Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3141 ชนะโดยไม่คาดฝัน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3141 ชนะโดยไม่คาดฝัน
ตอนที่ 3141 ชนะโดยไม่คาดฝัน
หลังจากนั้นครึ่งเค่อ
หลินสวินกับจอมเทพไป๋หยาล้วนบาดเจ็บ แต่จิตต่อสู้และพลังของทั้งสองฝ่ายกลับเหมือนปะทุเดือด พลุ่งพล่านถึงขีดสุด สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม
สีหน้าเหล่าศัตรูคู่แค้นล้วนปรวนแปรไม่หยุด
สีหน้าของพวกสิงเจี้ยนสยาก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียดขึ้นมา
พวกที่ไม่มีความแค้นต่อกันกลั้นหายใจจดจ่อ มุ่งมั่นอยู่กับสถานการณ์การต่อสู้ ในใจล้วนไม่อาจนิ่งสงบ
ส่วนความรู้สึกของพวกตู้เฟิงกับฝ่าอู๋เซียงก็เปลี่ยนเป็นผ่อนคลายลงช้าๆ
หากหลินสวินกับจอมเทพไป๋หยาบาดเจ็บทั้งคู่ สำหรับพวกเขาแล้วย่อมเป็นเรื่องดีโดยไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อยการประลองรอบสุดท้ายก็เป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่บ้าง
แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือพวกเขาสองคนต้องมีคนหนึ่งได้ชัยชนะก่อน
หลังผ่านไปหนึ่งเค่อ
จอมเทพไป๋หยาพลันหยุดมือ หันหลังออกไป
ทั่วลานต่างอึ้งงัน
รวมถึงตัวหลินสวินเองก็รู้สึกผิดคาดโดยพลัน
“เก็บพลังกายไปต่อสู้รอบสุดท้ายเถอะ”
จอมเทพไป๋หยากล่าวทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ ก่อนนั่งขัดสมาธิรอบนอก เริ่มหลับตาฝึกปราณ สีหน้าราบเรียบจนไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย
คราวนี้ทุกคนถึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง มองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างอดไม่ได้
“ไป๋หยา ก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าไม่มีทางออมมือ ทำไมตอนนี้ถึงยอมถอยเสียเอง”
ฉือเชียนจีอดถามไม่ได้
จอมเทพไป๋หยาหลับตาพลางกล่าว “ห้ำหั่นถึงตอนท้ายข้าก็แพ้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมไม่จบการประลองเร็วหน่อยเล่า”
ทุกคนล้วนอดอึ้งงันไม่ได้ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าสาเหตุที่จอมเทพไป๋หยายอมถอย เพราะรู้ว่าสู้ต่อไปก็ต้องแพ้โดยไร้ข้อกังขา!
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ”
อี้อู๋อิ๋นอดถามไม่ได้
จอมเทพไป๋หยาพลันถอนใจยาว “ข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีความคิดเป็นของตัว คิดว่าการกระทำนี้ของข้าเป็นการช่วยเจ้าหลินสวินนี่ แต่ข้าได้แต่พูดว่าพวกเจ้าคิดมากไปแล้ว”
ถึงตอนนี้เขาไม่เอ่ยคำอีก
สายตาของทุกคนที่มองหลินสวินดูชอบกลยิ่งกว่าเดิมแล้ว
แม้แต่ยอดบุคคลอย่างจอมเทพไป๋หยายังยอมแพ้เอง แค่คิดก็รู้แล้วว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีตอนนี้เย้ยฟ้าระดับใด!
“ออมมือแล้ว” หลินสวินประสานมือไปทางจอมเทพไป๋หยา ไม่พูดอะไรอีก ออกไปด้านนอกนั่งลงกับพื้นเช่นกัน ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บบนตัวเต็มกำลัง
พวกสิงเจี้ยนสยาลอบเป่าปากโล่งอก
แต่เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มองหลินสวินเป็นศัตรูกลับหนักใจยิ่งกว่าเดิม
หลินสวินเพิ่งแจ้งมรรคขั้นไร้ขอบเขตไม่กี่สิบปี อนาคตยังมีเส้นทางให้ก้าวหน้าไปอีกเหลือเฟือ แต่ตอนนี้เขาสามารถทำให้ยอดบุคคลอย่างจอมเทพไป๋หยายอมแพ้เอง คิดดูแล้วก็ทำให้ผู้คนใจสั่น
ต่อจากนั้นเป็นการประลองระหว่างตู้เฟิงกับฝ่าอู๋เซียง
การต่อสู้นี้ไม่ถึงครึ่งเค่อก็สิ้นสุด ตู้เฟิงเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง ทำให้ฝ่าอู๋เซียงชนะการประลองครานี้ไปอย่างสบายๆ
เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าพวกสิงเจี้ยนสยาล้วนอึมครึม การกระทำนี้ของตู้เฟิงดูเหมือนสละสิทธิ์การประลองรอบสุดท้าย แต่ความจริงแล้วคิดยืมดาบฆ่าคน!
ทั้งเลี่ยงการต่อสู้เป็นตายกับหลินสวินในการประลองรอบสุดท้าย ทั้งยืมพลังของฝ่าอู๋เซียงมาจัดการหลินสวิน กล่าวได้ว่ายิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว
สิ่งที่เขาสูญเสียก็แค่โอกาสช่วงชิงแท่นมรรคบัวชะตาครั้งหนึ่งเท่านั้น
“ตู้เฟิง เจ้าทำเช่นนี้ไม่สง่างามนัก”
ฉือเชียนจีถอนใจเบาๆ
ยามนี้ใครมองความคิดของตู้เฟิงไม่ออกบ้าง
“คนอย่างพวกเรากระทำการล้วนต้องลงมือยามสบโอกาส ปรับตัวตามสถานการณ์ ข้าทำเช่นนี้ด้วยมีเหตุผลของข้า จะพูดถึงความสง่างามได้อย่างไร”
ตู้เฟิงเคร่งขรึมมีสง่า ไม่สนใจสายตาประหลาดที่มองมาโดยรอบสักนิด “อีกอย่างจอมเทพไป๋หยายังยอมแพ้เองได้ ทำไมข้าถึงทำไม่ได้”
ประโยคนี้เพ่งเล็งเต็มที่
ความจริงก็เป็นการยอมแพ้ของจอมเทพไป๋หยาที่ทำให้ตู้เฟิงเปลี่ยนความคิด ว่าไปแล้วเขาถึงขั้นไม่พอใจจอมเทพไป๋หยาอยู่บ้าง
จอมเทพไป๋หยาหยุดมือก่อน เท่ากับทำให้หลินสวินรักษาพลังไว้ได้มาก
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หากเขาสู้กับฝ่าอู๋เซียง ถึงตอนท้ายต้องผลาญพลังมากเกินไปแน่ ต่อให้ชนะก็ต้องเสียเปรียบในการประลองกับหลินสวิน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ไม่สู้ยอมแพ้ดีกว่า
เท่านี้ก็ทำให้ฝ่าอู๋เซียงออมแรงไปจัดการหลินสวินได้มากขึ้น
นี่ถือเป็นการถอยเพื่อรุก
“เหอะ พวกเจ้าวางอุบายเก่งกันจริง”
ห่างไปไม่ไกลเทียนซิงจื่อยิ้มเจือแววถากถาง
ตู้เฟิงเงียบงันไม่กล่าววาจา
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันและแปลกประหลาดขึ้นมา
การต่อสู้มหามรรคหลายครั้งในวันนี้ เกิดตัวแปรไม่คาดฝันมากมายเพราะการคงอยู่ของหลินสวิน
ผู้โชคร้ายที่สุดคือเจียงหมิงสุ่ย ด้วยเจอกับหลินสวินโดยตรงจึงถูกฆ่าตายคาที่
นอกจากเขาแล้วเวิงซิงไห่กับตู้เฟิงก็เลือกเป็นฝ่ายหลบเอง ดูเหมือนไม่สง่างามนัก แต่ใครต่างก็รู้ว่าพวกเขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะหวาดกลัวอย่างเดียว!
แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทำให้พวกเขาตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนที่สุด
สุดท้ายแล้วแท่นมรรคบัวชะตาจะถูกใครครอบครอง เห็นชัดว่าไม่อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเวิงซิงไห่กับตู้เฟิง
ความจริงสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายยุคสมัยอย่างพวกเขาผ่านการต่อสู้ในโลกบัวชะตามาไม่รู้กี่ครั้ง หากคิดมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์ ก่อนหน้านี้ก็มีโอกาสไปหลายครั้ง
ดังนั้นการเลือกยอมแพ้ครั้งนี้จึงไม่ถึงขั้นเสียหายอะไร
สำหรับการถอยของตู้เฟิง หลินสวินมีหรือจะดูไม่ออก แต่เขาไม่ได้สนใจ
ด้วยสุดท้ายครั้งนี้ต่อให้ชิงแท่นมรรคบัวชะตาได้ เขาก็ไม่มีทางจากไปเช่นนี้
ต่อจากนี้ยังมีเวลาไปสู้กับเหล่าศัตรูพวกนั้นอีก!
“ต่อจากนี้คือการประลองรอบสุดท้ายแล้ว หลินสวิน ฝ่าอู๋เซียง พวกเจ้าเริ่มได้แล้ว”
ฉือเชียนจีกล่าว
หลินสวินหยัดร่างขึ้น
แต่ยังไม่รอให้เขาเข้ามา ฝ่าอู๋เซียงที่อยู่ไม่ไกลกลับเอ่ยปาก “ไม่จำเป็นต้องแข่งแล้ว การประลองรอบสุดท้ายนี้ข้าถอนตัว”
เขาสวมชุดม่วง หน้าผากเกลี้ยงเกลา รูปงามเหนือธรรมดา ยามนี้ทันทีที่เอ่ยปากก็ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกรับมือไม่ทัน
นี่ก็เป็นตัวแปรอีกอย่างหนึ่ง!
ใครต่างคิดไม่ถึงว่าฝ่าอู๋เซียงซึ่งมรรควิถีทั้งตัวไม่เสียหายเท่าไหร่ กลับละทิ้งโอกาสช่วงชิงแท่นมรรคบัวชะตาไป
“พวกเจ้าล้วนลอบวางแผน แต่ข้าไม่อยากเป็นดาบฆ่าคนเล่มนั้น”
ฝ่าอู๋เซียงกล่าวง่ายๆ ขณะกล่าวสายตาเขามองไปทางตู้เฟิงที่อยู่ไกลๆ “ภิกษุเฒ่า การกระทำของเจ้าก่อนหน้านี้ไม่สง่างามมากจริงๆ!”
กล่าวถึงตอนท้ายคำพูดเขาฉายแววเย็นชา
ตู้เฟิงอยากยืมดาบฆ่าคน แต่ก็ต้องถามเขาฝ่าอู๋เซียงว่ายินดีหรือไม่!
ก็เห็นสีหน้าเคร่งขรึมมีสง่าของตู้เฟิงเผยแววอึมครึมครู่ใหญ่ถึงค่อยกล่าว “สหายยุทธ์ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ อย่างน้อยการต่อสู้มหามรรคเช่นนี้ก็ทำให้ข้ารู้สึกไม่ชอบใจ”
ฝ่าอู๋เซียงกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าแค่หวังว่าการประลองในโลกบัวชะตาครั้งหน้าอย่าเหมือนวันนี้อีก ไม่ว่าเรื่องใดล้วนลอบวางแผน ทำให้ผู้คนรู้สึกรังเกียจ”
ตู้เฟิงหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง คำพูดนี้ไม่เกรงใจกันเกินไปแล้ว
จิตใจของทุกคนล้วนไม่อาจนิ่งสงบ
การต่อสู้มหามรรควันนี้มีตัวแปรมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม ไม่ถึงขั้นทำให้ผู้คนตื่นเต้น แต่มีหลายรสชาติ
“เอาเถอะ การประลองวันนี้ปิดฉากเพียงเท่านี้ ยินดีด้วยสหายน้อยหลิน”
ฉือเชียนจีพูดพลางยิ้มประสานมือไปทางหลินสวิน
สัตว์ประหลาดเฒ่าหลายคนในที่นั้นล้วนพากันกล่าวยินดี เช่นเทียนซิงจื่อ อี้อู๋อิ๋น จอมเทพไป๋หยา
แน่นอนว่าพวกที่มองหลินสวินเป็นศัตรูสีหน้าล้วนอึมครึมนัก
“ขอบคุณทุกท่าน”
หลินสวินประสานหมัด ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าชัยชนะจะมากะทันหันเช่นนี้ แค่ชั่วขณะก็กลายเป็นผู้ชนะในตอนท้าย
กระทั่งตอนนี้เมื่อมองสัตว์ประหลาดเฒ่าในที่นั้นอีกครั้ง ในใจของหลินสวินเกิดการตระหนักได้มากมาย วันนี้สามารถชนะอย่างง่ายดาย ไม่ได้อยู่ที่พลังต่อสู้ของตนแข็งแกร่งแค่ไหน ทั้งไม่ได้อยู่ที่พลังต่อสู้ของศัตรูอ่อนแอเท่าไร
กล่าวกันถึงที่สุดแล้ว ก็เป็นเพราะมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อ จอมเทพไป๋หยาอยู่
ด้วยพวกเขาทำให้การต่อสู้มหามรรคนี้เต็มไปด้วยตัวแปร ถึงขั้นทำให้ตนได้ประโยชน์ในตอนท้าย
เวลานี้เองหลินสวินนึกถึงการยอมแพ้ของจอมเทพไป๋หยา สัมผัสถึงความรู้สึกที่ต่างออกไปอยู่บ้าง
เพราะตัวแปรพวกนี้เริ่มปรากฏหลังจากจอมเทพไป๋หยายอมแพ้!
นี่ทำให้หลินสวินมีความรู้สึกหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ จอมเทพไป๋หยาทำเช่นนี้ดูเหมือนว่าทำเพื่อช่วยตน ทำให้ตนชนะโดยง่าย…
‘ภายหน้าต้องคุยกับจอมเทพไป๋หยาดีๆ’
หลินสวินลอบกล่าวในใจ
“ผู้อาวุโสทั้งสาม เชิญมุ่งหน้าไปยังแท่นมรรคบัวชะตา”
จากนั้นหลินสวินมาอยู่ข้างกายพวกโม่ไป๋เจ๋อ มู่ฉางอวิ๋น เซียวเหอสามคนแล้วยิ้มกล่าว
ก่อนหน้านี้เขานัดแนะกับพวกสิงเจี้ยนสยาแล้ว ครั้งนี้หากชิงแท่นมรรคบัวชะตามาได้ก็จะส่งพวกโม่ไป๋เจ๋อไปแหล่งสถานอัศจรรย์
เห็นชัดว่าพวกโม่ไป๋เจ๋อหน้าตามึนงงอยู่บ้าง คล้ายรู้สึกว่าไม่ใช่ความจริง ครู่ใหญ่จึงขยับตัวด้วยถูกพวกสิงเจี้ยนสยากับจอมมรรคซานเฟิงเร่งเร้า ก้าวไปบนแท่นมรรคบัวชะตานั่น
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นเห็นภาพนี้แล้ว ถ้าบอกว่าไม่อิจฉาคงโกหกแน่
เมื่อเห็นว่าครั้งนี้หลินสวินไม่ได้จากไป ยิ่งทำให้ในใจศัตรูพวกนั้นกดดัน…
…
โลกวิญญาณยุทธ์
บนภูเขาเทพถกมรรค พวกเหรินฟู่เทียนพลันสัมผัสได้ มองทะเลโชคชะตาบนเวิ้งฟ้าพร้อมกัน
ก็เห็นบัวชะตามหามรรคที่ลอยนิ่งส่งเสียงครวญทันที แสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวน จากนั้นก็มีเงาร่างมากมายพุ่งออกมา
“การประลองครั้งนี้สิ้นสุดแล้ว!”
พวกเหรินฟู่เทียนใจสะท้าน ก้าวออกมาจากถ้ำสถิตพร้อมกัน รวมตัวบนยอดเขาแล้วเฝ้ารอเงียบๆ
ไม่นานก็เห็นเงาร่างของพวกหลินสวินและสิงเจี้ยนสยากลับมา
วันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกบัวชะตาก็ถูกทุกคนทั่วภูเขาเทพถกมรรครู้ นำมาซึ่งความปั่นป่วนครั้งใหญ่
คืนวันนั้นบนภูเขาเทพถกมรรคจัดงานเลี้ยงใหญ่โต เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลและผู้ฝึกปราณของลัทธิแรกกำเนิดกับลัทธิวิญญาณล้วนเข้าร่วมด้วย สังสรรค์กันครึกครื้น เบิกบานปรองดอง
นับจากวันนั้นหลินสวินเริ่มปิดด่าน
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า
สิบปีผ่านไป
หลินสวินที่ปิดด่านพลันลืมตา ความคิดไหวเคลื่อน
วู้ม…
เตาหลอมที่วิวัฒน์จากระเบียบนิพพานแหวกผ่านอากาศ ในเตาหลอมมีเงาร่างเหมือนภาพมายาหนึ่งเคลื่อนคล้อยอยู่
เงาร่างนั้นแข็งกร้าวเหนือพิภพ อานุภาพบนตัวสง่างามภาคภูมิ คล้ายราชันศึกโจมตีเก้าสวรรค์!
เป็นจักรพรรดิสงครามยุทธ์ ผู้สืบทอดคนแรกของคีรีดวงกมลนั่นเอง
‘ศิษย์พี่ใหญ่…’
จิตใจหลินสวินปั่นป่วน เต็มไปด้วยความยินดี
ตั้งแต่ก้าวสู่ขั้นไร้ขอบเขต หลังจากหลอมรวมกฎระเบียบมหามรรคทั้งตัวกับนัยเร้นลับนิพพาน การควบคุมนัยเร้นลับนิพพานของเขาก็บรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
ผ่านการนิพพานสร้างใหม่หลายปี พลังชีวิตที่ศิษย์พี่ใหญ่เหลือไว้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว
มาถึงวันนี้อีกแค่ก้าวเดียวก็จะฟื้นคืนชีพ!