Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3081 เหตุไม่คาดฝันกะทันหัน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3081 เหตุไม่คาดฝันกะทันหัน
ระหว่างทางกลับมากายมรรคไม้เขียวของหลินสวินพาพวกหญิงสาวชุดดำสี่คนกลับมาอย่างราบรื่น นี่ทำให้หลินสวินวางใจโดยสมบูรณ์
ตอนนี้ฐานที่มั่นตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลหยวนพินาศย่อยยับ ในเวลาอันสั้นไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นฝีมือของเขาหลินสวิน
ทั้งขุมอำนาจศัตรูพวกนั้นย่อมไม่มีทางสงสัยลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลด้วย
นี่ก็บรรลุเป้าหมายของหลินสวินแล้ว
“สหายยุทธ์ไม่ต้องเกรงใจ หากเป็นพวกเราก็คงทำเช่นนี้แน่”
หญิงสาวชุดดำรีบกล่าว
พวกเขาย่อมรู้ดี ด้วยฝีมือของหลินสวินถ้าคิดฆ่าพวกเขาปิดปากย่อมง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ แต่หลินสวินกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น พวกเขาไหนเลยจะมีความคิดอื่นอีก
“พวกเจ้าวางใจ หลังจากนี้ต่อให้มีภัยเกิดขึ้น ข้าคนแซ่หลินจะไม่มีทางทอดทิ้งพวกเจ้าแน่” หลินสวินยิ้มกล่าว
“สหายยุทธ์หลิน ข้าบังอาจถามสักประโยคได้หรือไม่ เจ้าทำเรื่องอะไรไปกันแน่ ถึงต้องรอบคอบและระวังตัวเช่นนี้” ชายร่างสูงใหญ่เหมือนภูเขาอดกล่าวไม่ได้
หลินสวินคิดๆ แล้วไม่ได้ปิดบัง เล่าเรื่องที่ทำลายฐานที่มั่นเผ่าเทพนิรันดร์สามตระกูลอย่างพวกตระกูลเย่ออกมา
พวกหญิงสาวชุดดำฟังจบแล้วอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ในใจถูกความรู้สึกตระหนกกลบมิดโดยสมบูรณ์
ต่อให้ผ่าสมองออกมาพวกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าหลังจากผ่านมาสิบเก้าปีหลินสวินไม่ลงมือยังพอทำเนา แต่เมื่อลงมือก็ก่อเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้!
เนิ่นนานกว่าพวกเขาจะค่อยๆ สงบลง แต่สายตาที่มองหลินสวินล้วนเจือความยำเกรงอยู่ลึกๆ
“ทุกคนโปรดทำตัวตามสบาย”
ขณะกล่าวหลินสวินนั่งขัดสมาธิ เริ่มตรวจสอบทรัพย์หลังศึกครั้งนี้
การเคลื่อนไหวครั้งนี้รวมแล้วกำราบขั้นไร้ขอบเขตเล็กสามคนอย่างพวกเจวี๋ยอู๋เทียน เย่เฟยตู้ รวมถึงขั้นสรรสร้างสิบหกคน
ส่วนทรัพย์หลังศึกถือว่ามากมาย มีระเบียบระดับเทพสมบูรณ์เจ็ดสาย มีศาสตรามรรคนิรันดร์สารพัดยี่สิบกว่าชิ้น นอกจากนี้ยังมีโอสถเทพและเจตวัตถุที่จำเป็นต่อการฝึกปราณอีกบางส่วนด้วย ล้วนมีมูลค่าชวนตะลึง สามารถเติมเต็มการฝึกปราณของระดับนิรันดร์ได้
ไม่นานสายตาของหลินสวินก็หยุดอยู่ที่ไข่มุกสีขาวซึ่งเปล่งประกายแวววาวหลายเม็ด มันแผ่คลื่นพลังชะตาเป็นสายๆ
ไข่มุกนี้มีขนาดแค่ไข่นกพิราบ หลอมขึ้นจากพลังชะตามหามรรคถึงแสนชั่ง!
แน่นอนว่านี่ก็คือมุกชะตามหามรรค!
มีเพียงพกมุกนี้ติดตัวถึงจะปลอดภัยยามเข้าไปในทะเลโชคชะตา
ขณะเดียวกันพลังชะตามหามรรคที่แฝงอยู่ในมุกชะตามหามรรคก็เป็นพลังมหามรรคน่าเหลือเชื่อ มีประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกปราณของขั้นไร้ขอบเขต
ยามหลินสวินถือมุกนี้ไว้ในมือก็รู้สึกถึงคลื่นพลังเย็นสบายหนาแน่นทันที นั่นคือกลิ่นอายโชคชะตา ลึกลับเกินคาดเดา
พลังเช่นนี้อาจหลอมได้ แต่คิดจะหยั่งรู้นัยเร้นลับของโชคชะตา… กลับยากยิ่งนัก
สาเหตุอยู่ที่มุกชะตาซึ่งหลอมจากพลังชะตามหามรรคแสนชั่งเม็ดนี้ เพียงแฝงนัยเร้นลับของมรรคโชคชะตาเสี้ยวหนึ่งที่คลุมเครือยิ่งเท่านั้น
ต่อให้หยั่งถึงได้ก็ไม่ใช่จุดหลักสำคัญ
‘ก็ถูก หากกฎเกณฑ์โชคชะตาหยั่งรู้ได้ง่ายดายเช่นนั้น พวกเฒ่าชราที่กระจายอยู่ในพื้นที่แกนกลางนี้คงควบคุมกฎเกณฑ์โชคชะตาได้นานแล้ว…’
หลินสวินคล้ายขบคิด
แต่ไม่ว่าอย่างไรมุกชะตามหามรรคนี้ก็ยังเป็นสมบัติที่หาได้ยากยิ่ง
สามารถนำมันมาหลอม สร้างความแข็งแกร่งให้กับมรรควิถีของตน
เมื่อมีสมบัตินี้ก็ไปทะเลโชคชะตาได้ ชิงโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์ได้เช่นกัน
สำหรับผู้ฝึกปราณซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่รอบนอกพวกนั้น มุกชะตามหามรรคยิ่งเป็นสมบัติที่เฝ้าฝัน
เวลานี้สายตาที่พวกหญิงสาวชุดดำมองมาก็เจือแววเร่าร้อนอยู่รางๆ
“มุกชะตามหามรรคสี่เม็ดนี้มอบให้พวกเจ้าแล้วกัน”
หลินสวินหยิบมุกชะตามหามรรคออกมาสี่เม็ดแล้วส่งผ่านอากาศไป
พวกหญิงสาวชุดดำตัวสั่น ล้วนเผยสีหน้ายินดียากปกปิด “ขอบคุณสหายยุทธ์หลิน!”
หลินสวินไม่เพียงไม่ฆ่าคนปิดปาก ยังมอบสมบัติล้ำค่าอย่างมุกชะตามหามรรคให้พวกเขาด้วย นี่เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
หลินสวินยิ้มรับ ไม่พูดอันใดอีก
เขาเริ่มนั่งสมาธิ
ตอนนี้ไม่เหมาะไปฆ่าศัตรูอีกแล้ว มิฉะนั้นฐานะจะเปิดเผยโดยง่าย
แต่หลินสวินไม่รีบร้อน ขอแค่ฝั่งภูเขาเทพใบบัวไม่เกิดเรื่องผิดคาดอะไร เขาก็มีความอดทนพอจะอยู่ในถ้ำสถิตใต้ดินนี้เพื่อถ่วงเวลาศัตรูต่อไป!
‘ต่อจากนี้ควรพิจารณาเรื่องทะลวงขั้นไร้ขอบเขตแล้ว’
หลินสวินฝึกปราณพลางใคร่ครวญ
ตอนนี้เขามีพลังปราณขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว อีกแค่ก้าวเดียวก็จะก้าวเข้าสู่ธรณีประตูของขั้นไร้ขอบเขต
ขั้นไร้ขอบเขต สื่อนัยถึง อิสระ ไร้ผูกมัด ไร้สิ้นสุด
ขั้นนี้ก็คือขั้นสูงสุดของมรรคานิรันดร์ ทั้งเป็นจุดสูงสุดของมรรคาบนโลกด้วย
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ต่อให้เป็นในอารยธรรมยุคสมัยต่างๆ ผู้ก้าวสู่ระดับขั้นนี้ได้มีแค่หยิบมือเท่านั้น
โดยทั่วไปถ้าอยากก้าวสู่ระดับขั้นนี้ ต้องข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพครั้งหนึ่งก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยจะมาเยือน!
แต่เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมีหรือจะข้ามได้ง่ายดายเช่นนั้น
มองไปทั่วหล้าทุกวันนี้ หลังสังเกตเห็นว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาเยือน ระดับนิรันดร์ในขุมอำนาจใหญ่อย่างสี่หอบรรพจารย์ เผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลแทบจะย้ายรังหนี มารวมตัวกันในทะเลโชคชะตาของแหล่งสถานคุนหลุนนี้
เพราะเหตุใด
ก็เพื่อหลบเลี่ยงภัยคุกคามของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ไปคว้าโอกาสมุ่งหน้าสู่แหล่งสถานอัศจรรย์!
ขั้นไร้ขอบเขตเองก็ไม่ยกเว้น
ตามจำนวนครั้งของการข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ สำหรับพวกเขายามเจอเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอีกครั้งจะยิ่งอันตราย!
นี่ก็คือสาเหตุที่ว่าทำไมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันผู้แจ้งมรรคบรรลุขั้นไร้ขอบเขตถึงหายากเช่นนั้น
เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพคือสิ่งต้องห้ามและน่ากลัวเกินไปจริงๆ ยามข้ามเคราะห์นี้มักเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
แต่หลินสวินต่างออกไป
ใน ‘สายธารยุคสมัย’ ของแหล่งสถานศุภโชค หลินสวินเคยข้าม ‘เก้ายอดเคราะห์มรรค’ ที่พิเศษยิ่งมาแล้วครั้งหนึ่ง และยามแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างก็ครองรากฐานพลังหลุดพ้นจากเคราะห์แห่งยุคสมัยด้วย!
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพเกิดจากเคราะห์แห่งยุคสมัย
เมื่อหลินสวินมีรากฐานพลังที่หลุดพ้นจากเคราะห์แห่งยุคสมัยได้ ก็หมายความว่าเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพไม่มีทางขวางฝีเท้าของเขาได้อีก
อีกทั้งเก้ายอดเคราะห์มรรคที่กำเนิดในสายธารยุคสมัย เดิมทีก็เป็นเคราะห์ชั้นยอดที่หมายหัวระดับนิรันดร์ในแต่ละยุคสมัย หลินสวินที่ข้ามเคราะห์นี้มีกายมรรค จิตวิญญาณ พลังปราณ สภาวะจิตซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูกนานแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้วิธีที่คนอื่นแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตย่อมไม่เหมาะกับหลินสวินโดยสิ้นเชิง
ยิ่งกว่านั้นในปีนั้นที่เขาเพิ่งแจ้งมรรคขั้นสรรสร้างขั้นต้นก็เจอกับเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่เรียกได้ว่าหายาก ไม่เพียงแต่ตัวทูตชะตาสวรรค์ที่ยืมใช้เคราะห์นี้มาได้ ยังได้พลังของลายธารโจมตีพลังของระฆังแรกปฐมจนถอยร่นด้วย!
สรุปคือยามหลินสวินแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขต ย่อมไม่ได้รับผลจากเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพแล้ว!
ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือ ในโลกวิญญาณยุทธ์นี้ไม่มีทางปรากฏเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพโดยสิ้นเชิง ทำให้สำหรับขั้นสรรสร้างพวกนั้นก็ไม่มีทางมีโอกาสไปแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตเช่นกัน
แต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ยากเกินมือหลินสวิน
ตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาต้องทำในการทะลวงปราณคือเฝ้ารอจุดเปลี่ยน
จุดเปลี่ยนนี้ไม่ได้มาจากภายนอก แต่มาจากตัวเขาเอง ก็เหมือนการรับรู้ที่ฉุกคิดขึ้นได้ปุบปับ หรืออาจเป็นการตื่นรู้ที่จุดประกายขึ้นมา หรือบางทีอาจเหมือนกับมรรควิถีของตนเกิดการเลื่อนระดับเมื่อ ‘เปี่ยมล้นเต็มสมบูรณ์’ โดยธรรมชาติ
แต่จนปัจจุบันจุดเปลี่ยนนี้ยังไม่ปรากฏ
หลินสวินไม่รีบร้อน ทั้งไม่อยากฝืน สิ่งที่เขาต้องทำก็คือสะสางมรรคาตน สรุปข้อบงพร่องในอดีต ทำการตกตะกอนครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างรอ
เมื่อตกตะกอนถึงขีดสุดก็จะได้รับการเปลี่ยนแปลงและปะทุถึงขีดสุด
เวลาล่วงเลย สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้หลินสวินที่กำลังนั่งสมาธิคล้ายรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ลืมตาขึ้นทันที
…
นอกหุบเขา
วู้ม!
โคมสำริดสีน้ำเงินเข้มดวงหนึ่งลอยล่องกลางอากาศ แสงโคมพลิ้วไหว แผ่เปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้มเหมือนระลอกคลื่นมากมาย
ต่อมาเปลวเพลิงสีน้ำเงินเหล่านั้นส่งเสียงกึกก้อง
เมื่อเห็นภาพนี้เหวินไจ้และคนอื่นล้วนเผยสีหน้ายินดี
ถึงกับอยู่ที่นี่จริงๆ!
สามวันก่อนพวกเขาเกือบพลิกหาทั่วพื้นที่แกนกลางและพื้นที่รอบนอก ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าศัตรูจะซ่อนอยู่ในหุบเขาซึ่งห่างจากภูเขาเทพใบบัวไปแค่ไม่กี่พันลี้นี้!
“สถานที่ซึ่งอันตรายที่สุด บางครั้งก็เป็นสถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุด เห็นชัดว่าคู่ต่อสู้ของพวกเราคราวนี้ใจกล้ามากจริงๆ”
นัยน์ตาเหวินไจ้ฉายแววเยียบเย็น
เขาสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง โคมสำริดสีน้ำเงินเข้มร่วงลงกลางฝ่ามือ
สมบัตินี้ชื่อ ‘โคมสมบัติผนึกวิญญาณ’ สามารถสัมผัสและตรวจสอบคลื่นผนึกทุกอย่างบนโลกได้ น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ยามพวกเหวินไจ้คว้าน้ำเหลว เดิมคิดกลับไปแถวภูเขาเทพใบบัว บอกข่าวนี้กับซินอิ้งและสิงเทียนหยวน
ใครจะคิดว่ายามผ่านหุบเขาแห่งนี้ โคมสมบัติผนึกวิญญาณในมือเหวินไจ้กลับส่งเสียงครวญรางๆ!
และตอนนี้พวกเขาล้วนกล้าสรุปชัด ว่าศัตรูที่ทำลายตระกูลเย่ ตระกูลเจวี๋ย ตระกูลหยวนนั้นมีโอกาสสูงว่าจะซ่อนตัวอยู่ใต้หุบเขาแห่งนี้!
‘พวกเจ้าถอยไปให้หมด ปิดล้อมบริเวณใกล้เคียงหุบเขานี้ อีกเดี๋ยวต่อให้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรก็ไม่ต้องตื่นตระหนก’
เหวินไจ้สื่อจิตออกคำสั่ง
ขั้นไร้ขอบเขตเล็กห้าคนที่อยู่ข้างกายและผู้แข็งแกร่งขั้นสรรสร้างยี่สิบคนล้วนรับคำสั่งพร้อมเคลื่อนไหว แต่ละคนกระจายกันไปเฝ้ารอบหุบเขา ประจำการพร้อมรับมือ
เหวินไจ้ยืนกลางอากาศเหนือหุบเขาคนเดียว สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งทันที
ชิ้ง!
กระบี่มรรคเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ราวกับสะบั้นใต้หล้าฟ้าดิน บาดตาหาใดเปรียบ
จากนั้นกระบี่มรรคเล่มนี้โจมตีลงมาจากฟากฟ้า แทงเข้าไปในพื้นดินเต็มแรง
ตูม!
ทั้งหุบเขาพลันทรุดตัว ก้อนหินกลายเป็นฝุ่นผง หมอกควันพลิกตลบ ผืนดินถูกทะลวงเหมือนเต้าหู้ เกิดรูโหว่มหึมาลึกยิ่งยากหยั่งถึง
หลังจากนั้นเสียงปะทะรุนแรงระลอกหนึ่งดังออกมาจากส่วนลึกของรูโหว่มหึมานั้น พลังคลื่นผนึกที่เปล่งประกายโชติช่วงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาเหมือนภูเขาไฟระเบิด
พริบตานั้นกระแสพลังที่วิวัฒน์จากพลังผนึกโหมกระหน่ำพุ่งทะลวงห้วงอากาศ แผ่กระจายออกมาเหมือนลมพายุ เหล่าผู้ฝึกปราณที่เฝ้าอยู่ใกล้ๆ เงาร่างไหวเอนอย่างอดไม่ได้ เผยสีหน้าตกใจ
พลังผนึกน่ากลัวนัก!
ปึง!
ไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง กระบี่มรรคที่เหวินไจ้เรียกออกมาก่อนหน้านี้เหมือนถูกโจมตีอย่างหนัก กระเด็นลอยออกมาจากรูโหว่ใต้ดินนั้นอย่างรุนแรง
เวลานี้เหวินไจ้อดไหวหวั่นไม่ได้
กระบี่มรรคนิรันดร์ที่กระตุ้นโดยพลังขั้นไร้ขอบเขตของเขา ถึงกับทำลายพลังผนึกใต้ดินนั้นไม่ได้!