Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3229 ที่มาของต้นไม้โบราณกับนิพพาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3229 ที่มาของต้นไม้โบราณกับนิพพาน
ชั่วพริบตาที่นัยเร้นลับนิพพานในจิตรับรู้หลินสวินสัมผัสโดนต้นไม้โบราณที่อยู่ไกลๆ ต้นนั้น ภาพอันน่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้น
ฮูม…
ต้นไม้โบราณทั้งต้นสั่นไหวเล็กน้อย กิ่งก้านเคลื่อนไหวเองเงียบๆ ที่ส่วนรากมีกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดถาโถมพวยพุ่งไม่หยุดคล้ายตื่นขึ้นจากนิทรา
หลินสวินรู้สึกเพียงจิตวิญญาณสั่นไหว ในสมองงุนงง คล้ายเปลี่ยนเป็นเมล็ดที่ฝังอยู่ในไอแรกกำเนิดเมล็ดหนึ่ง ซึมซับการฟูมฟักของพลังแรกกำเนิดทุกคืนวัน
ก็ไม่รู้ว่านานเท่าไร…
ครืน!
เสียงดังสนั่นเหมือนเบิกฟ้าแยกดินดังขึ้น หลินสวินรู้สึกได้ว่าพลังชีวิตอันแปลกประหลาดและไพศาลอุบัติขึ้น นั่นเป็นจังหวะชีวิตดั้งเดิมที่สุดชนิดหนึ่ง
และเมื่อจังหวะชีวิตนี้ยิ่งแกร่งกล้าเกรียงไกร หลินสวินก็รู้สึกเพียงว่าพลังแปรสภาพและนิพพานพลันปะทุพวยพุ่ง
จากนั้นเมล็ดที่เขาแปลงนี้ก็แตกรากและหน่ออ่อน หยั่งรากลงสู่ไอแรกกำเนิด ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง!
ในเวลาต่อมา ‘ต้นอ่อน’ ต้นนี้ซึมซับพลังของไอแรกกำเนิดไม่หยุดหย่อน ได้รับการหล่อเลี้ยงจากต้นกำเนิดมหามรรคไม่ว่างเว้น ได้เป็นประจักษ์พยานในเส้นทางการก่อตัวจากความว่างเปล่าของจตุโบราณสถาน ได้เป็นสักขีพยานเมื่อโลกยุคสมัยวิวัฒน์จากต้นแบบเป็นสมบูรณ์ ได้พบเห็นอารยธรรมยุคสมัยเวียนผลัดกันรุ่งเรืองและล่มสลาย…
และต้นอ่อนนี้ก็เติบโตและแปรสภาพเงียบๆ ท่ามกลางกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้…
กระทั่งต่อมาต้นอ่อนเจริญขึ้นเป็นต้นไม้โบราณต้นหนึ่ง กิ่งก้านหนาเขียวชอุ่ม ใบไม้ที่มีไอแรกกำเนิดลอยละล่องงอกเต็มไปหมด แต่ละใบต่างประทับด้วยพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดอันลึกลับที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หลากหลายนับหมื่นพัน
ทุกครั้งที่อารยธรรมยุคสมัยหนึ่งล่มสลาย ใบไม้บนต้นไม้โบราณก็จะเหี่ยวแห้งปลิดปลิวคืนสู่ไอแรกกำเนิด กลายเป็นสิ่งบำรุงมหามรรคดั้งเดิม
และทุกครั้งที่อารยธรรมยุคสมัยใหม่ปรากฏ ใบไม้ใบใหม่ก็จะงอกจากต้นไม้โบราณ หมุนเวียนเป็นวัฏจักรไร้สิ้นสุด
แต่จู่ๆ วันหนึ่งก็เกิดมหาเคราะห์ที่ไม่อาจล่วงรู้ในไอแรกกำเนิด สร้างความเสียหายยิ่งยวดให้กับต้นไม้โบราณ ในขณะที่มันยังไม่ทันได้ตอบสนอง กิ่งก้านเขียวชอุ่มถูกสะบั้นลงไม่รู้เท่าไร ใบไม้ร่วงพรูปลิดปลิว…
ครามหาเคราะห์หายไป
ต้นไม้โบราณเหลือเพียงกิ่งก้านและลำต้นโล้นเตียน รากของมันยังถูกทำลายอย่างรุนแรง
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือหลังจากมหาเคราะห์คราวนี้ มันสูญเสียพลังต้นกำเนิดชีวิตที่ใช้แปรสภาพและฟื้นฟูไป ร่วงโรยลงทีละก้าว…
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินพลันได้สติ ในสมองราวกับระเบิดออก มีกลิ่นอายพร่าเลือนลึกลับสุดหยั่งนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา ถาโถมซัดสาดคล้ายธารพลิกทะเลคว่ำ
กระทั่งพักใหญ่จิตใจของหลินสวินจึงสงบลงในที่สุด
เมื่อมองไปที่ต้นไม้โบราณนั้นอีกครั้ง ในใจหลินสวินยังเกิดความรู้สึกประหลาดที่ยากปกปิดได้
เขาเข้าใจแล้ว
ต้นไม้นี้คือสิ่งที่แปลงมาจากมรรคแห่งชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคแรกกำเนิด!
พูดอีกอย่างก็คือ สามารถเรียกมันว่า ‘ต้นชีวิตอัศจรรย์’ รากของมันเชื่อมโยงกับจตุโบราณสถาน ทุกครั้งที่โลกยุคสมัยอุบัติขึ้น ใบไม้เขียวชอุ่มก็จะควบรวมขึ้นบนต้นไม้นี้ แทนต้นกำเนิดความลึกลับต่างๆ ในมรรคแห่งชีวิต
อย่างเรือนิรันดร์ก็เป็นใบไม้ที่เกิดขึ้นจากต้นไม้นี้ใบหนึ่ง สามารถเปิดโลกมอบวิญญาณได้ พลังที่มีก็คือ ‘ความลับพรสวรรค์’ ของมรรคแห่งชีวิต!
ส่วนใบไม้ใบอื่นก็เป็นตัวแทนความลึกลับอื่นของมรรคแห่งชีวิต เช่นพลังวัฏจักรที่เฉินซีครอบครอง
เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้ แค่คิดก็รู้ว่าหลินสวินจะสะท้านในใจเพียงไหน
จุดกำเนิดของชีวิตมาจากต้นไม้นี้ ความเร้นลับของมรรคแห่งชีวิตก็ถือกำเนิดขึ้นจากต้นไม้ต้นนี้!
ไม่ต้องสงสัย นี่ก็สามารถพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของไท่ชู เฉินซี และมือกระบี่ผู้นั้น ว่าในเขตผนึกอัศจรรย์แห่งนี้มีมรรคแห่งชีวิตอยู่จริง!
ทำไมโลกนี้จึงหยั่งรู้มรรคแห่งชีวิตได้ยากเย็นนัก ถึงกับที่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดไม่มีใครบรรลุมรรคนั้นได้ ราวกับเป็นตำนาน
ตอนนี้หลินสวินเข้าใจแล้ว
สาเหตุก็อยู่ที่ในอดีตเมื่อนานมาแล้วเคยเกิดมหาเคราะห์ครั้งหนึ่งในยุคแรกกำเนิดนี้ เคราะห์นี้สร้างความเสียหายรุนแรงให้กับต้นชีวิตอัศจรรย์ ทั้งยังบดขยี้มรรคแห่งชีวิตไปด้วย!
นี่เท่ากับทำลายมรรคาชีวิตที่สมบูรณ์สายหนึ่ง ทำให้มรรคนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ ทำได้เพียงสัมผัสถึงเบาะแสจำนวนหนึ่งจากในเขตผนึกอัศจรรย์นี้เท่านั้น
อย่างเช่นต้นกำเนิดมอบวิญญาณหรือวัฏจักร แม้จะเกี่ยวข้องกับมรรคแห่งชีวิตทั้งคู่ แต่ต่างเป็นเพียงสาขาหนึ่งในมรรคาชีวิตเท่านั้น
แต่ต่อให้ต้นไม้โบราณได้รับความเสียหายรุนแรง กลับไม่ได้วอดวายลงโดยสิ้นเชิง
ก็ด้วยเหตุนี้เองในยุคแรกกำเนิดนี้จึงยังมีชีวิตนับไม่ถ้วนเพิ่มจำนวนขึ้นช้าๆ ปรากฏขึ้นในการสับเปลี่ยนยุคสมัยได้ ข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวก็คือมรรคแห่งชีวิตถูกทำลายไปแล้ว ถึงขนาดที่ขั้นไร้ขอบเขตของมรรคานิรันดร์ถูกมองเป็นระดับขั้นสูงสุด…
ถึงตอนนี้ความสงสัยมากมายในใจหลินสวินได้รับคำตอบแล้ว มิหนำซ้ำเขายังหยั่งถึงว่ายุคแรกกำเนิดยุคหนึ่งถือกำเนิดขึ้นจากความว่างเปล่า รวมถึงนัยเร้นลับต่างๆ ที่วิวัฒน์ออกมา หยั่งถึงกระบวนการในชีวิตตั้งแต่ต้นชีวิตอัศจรรย์แทงหน่อจากเมล็ด เติบใหญ่ขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่…
การหยั่งรู้เหล่านี้ต่างตกตะกอนในสภาวะจิต
ทั้งหมดนี้ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าขอเพียงฟื้นฟูต้นชีวิตอัศจรรย์นี้ ก็จะสร้างมรรคาชีวิตที่ถูกทำลายแตกกระสานซ่านเซ็นนั้นขึ้นมาอีกครั้งได้!
และนี่ก็เกี่ยวข้องกับพลังนิพพาน!
สาเหตุง่ายนัก พลังนิพพานคือพลังต้นกำเนิดส่วนหนึ่งของต้นชีวิตอัศจรรย์ สามารถกระตุ้นให้มันเติบโตและแปรสภาพได้
แต่ในมหาเคราะห์เมื่อนานมาแล้วครั้งนั้น หลังจากต้นชีวิตอัศจรรย์เสียหายรุนแรงจนสูญเสียต้นกำเนิดส่วนนี้ไป ก็เท่ากับเสียพลังที่สามารถแปรสภาพและฟื้นตัว ทำให้กลายเป็นลักษณะเช่นนี้…
พูดง่ายๆ เดิมทีนัยเร้นลับนิพพานก็เป็นพลังต้นกำเนิดส่วนหนึ่งของต้นชีวิตอัศจรรย์!
และนี่ก็เป็นที่มาที่ไปของนิพพาน
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่
พลังนิพพานที่ต้นชีวิตอัศจรรย์สูญเสียไป กลับกลายเป็นเมล็ดในต้นกำเนิดของแห่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ และถือกำเนิดขึ้นในโลกมืดในที่สุด กลายเป็นแดนปรินิพพาน ก่อนจะถูกตนได้มาครอง
ความจริงนี้เท่ากับพิสูจน์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจตุโบราณสถานลึกลับขนาดไหน
แต่แม้ว่าหลินสวินจะไขปริศนามากมายในใจได้แล้ว แต่ในใจกลับเกิดข้อกังขาใหม่ขึ้นมาอีก...
แล้วมหาเคราะห์ที่สร้างความเสียหายรุนแรงแก่ต้นชีวิตอัศจรรย์ในตอนนั้น… มาจากไหนกัน
หลินสวินไม่อาจล่วงรู้
มหาเคราะห์ครั้งนั้นมาอย่างกะทันหันเกินไป ทำให้ต้นชีวิตอัศจรรย์ยังได้รับความเสียหายรุนแรงโดยไม่ทันตั้งตัว แค่คิดก็รู้ว่าเคราะห์นี้น่าสะพรึงและเป็นสิ่งต้องห้ามเพียงไหน
หลินสวินถึงกับสงสัยว่าเคราะห์นี้ไม่ได้ถือกำเนิดในยุคแรกกำเนิดนี้ แต่… มาจากนอกยุคแรกกำเนิด!
แน่นอนว่านอกยุคแรกกำเนิดนี้ยังมียุคแรกกำเนิดอื่นอีกหรือไม่ หลินสวินไม่อาจล่วงรู้ได้
สิ่งเดียวที่เขากล้าแน่ใจก็คือ สักวันหนึ่งเมื่อตนใช้นัยเร้นลับนิพพานฟื้นฟูต้นชีวิตอัศจรรย์นี้ขึ้นมา ไม่แน่อาจจะได้รู้เบาะแสที่เกี่ยวข้องกับเคราะห์นี้จาก ‘ความทรงจำ’ ของต้นไม้นี้
มิหนำซ้ำถ้าฟื้นฟูต้นชีวิตอัศจรรย์ ก็เท่ากับฟื้นฟูมรรคาชีวิตที่กระเจิดกระเจิงนั้นด้วย
ยามก้าวลงบนปลายทางของมรรคานี้ อาจจะมีโอกาสไปดูว่านอกยุคแรกกำเนิดนี้จะยังมียุคแรกกำเนิดอื่นอยู่หรือไม่ และจะมีมรรคาที่สูงกว่ามรรคแห่งชีวิตนี้หรือไม่…
“ซย่าจื้อ อีกเดี๋ยวพวกเราก็ออกไปได้แล้ว”
พักใหญ่จิตรับรู้ของหลินสวินก็ส่งความคิดหนึ่งออกไป
“ออกไปอย่างไร”
ซย่าจื้อสงสัย
“ย่อมต้องอาศัยต้นไม้โบราณต้นนี้แล้ว”
หลินสวินเอ่ย “แต่เมื่อพวกเราจากไป ยามกลับสู่แดนเทพมากเร้น ศัตรูอย่างไท่ชู อีกาดำ บรรพจารย์วานรจะต้องลงมือเต็มกำลังแน่ พูดอีกอย่างก็คือการประลองหมากครั้งนี้เท่ากับถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะ”
ซย่าจื้อพูด “เจ้ามั่นใจไหม”
หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “บนโลกนี้ไม่มีเรื่องที่มั่นใจได้โดยสมบูรณ์ แต่ข้าในตอนนี้ไม่กลัวการประลองกับไท่ชูนานแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่เดาไม่ออกก็คือในมือไท่ชูมีไพ่ตายอีกหรือไม่”
ซย่าจื้อเอ่ย “เจ้าล่ะ มีไพ่ตายอีกหรือไม่”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา “มีอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นเจ้ายังมีอะไรต้องกังวล”
ซย่าจื้อพูดถึงตรงนี้ก็คล้ายตระหนักได้ขึ้นมาพลัน เอ่ยว่า “เจ้ายังไม่วางใจเรื่องความปลอดภัยของข้าใช่ไหม”
“ไม่ผิด”
หลินสวินพูด “ยามเจ้ามา หลบอยู่ในเรือนิรันดร์ จึงไม่ถูกพวกไท่ชูสกัดกั้น แต่ตอนนี้เรือนิรันดร์หายไปแล้ว เป็นไปได้สูงยิ่งว่าเมื่อเจ้ากลับไปจะดึงดูดความสนใจและการโจมตีจากศัตรูเหล่านั้นทันที”
เขาหยุดไป เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะออกจากโลกจำศีลไปรับเจ้าทันที”
ซย่าจื้อพยักหน้า เอ่ยว่า “เช่นนั้นพวกเราจะออกไปตอนไหน”
หลินสวินพูด “รออีกหน่อย ให้ศัตรูพวกนั้นรอเช่นกัน รอข้าผสานนัยเร้นลับที่หยั่งรู้ได้ตลอดทางนี้เข้าสู่มรรควิถี ค่อยไปประลองตัดสินแพ้ชนะกับพวกเขาก็ไม่สาย”
“ได้” ซย่าจื้อตอบรับเสียงกระจ่าง
……
โลกจำศีล
ที่ริมผา หลินสวินยืนมือไพล่หลัง ไม่ไหวติงดุจรูปปั้น
เพียงแต่ไม่มีใครสังเกตว่าในสภาวะจิตเขากลับกำลังหยั่งรู้นัยเร้นลับและแก่นอัศจรรย์อันพิสดารยากจะกล่าวเต็มกำลัง
หลังจากจิตรับรู้ของเขาพุ่งเข้าไปในเขตผนึกอัศจรรย์ บัดนี้สิ่งที่ได้พบเห็นและสัมผัสตลอดทางต่างถูกเขาหยั่งรู้และอนุมาน แปลงเป็นการหยั่งรู้มหามรรคผสานเข้าไปในมรรควิถีของตน
กาลเวลาเคลื่อนคล้อยไปวันแล้ววันเล่า
โพธิ์กับจักจั่นทองสงบใจรอคอย แต่กระทั่งพวกเขายังคิดไม่ถึงว่ายามหลินสวินหยั่งรู้นัยเร้นลับของเขตผนึกอัศจรรย์ จะถึงกับหยั่งรู้นานขนาดนี้
นี่ผ่านไปสามเดือนแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะจบลง
แต่สิ่งที่พวกเขามีคือความอดทน มิหนำซ้ำยังรู้สึกได้กลายๆ ว่ายิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งพิสูจน์ว่าการหยั่งรู้ของหลินสวินหยั่งได้ผลเก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาอย่างไม่ต้องสงสัย!
โลกหม่นมัว
ส่วนลึกใต้ดินจู่ๆ ก็มีเสียงทอดถอนใจของไท่ชูแว่วมา “ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดนี้ อย่างมากข้าก็หยั่งรู้ได้เพียงสามเดือน พลังจิตวิญญาณก็แทบจะรับไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าสหายน้อยหลินคนนี้หยั่งรู้ครั้งแรกก็ทำได้ถึงขั้นนี้แล้ว ช่างทำให้ข้าประหลาดใจนัก”
“จากจุดนี้เห็นได้ว่าเขาซึ่งมีพลังนิพพานจะต้องได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่น้อย” ไม่ไกลบรรพจารย์วานรสีหน้าเรียบเฉยและสงบนิ่ง
“ไม่เลวๆ”
ไท่ชูหัวเราะหึๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็รออีกหน่อย ไม่รีบ ยิ่งผลเก็บเกี่ยวที่สหายน้อยหลินได้รับมีมากเท่าไร ก็ยิ่งดีกับข้ามากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่ายามเขาตื่นจากการหยั่งรู้ก็จะเป็นเวลาตัดสินแพ้ชนะแล้ว ข้าตั้งตาคอยไปเทียบสูงต่ำบนมรรคากับสหายน้อยหลินด้วยตัวเองนัก!”
ในเสียงเจือความตั้งตาคอย
และในโลกหงหลิง เฉินซีกับเฉินหลินคงก็กำลังถกกันเรื่องนี้ คาดเดาว่าการหยั่งรู้ของหลินสวินในคราวนี้จะต้องไม่ใช่เล็กๆ แน่
ทั้งหมดนี้พิสูจน์ว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดาก่อนหน้านี้ถูกต้องอย่างไร้ข้อกังขา หลินสวินที่ครอบครองพลังนิพพาน คือตัวแปรที่ไม่เคยมีมาก่อนคนหนึ่งจริงๆ!
——