Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3106 ไว้อาลัยแด่เจ้า แสดงน้ำใจของข้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3106 ไว้อาลัยแด่เจ้า แสดงน้ำใจของข้า
‘พลังต่อสู้ของกู่เชาจือนี่ก็พอๆ กับจื่อเชออู๋จี้ ร่างต้นปะทะกับเขาอาจเอาไม่อยู่ ยามใช้สองกายมรรคพร้อมกันสามารถสังหารเขาได้ แต่กลับจะถูกการโจมตีสุดชีวิตก่อนสิ้นใจของเขา ทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสได้ง่ายมาก...’
หลินสวินลอบกล่าวในใจ
ก่อนหน้านี้ที่เขาสำแดงกายมรรคที่สาม จุดประสงค์ก็เพื่อสังหารกู่เชาจือโดยไม่ทันตั้งตัว เลี่ยงไม่ให้ตนบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนี้
วู้ม!
คลื่นพลังกฎระเบียบแปลกประหลาดระลอกหนึ่งแผ่กว้าง
จากนั้นเงาร่างหลินสวินถูกย้ายออกมากลางอากาศ และลานประลองเป็นตายนั่นก็อันตรธานหายไปพร้อมกัน
ผู้ชนะรอด
ผู้แพ้ตาย!
นี่ก็คือศึกตัดสินเป็นตาย
“เจ้าหนุ่ม เจ้าชื่อว่าอะไร”
ทันทีที่หลินสวินปรากฏตัวในพื้นที่หน้าด่านนภาสี่ลักษณ์ แม่เฒ่ากระเรียนเซียนก็อดส่งเสียงเอ่ยถามไม่ได้ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังสักนิด
“สหายน้อยหลิน นี่คือแม่เฒ่ากระเรียนเซียน”
สิงเจี้ยนสยาที่อยู่ไกลออกไปรีบแนะนำทันที
“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลินสวิน คารวะผู้อาวุโส”
หลินสวินประสานหมัดคารวะจากไกลๆ
“ที่แท้เจ้าก็คือหลินสวินคนนั้น!”
แม่เฒ่ากระเรียนเซียนตะลึงงัน “แต่ในข่าวลือพลังปราณของเจ้าไม่ใช่ขั้นล่วงกฎหรือ…”
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ในที่นี้ล้วนอึ้งไปเช่นกัน
ก่อนหน้านี้นานมาแล้วผู้ยิ่งใหญ่จากยุคสมัยอื่นอย่างพวกเขาก็ได้รู้ข่าวเช่นกัน ว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนามหลินสวินอาละวาดในโลกยอดนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้า ทำลายลัทธิฌานและลัทธิพ่อมดจนเจ็บหนัก
เหตุที่เรื่องนี้ก่อคลื่นลมใหญ่โตเช่นนี้ ไม่ใช่เพราะพลังที่หลินสวินสำแดงออกมาเย้ยฟ้า แต่เป็นเพราะฐานะของหลินสวิน
เขาคือผู้สืบทอดคีรีดวงกมล
ยิ่งเป็นหนึ่งบัวที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยหมื่นกาล!
และข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับ ‘หนึ่งบัวหมื่นกาล’ บรรดาเฒ่าชราอย่างพวกเขาล้วนรู้กันหมด
เพียงแต่ใครก็ไม่คาดคิดว่าหลินสวินที่มีมรรควิถีขั้นล่วงกฎในข่าวลือปีนั้น บัดนี้กลับมีพลังปราณขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว
หนำซ้ำยังเพิ่งจะสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างกู่เชาจือไปหมาดๆ!
“หรือว่า… ที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลกล่าวในปีนั้นจะเป็นเรื่องจริง”
พวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนจิตใจไหวกระเพื่อม นึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีต
“ที่แท้เจ้าก็คือหลินสวินคนนั้น”
ขณะเดียวกันบนด่านนภาสี่ลักษณ์ บรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอิงเทียนเซิงก็คล้ายเข้าใจเช่นกัน สายตาที่แต่ละคนมองหลินสวินเจือไอสังหารไม่ปิดบังสักนิด
‘เตรียมพร้อมสู้ศึก’
สิงเจี้ยนสยารีบสื่อจิตเตือนพวกฟู่หนานหลีอย่างฉับไว
ตอนนี้หากพวกอิงเทียนเซิงพุ่งกรูออกมา หลินสวินต้องถูกล้อมกรอบเป็นแน่ เช่นนั้นก็อันตรายสุดขีดแล้ว
กลับเห็นหลินสวินแหงนหน้ามองไปทางนิ่งปู้ชวีที่อยู่บนด่านนภาสี่ลักษณ์ แล้วกล่าวเรียบๆ “เมื่อครู่เจ้ารับปากแล้วว่าจะสู้ตัดสินเป็นตายกับข้าคนแซ่หลิน ตอนนี้นึกเสียใจภายหลังแล้วใช่หรือไม่”
ในที่นั้นเงียบกริบ
คนไม่น้อยสูดหายใจสะท้าน นี่หลินสวินจะตัดสินเป็นตายกับนิ่งปู้ชวีต่อหรือ
เมื่อหันมองพวกอิงเทียนเซิงอีกครา สีหน้าแต่ละคนต่างก็วูบไหวไปมาเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ในพวกเขามีใครบ้างที่คิดว่าหลินสวินจะเป็นคู่ต่อสู้ของกู่เชาจือ
ใบหน้าชราของนิ่งปู้ชวีก็ขรึมลงเช่นกัน กล่าวว่า “เสียใจทีหลังหรือ น่าขัน! ข้ายังต้องกลัวเจ้าด้วยหรือ”
หากเทียบพลังต่อสู้กันจริงๆ พลังต่อสู้ของนิ่งปู้ชวีแข็งแกร่งกว่ากู่เชาจืออยู่บ้าง
แต่นิ่งปู้ชวีรู้ดียิ่ง หากต่อสู้ตัดสินเป็นตาย หมายจะสังหารกู่เชาจือให้ตายด้วยน้ำมือเขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนสาหัสอย่างแน่นอน
แต่หลินสวินกลับกำจัดกู่เชาจือโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่ทำให้นิ่งปู้ชวียังใจสะท้านไม่หยุด
ฉะนั้นไม่ว่าคำพูดเขาจะอหังการอย่างไร อันที่จริงในใจกลับไม่ได้มั่นใจมากนัก
“ในเมื่อไม่กลัว เช่นนั้นก็มาสู้กัน!”
ขณะกล่าวหลินสวินไม่ปกปิดไอสังหารเย็นเยียบในดวงตาแต่อย่างใด
ยามเอ่ยวาจาเขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง กระทบแผ่นศิลามหามรรคที่สลักคำว่า ‘ตัดสินเป็นตาย’ ผ่านอากาศอีกครั้ง
“ยังจะสู้อีกหรือ”
พวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนยังเวียนหัวระลอกหนึ่ง รู้สึกเหมือนความเข้าใจของพวกเขาล้วนถูกลบล้างในวันนี้
คนหนุ่มขั้นสรรสร้างคนหนึ่งเพิ่งสังหารกู่เชาจือไป ตอนนี้ยังจะสังหารนิ่งปู้ชวีอีกคน!
นี่หากกระจายออกไปใครจะเชื่อ
ทว่าก่อนที่จะประมือกันพวกแม่เฒ่ากระเรียนเซียนล้วนสงบนิ่งขึ้นมาก เพราะอย่างไรทุกคนล้วนประจักษ์พลังต่อสู้เย้ยฟ้าของหลินสวินมาแล้ว ในใจจึงมองหลินสวินใหม่แล้ว
หากใคร่ครวญอย่างใจเย็น ถึงขั้นที่พวกเขาไม่คิดว่านี่เป็นการกระทำผลีผลามสักนิด
“สหายน้อยหลินนี่ออกจะเหี้ยมเกินไปแล้วกระมัง…”
จอมมรรคซานเฟิงอึ้งงัน
จู่ๆ เขาก็นึกถึงภาพยามพบหลินสวินครั้งแรก หากตอนนั้นหลินสวินลงมือจัดการตนตรงๆ… นั่นจะเป็นผลลัพธ์แบบไหนกัน
“เขาเพียงแค่อยากช่วยพวกเราสังหารศัตรูส่วนหนึ่งในขณะที่ลับคมตนเอง”
แววตาสิงเจี้ยนสยาซับซ้อน มองออกถึงจุดประสงค์ในการทำเช่นนี้ของหลินสวิน ในใจซาบซึ้งอยู่บ้าง
“ในครั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดเหตุเหนือคาดแค่ไหนก็ห้ามให้สหายน้อยหลินเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
ฟู่หนานหลีที่อยู่ข้างกันกล่าวเสียงขรึม เด็ดเดี่ยวแน่วแน่
วู้ม!
พลังกฎระเบียบคลุมเครือแปลกประหลาดปรากฏเป็นระลอกๆ ลานประลองเป็นตายใกล้จะปรากฏอีกครั้ง
บนด่านนภาสี่ลักษณ์ บรรยากาศกดดันและอึมครึมสุดขีดอย่างเห็นได้ชัด
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนสีหน้าเคร่งขรึม ไอสังหารในดวงตาเดือดพล่าน
การตายของกู่เชาจือเดิมก็ทำให้พวกเขาเดือดดาล หน้าอับแสง และตอนนี้หลินสวินท้าทายอีกครั้ง ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกถูกท้าทายศักดิ์ศรี
มีเพียงนิ่งปู้ชวีที่สีหน้าแข็งทื่อ ในใจหนักอึ้ง แทบอยากตบปากตัวเอง
ก่อนหน้านี้เหตุใดจึงรับคำท้าเจ้าหมอนี่ง่ายๆ ขนาดนั้น
แน่นอนว่าตอนนี้คืนคำได้
เพียงแต่ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ทันทีที่คืนคำ นั่นย่อมเท่ากับยอมรับว่าตนสู้ขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินไม่ได้!
และย่อมจะทำให้ชื่อเสียงของเขานิ่งปู้ชวีป่นปี้ ตัวแพ้ชื่อเสียงพังยับ!
ชั่วขณะหนึ่งนิ่งปู้ชวีถึงขั้นรู้สึกว่าขึ้นหลังเสือแล้วลงยาก
และในเวลานี้…
ตูม!
ลานประลองเป็นตายปรากฏขึ้นพาดขวางอากาศ
จากนั้นเงาร่างสองสายถูกพลังกฎระเบียบลึกลับคลุมเครือนั่นห่อหุ้ม ปรากฏตัวอยู่ในลานประลองเป็นตาย ประจันหน้ากันอยู่ไกลๆ
คนหนึ่งคือหลินสวิน
อีกคนสวมชุดเรียบง่าย ดูภูมิฐาน เสมือนบัณฑิตหล่อเหลาคงแก่เรียนคนหนึ่ง กลิ่นอายโดดเด่นเหนือผู้คน
แต่ไม่ใช่นิ่งปู้ชวี!
เมื่อเห็นภาพนี้หลินสวินอึ้งไปน้อยๆ
ส่วนพวกสิงเจี้ยนสยาก็พากันหน้าเปลี่ยนสี
แม้แต่นิ่งปู้ชวีเองยังอึ้งงันครู่หนึ่ง จากนั้นเลื่อนสายตาหันมองอิงเทียนเซิง
เขารู้ว่านี่ต้องเป็นฝีมือของอิงเทียนเซิงแน่
แม่เฒ่ากระเรียนเซียนเอ่ยด่า “อิงเทียนเซิง เจ้าในฐานะเจ้าของด่านนภาสี่ลักษณ์ กลับใช้ประโยชน์จากกฎระเบียบด่านนภาทำเรื่องลักขื่อเปลี่ยนเสา รู้สึกขายหน้าบ้างหรือไม่”
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็เผยแววเหยียดหยามเช่นกัน
อิงเทียนเซิงที่ท่าทางมีสง่าดุจเซียน หน้าตาโอบเอื้อกล่าวเรียบๆ “แม่เฒ่ากระเรียนเซียน ในเมื่อข้าเป็นเจ้าของด่านนภาสี่ลักษณ์ ย่อมสามารถจัดสรรคนออกไปต่อสู้ได้ตามใจ หากพวกเจ้าไม่ยอมก็เข้ามาสู้ได้เลย”
ประโยคเดียวทำเอาคนไม่อาจโต้แย้ง
นี่ก็คือข้อได้เปรียบของผู้ยึดครองด่านนภา
จะตัดสินเป็นตายหรือ
ได้
แต่เจ้าของด่านนภากลับสามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ใครต่อสู้!
‘สหายน้อยหลิน คู่ต่อสู้ของเจ้าคือ ‘จอมมารหูยง’ แม้ว่าเขาและกู่เชาจือจะเคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพห้าครั้งเหมือนกัน แต่ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้กลับไม่ด้อยไปกว่าซินหู เจ้าต้องระวังให้มาก’
สิงเจี้ยนสยาสื่อจิตทันที บอกรายละเอียดส่วนหนึ่งของคู่ต่อสู้ให้หลินสวิน
จอมมารหูยง หนึ่งในขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ชั้นปลายยอดแห่งยุคมาร ครอบครอง ‘กฎระเบียบกาลเวลา’ อภินิหารพรสวรรค์คือ ‘ประวัติศาสตร์มอดไหม้’
ส่วนศาสตรามรรคของเขานามว่า ‘วงล้อกาลเวลา’ อานุภาพยากหยั่งถึง ลี้ลับสุดขีด
ในฝั่งของพวกอิงเทียนเซิง จอมมารหูยงเรียกได้ว่าเป็นคนชั้นยอดอันดับต้นๆ แม้แต่ในทุกยุคสมัยในทะเลโชคชะตายังเรียกได้ว่าโดดเด่นเกรียงไกร
เมื่อรู้เรื่องเหล่านี้ นอกจากความสะท้าน ในใจหลินสวินก็ผุดจิตต่อสู้ราวเดือดคลั่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เช่นกัน
คู่ต่อสู้ที่ไม่ด้อยไปกว่าซินหู!
จอมมารสะท้านยุคที่ครอบครอง ‘กฎระเบียบกาลเวลา’ เช่นเดียวกัน!
คู่ต่อสู้เช่นนี้ ก็มีแต่ในโลกบัวชะตาแห่งนี้เท่านั้นจึงจะได้พานพบ
“สหายน้อย ต้องระวังให้มาก”
สีหน้าแม่เฒ่ากระเรียนเซียนเคร่งขรึม แม้จะไม่พอใจกับการกระทำต่ำช้าของอิงเทียนเซิง แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้อีก
“ตัดสินเป็นตายกับจอมมารหูยง… คราวนี้แย่แน่…”
ในใจคนอื่นๆ อดปาดเหงื่อแทนหลินสวินไม่ได้ หากเป็นนิ่งปู้ชวี คงไม่ถึงขั้นทำให้คนเคร่งเครียดแทนหลินสวินเช่นนี้
แต่จอมมารหูยงไม่เหมือนกัน
ความแข็งแกร่งของเขาคนรู้กันทั่วตั้งแต่ในการต่อสู้มหามรรคหลายยุคสมัยนานแล้ว!
“เหล่าสิง คราวนี้จะทำอย่างไร…”
จอมมรรคซานเฟิงวิตกขึ้นมาอีกครั้ง
ห่วงมากพานวุ่นใจ
สิงเจี้ยนสยากล่าว “การโจมตีเต็มกำลังของซินหูยังถูกสหายน้อยหลินต้านไว้ได้ หากสู้สุดกำลังจริงๆ ก็ใช่ว่าสหายน้อยหลินจะไม่มีโอกาสสังหารอีกฝ่าย”
“เฮ้อ ข้ายังกังวลใจมากอยู่ดี…”
จอมมรรคซานเฟิงถอนใจยาว
“เหอะๆ การต่อสู้นี้เจ้าหมอนี่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
บนด่านนภาสี่ลักษณ์ สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยล้วนเผยแววรอคอยอย่างกระหายเลือด แทบทนไม่ไหวอยากให้จอมมารหูยงโจมตีหลินสวินตายคาที่ในทันที จะได้แก้แค้นให้กู่เชาจือที่ตายไป
บนลานประลองเป็นตาย
“ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้าเคยโจมตีข้าบาดเจ็บในการต่อสู้มหามรรค เกือบทำให้ข้าร่างแหลกมรรคสลายทั้งอย่างนั้น แต่ในโชคร้ายยังมีโชคดี เป็นเพราะบาดเจ็บครั้งนั้นกลับทำให้ข้าพบพลังแฝงของตัวเอง ไม่เพียงฟื้นฟูพลังต่อสู้ ยังก้าวหน้าในมรรคาไร้ขอบเขตอีกด้วย”
จอมมารหูยงเอ่ยปาก เสียงดุจระฆังรุ่งสางกลองพลบค่ำ
เขาสวมชุดบัณฑิต ภูมิฐานสง่างาม เสมือนปราชญ์คงแก่เรียน ไม่มีกลิ่นอาย ‘จอมมาร’ สักเสี้ยวจริงๆ
แต่ประโยคนี้ของเขากลับทำให้หลินสวินเลิกคิ้วไม่หยุด
เจ้าเฒ่านี่… ถึงกับเคยต่อสู้กับอาจารย์หรือ
หลินสวินพลันยิ้มเรียบๆ “กล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่เจ้ายังต้องขอบคุณบุญคุณอาจารย์ข้าที่ช่วยสงเคราะห์หรือ”
“ไม่ผิด”
จอมมารหูยงไม่ได้ดูหัวเสียสักนิด รอยยิ้มอบอุ่นอารี “ดังนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณของเขาในปีนั้น วันนี้ข้าจะเด็ด ‘ดอกบัว’ ที่เขารอคอยหมื่นกาล ปลิดกลีบดอกทิ้ง ดูมัวร่วงโรยเหี่ยวเฉา นี่ไม่ใช่งดงามหรอกหรือ”
ความหมายแฝงในคำพูดนั้นทำให้คนสั่นสะท้าน
“ปีนั้นเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์ข้า วันนี้เจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ข้าด้วยเช่นกัน เชื่อหรือไม่แค่สู้เดี๋ยวก็รู้เอง”
หลินสวินสีหน้าเยือกเย็น สงบนิ่งเยือกเย็นเช่นเดิม
ขั้นสรรสร้างคนหนึ่งเผชิญหน้ากับพวกน่าสะพรึงระดับจอมมารหูยง กลับยังคงรักษาความแข็งแกร่งและเยือกเย็นเช่นนี้ได้ ทำให้คนไม่น้อยในที่นี้ล้วนนับถือ
ถึงขั้นที่อิงเทียนเซิงยังอดทอดถอนใจระลอกหนึ่งไม่ได้ บัวส่องแสงเบ่งบานดอกนี้… หากรับใช้ทำประโยชน์ให้ตนจะดีแค่ไหนกัน
น่าเสียดาย ดอกบัวก็โรยร่วงและเหี่ยวเฉาได้เช่นกัน
เหมือนอย่างตอนนี้
“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน”
จอมมารหูยงหัวเราะออกมา นัยน์ตาไม่ได้ปิดบังความชื่นชมต่อหลินสวินสักนิด “รอหลังศึกนี้ข้าจะกระหวัดพู่กันละเลงหมึกวาดภาพ ‘ใบเหี่ยวบัวเฉา’ ภาพหนึ่ง เพื่อไว้อาลัยแด่เจ้า แสดงน้ำใจของข้า”