Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3138 เมื่อถึงทางตันจึงเกิดแรงฮึด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3138 เมื่อถึงทางตันจึงเกิดแรงฮึด
ตอนที่ 3138 เมื่อถึงทางตันจึงเกิดแรงฮึด
คำพูดของตู้เฟิงสร้างความไม่พอใจให้สิงเจี้ยนสยา เอ่ยว่า “ทางตันที่ไม่อาจคลี่คลายได้หรือ ตั้งแต่สหายน้อยหลินเข้าสู่โลกบัวชะตามาจนตอนนี้ เหตุการณ์ที่ถูกพวกเจ้ามองว่าเป็นทางตันสำหรับเขามีน้อยหรือไร แต่ตอนนี้เฒ่าชราที่เป็นศัตรูกับสหายน้อยหลินพวกนั้นคนไหนบ้างที่จบสวย”
ตู้เฟิงยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรอีก
นี่เป็นท่าทางคร้านจะโต้แย้ง
ฉือเชียนจีที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยถามว่า “ถ้าคราวนี้สหายน้อยหลินไม่เลือกให้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นช่วย ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น”
อี้อู๋อิ๋นเอ่ย “เช่นนั้นเขาก็จะตกอยู่ระหว่าง ‘ความตาย’ และ ‘ชีวิตใหม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่า กลายเป็นหนึ่งในสรรพชีวิตไพศาลเหล่านี้ และ ‘การตาย’ แต่ละครั้งก็เท่ากับแพ้ให้มหามรรคของข้าหนึ่งครั้ง ท้ายที่สุด… เขาจะหลงอยู่ในร้อยลักษณ์สรรพชีวิตโดยสมบูรณ์ และทำได้เพียงเอ่ยยอมแพ้เอง”
“พูดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เขาเลือกถูกหรือ”
ฉือเชียนจีเลิกคิ้ว
“ก็ไม่เชิง”
อี้อู๋อิ๋นพูด “เสี่ยวเอ้อร์นั่นช่วยเขาครั้งหนึ่ง เท่ากับเอากฎกรรมของตนไปผูกมัดกับสหายน้อยหลิน เช่นนี้ไม่ว่าสหายน้อยหลินจะทำสิ่งใด กระทั่งว่าไม่ทำอะไรเลย ก็จะจมเข้าไปในสถานการณ์อย่างไม่อาจควบคุม ดั่งจอกแหนถูกม้วนตามสายธาร ทำได้เพียงไหลไปตามกระแส และในระหว่างนี้กฎกรรมที่พันผูกอยู่บนตัวเขาก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ”
“ทุกท่านเองก็รู้ เมื่อมีกฎกรรมพันผูกมากเกินไป คิดจะสลัดทิ้ง… ก็ยากเกินไปแล้ว”
พูดถึงตรงนี้อี้อู๋อิ๋นเอ่ยอีกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้เตือนสหายน้อยหลินไปแล้วว่าแม้ข้าจะควบคุมโลกกระดานหมากนี้ แต่กลับไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับกฎกรรมของสรรพชีวิตที่อยู่ในนี้ แต่เขาคล้ายจะไม่สนใจ”
ฉือเชียนจีนิ่วหน้าเอ่ย “รุกก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่สามารถ หมากที่เฒ่าชราอย่างเจ้าวางมันทางตัน”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นต่างก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง สีหน้าแตกต่างกันไป
อี้อู๋อิ๋นเป็นหนึ่งในขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ชั้นเลิศในหมู่พวกเขา มรรคาที่เขาเสาะหาก็คือ ‘การดำรงชีพของสรรพชีวิต’ เกี่ยวโยงกับพลังของกฎกรรมและโชคชะตา
ถ้ามองโชคชะตาเป็นมรรคต้องห้ามสูงสุด เช่นนั้นพลัง ‘การดำรงชีพของสรรพชีวิต’ ที่อี้อู๋อิ๋นครอบครองก็คล้ายคลึงกับมหามรรคโชคชะตายิ่ง!
“เหอะๆ ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร มิหนำซ้ำผ่านการต่อสู้คราวนี้ไป ต่อให้แพ้ก็ไม่ได้มีผลเสียกับสหายน้อยหลิน” อี้อู๋อิ๋นยิ้มเอ่ย
“เขาไม่แพ้หรอก”
ซู่หวั่นจวินที่สังเกตการณ์อย่างเฉยชามาตลอดพลันเอ่ยขึ้น “แม้ ‘การดำรงชีพของสรรพชีวิต’ ของเจ้าจะเรียกได้ว่าเหนือล้ำมหามรรคในโลก แต่เทียบกับมหามรรคที่หลินสวินครอบครองแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่ดี”
นางเอ่ยปากตอนนี้ ทำให้ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน ตกตะลึงไปหมด คล้ายคิดไม่ถึงว่านางมารซู่หวั่นจวินผู้นี้จะถึงกับถือหางหลินสวินขนาดนี้
“สหายยุทธ์หวั่นจวินคิดว่าพลังนิพพานทำลายทางตันนี้ได้หรือ”
อี้อู๋อิ๋นนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย คำพูดของคนอื่นเขาไม่ใส่ใจได้ แต่คำพูดของซู่หวั่นจวินกลับทำให้เขาต้องให้ความสำคัญ
ซู่หวั่นจวินเอ่ย “ดูต่อไปก็พอ”
……
“ขอทานเฒ่า เจ้ามีวิธีช่วยรักษาอาการป่วยของแม่ข้าจริงหรือ”
หน้าประตูโรงเตี๊ยม เสี่ยวเอ้อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เรื่องมารดาของเขาป่วยหนัก กระทั่งหลงจู๊โรงเตี๊ยมยังไม่รู้ แต่เมื่อครู่ขอทานคนนี้กลับพูดออกมา
“ถ้าข้าเดาไม่ผิด ก่อนหน้านี้เจ้าเสียเงินจำนวนมากเชิญหมอมาดูอาการแม่เจ้าหลายคนแล้ว แต่พวกเขาต่างบอกว่านางเป็นโรคร้าย ไม่อาจรักษาได้ใช่หรือไม่”
หลินสวินลุกขึ้นมาอย่างยากเย็น หลังพิงกำแพงนอกโรงเตี๊ยม จากนั้นพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง
“ใช่แล้วๆ”
เสี่ยวเอ้อร์ตื่นเต้นนัก ชื่อเรียกยังเปลี่ยนไป “อาจารย์เฒ่า ท่านเดาแม่นเหมือนรู้เหตุการณ์จริงๆ อย่างกับเทพเซียน”
หลินสวินยิ้ม “เจ้าเคยพบเทพเซียนหรือ”
เสี่ยวเอ้อร์พูดอายๆ ว่า “ที่ไหนเล่า นี่มันเรื่องสมมติทั้งนั้น ใครไม่รู้บ้างว่าเทพเซียนกับภูตผีปีศาจบนโลกนี้เป็นเรื่องปลอมทั้งหมด”
เขาไม่รู้ว่าบนโลกนี้อาจไม่มีเทพเซียนภูตผี แต่ขอทานเฒ่าตรงหน้านี้กลับร้ายกาจกว่าเทพเซียนภูตผีเสียอีก
“อยากให้ข้าช่วยแม่เจ้าก็ย่อมได้ ให้ข้าเติมท้องอิ่มก่อนค่อยว่ากัน”
หลินสวินเอ่ย
“ได้เลย ท่านรอก่อน!”
เสี่ยวเอ้อร์หายไปในโรงเตี๊ยมอย่างรวดเร็ว
ด้านหลินสวินพิงหลังกับกำแพง ขณะมองดูฝูงชนขวักไขว่บนถนนนั้น สายตาก็ค่อยๆ มองไปที่เวิ้งฟ้าที่อยู่ไกลออกไป รำพึงในใจว่า ‘ใช้กฎกรรมของสรรพชีวิตเป็นกระดาน ฝีมือเลิศล้ำจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าอาจทำได้แค่ออกแรกทำลาย แต่ตอนนี้… ข้ากลับอยากสัมผัสเสียหน่อยว่าพันธนาการของโชคชะตากฎกรรมนี้จะมีนัยเร้นลับซ่อนอยู่เพียงไหนกันแน่’
ไม่นานนักเสี่ยวเอ้อร์ก็ถือเนื้อวัวสองชั่งกับสุราร้อนๆ หนึ่งกาออกมา
“โอ๊ะ ทำเจ้าเปลืองเงินแล้ว” หลินสวินยิ้มพลางหยอก
เสี่ยวเอ้อร์เอ่ย “ขอเพียงอาจารย์เฒ่าช่วยรักษาอาการป่วยของแม่ข้าได้ ให้ข้าเลี้ยงท่านไปทั้งชาติก็ยังไหว!”
“ใจกตัญญูน่าชื่นชม!”
หลินสวินชมเขาแล้วเอาเนื้อวัวกับสุรามาดื่มกิน
เมื่ออิ่มแล้วหลินสวินถึงเอ่ยว่า “เตรียมน้ำร้อนให้ข้า ข้าจะล้างหน้าล้างตาสักหน่อย จริงสิ ถ้ามีเสื้อผ้าก็ช่วยเตรียมให้ข้าสักชุด”
เสี่ยวเอ้อร์อึ้งไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะยังเรียกร้อง เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์เฒ่า หรือรอตอนค่ำท่านตามข้าน้อยไปล้างหน้าล้างตาที่บ้านข้าเป็นอย่างไร”
“เกรงว่าข้าจะรอไม่ได้”
หลินสวินส่ายหัว
เสี่ยวเอ้อร์กัดฟันเอ่ยว่า “อาจารย์เฒ่า ท่านตามข้ามา”
ขณะพูดเขาย่อตัวลงแบกหลินสวินไว้บนหลังแล้วเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม และถูกหลงจู๊โรงเตี๊ยมตำหนิอย่างเลี่ยงไม่ได้
เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มสู้พลางอธิบาย ก่อนทำหน้าหนาพาหลินสวินเดินเข้าไปในห้องฟืนที่ลานด้านหลังภายใต้สายตาที่แทบจะฆ่าคนได้ของหลงจู๊
จากนั้นก็เริ่มตัดฟืน ต้มน้ำ กระทั่งหลินสวินเริ่มอาบน้ำ เสี่ยวเอ้อร์ก็กุลีกุจอไปเอาชุดผ้าป่านที่สะอาดชุดหนึ่งออกมา
หลังจากหลินสวินล้างหน้าล้างตาแล้วเปลี่ยนเป็นชุดสะอาด ตัวเขาก็สดชื่นขึ้นมาก
ครั้นมองดูเสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่อีกด้าน สีหน้าล้วนเผยแววกระวนกระวายแล้ว
“วันนี้เพราะข้า ทำให้เจ้าล่วงเกินหลงจู๊เข้า ไหนจะควักเนื้อตัวเองเตรียมเนื้อเตรียมเหล้าให้ข้าอีก ไม่กังวลใจหรือ” หลินสวินยิ้มถาม
“กังวลสิ”
เสี่ยวเอ้อร์กัดฟันเอ่ย “แต่ขอเพียงช่วยรักษาโรคของแม่ข้าให้หาย เรื่องพวกนี้ก็ไม่เท่าไร”
หลินสวินพยักหน้า “กฎกรรมเกิดขึ้นเพราะเจ้า ข้าย่อมต้องตอบแทน”
ขณะพูดก็ให้เสี่ยวเอ้อร์เตรียมหมึกพู่กัน ไม่นานนักก็เขียนตำรับยาขนานหนึ่งส่งให้ “เอาตำรับนี้ไปซื้อยา จากนั้นก็ไปช่วยแม่เจ้าเถอะ ถ้าไม่ผิดคาด ภายในสามวันก็จะรักษาโรคของแม่เจ้าให้หายขาดได้”
เสี่ยวเอ้อร์ตื่นเต้นจนโค้งคำนับไม่หยุด “ขอบคุณอาจารย์เฒ่า ขอบคุณอาจารย์เฒ่า”
หลินสวินยิ้มน้อย ขณะกำลังจะเดินออกจากโรงเตี๊ยมพร้อมเสี่ยวเอ้อร์ จู่ๆ ก็สังเกตเห็นแววตามาดร้ายของหลงจู๊
หลินสวินพลันหยุดเท้าเอ่ยว่า “หลงจู๊ อีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามเคราะห์ใหญ่จะมาถึงตัวเจ้า”
หลงจู๊อึ้งไปเป็นก่อน จากนั้นก็โมโหเดือดดาล “เจ้าเฒ่า เจ้าถึงกับกล้าแช่งข้า!”
“ใครใช้ให้เจ้าแอบไปเล่นชู้ในบ้านช่างเหล็กหวังที่อยู่ติดกันเมื่อคืนเล่า แต่บังเอิญนัก เรื่องนี้แดงขึ้นมาบ้างแล้ว อีกหนึ่งชั่วยามช่างเหล็กหวังต้องมาคิดบัญชีเจ้าแน่”
ขณะพูดหลินสวินก็ยิ้มพลางเดินออกมาจากประตูใหญ่ของโรงเตี๊ยม
แต่คำพูดนี้ของเขากลับถูกลูกค้าที่มากินอาหารในโรงเตี๊ยมหลายคนได้ยิน แต่ละคนต่างเริ่มหัวเราะเสียงขรม
“เมียของเหล่าหวังข้างบ้านไร้ยางอายขนาดไหน หลงจู๊เจ้าถึงกับกินลงหรือ”
“จุ๊ๆ คิดไม่ถึงเลย”
“หลงจู๊ สภาพร่างของเจ้ารับความต้องการของเมียเหล่าหวังได้หรือ”
…เหล่าลูกค้าที่มากินอาหารพูดล้อ แต่หลงจู๊กลับหน้าถอดสีไปแล้ว ขวัญหนีดีฝ่อ เจ้าขอทานเฒ่านั่นรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร!
ดังคาด ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามชายร่างกำยำรูปลักษณ์ดุร้ายคนหนึ่งกระโจนเข้ามา กดหลงจู๊แล้วอัดเต็มแรงยกหนึ่ง เล่นงานจนเขาร้องลั่น โหยหวนไม่หยุด
ด้านลูกค้าที่มากินอาหารเหล่านั้นตอนแรกก็ยังครึกครื้นเฮฮา แต่ไม่ช้าต่างก็ค่อยๆ ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ
ขอทานเฒ่าคนนั้นก่อนหน้านี้ ไม่เพียงรู้ว่าหลงจู๊โรงเตี๊ยมเล่นชู้ ยังบอกช่วงเวลาที่ช่างเหล็กหวังจะมาเอาคืนได้แม่น นี่จะเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เขาทำนายอนาคตได้อย่างไร
“ขอทานเฒ่านั่นยังอยู่นอกโรงเตี๊ยม พวกเราไปดูกัน”
ลูกค้าที่มากินอาหารบางส่วนลุกขึ้น รีบร้อนออกไปหา
“อาจารย์เฒ่า ขอถามว่าก่อนหน้านี้ท่านเดาถูกได้อย่างไรว่าจะเกิดเรื่องกับหลงจู๊โรงเตี๊ยม” ชายชุดขาวคนหนึ่งกุมมือคารวะเอ่ยถาม ดูเกรงอกเกรงใจนัก
หลินสวินนั่งยองอยู่ที่มุมกำแพงอย่างเกียจคร้าน หรี่ตาอาบแดดพลางเอ่ย “สหาย เมื่อครึ่งเดือนก่อนเจ้าขโมยผ้าไหมจากวานิชในเมืองนี้ไปพับหนึ่ง ถ้าข้าคำนวณไม่ผิด อีกสิบวันภัยมาถึงตัวเจ้า”
ชายหนุ่มชุดขาวเหมือนโดนฟ้าผ่า หน้าเปลี่ยนสีแล้ว เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าเฒ่า เจ้าหยุดใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!”
หลินสวินเอ่ย “ใครช่วยข้าไล่คนผู้นี้ไป ข้าจะช่วยดูโชคเคราะห์ภายหน้าให้สักครั้ง”
ทันใดนั้นผู้คนที่มุงดูใกล้ๆ ต่างฮือฮา
เมื่อได้เห็นฝีมืออันแม่นยำของหลินสวินก่อนหน้านี้ มีหรือพวกเขาจะไม่รู้ได้ว่าได้พบกับ ‘ผู้วิเศษ’ เข้าแล้ว
ชายหนุ่มชุดขาวรับรู้ได้ถึงสายตามุ่งร้ายรอบๆ จึงไม่อาจมัวแต่สนใจการข่มขู่หลินสวิน รีบหนีไปอย่างลนลาน
“อาจารย์เฒ่า ช่วยข้าทำนายเนื้อคู่ได้ไหม”
ชายหนุ่มคนหนึ่งถามอย่างอดไม่ได้ “ข้าจ่ายเงินได้!”
หลินสวินชำเลืองมองเขาครั้งหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เนื้อคู่เจ้าไม่ได้อยู่ในเมืองนี้ ถ้าเชื่อข้าก็ออกเดินทางไปเกี้ยวญาติผู้น้องที่เสียใจจากไปคนนั้น บุพเพสันนิวาสนี้อาจจะเกิดขึ้นแล้ว”
ชายหนุ่มสั่นไปทั้งตัว “ทะ… ท่านรู้เรื่องของข้ากับญาติผู้น้องด้วยหรือ”
หลินสวินยิ้มแต่ไม่ตอบ
“อาจารย์เฒ่า ถ้าครั้งนี้ข้าได้ครองคู่กับญาติผู้น้อง ข้าจะเชิญท่านมาดื่มสุรามงคลของพวกเราทั้งสองคนแน่”
ชายหนุ่มสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วโค้งตัวคำนับ จากนั้นวางถุงเงินที่บั้นเอวไว้ข้างๆ หลินสวินแล้วรีบร้อนจากไป
เขาเพิ่งจากไปผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงก็กรูกันเข้ามาแย่งถาม
“อาจารย์เฒ่า ทำนายให้ข้าได้ไหมว่าจะประสบความสำเร็จเมื่อไร”
“อาจารย์เฒ่า ปีหน้าข้าจะสอบจอหงวน ไม่ทราบว่าจะทำนายให้ข้าได้ไหม ถามเรื่องเส้นทางข้างหน้าได้หรือเปล่า”
…หลินสวินเห็นดังนี้ก็ยิ้มอย่างอดไม่อยู่ ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ตอบทีละคำถาม
ถึงขั้นในเวลาต่อมายิ่งครึกโครมยิ่งขึ้น ดึงดูดคนมามุงไม่รู้เท่าไร
และหลินสวินก็เหมือนกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ ดุจทวยเทพในสายตาทุกคน
หน้าแท่นมรรคบัวชะตา อี้อู๋อิ๋นสีหน้าเปลี่ยนไปไม่หยุด หรือเจ้าหลินสวินนี่จะไม่รู้ว่าทำเช่นนี้จะเหนี่ยวนำกฎกรรมมามากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็จะเหมือนดักแด้พันตัวเอง ทำให้ตนติดอยู่ในนั้นโดยสมบูรณ์
ฉือเชียนจียังเอ่ยปากอย่างอดไม่ได้ “ทำไมการกระทำนี้ของสหายน้อยหลินถึงรู้สึกเหมือนจะปล่อยเลยตามเลยโดยไม่แก้ไข”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็ฉงนใจไม่หยุด ไม่เข้าใจสักนิดว่าหลินสวินต้องการทำอะไร
ตู้เฟิงพลันมุ่นคิ้วขาวโพลนเอ่ยว่า “ไม่ตกนรกก็จะไม่รู้จักนรกที่แท้จริง การกระทำนี้ของหลินสวินคือเมื่อถึงทางตันแล้วจึงเกิดแรงฮึดหรือ”