Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3159 มาตายถึงที่
ตอนที่ 3159 มาตายถึงที่
แคว้นเถา
เมืองหมอกสน
ในป่าสนที่พยับหมอกคละคลุ้งแถบนั้น หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พลังขับเคลื่อนทั่วร่างใกล้แห้งเหือด ตามเนื้อตัวยิ่งมีรอยกระบี่โชกเลือดติดตาน่าตกใจเป็นสายๆ
การต่อสู้กินเวลาเจ็ดวัน หลินสวินใช้มรรคกระบี่ล้วนๆ ต่อสู้กับมรรคกระบี่ของเฉินหลินคง แม้ว่าสุดท้ายจะได้รับชัยชนะ แต่มรรควิถีในตัวก็ใกล้จะเป็นตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว
ส่วนอาการบาดเจ็บเหล่านั้น หลินสวินกลับไม่ใส่ใจด้วยซ้ำ
‘รู้เช่นนี้แต่แรกก็ไม่ควรอวดเก่งใช้เพียงมรรคกระบี่ต่อสู้…’
มุมปากหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง ยิ้มขื่นไม่หยุด
ทันใดนั้นเขาเงยมองไปไกลๆ
เงาร่างผู้ฝึกปราณมากมายปรากฏตัวที่เมืองหมอกสน และมุ่งหน้ามาทางป่าสนแถบนี้
ไม่นานผู้ฝึกปราณเหล่านี้ล้วนมองเห็นหลินสวิน จากนั้นพลันใจเต้นเนื้อกระตุกระลอกหนึ่ง
อาการบาดเจ็บนั่นสาหัสปานใด!
แม้แต่พลังขับเคลื่อนทั่วร่างยังเกือบแห้งเหือด!
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้คนเห็นหลินสวินสะบักสะบอมในการต่อสู้มหามรรคเช่นนี้ จากจุดนี้จะเห็นได้จากการต่อสู้ดุเดือดเจ็ดวันเจ็ดคืนว่าวิชามรรคที่เฉินหลินคงทิ้งไว้ในปีนั้นแข็งแกร่งปานใด
แน่นอนว่าสุดท้ายหลินสวินยังคงชนะ แม้จะเป็นการชนะอย่างสังเวช แต่ยังคงทำให้คนสะท้านสะเทือนไม่หยุด
อย่างน้อยหลินสวินก็อาศัยการต่อสู้นี้พิสูจน์แล้วว่า มรรควิถีในตัวสามารถเป็นลำดับหนึ่งในระเบียบมรรควัฏจักรนี้!
ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนสงสัยก็อยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะผลมรรคแรกกำเนิดของหลินสวินยังคงไม่ปรากฏ!
นี่ล้มล้างความเข้าใจของผู้ฝึกปราณในที่นี้ชัดๆ
“สหายยุทธ์หลิน ที่ข้ามีของวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บ…”
มีคนหยิบขวดหยกออกมา หมายจะยื่นไปให้
คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็รีบหยิบโอสถวิเศษของหายากต่างๆ ออกมาเป็นพัลวัน หมายจะมอบให้หลินสวินใช้รักษาบาดแผลเช่นกัน
หลินสวินเห็นเช่นนี้กลับส่ายหน้ายิ้ม “ขอบคุณความหวังดีของทุกท่านยิ่งนัก อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ข้าจัดการเองก็พอ”
ทันใดนั้นเสียงเย็นสะท้านสายหนึ่งดังขึ้น “อาการบาดเจ็บเล็กน้อยจริงหรือ แต่เหตุใดข้าว่าเจ้าใกล้ยืนหยัดไม่ไหวแล้ว”
ที่ตามมาติดๆ คือไอสังหารเย็นเยียบสายหนึ่งปราฏขึ้นในที่นี้ ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นเปลี่ยนไปฉับพลัน
ก็เห็นเงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ ผู้นำคือชายชุดเขียวหล่อเหลาไม่ธรรมดาคนหนึ่ง สีหน้าเผยความแค้นและไอสังหารต่อหลินสวินอย่างไม่ปิดบังใดๆ รวมถึงความฮึกเหิมที่อธิบายไม่ถูกอย่างหนึ่ง
ข้างหลังชายชุดเขียวมีผู้ฝึกปราณสิบกว่าติดตามมา แต่ละคนล้วนมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขต ยามมองทางหลินสวินสายตาล้วนเจือแววเย็นเยียบ
“จี้เทียนชิง นี่พวกเจ้าจะทำอะไร”
บริเวณใกล้เคียงมีผู้ฝึกปราณเอ่ยปากสีหน้าขรึม
จี้เทียนชิงหรือ
นัยน์ตาหลินสวินเจือแววกระจ่าง ที่แท้เป็นเจ้าหมอนี่
ปีนั้นที่ทะเลโชคชะตา พวกซินหู เหลยซ่งเคยคว้าโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ได้หนึ่งครั้ง และมอบโอกาสนี้ให้กับพวกจี้เทียนชิง จื่อเชอชง เย่อู๋เฮิ่นสามคน
ตอนนี้จี้เทียนชิงพาคนมาปรากฏตัวที่นี้กะทันหัน หลินสวินก็ไม่ได้แปลกใจ
“ทุกท่าน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวจะดีที่สุด หาไม่หากพัวพันบุญคุณความแค้นครั้งนี้จะไม่อาจถอนตัวได้อีก”
นัยน์ตาจี้เทียนชิงกวาดมองผู้ฝึกปราณบริเวณใกล้เคียงเหล่านั้น วาจาเย็นเยียบ
ผู้ฝึกปราณไม่น้อยล้วนหน้าเปลี่ยนสี
ก็มีคนยิ้มเย็น ไม่เกรงกลัวพวกจี้เทียนชิง “ก่อนหน้านี้ไม่ยักเห็นพวกเจ้ากล้าโผล่หัว กลับปรากฏตัวยามสหายยุทธ์หลินสภาพไม่ดี พวกเจ้าช่างต่ำช้ากันจริงๆ”
“เหล่าอิ๋ง นี่เจ้าจะจะเข้ามายุ่งด้วยหรือ”
ชายชราเคราขาวพลิ้วคนหนึ่งข้างกายจี้เทียนชิงเอ่ยถามเสียงแหบพร่า
ผู้ฝึกปราณที่ยิ้มเย็นก่อนหน้านี้ลังเลขึ้นมาทันควัน
“จี้ซีเป็นอะไรกับเจ้า”
ทันใดนั้นหลินสวินหันมองจี้เทียนชิงพลางเอ่ยถาม
“ความตายมาอยู่ตรงหน้า ยังจะคิดอาศัยความสัมพันธ์ของสกุลจี้อีกหรือ”
จี้เทียนชิงขำออกมา
“ไม่ ที่ถามเช่นนี้แค่อยากเลือกวิธีตายให้เจ้าก็เท่านั้น”
หลินสวินยิ้มออกมาเช่นกัน “เอาละ อย่ามัวพูดพล่าม พวกเจ้าจะมาตายพร้อมกันหรือตายทีละคน”
พลังขับเคลื่อนทั่วร่างเขาอ่อนแอไร้ใดเปรียบแล้วแท้ๆ แต่สีหน้ากลับราบเรียบและเยือกเย็น ยิ้มแย้มผ่อนคลาย
มาดเช่นนี้ทำเอาผู้ฝึกปราณไม่น้อยในบริเวณใกล้เคียงล้วนเสื่อมใสเงียบๆ
และพวกจี้เทียนชิงก็อดสงสัยไม่ได้
มีหรือพวกเขาจะไม่รู้ว่ามรรควิถีในปัจจุบันของหลินสวินแข็งแกร่งปานใด
ครึ่งปีมานี้ทุกทั่วโลกแปรปุถุชนล้วนโจษจันเรื่องเกี่ยวกับหลินสวิน แต่ละเรื่อนล้วนเรียกได้ว่าฮือฮาไร้ใดเปรียบ
นี่ทำให้พวกจี้เทียนชิงถึงขั้นเกิดความคิดล้มเลิกการแก้แค้นอยู่หลายครั้ง
แต่ในคราวนี้ยามรู้ว่าหลินสวินฟาดฟันกับรูปจำลองวิชามรรคของเฉินหลินคงมาหลายวันยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ พวกเขาก็ตระหนักในที่สุดว่าโอกาสมาแล้ว!
ดังคาด ยามมาถึงก็เห็นหลินสวินบาดเจ็บสาหัส พลังขับเคลื่อนใกล้เหือดแห้ง ราวกับว่าเวลานี้ไม่ว่าใครลงมือล้วนสามารถฆ่าเขาตายได้โดยง่าย
แต่ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับหลินสวิน กลับทำให้พวกเขาเริ่มไม่มั่นใจอยู่บ้าง
อานุภาพก่อนหน้านี้ของหลินสวินเกรียงไกรเกินไปจริงๆ ความแข็งแกร่งระดับนั้นสะท้านสะเทือนใจคนนานแล้ว ดั่งภาษิตว่าเสือตายบารมียังอยู่ มังกรร่วงรูปคงทน นี่จะไม่ให้ใครเกรงกลัวบ้าง
“ทำไม ไหนๆ ก็มาแล้วกลับไม่กล้าลงมือหรือ”
คำพูดของหลินสวินเจือแววถากถาง
จี้เทียนชิงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สื่อจิตว่า ‘ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน หากเห็นท่าไม่ดีให้รีบแยกย้ายทันที’
‘ได้!’
ทุกคนข้างตัวเขาล้วนตอบรับ
ทว่ายามที่พวกเขาตั้งใจจะลงมือ กลับเห็นหลินสวินเอ่ยปากอีกครั้ง
“ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกโง่เขลาที่โร่มาตายถึงที่พวกนี้ยกให้ข้าจัดการก็พอ”
เสียงก้องฟ้าดิน
พงกจี้เทียนชิงอึ้งไป จากนั้นล้วนพากันหน้าเปลี่ยนสี
ในจิตรับรู้ของพวกเขามีเงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นในไกลๆ เป็นพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี เหรินฟู่เทียน จอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอ โม่ไป๋เจ๋อ มู่ฉางอวิ๋น
ขณะเดียวกันพวกสวินเต้าเยี่ยน จอมเทพหลิงหลงก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศในอีกทิศทางหนึ่งเช่นกัน
สถานการณ์พลันเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“เจ้าสารเลวพวกนี้ก่อนหน้านี้ไม่กล้าโผล่หัวมาตลอด ในที่สุดครั้งนี้ก็เผยร่องรอยแล้ว”
สิงเจี้ยนสยากล่าวหัวเราะชอบใจ
ไม่มีใครรู้ว่าในสามเดือนที่หลินสวินต่อสู้มหามรรค ทุกครั้งพวกสิงเจี้ยนสยาล้วนติดตามอยู่ข้างตัวเขา
จุดประสงค์ง่ายดายยิ่ง นั่นคือกังวลว่าศัตรูจะถือโอกาสยามปั่นป่วน
“นี่ก็เรียกว่ารนหาที่ตายเอง”
สวินเต้าเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกลนักเอ่ยปากเย็นชาเช่นกัน
“สหายน้อยหลิน ไม่สู้ยกให้พวกเราจัดการคนพวกนี้เป็นอย่างไร”
เสียงจอมเทพหลิงหลงอ่อนโยนดุจสายน้ำไหล
“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสก็กังวลว่าข้าคนแซ่หลินจะไม่มีแรงต่อสู้หรือ”
หลินสวินแหงนหน้าหัวเราะลั่น เสียงก้องทั่วทิศ
“ไป!”
หัวใจพวกจี้เทียนชิงจมดิ่ง ไม่มัวสนว่าหลินสวินกำลังแสร้งวางท่าข่มขวัญหรือไม่ ตัดสินใจถอนตัวออกจากที่นี่อย่างเด็ดขาด
ทว่าก็เวลานี้เอง…
ชิ้ง!
ก็เห็นปราณกระบี่สายหนึ่งปรากฏฉับพลัน เมื่อหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่งก็เคลื่อนขวางอากาศออกไป
พริบตานั้นเงาร่างผู้ฝึกปราณขั้นไร้ขอบเขตสิบเอ็ดคนข้างตัวจี้เทียนชิงที่เพิ่งจะเคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศ กลับแขนขาขาดกระเด็นฉับพลัน โลหิตสดพุ่งสาดกระเซ็น
ราวกับดอกไม้ไฟแดงฉานดอกแล้วดอกเล่าเบ่งบาน
ภาพน่าสะพรึงนั้นทำเอาจี้เทียนชิงตกใจจนวิญญาณแทบหลุด แต่ครู่ต่อมาเขาก็ไม่กล้าขยับตัวส่งเดชอีก
เพราะปราณกระบี่สายหนึ่งมาพาดจ่อลำคอของเขาอย่างเงียบๆ แล้ว
พลังกฎระเบียบที่คละคลุ้งบนปราณกระบี่ทำให้จี้เทียนชิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความตายรุนแรง!
ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียงเห็นเช่นนี้ไม่มีใครไม่ตกใจ อดหันสายตามองหลินสวินไม่ได้
ก็เห็นเงาร่างโชกเลือดนั่นของหลินสวิน เวลานี้ดุจไม้แห้งเหี่ยวพบฤดูใบไม้ผลิ มีพลังชีวิตที่เกรียงไกรไร้ทัดเทียมไต่ทะยานพุ่งกระฉูด
เพียงไม่กี่พริบตาเท่านั้นอาการบาดเจ็บทั่วร่างเลือนหายไป นอกจากอาภรณ์เปื้อนเลือดก็ไม่เห็นร่องรอยได้รับบาดเจ็บใดๆ อีก
แม้แต่พลังขับเคลื่อนที่แห้งเหือดนั่นยังกำลังฟื้นฟูอย่างบ้าคลั่ง!
หรือว่าก่อนหน้านี้หลินสวินแสร้งทำหรือ
ผู้ฝึกปราณมากมายสีหน้าแปลกไป ยามหันมองจี้เทียนชิงอีกครา สายตาก็เจือแววเวทนาขึ้นเสี้ยวหนึ่งแล้ว
คนพวกนี้ช่างโง่ถึงขั้นถ่อมาตายถึงที่กันเองแล้ว
และเวลานี้สีหน้าจี้เทียนชิงเปลี่ยนไปมา เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าถามว่าจี้ซีกับข้าเป็นอะไรกันหรือ ข้าบอกเจ้าให้ นางเป็นหลานสาวของข้า”
สีหน้าทุกคนแปลกไป
ก่อนหน้านี้จี้เทียนชิงยังมั่นใจว่าหลินสวินคิดจะอาศัยสายสัมพันธ์ แต่เมื่อความตายใกล้มาเยือน เขากลับบอกความสัมพันธ์กับหญิงนามจี้ซีคนนั้นออกมา นี่เท่ากับกำลังขอความเมตตาชัดๆ
พรูด!
ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ปราณกระบี่ที่พาดลำคอก็ฟันศีรษะของจี้เทียนชิงร่วง แม้แต่พลังจิตของเขายังถูกปราณกระบี่บดขยี้อย่างอนาถด้วยเช่นกัน
ทุกคนล้วนตกใจสะดุ้งโหยง
กลับเห็นหลินสวินส่ายหน้าน้อยๆ เขาเคารพจี้ซี แต่ไม่เคารพคนที่มองเขาเป็นศัตรู
“ผู้อาวุโสทุกท่าน ไปดื่มสุรากันเป็นอย่างไร”
หลินสวินหันมองทางพวกสิงเจี้ยนสยา เอ่ยปากยิ้มๆ
“ดียิ่งแล้ว”
พวกสิงเจี้ยนสยาหัวเราะเสียงดัง
ในวันนี้ข่าวที่หลินสวินเอาชนะรูปจำลองวิชามรรคของเฉินหลินคงกระจายออกไป ทำให้โลกแปรปุถุชนทั้งบนล่างสะท้านสะเทือนอีกครั้ง
และการกระทำรนหาที่ตายของพวกจี้เทียนชิงก็กลายเป็นเรื่องตลกอย่างหนึ่งในโลกแปรปุถุชน
…
ผ่านไปอีกครึ่งเดือน
เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวกลางหุบเขาไร้นามแห่งหนึ่งในแคว้นหิมะ
ที่นี่มีคัมภีร์เล่มหนึ่ง เงาแสงดำขาวสองสายหลั่งริน ตัดสลับเป็นขุ่นใสกลมกลืน ภาพอัศจรรย์ของสองลักษณ์เวียนว่าย
ตูม!
เมื่อพลังขับเคลื่อนของหลินสวินแผ่เข้าไป คัมภีร์เล่มนั้นพลันพลิกเปิด ปรากฏไอสีดำขาวพุ่งทะยานฟ้า สุดท้ายกลายเป็นวานรเฒ่าที่เงาร่างสูงใหญ่สุดขีดสายหนึ่ง
เขาสะพายกระบี่คู่ สวมชุดเทาทั้งชุด ยามกะพริบตาเงาแสงดำขาวไหลเวียน พาให้คนหวาดหวั่น
บรรพจารย์วานร!
ข้ารับใช้เก่าแก่คนหนึ่งข้างกายเจ้าลัทธิไท่ชู หลังจากเจ้าลัทธิไท่ชูถูกขังอยู่ใต้โซ่กระบี่ ก็อุทิศตนรับใช้อีกาดำผู้ติดตามอันดับหนึ่งของเจ้าลัทธิไท่ชูมาโดยตลอด
รูปจำลองวิชามรรคของเขาเป็นลำดับหนึ่งในระเบียบมรรควัฏจักรมาก่อนหน้านี้นานมาแล้ว
ชิ้ง! ชิ้ง!
ข้างหลังบรรพจารย์วานร กระบี่มรรคดำขาวสองเล่มพาดขวางทะยานขึ้นกลางอากาศ เจตกระบี่ไพศาลกลายเป็นไอใสขุ่น ไอใสกลายเป็นม่านฟ้า ไอขุ่นเป็นแผ่นดินใหญ่ สองลักษณ์สอดประสาน หยินหยางตามลำดับ อัศจรรย์สุดหยั่ง
เพียงพริบตาเดียวเสมือนฟ้าดินกลายเป็นภาพสมบูรณ์ เจตกระบี่พุ่งพาดภายใน และเมื่อความคิดบรรพจารย์วานรเคลื่อนไหว พลังเจตกระบี่ทั้งหมดนี้ล้วนปิดครอบเข้าใส่หลินสวิน
“มรรคาสองลักษณ์สัมบูรณ์หรือ…”
หลินสวินกระโจนตัวขึ้นไปรับ
ตูม!
กระต่อสู้ครั้งใหญ่ปะทุขึ้น
การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ด้อยกว่าความดุเดือดในศึกกับเฉินหลินคงสักนิด
ที่ไม่เหมือนกันคือยามหลินสวินต่อสู้กับเฉินหลินคงใช้เพียงมรรคกระบี่ต้านทานโดยตลอด
แต่เวลานี้หลินสวินไม่ได้ใช้เพียงพลังหนึ่งมรรคาเท่านั้น แต่ปลดปล่อยมรรควิถีในตัวทั้งหมดออกมา
หนึ่งวันให้หลัง
เคร้ง!!
เสียงกระแทกสะเทือนฟ้าดินดังก้อง พลังหมัดของหลินสวินราวเตาหลอมที่กดกำราบอดีตปัจจุบันและอนาคต กระแทกเข้าใส่กระบี่คู่ดำขาวในมือบรรพจารย์วานรอย่างจัง
กระบี่คู่นั้นพลันระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
ตูม!
ฟ้าดินสองลักษณ์นั่นร่วงโปรยปรายหายลับราวเศษกระดาษที่ถูกบดขยี้
ในความพินาศ เงาร่างสูงใหญ่สุดขีดของบรรพจารย์วานรก็เลือนหายไปพร้อมกัน
เมื่อมองหลินสวินอีกครั้ง แม้ว่าบนตัวจะบาดเจ็บมากมาย พลังขับเคลื่อนกลับเหมือนกระบี่คมพาดขวางฟ้า หมื่นกาลไม่เคลื่อนขยับ!