Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3080 ท่าทีของแต่ละฝ่าย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3080 ท่าทีของแต่ละฝ่าย
ภูเขาเทพใบบัว
“แปลกจริง เจ้าพวกนั้นรีบเร่งมา ตอนนี้ยังจากไปทันที แม้แต่พวกเฒ่าชราอย่างอูหงจื่อ เหวินไจ้ก็พาคนจากไปด้วย หรือว่ามีเหตุไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น”
นัยน์ตาฟู่หนานหลีฉายแววประหลาด
ภูเขาเทพใบบัวห่างจากที่พักศัตรูไปแค่หมื่นจั้ง ดังนั้นจึงมองเห็นการเคลื่อนไหวของศัตรูอย่างชัดเจน
ตอนนี้ในที่พักของศัตรูเหลือแค่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สองคนอย่างซินอิ้งและสิงเทียนหยวน
เหตุการณ์ผิดปกตินี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนบนภูเขาเทพใบบัว
“อาจเป็นอุบายแสร้งปล่อยเพื่อจับ เจตนาหยั่งเชิงพวกเราว่าจะฉวยโอกาสนี้ฝ่าออกไปหรือไม่”
แววตาสิงเจี้ยนสยาไหววูบ
สำหรับเรื่องนี้ฟู่หนานหลีกลับมีความคิดเห็นต่างออกไป กล่าวว่า “แสร้งปล่อยเพื่อจับ? พวกซินหูกับเหลยซ่งพากำลังพลที่แข็งแกร่งที่สุดไปโลกบัวชะตาก่อนแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ศัตรูพวกนั้นมีหรือจะกล้าใช้วิธีล่อพวกเราออกไป”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วกล่าวด้วยแววตาหนักแน่น “จากมุมมองข้าต้องมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นแน่นอน ทั้งการเปลี่ยนแปลงนี้ยังใหญ่มาก มิฉะนั้นคงไม่มีทางทำให้เฒ่าชราอย่างอูหงจื่อกับเหวินไจ้จากที่นี่ไปแน่”
คนของลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่อยู่ใกล้ๆ พลันตกตื่น
วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไปแล้ว
เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงบนทะเลโชคชะตา ปรากฏโอกาสการไปแหล่งสถานอัศจรรย์ครั้งที่สี่
จากนั้นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างซินอิ้งกับอูหงจื่อก็พาเหล่าผู้แข็งแกร่งมาเฝ้าที่นี่ เห็นชัดว่าเพื่อป้องกันการเกิดคลื่นลมจากภูเขาเทพใบบัว
ตอนนี้ฝั่งศัตรูเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้อีกครั้ง ทุกอย่างนี้ล้วนดูผิดปกตินัก
โลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไม่ว่าจะเป็นสิงเจี้ยนสยาหรือพวกฟู่หนานหลีล้วนรู้สึกสงสัย
“แค้นที่พวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ ไม่อาจสืบข่าวใดๆ ไม่อย่างนั้นคงฉวยโอกาสโจมตีกลับได้บ้าง…”
ฟู่หนานหลีถอนใจยาวเฮือกหนึ่ง
คนอื่นล้วนไม่วายเงียบงัน
นี่ก็คือจุดจบของการถูกกักขัง ไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ในโลกบัวชะตาได้ ทั้งไม่อาจรู้ข่าวคราวที่เกิดขึ้นของโลกภายนอก ต่อให้อึดอัดใจแค่ไหนก็ได้แต่อดทน
“ฝั่งศัตรูเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ สำหรับพวกเราแล้วอาจเป็นเรื่องดี”
แววตาสิงเจี้ยนสยาล้ำลึก “อย่างน้อยเรื่องนี้ก็พิสูจน์ว่าในโลกวิญญาณยุทธ์มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่พวกเราไม่อาจรับรู้เกิดขึ้นจริงๆ!”
เขาพูดถึงตรงนี้แล้วพลันก้าวไปข้างหน้า ยืนตรงหน้าผาพลางกล่าวเสียงดัง “ซินอิ้ง ถ้าข้าเดาไม่ผิด ในฝั่งพวกเจ้าน่าจะเจอปัญหายากจัดการแล้วกระมัง”
เสียงดั่งระฆังอรุณกลองสายัณห์ดังก้องฟ้าดิน ทั้งถูกพวกซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนที่เฝ้าอยู่ในที่พักห่างไปหมื่นจั้งได้ยินด้วย
ทั้งสองสบตากันคราหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ไม่ต้องสงสัยว่าพวกสิงเจี้ยนสยาที่อยู่บนภูเขาเทพใบบัวสังเกตเห็นเบาะแสบางอย่างแล้ว
“สิงเจี้ยนสยา สถานการณ์ของพวกเจ้าเปราะบางระดับใด แต่กลับมีอารมณ์มาสนใจเรื่องของพวกเรา ไม่คิดว่าน่าขันหรือ”
ซินอิ้งเอ่ยเสียงเรียบ
เขาสวมจีวร เคร่งขรึมมีสง่า มือถือลูกประคำหยกขาวเส้นหนึ่ง ทั่วร่างมีอานุภาพสูงเด่นตระหง่านไม่ขยับเหมือนภูเขา
“หึๆ ดูท่าว่าพวกเจ้าจะเจอปัญหาจริงๆ ไม่อย่างนั้นเฒ่าชราสองคนอย่างอูหงจื่อกับสิงเทียนหยวนคงไม่จากไปอย่างรีบเร่งเช่นนั้น”
สิงเจี้ยนสยาพูดเองเออเอง “หากให้ข้าเดาคงมีคนฉวยโอกาสนี้จู่โจมฐานที่มั่นพวกเจ้ากะทันหันใช่หรือไม่”
นัยน์ตาซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนล้วนฉายแววจริงจังในครู่เดียว เจ้าเฒ่าคนนี้รู้ได้อย่างไร
เมื่อเห็นพวกเขาสองคนเงียบไป กลับเห็นสิงเจี้ยนสยาหัวเราะลั่น เสียงดังทั่วทิศ แฝงความยินดี “ข้าเดาถูกดังคาด!”
ฟู่หนานหลีและคนอื่นๆ ต่างเผยสีหน้าประหลาด
แค่เห็นท่าทีของซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนก็ทำให้พวกเขารู้แล้ว ว่ามีโอกาสสูงที่สิงเจี้ยนสยาจะพูดถูก!
แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจจินตนาการ ในโลกวิญญาณยุทธ์ยังมีใครใจกล้าเช่นนี้บ้าง กล้าไปลงมือกับขุมอำนาจใหญ่อย่างลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานเหล่านี้
นี่น่าเหลือเชื่ออย่างเห็นได้ชัด
แน่นอนว่าสำหรับพวกเขา นี่ย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง
“ทำไม หรือเจ้าสิงเจี้ยนสยาคิดว่าเหตุไม่คาดฝันเล็กน้อยพวกนี้จะสั่นคลอนพวกเราได้ หรือกล่าวได้ว่าพวกเจ้าคิดว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันแค่นี้พวกเจ้าจะหลุดพ้นจากภูเขาเทพใบบัวได้หรือ”
สิงเทียนหยวนกล่าวเย็นชา
สิงเจี้ยนสยาเงียบไปครู่สั้นๆ จากนั้นก็ยิ้มกล่าว “อูหงจื่อกับเหวินไจ้ล้วนออกเคลื่อนไหวแล้ว นี่ไม่ใช่เหตุไม่คาดฝันเล็กๆ”
สิงเทียนหยวนชี้บัวชะตามหามรรคดอกมหึมาบนเวิ้งฟ้าแล้วกล่าวเย็นชา “อย่างน้อยครึ่งเดือน อย่างมากสามเดือน กำลังพลชั้นยอดของพวกเราจะกลับมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เจ้าสิงเจี้ยนสยาคิดหรือว่ารูปการณ์ของโลกวิญญาณยุทธ์นี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีก”
“ถ้าเกิดขึ้นล่ะ” สิงเจี้ยนสยากล่าวราบเรียบ
สิงเทียนหยวนแค่นหัวเราะ ไม่พูดอะไรมากอีก
แต่สิงเจี้ยนสยากลับหันหน้ามามองพวกฟู่หนานหลีที่อยู่ข้างกายแล้วกล่าว “บทสนทนาก่อนหน้านี้ทุกท่านล้วนได้ยินแล้ว สามารถคาดการณ์ได้ว่ามีคนฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตีเหล่าขุมอำนาจของศัตรูจริงๆ ทั้งเป็นพวกร้ายกาจที่ทำให้อูหงจื่อและเหวินไจ้ต้องออกโรงด้วย หากไม่ผิดจากที่คาด ย่อมเป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่ง ถ้าเป็นเช่นนี้สถานการณ์ต่อจากนี้ก็น่าสนใจแล้ว”
“เช่นนั้นพวกเราจะลงมือตอนนี้หรือไม่”
ฟู่หนานหลีคึกคักขึ้นมา ไอสังหารแผ่ซ่าน
คนอื่นก็ไหวหวั่นไม่หยุด
สิงเจี้ยนสยาส่ายหัว “คอยสังเกตการณ์เงียบๆ รอเมื่อไรที่แม้แต่ซินอิ้งกับสิงเทียนหยวนก็นั่งไม่ติด เวลานั้นอาจเป็นโอกาสดีที่สุดที่พวกเราจะลงมือ!”
ฟู่หนานหลีใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
เมื่อซินอิ้งและสิงเทียนหยวนนั่งไม่ติด ก็หมายความว่าอูหงจื่อกับเหวินไจ้สองคนไม่อาจคลี่คลายการเปลี่ยนแปลงนี้ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ถ้าพวกเขาลงมืออีก ก็มีโอกาสกวาดล้างฝั่งขุมอำนาจศัตรูสูงมาก!
“ตอนนี้สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดกลับเป็นพวกเฒ่าชราที่มุ่งหน้าไปโลกบัวชะตา ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร”
สายตาสิงเจี้ยนสยาทอดมองทะเลโชคชะตาบนเวิ้งฟ้า หน้านิ่วคิ้วขมวด
สามครั้งก่อนหน้า หลังบัวชะตามหามรรคปรากฏ การต่อสู้ดุเดือดในโลกบัวชะตาอย่างน้อยก็เกิดขึ้นต่อเนื่องครึ่งเดือน ยังมีครั้งหนึ่งยาวนานถึงสามเดือน
ในการต่อสู้ดุเดือดนั้นจะมีคนยืนหยัดไม่อยู่เป็นระยะ หนีออกมาจากโลกบัวชะตา กลับมาโลกวิญญาณยุทธ์ก่อนล่วงหน้า
ตอนนี้การต่อสู้ครั้งที่สี่ที่เกิดขึ้นในโลกบัวชะตาย่อมเหมือนแต่ก่อนแน่ ในเวลาที่ยากระบุยอดบุคคลของขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นก็จะกลับมา
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นตัวแปร
“กังวลเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ป่วยการ ในความเห็นข้าคือลงมือยามสบโอกาสก็พอ พวกเราติดอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว หากอยู่ที่นี่ต่อไปคงถูกศัตรูควบคุมอย่างเดียว ไม่มีโอกาสไปแย่งชิงโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์แน่”
ฟู่หนานหลีกล่าวเสียงขรึม “เมื่อเทียบกันแล้วย่อมต้องฉวยโอกาสเสาะหาการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ต่อให้นำมาซึ่งศึกใหญ่ดุเดือดด้วยเหตุนี้ แต่ขอแค่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ก็พอแล้ว!”
สิงเจี้ยนสยาหรี่ตาลง ครู่ใหญ่จึงพยักหน้าน้อยๆ
ฟู่หนานหลีพูดถูก ติดอยู่ที่นี่ต่อย่อมถูกศัตรูควบคุมไปตลอด นี่คือสิ่งที่พวกเขาไม่ว่าใครก็ไม่อาจทน
ยังดีที่ตอนนี้อยู่ห่างจากช่วงเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือนจริงอีกแปดร้อยกว่าปี เพียงพอให้พวกเขารอโอกาสดีที่สุดค่อยเคลื่อนไหว!
…
วันนี้ฐานที่มั่นตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลหยวนถูกเหยียบราบคาบ ทำให้ขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นต่างสะท้านสะเทือน
โดยเฉพาะขุมอำนาจเผ่าเทพนิรันดร์บางส่วน ขั้นไร้ขอบเขตของพวกเขาล้วนมุ่งหน้าไปโลกบัวชะตาแล้ว ในฐานที่มั่นของพวกเขามีแค่ขั้นสรรสร้างคอยดูแล
เมื่อรู้ข่าวว่าตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลหยวนถูกคนเหยียบทำลาย เหล่าผู้ฝึกปราณของเผ่าเทพนิรันดร์แต่ละคนต่างตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ลอบกล่าวว่าโชคดีไม่หยุด
หากคราวเคราะห์เช่นนี้เกิดขึ้นกับขุมอำนาจของพวกเขา ย่อมพบจุดจบที่หนีความพินาศไม่พ้นแน่!
ภายใต้การจัดเตรียมโดยขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สองคนอย่างอูหงจื่อและเหวินไจ้ ผู้ฝึกปราณของลัทธิฌานและเผ่าเทพนิรันดร์อื่นๆ ล้วนถูกย้ายไปอยู่บนภูเขาเทพรกร้าง ฐานที่มั่นของลัทธิพ่อมด
วันนั้นเองอูหงจื่อนั่งบัญชาบนภูเขาเทพรกร้าง
เหวินไจ้นำขั้นไร้ขอบเขตเล็กห้าคนและขั้นสรรสร้างยี่สิบคนมุ่งหน้าไปสืบหาร่องรอยของคนร้ายด้วยกัน
กำลังพลของพวกเขายิ่งใหญ่ทรงพลัง ท่าทางฮึกเหิม เคลื่อนขวางฟ้าดิน ขยายรัศมีเสาะหาต่อเนื่อง
แม้แต่พื้นที่รอบนอกก็ไม่เว้น
เหวินไจ้ถึงขั้นมองว่าคนร้ายมีโอกาสสูงว่าจะอยู่ในพื้นที่รอบนอก
บนหนทางต่อจากนั้น ผู้ฝึกปราณมากมายซึ่งอยู่ในพื้นที่รอบนอกถูกพวกเหวินไจ้ไต่สวน ทั้งข่มขู่และตักเตือนโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่ไม่ได้อะไรเลย
กลับมีคนบอกว่าช่วงนี้มีขั้นสรรสร้างซึ่งเคลื่อนไหวลำพังคนหนึ่งปรากฏตัว หน้าไม่คุ้นยิ่ง มีโอกาสสูงว่าเพิ่งเข้ามาในโลกวิญญาณยุทธ์
แต่ข้อมูลเช่นนี้ถูกพวกเหวินไจ้ละเลยไป ล้อเล่นอะไร ขั้นสรรสร้างจะทำลายเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลอย่างพวกตระกูลเย่ได้หรือ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คนที่พวกเหวินไจ้ตามหาคือขั้นไร้ขอบเขต!
เมื่อพวกเขาขยายรัศมีเสาะหาอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้ฝึกปราณซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่รอบนอกแทบถูกไต่สวนหมดแล้ว
แม้ว่าพวกเหวินไจ้ไม่แพร่งพรายข้อมูลเท่าไร แต่การกระทำนี้ก็ทำให้ทั่วโลกวิญญาณยุทธ์ปั่นป่วน
“หรือว่ามีคนลงมือกับเหล่าขุมอำนาจใหญ่”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! บัวชะตามหามรรคปรากฏขึ้นวันนี้ บุคคลชั้นแนวหน้าของขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นล้วนไปร่วมการต่อสู้ห้ำหั่นในทะเลโชคชะตาแล้ว เวลานี้ย่อมเป็นโอกาสดีที่สุดในการลอบโจมตีขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นโดยไม่ต้องสงสัย!”
“แต่ใครเป็นคนทำกันแน่ ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง”
“ข้าแทบอยากให้การเปลี่ยนแปลงนี้ทวีความรุนแรงเรื่อยๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็อาจเปลี่ยนสถานการณ์ของโลกวิญญาณยุทธ์ได้ ทำให้พวกเรามีโอกาสเข้าสู่พื้นที่แกนกลาง ไปชิงโอกาสในบัวชะตามหามรรค!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น
ผู้ฝึกปราณมที่กระจายอยู่ในพื้นที่รอบนอกพวกนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นขั้นสรรสร้าง แต่ละคนมีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี มีหรือจะไม่รู้ว่าโลกวิญญาณยุทธ์ตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่เกิดขึ้น
เพียงพริบตาในใจพวกเขาต่างตื่นเต้นไม่หยุด
ขอแค่มีตัวแปรก็ย่อมมีความหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในโลกนี้ได้!
สิ่งเดียวที่พวกเขากังวลคือตัวแปรนี้จะถูกขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นกำจัดแล้ว…
ขณะเดียวกันในถ้ำสถิตใต้ดินแห่งนั้น
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง พวกหญิงสาวชุดดำสี่คนปรากฏตัวกลางอากาศ
“จากนี้ไปต้องลำบากพวกเจ้าสี่คนให้อยู่ที่นี่ช่วงหนึ่งก่อนแล้ว” หลินสวินขออภัย ประสานมือกล่าว