Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 313
เรือรบวีรชนม่วงอีกลำก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ จึงไหวตัวไม่ทัน
บึ้ม!
เสียงกัมปนาทดังกระหึ่ม เรือรบลำนั้นพรุนเป็นรู เขม่าควันลอยโขมงร่วงหล่นลงกับพื้น กองไฟลามไหม้อยู่ตรงหน้า ทำเอาตู้ซิงชวน เสี่ยวมู่และผู้ฝึกปราณคนอื่นตะลึงตาค้าง
ทำร้ายพวกของตัวเองก็ได้หรือ เล่นอะไรกันอยู่เนี่ย
โครม! เรือรบวีรชนม่วงลำนั้นร่วงลงถึงพื้น เกิดเสียงระเบิดตามมาด้วยควันโขมงดำ ไม่ต้องสงสัย ผู้ฝึกปราณบนเรือนั้นไม่มีชีวิตรอดแน่แล้ว
เสียงระเบิดโครมครามทำให้พวกตู้ซิงชวนตื่นจากภวังค์ กระวีกระวาดตกใจ
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”
“เกิดอะไรขึ้น”
“บัดซบ! นั่นเรือรบวีรชนม่วงเชียวนะ หนึ่งลำมีมูลค่ากว่าแสนเหรียญทองเสียอีก!”
ยามนี้แม้แต่ตู้ซิงชวนก็งงงัน ไม่เข้าใจเรื่องราว
พลันเขาก็เห็นเรือรบวีรชนม่วงอีกลำบินมาจากที่ไกล ชัดเจนว่ารับรู้ถึงเหตุการณ์วุ่นวายตรงนี้แล้ว
ฉึก
เรือรบวีรชนสีม่วงลำแรกก็เตรียมลูกปืนใหญ่สลักวิญญาณอีกครั้ง แสงแวววาวสะท้อนออกมาจากรอยสลักวิญญาณแสบสะท้านตา
แย่แล้ว!
ตู้ซิงชวนตระหนก
บึ้ม!
ลูกปืนใหญ่พุ่งออกไปอีกครั้ง เรือรบวีรชนม่วงที่มาใหม่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงถูกยิงร่วงบนพื้นดิน
“หัวหน้าขอรับ ข้าว่าเหตุการณ์มันแปลกๆ” เสี่ยวมู่ตะโกนบอก
“ไม่ต้องเดาหรอก เรือรบวีรชนม่วงลำนั้นถูกเป้าหมายโจรกรรมไปแล้ว” ตู้ซิงชวนหน้าครึ้มเขียว ถ้าเขายังมองสถานการณ์ไม่ออกก็โง่เต็มทนแล้ว
“อะไรนะ ถูกเป้าหมายโจรกรรมแล้ว”
“บ้าเอ๊ย! นั่นมันเรือรบวีรชนม่วงที่แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับมหาสมุทรวิญญาณยังเปิดประตูเรือไม่ออก ทำไมถึงถูกเป้าหมายโจรกรรมไปได้”
“แล้วการควบคุมเรือรบวีรชนม่วงต้องมีเคล็ดวิชาลับด้วย เป้าหมายรู้วิธีควบคุมเรือรบได้อย่างไร”
เสียงร้องตกใจดังขึ้น ถูกความจริงที่พบเห็นตีแสกหน้า
สำหรับพวกเขาแล้ว เรือรบวีรชนม่วงคืออาวุธสังหารที่พึ่งพาได้ที่สุด แต่ตอนนี้เรือรบสองลำถูกทำลาย อีกหนึ่งลำถูกเป้าหมายควบคุม ใครจะรับได้กันเล่า
“หัวหน้าขอรับ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี” เสี่ยวมู่ร้อนรน
ตู้ซิงชวนยืนซวนเซ ด้วยรับไม่ไหวกับเรื่องราวที่ถาโถม ปากสั่นระริก “จบแล้ว ทุกอย่างจบแล้ว ถ้ารู้อย่างนี้…น่าจะถอยไปตั้งนานแล้ว จะได้ไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น…”
“หัวหน้าขอรับ ท่านเป็นอะไรไป” เสี่ยวมู่ร้อง
ตู้ซิงชวนกระอักเลือดออกมา หน้าขาวซีด สองตาไร้แวว
“หนี หนีไป ถ้าไม่ไปเราจะตายกันหมด” ตู้ซิงชวนอ่อนแรงคล้ายสูญเสียพลังทั้งหมด คิดดูว่าเขาถูกเรื่องราวถาโถมหนักหนาเพียงใด
“หนี! รีบหนีไป!” เสี่ยวมู่ตะโกนก้อง
ผู้ฝึกปราณที่อกสั่นขวัญแขวนอยู่นานแล้วได้ยินเช่นนั้นจึงวิ่งกันหางจุกก้น เสี่ยวมู่แบกร่างของตู้ซิงชวนวิ่งหนีท่ามกลางความมืด เขารู้ว่าภารกิจครั้งนี้จบเห่ไม่มีทางกลับลำแล้ว ในตอนนี้อย่างอื่นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ชีวิตสำคัญที่สุด
…
บนท้องฟ้า
หลินสวินควบคุมเรือรบวีรชนม่วงอย่างคล่องแคล่ว การควบคุมแผ่นจานควบคุมกระบวนวิญญาณสำหรับเขานั้นไร้ซึ่งความลำบาก ช่วยไม่ได้ ใครให้เขาเป็นคนออกแบบมันมากับมือกันเล่า
พูดได้ว่าทุกตารางพื้นที่ ทุกรอยสลักวิญญาณหรือแม้กระทั่งเตาหลอมวิญญาณบนเรือรบวีรชนม่วงนี้หลินสวินก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมา เขาจึงควบคุมมันได้อย่างคุ้นเคยจนผู้ฝึกปราณคนอื่นอ้าปากค้าง หลินสวินควบคุมเรือรบวีรชนม่วงโผบินไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานสายตาก็กำหนดเป้าหมายจุดใหม่ได้
เรือรบวีรชนม่วงสองลำบินขนาบกันมาท่ามกลางความมืด เด็กหนุ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติได้อย่างชัดเจน พวกมันมุ่งเข้ามาทางเรือรบวีรชนม่วงที่เขาควบคุมอยู่ จากนั้นก็เริ่มโจมตี
ฮูม
พลันกลางอากาศมีลูกไฟพุ่งลอยออกมาท่ามกลางความมืด ทั่วบริเวณสว่างจ้าไม่ต่างจากยามกลางวัน
หลินสวินบังคับเรือรบวีรชนม่วงหลบลูกปืนด้วยความนิ่งสงบ แม้เขาจะเพิ่งเคยขับเรือรบในยามต่อสู้เป็นครั้งแรก แต่ก็ไร้ซึ่งความกลัว เพราะเขาเข้าใจการทำงานของเรือรบวีรชนม่วงอย่างดีและควบคุมมันได้อย่างไร้ที่ติ
ฟิ้ว
หลินสวินขับเรือรบวีรชนม่วงหลบหลีกการโจมตีได้คล่องแคล่วดุจผีเสื้อโผบิน คล้ายกับเรือรบวีรชนม่วงมีชีวิต จนผู้ฝึกปราณบนเรือรบวีรชนม่วงอีกสองลำประหลาดใจ เบิกตาโพลง
ใช่แล้ว พวกเขาเพิ่งเคยเห็นการควบคุมเรือรบวีรชนม่วงได้อย่างไร้ที่ติถึงเพียงนี้ เปรียบกันแล้ว เรือรบที่พวกเขาควบคุมนั้นช่างหยาบกระด้างเหลือเกิน
“เร็วเข้า เปิดใช้ไฟทั้งหมด!”
“บ้าเอ๊ย! ใครเป็นคนขับเรือรบวีรชนลำนั้นกัน”
ศัตรูในเรือรบวีรชนม่วงทั้งสองลำก่นด่า เพราะตะลึงกับการควบคุมเรือรบอย่างคล่องแคล่วของหลินสวิน
ฮูม
เรือรบที่อยู่บนฟ้ายิ่งใหญ่สง่างาม แสงลูกปืนใหญ่ลอยคล้ายดาวตกอยู่บนอากาศสะท้อนบนผืนภูเขาและแม่น้ำ
บนภาคพื้น ภูเขาและก้อนหินแตกละเอียด ผืนดินถล่มย่อยยับ ไม่ต่างไปจากการสู้กันระหว่างผู้แข็งแกร่งระดับหาสมุทรวิญญาณแม้แต่น้อย
ที่น่าแปลกก็คือ หลินสวินเอาแต่บังคับเรือรบหลบหลีกไม่ได้โจมตีกลับสักครั้ง คล้ายกำลังรอโอกาส
ผู้ฝึกปราณบนเรือรบวีรชนม่วงสองลำต่างสะท้าน ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับงูพิษที่เอาแต่หลบหลีกแล้วโอกาสรอฉกฉวยชีวิตพวกเขา
ไม่ว่าเรือรบวีรชนม่วงทั้งสองลำจะร่วมมือกันอย่างไร สุดท้ายก็ไม่อาจทำร้ายอีกฝ่ายได้เลย กลับกันการโจมตีไม่หยุดพักทำให้เรือรบของพวกเขาสูญเสียผลึกวิญญาณชั้นสูงไปเป็นจำนวนมาก
ไม่นาน ผู้ฝึกปราณบนเรือรบวีรชนม่วงลำหนึ่งตะโกนขึ้น “แย่แล้ว เหลือผลึกวิญญาณระดับสูงเพียงก้อนเดียว พวกเราต้องรีบลงจอด ไม่อย่างนั้นเรือรบจะตกลงไปเพราะสูญเสียการควบคุม”
ประโยคนั้นทำเอาผู้ฝึกปราณคนอื่นตัวแข็ง ไม่ว่าอย่างไรชีวิตก็สำคัญกว่าสิ่งใด เหล่าผู้ฝึกปราณบังคับเรือรบวีรชนม่วงออกไปไกล เตรียมการลงจอด
ขณะนั้น เรือรบวีรชนม่วงที่หลินสวินขับอยู่โจมตีอย่างไม่ลังเล เหมือนกับรอเวลานี้มานานแล้ว
บึ้ม!
ลูกปืนไฟยาวดุจประทัดพุ่งรัวออกมาท่ามกลางอากาศ ยิงไปที่เรือรบวีรชนม่วงที่เตรียมจะหนี ทำให้เรือลำนั้นระเบิดกลางอากาศร่วงลงบนพื้น
เรือรบวีรชนม่วงอีกลำหวาดหวั่น เก็บลูกไฟหักหัวเรือบินหนีไปอีกด้าน
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ในการสู้แบบตัวต่อตัว พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเป้าหมายเลย ต้องหนีเท่านั้นถึงจะมีโอกาสมีชีวิตรอด
กระนั้นพวกเขาประเมินความสามารถของหลินสวินต่ำเกินไป ขณะที่ยิงเรือรบวีรชนม่วงลำนั้น เด็กหนุ่มก็บังคับเรือไล่ตามตามเรืออีกลำไป ก่อนจพปล่อยลูกปืนใหญ่ที่เตรียมเอาไว้ ทำลายเรือรบวีรชนม่วงลำสุดท้าย
แสงไฟลุกโชนบนฟ้าและควันโขมงดำเหล่านั้นทำให้หลินสวินนึกถึงลั่วลั่ว แม่ของลั่วลั่วที่เรียบร้อยจิตใจดี และรถรับส่งรอยสลักวิญญาณคันนั้นที่ถูกเรือรบวีรชนม่วงทำลาย
“แค้นของพวกเจ้า ข้าชำระคืนแล้ว พักผ่อนอย่างสงบเถิด”
หลินสวินรำพึงในใจด้วยท่าทีสงบนิ่ง แค้นของคนอื่นชำระแล้ว แต่เส้นทางความแค้นของเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น โจมตีศัตรูกลับก็จบแล้วอย่างนั้นหรือ เข้าไปในนครต้องห้ามแล้วเรื่องทุกอย่างจะจบสิ้นใช่หรือไม่
ไม่มีทาง!
ภารกิจล้อมวงสังหารเขาครั้งนี้ไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่
ตระกูลฉือที่อยู่เบื้องหลังศัตรู รวมไปถึงขุมอำนาจที่อาจจะอยู่เบื้องหลังตระกูลฉืออีกทอดหนึ่ง คนเหล่านั้นต่างหากที่เป็นผู้ชักใยที่แท้จริง!
หลินสวินจะไม่ปล่อยความแค้นนี้ไปง่ายๆ ไม่ว่าเพราะต้องแก้แค้น หรือเพื่อสืบหาความจริงที่พวกเขากีดกันไม่ให้ตัวเขาเข้าไปในนครต้องห้ามก็ตาม
ติ๊ด ติ๊ด
เสียงร้องของเรือดังขึ้นทำเอาหลินสวินผงะ ก่อนจะบังคับเรือรบลงจอดอย่างระมัดระวัง
ปัง!
หลินสวินเปิดประตูเรือ แล้วหายตัวเข้าไปในความมืด
เรือรบวีรชนม่วงเป็นของล้ำค่าที่มีมูลค่าสูง น่าเสียดายที่ใช้การไม่ได้อีกเมื่อหมดผลึกวิญญาณชั้นสูง หลินสวินทำได้เพียงทิ้งมัน แต่ก่อนจากไป เขาก็ค้นหาสมบัติทั้งหมดบนเรือและนำไปด้วย ไม่วายทำลายเตาหลอมวิญญาณที่เป็นจุดสำคัญบนเรือทิ้ง แม้ศัตรูจะนำมันกลับไป หากไม่เสียเวลาและทุนทรัพย์อย่างมาก ก็ไม่สามารถซ่อมแซมมันได้อีก
แกว๊ก
หลินสวินหยุดวิ่งเมื่อได้ยินร้อง เงยหน้าขึ้นฟ้าเห็นเหยี่ยวสอดแนมตัวหนึ่งกำลังบินผ่านไป เด็กหนุ่มผุดยิ้ม โบกมือให้กับเหยี่ยวสอดแนมก่อนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง