบนภูเขาเทพใบบัวนั่นฉวยโอกาสก่อความวุ่นวาย”
เขาทอดสายตามองทางอูหงจื่อ “สหายยุทธ์ เจ้ากับสหายยุทธ์เหวินไจ้พาคนอื่นๆ ย้อนกลับขุมอำนาจแต่ละแห่งด้วยกัน”
“ย้อนกลับหรือ”
อูหงจื่อขมวดคิ้ว
ซินอิ้งกล่าวว่า “ไม่ผิด รวมพลสหายยุทธ์จากขุมอำนาจแต่ละแห่งของพวกเราทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ภูเขาเทพที่ขุมอำนาจแต่ละแห่งใช้เป็นฐานจะถูกทำลาย แต่กลับสามารถหลีกเลี่ยงโอกาสการถูกโจมตีจากศัตรูได้ทุกรูปแบบ”
ทุกคนถึงค่อยกระจ่างแจ้ง ล้วนอดพยักหน้าไม่ได้
จริงดังว่า หากกำลังพลในขุมอำนาจของพวกเขากระจายตัวกันจะถูกโจมตีได้ง่ายที่สุด
สิ่งที่เผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลอย่างตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย และตระกูลหยวนพบเจอ ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่!