Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3195 ชิงเหิงบาดเจ็บ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3195 ชิงเหิงบาดเจ็บ
ตอนที่ 3195 ชิงเหิงบาดเจ็บ
วันที่สามหลังจากหลินสวินรู้ข่าว
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแห่งสำนักเซียนจงอางแดงรวมตัวกันมา ผู้อาวุโสชั้นสูงชิงเหิงกับชิงเกิงไปต้อนรับด้วยตัวเอง
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ศิษย์ห้าระดับล่างทั้งสำนักสวรรค์ยุทธ์ล้วนถูกเรียกมารวมตัวกัน มุ่งหน้าไปทางโถงใหญ่ของสำนัก มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของสำนักเซียนจงอางแดงพวกนั้นคอยถามทีละคน
แม้แต่ชุนหนิงกับไต้เหยียนซึ่งประจำอยู่นอกหอเก็บตำราก็ถูกเรียกตัวไปด้วย
นี่ทำให้หลินสวินอดระวังตัวไม่ได้
แต่สิ่งเหนือความคาดหมายคือเขาไม่ได้ถูกเรียกไปพบ
กระทั่งตอนเที่ยงชุนหนิงกับไต้เหยียนจึงกลับมา บอกหลินสวินว่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบคนของสำนักเซียนจงอางแดงนั่นจากไปแล้ว
หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “ข้าก็มีมรรควิถีระดับกระบวนแปรจุติ ทำไมพวกเขาถึงไม่เรียกหาข้า”
ชุนหนิงสีหน้าพิกลพูดอักอ่วน “ผู้อาวุโส ท่านมีฐานะระดับใด พวกเขาบอกว่าจะพบก็พบได้หรือ”
หลินสวินเหลือบมองเขาพลางกล่าว “คำลวงนี้หลอกใครเล่า เจ้าพูดตามจริงมาก็พอ”
ชุนหนิงลังเลอยู่ครู่ใหญ่ คราวนี้จึงกล่าวเสียงเบา “ตอนพวกเขามาก็ได้ยินเรื่องของผู้อาวุโสมากมาย เมื่อมาถึงสำนักจึงยืนยันกับผู้อาวุโสชิงเหิงอีกรอบ จากนั้นก็ตัดสินใจไม่พบท่าน”
“ไม่ใช่แค่นี้แน่ เจ้าพูดต่อสิ”
หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว
ชุนหนิงร้องเอ้อคำหนึ่ง สุดท้ายจึงพูดออกมาตามจริง “ผู้สูงศักดิ์ของสำนักเซียนจงอางแดงพวกนั้นบอกว่าท่านน่าสงสารพอแล้ว ไม่อยากให้ท่านอึดอัดต่อหน้าธารกำนัลอีก”
ไต้เหยียนที่อยู่ด้านข้างรีบกล่าว “ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสชั้นสูงของพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์ ไปถูกคนตรวจตราเหมือนผู้อยู่ห้าระดับล่างคนอื่นได้อย่างไร หากพวกเขาทำเช่นนั้น ผู้อาวุโสชิงเหิงต้องไม่ยอมเป็นคนแรกแน่”
หลินสวินหัวเราะดังเหอะพลางกล่าว “กล่าวกันถึงที่สุดแล้วคือพวกเขาดูแคลนข้า”
ในใจเขากลับถอนใจยาว
ดูแคลน?
แน่นอนว่าดียิ่ง!
ชุนหนิงกับไต้เหยียนพลันค่อนขอดในใจ ท่านเพิ่งรู้ว่าคนอื่นดูแคลนท่านหรือ
“เอาเถอะ พวกเจ้าออกไปเถอะ”
หลินสวินโบกมือ
วิกฤติครานี้ถูกคลี่คลายโดยปริยาย แต่ในใจหลินสวินกลับระวังยิ่งกว่าเดิม
เขารู้ดีว่าหากศัตรูจับตนไม่ได้ ย่อมไม่มีทางวางมือยุติเรื่องราวแค่นี้แน่
‘ต้องยกระดับพลังปราณโดยเร็วแล้ว…’
หลินสวินรู้สึกรีบร้อน
ไม่กี่วันต่อมา
หลินสวินไปหาชิงเหิงแล้วกล่าว “ศิษย์พี่ ข้าอยากออกท่องเที่ยวช่วงหนึ่ง”
“ท่องเที่ยว?”
ชิงเหิงสงสัย
“ใช่ ว่างมากเบื่อหน่าย อยากออกไปผ่อนคลาย”
หลินสวินกล่าว
ชิงเหิงเอ่ยว่า “เจ้าคิดอ้อมไปหาเถียนรั่วจิ้งหรือ”
หลินสวินยิ้มขื่นกล่าว “ศิษย์พี่ ไม่เช่นนั้นท่านให้ไต้เหยียนกับชุนหนิงติดตามข้างกายข้าไปเป็นอย่างไร หากข้าไปสำนักวิญญาณสวรรค์ก็ให้พวกเขาส่งข่าวบอกท่านทันทีคงได้กระมัง”
ชิงเหิงเงียบไปสักครู่ค่อยกล่าว “ช่างเถอะ ขอแค่เจ้าไม่ไปสำนักวิญญาณสวรรค์เพื่อหานางตัวดีนั่น ข้าอนุญาตให้เจ้าออกไปได้”
เขาพูดพลางหยิบยันต์หยกแผ่นหนึ่งออกมาจากอก ส่งให้หลินสวินแล้วกล่าวเสียงอบอุ่น “ยันต์หยกนี้เจ้าพกติดตัวไว้ ภายในมีรูปจำลองเจตจำนงของข้าอยู่ หากเจออันตรายก็บีบมันให้แหลก”
หลินสวินรับมาไว้ในมือแล้วยิ้มกล่าว “ขอบคุณศิษย์พี่ที่ช่วยให้สมปรารถนา!”
ในใจเขายิ่งรู้สึกว่าชิงเฟิงมีศิษย์พี่เช่นนี้ช่างโชคดีเพียงใด
วันนั้นเขาพาชุนหนิงกับไต้เหยียนออกจากสำนัก
แต่สิบกว่าวันหลังออกจากสำนัก หลินสวินรู้สึกว่าในที่ลับมีคนตามตนอยู่ตลอด กระทั่งแน่ใจว่าตนไม่มีสัญญาณว่าจะไปสำนักวิญญาณสวรรค์ ผู้ติดตามในความมืดนั้นจึงจากไปเงียบๆ
หลินสวินไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นคือชิงเหิง
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
ราตรีมืดสงัด ชุนหนิงกับไต้เหยียนล้วนนั่งสมาธิอยู่ในห้องของตน
แต่พวกเขาล้วนไม่สังเกตเห็นสักนิด ว่าในห้องถัดไปผู้อาวุโสชิงเฟิงซึ่งถูกพวกเขาเฝ้าอยู่ตลอด บนตัวพลันปรากฏร่างแยกมหามรรคทั้งห้า
จากนั้นห้าร่างแยกนี้กลายเป็นเงาแสงออกจากโรงเตี๊ยมไปเงียบๆ
จากนี้ไปห้ากายมรรคจะฝึกปราณเพิ่มกลางหุบเขาโล่งกว้าง ศึกษาค้นคว้ามหามรรควัฏจักร ใช้พลังของห้าคนอนุมานมรรคาในภายหน้า
ด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ฝึกปราณขั้นไร้ขอบเขตของหลินสวิน การใช้ห้ากายมรรคมาฝึกมรรคาในอดีตใหม่ ย่อมง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ ความเร็วในการทะลวงปราณย่อมเร็วกว่าร่างต้นอย่างเขาคนเดียวหยั่งรู้หลายเท่า!
ว่ากันตามจริงคือถูกจำกัดด้วยพลังปราณ ทำให้หลินสวินต้องพึ่งพาห้ากายมรรคมาฝึกปราณ เช่นนี้ถึงจะยกระดับมรรควิถีของตนได้โดยเร็ว
เมื่อห้ากายมรรคฝึกปราณอยู่ข้างนอก ยิ่งไม่จำเป็นต้องห่วงว่าจะถูกสายตามากมายจับจ้อง แม้ทะลวงระดับต่อเนื่องก็ไม่ต้องห่วงว่าจะก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวอะไร
แต่สำนักสวรรค์ยุทธ์ไม่เหมือนกัน ที่นั่นสายตามากเกินไป ถ้าไม่ระวังย่อมมีโอกาสทิ้งเบาะแสไว้สูง
‘ต่อให้ร่างต้นของข้าไม่ทำอะไร สักวันหนึ่งเมื่อห้ากายมรรคกลับมา มรรควิถีของร่างต้นก็จะเลื่อนถึงระดับเดียวกันไปด้วย…’
ภายในห้องของโรงเตี๊ยมหลินสวินเหยียดกาย รู้สึกเพียงว่าทั่วร่างพลันผ่อนคลายลง
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เขาตัดสินใจกลับสำนักสวรรค์ยุทธ์
นี่ทำให้ชุนหนิงกับไต้เหยียนตกตะลึงนัก เพิ่งออกท่องเที่ยวแค่ครึ่งเดือนก็จะกลับไปแล้วหรือ
หลินสวินไม่สนว่าพวกเขาคิดอย่างไร เป้าหมายการออกมาครั้งนี้ของเขาบรรลุผลแล้ว ไหนเลยจะมีอารมณ์ไปเที่ยวเล่น
ระหว่างทางยามใกล้ถึงสำนักสวรรค์ยุทธ์ พวกเขาเจอผู้สืบทอดสำนักวิญญาณสวรรค์กลุ่มหนึ่ง ล้วนมีมรรควิถีระดับกระบวนแปรจุติ
เมื่อเห็นหลินสวิน ผู้สืบทอดสำนักวิญญาณสวรรค์พวกนี้หัวเราะขึ้นมาทันที
“ศิษย์พี่เว่ย นี่คือเจ้าเฒ่าโง่หน้าไม่อายที่ถูกท่านเล่นงานเมื่อตอนนั้นไม่ใช่หรือ”
“เจ้าเฒ่าโง่หน้าไม่อายอะไรกัน เขาเป็นถึงผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งสำนักสวรรค์ยุทธ์ผู้สง่างามผ่าเผย ศิษย์น้องของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเหิง แค่มรรควิถี… ไม่ได้เรื่องไปหน่อย”
“คนเช่นนี้ยังหมายปองผู้อาวุโสสามของพวกเรา คางคกอยากกินเนื้อหงส์ชัดๆ”
…ทุกเสียงกระทบกระเทียบพลันพุ่งมาทางหลินสวินโดยไม่เกรงใจสักนิด
ในความทรงจำของชิงเฟิงเหตุการณ์เช่นนี้เขาเคยผ่านมามากแล้ว หากเป็นชิงเฟิงเองคงไม่ใส่ใจ
แม้ว่าหลินสวินจะขมวดคิ้วอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขากลับทำได้แค่เลียนแบบวิธีการของชิงเฟิง บอกตัวเองว่าไม่ต้องไปสนใจ
หลินสวินจนปัญญานัก หากข่มอารมณ์ไม่อยู่ นั่นก็ไม่ใช่ชิงเฟิงที่ทุกคนคุ้นเคยแล้ว…
แต่ครั้งนี้เขากลับเจอผู้สืบทอดสำนักวิญญาณสวรรค์ที่ซัดชิงเฟิงจนหมดสติเมื่อตอนนั้น
คนผู้นี้สวมชุดขาวกว่าหิมะ บุคลิกองอาจห้าวหาญ หว่างคิ้วเจือความหยิ่งทะนงซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชายหนุ่ม มีนามว่าเว่ยเสียน
“พวกเจ้าทำเกินไปแล้วกระมัง!”
หลินสวินยังแบกรับการถากถางเช่นนี้ได้ แต่ชุนหนิงและไต้เหยียนกลับทนไม่ไหวแล้ว เผยสีหน้าคับแค้นอับอาย
ในใจพวกเขาไม่สนว่าชิงเฟิงไม่เอาไหนเพียงใด ถึงอย่างไรก็เป็นผู้อาวุโสชั้นสูงของสำนักสวรรค์ยุทธ์ ตอนนี้กลับถูกคนระดับกระบวนแปรจุติของสำนักวิญญาณสวรรค์เสียดสีกระทบกระเทียบ ในใจพวกเขามีหรือจะรู้สึกดี
“เกินไป? พวกเราแค่พูดความจริงเท่านั้น หากไม่พอใจจะเล่นสนุกกับพวกเราไหมเล่า”
นัยน์ตาเว่ยเสียนเจือแววหยามเหยียด กวาดมองชุนหนิงและไต้เหยียน
“ทำไมจะไม่กล้า”
ชุนหนิงโกรธแล้ว กำลังจะเข้าไปรับคำท้า แต่ถูกหลินสวินห้ามไว้ “ช่างเถอะ อย่าเอาความพวกเขา พวกเรากลับสำนักก่อนเถอะ”
“ผู้อาวุโสท่าน…”
ชุนหนิงโกรธมาก ในใจผิดหวังยิ่ง ผู้อาวุโสชิงเฟิงหนอผู้อาวุโสชิงเฟิง ข้าถึงกับออกหน้าแทนท่าน ท่าน… แสดงความแข็งกร้าวหน่อยไม่ได้หรือ ต่อให้ถูกเล่นงานข้าก็จะต้านเอง!
ไต้เหยียนที่อยู่ด้านข้างถอนใจพลางกล่าว “ชุนหนิง เชื่อฟังผู้อาวุโส ไปกันเถอะ”
ชุนหนิงเงียบไปครู่หนึ่ง พยักหน้าด้วยสีหน้าอึมครึม
หลินสวินไม่พูดอะไรมากอีก พาพวกเขามุ่งตรงจากไป
พวกเว่ยเสียนไม่ได้ขวาง แต่ปากกลับไม่ไว้หน้าสักนิด ไม่เพียงถากถางหยามเหยียดหลินสวิน แม้แต่ชุนหนิงยังถูกนับรวมไปด้วย
นี่ทำให้ชุนหนิงกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดนูนยามจากไป เห็นได้ว่าในใจเขาเดือดดาลเพียงใด
กระทั่งกลับถึงสำนักสวรรค์ยุทธ์ ชุนหนิงไม่พูดสักคำ ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินท่าทีก็เปลี่ยนไป แม้ว่ายังเคารพ แต่กลับเจือความห่างเหิน
ไต้เหยียนก็เป็นแบบเดียวกัน
ในใจทั้งสองคนต่างไม่สบอารมณ์และผิดหวังนัก
หลินสวินเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา รู้สึกชื่นชมเจ้าหนุ่มสองคนนี้อยู่บ้าง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นยังกล้าออกโรง ทั้งยังออกหน้าแทนคนอัปยศของสำนักอย่างเขา จิตใจเช่นนี้หายากยิ่งนัก
เขาคิดไปคิดมาแล้วตรงไปหาเจ้าสำนักฝูอวิ๋นจื่อ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทางออกมา
สีหน้าฝูอวิ๋นจื่ออึมครึมไม่น้อย จากนั้นค่อยกล่าวอย่างแปลกใจ “อาจารย์อา เมื่อก่อนท่านไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ ครั้งนี้ทำไมถึง…”
หลินสวินกล่าว “ข้าถูกดูแคลนไม่เป็นไร แต่ไม่อาจทำให้ผู้สืบทอดของสำนักลำบากไปกับข้า”
ฝูอวิ๋นจื่อเข้าใจทันที กล่าวอย่างเคารพ “อาจารย์อา ข้าจะปลอบประโลมพวกเขาเอง”
เขารู้ว่านิสัยของอาจารย์อาตนไม่ได้แย่ พูดถึงก้นบึ้งจิตใจแล้วเมตตายิ่ง มีเพียงนิสัยซึ่งบริสุทธิ์และไร้หัวคิดเกินไปหน่อย…
จริงดังคาด วันที่สองเมื่อชุนหนิงกับไต้เหยียนเผชิญหน้ากับหลินสวิน ท่าทีล้วนเปลี่ยนไปไม่น้อย
เมื่อวานเจ้าสำนักมาพูดคุยกับพวกเขาแล้ว รู้ว่าหลินสวินเคยพูดถึงเรื่องของพวกเขาด้วยตัวเอง ด้วยเหตุนี้เจ้าสำนักจึงตกรางวัลเป็นทรัพยากรในการฝึกปราณให้พวกเขาไม่น้อย
“ผู้อาวุโส พวกเราไม่ได้โกรธท่าน แต่โกรธพวกเขาที่ไม่เห็นพวกเราสำนักสวรรค์ยุทธ์ในสายตา น่าชังนัก”
ชุนหนิงกล่าวเสียงเบา
“ไม่ผิด ภายหน้าหากมีโอกาส ข้าต้องไปงัดข้อกับพวกเขาแน่!”
ไต้เหยียนกล่าวเช่นกัน
หลินสวินยิ้มรับ ไม่พูดอะไรมากอีก
…
เวลารวดเร็วดั่งลูกธนู ผ่านไปอย่างว่องไว
หนึ่งปีหลังจากหลินสวินปรากฏตัวในโลกแปรมรรค
‘ห้ากายมรรคฝึกปราณเพิ่มมาครึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้มรรควิถีพัฒนาถึงระดับใด…’
หอเก็บตำรา หลินสวินอ่านม้วนตำราพลางใจไม่อยู่กับตัว
“ผู้อาวุโสชิงเฟิงแย่แล้ว ผู้อาวุโสชิงเหิงบาดเจ็บกลับมา!”
ทันใดนั้นเสียงร้อนรนกระชั้นถี่ของชุนหนิงดังขึ้นนอกหอเก็บตำรา
นัยน์ตาของหลินสวินหดรัด เก็บม้วนตำราในมือพลางหยัดร่างกล่าว “ศิษย์พี่ไปเข้าร่วม ‘งานชุมนุมร้อยสำนัก’ ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงบาดเจ็บกลับมา”
หนึ่งเดือนก่อนสำนักเซียนจงอางแดงจัด ‘งานชุมนุมร้อยสำนัก’ เชิญมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของสำนักชั้นรองและชั้นสามนับร้อยแห่งทางตะวันออกไปเข้าร่วม
ชิงเหิงเป็นตัวแทนของสำนักสวรรค์ยุทธ์ มุ่งหน้าไปเข้าร่วมเช่นกัน
แต่กลับมีข่าวมาว่าชิงเหิงบาดเจ็บ นี่ทำให้หลินสวินรู้สึกแปลกใจ
ทั้งสำนักสวรรค์ยุทธ์ชิงเหิงดีกับชิงเฟิงที่สุด มองเขาเป็นเหมือนพี่น้อง
หากชิงเหิงเกิดเรื่อง ในใจหลินสวินคงรู้สึกผิดไม่น้อย
ชุนหนิงส่ายหัวกล่าว “ศิษย์ก็ไม่ทราบ เช่นนั้นท่านไปดูผู้อาวุโสชิงเหิงหน่อยเถอะ”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ มุ่งตรงไปข้างหน้า
……………………..