Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 354
เห็นหลินสวินไม่พูด หลินเสวี่ยเฟิงก็ห้ามรอยยิ้มไว้ไม่อยู่
“หลินสวิน ข้ารู้ว่าเจ้าเหนื่อย สิ่งที่แบกรับไว้มีมากเกินไปแล้ว ด้วยความสามารถของเจ้าคงรับภาระหนักอึ้งนี้ไว้ไม่ไหวหรอก”
หลินเสวี่ยเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “มอบให้ข้าเถอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเหนื่อยเช่นนี้ ตระกูลหลินแห่งนี้ต่อไปให้ข้ารับไว้แต่ผู้เดียวก็พอแล้ว!”
ตาทุกคู่มองไปที่หลินสวิน คนมากมายเห็นว่าหลินเสวี่ยเฟิงแสดงให้เห็นน้ำใจจริงที่มากพอแล้ว ถ้าหลินสวินจะไม่สนใจ ก็ถือว่าอยากตาย
สีหน้าหลินจงหม่นหมองลงไปมาก เดิมเขานึกว่านี่จะเป็นเพียงการประลองเท่านั้น ใครจะคิดว่ากลับซุกซ่อนลูกไม้สกปรกไว้มากมายขนาดนี้! ถ้ารู้เช่นนี้เสียแต่แรก คงไม่ให้นายน้อยมาที่นี่!
“เฮ้อ” หลินสวินพลันถอนหายใจยาวท่ามกลางความเงียบ “ไม่คิดว่าในตระกูลหลินจะได้พบคนรู้ใจข้าในที่สุด เข้าใจหัวอกข้า รู้สถานการณ์ของข้า ที่สำคัญยังอยากช่วยข้าแบ่งเบาภาระโดยไม่สนใจสิ่งใดเลย”
ฝูงชนตื่นเต้น ในใจคิดว่าเจ้าหนูนี่ยังพอมีปัญญา ย่อมเห็นว่าการยอมรับถึงจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดที่สุด ถ้าหลินสวินยังไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวเช่นไรอีกก็ไม่รู้อันตรายแล้ว
รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนริมฝีปากของของหลินเสวี่ยเฟิงยิ่งอ่อนโยนขึ้น ท่าทีของหลินสวินทำให้เขาพึงพอใจ ในใจถึงกับคิดไว้แล้วว่า เมื่อหลินสวินยกสิทธิ์เหนือภูเขาชำระจิตให้ อาจจะมอบผลประโยชน์บางอย่างให้อีกฝ่ายก็เป็นได้
แต่ที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจคือ หลินสวินกลับพลิกลิ้นพูดเรียบๆ ว่า “ข้าหลินสวินมีคุณธรรมใด มีความสามารถใด จึงได้รับความกรุณาสนับสนุนเช่นนี้” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าหลินสวินหนักแน่น พูดอย่างทรงอำนาจว่า “ช่างเถอะ ภาระนี้ให้ข้ารับไว้คนเดียวเถิด ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครมันจะไปลงนรกเล่า”
ทั้งลานตกตะลึง ล้วนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เจ้าเด็กนี่มันบ้าไปแล้วกระมัง ถึงได้พูดจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้
รอยยิ้มบนมุมปากของหลินเสวี่ยเฟิงเกร็งขึ้น พูดราวกับไม่เชื่อว่า “หลินสวิน เจ้า…เข้าใจผิดไปแล้วหรือไม่”
หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า “ท่านพี่ ท่านไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอก บาปนี้ให้ข้ารับไว้เองเถิด”
ชั่วขณะนี้ ฝูงชนรับรู้ได้แล้วว่าหลินสวินตั้งใจกวนโมโหพวกเขา!
ร้ายนัก!
หลายคนแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ เจ้าเด็กนี่มันแผลงฤทธิ์เกินไปแล้ว ไม่ยอบรับก็พูดตรงๆ ถึงกับกล้าล้อพวกตนเล่น มันรนหาที่ตายเสียจริง!
จิตใจนิ่งสุขุมของหลินเสวี่ยเฟิง ขณะนี้เริ่มรู้สึกอึดอัดจนแสดงท่าทีเย็นชาโดยไม่รู้ตัว
“ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่รับน้ำใจ เช่นนั้นพวกเรามาแสดงฝีมือที่แท้จริงกันเถอะ!” หลินเสวี่ยเฟิงแสดงท่าทีร้ายมาร้ายกลับ
หลินสวินยิ้มบาง เห็นด้วยอย่างยิ่งแล้วพูดว่า “ควรทำอย่างนี้เสียตั้งนานแล้ว”
ริมฝีปากหลินเสวี่ยเฟิงกระตุกเล็กน้อยอย่างยากสังเกตเห็น เขาพลันสัมผัสได้ว่าถ้าสนทนาต่อไปอีก น่ากลัวว่าตนจะถูกหลินสวินยั่วโมโหจนเสียอาการ
“น่าโมโหนัก เจ้าเด็กนี่ทำเกินไปแล้ว ท่านพี่เสวี่ยเฟิง ต้อนสั่งสอนบทเรียนที่ทำให้มันจำไปจนตายเชียว!” มีคนตะโกนออกมาอย่างขัดเคือง
“ใช่! จะปล่อยมันไปง่ายๆ ไม่ได้เด็ดขาด!” คนอื่นพลอยตะโกนตาม ในใจเต็มไปด้วยความเดือดดาล
หลินไหวหย่วน หลินต้าเชียนและคนอื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปอดนิ่วหน้าไม่ได้ ในใจไม่หวังให้หลินสวินรับรู้ได้ถึงความยากลำบากแล้วยอมแพ้ไปเองอีกแล้ว
ในความคิดของพวกเขา หลินสวินเป็นเด็กน้อยโอหังที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา สู้หัวชนฝา ก็คงต้องให้บทเรียนจริงๆ ถึงทำให้เข้าใจสภาพการณ์ตอนนี้อย่างชัดเจน
ทว่าหลินจงกลับยิ้มออกมา นายน้อยก็ยังคงเป็นเช่นนั้น เก็บงำความสามารถของตนไว้ แต่อย่าได้คิดว่าจะเอาเปรียบเขาเชียว!
ฉับพลัน จิตใจหลินจงอดตึงเครียดไม่ได้ ถ้าประลองกันจริง เขาเองก็กังวลว่าหลินสวินจะทนสู้กับหลินเสวี่ยเฟิงได้ถึงร้อยกระบวนท่าหรือไม่
อย่างไรเสียพลังปราณของพวกเขาสองคนก็ห่างชั้นกันถึงหนึ่งขั้นใหญ่!
นอกจากนี้หลินเสวี่ยเฟิงก็เทียบกับคนทั่วไปไม่ได้ เป็นถึงผู้ถูกเลือกที่ผ่านการทดสอบระดับอาณาจักร นี่ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้นายน้อยขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ตอนนี้หลินจงก็อับจนหนทาง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ได้แต่หวังให้เกิดปาฏิหาริย์กับหลินสวิน
…
“หนึ่งร้อยกระบวนท่า ถ้าเจ้าไม่ล้มก็ถือว่าเจ้าชนะ!”
ในลานฝึกยุทธ์ หลินเสวี่ยเฟิงเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ชั่วพริบตานั้นพลังรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนแปรผันผวน ละอองฝนลอยละล่อง เผยพลังออกมา พลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวพุ่งปะทะผืนเมฆ ปั่นป่วนสภาพอากาศ
ชุดขาวของเขาปลิวไหว เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น แสดงพลังอำนาจของผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณออกมาอย่างเต็มที่
คนในลานมากมายดวงตาเปล่งประกาย ทั้งส่งสียงร้องด้วยความตื่นตะลึงไม่หยุดหย่อน
“จำไว้ ข้าจะไม่เกรงใจ แสดงฝีมือออกมาเถอะ” ผมยาวของหลินเสวี่ยเฟิงปลิวไปตามลม รอบตัวห้อมล้อมด้วยละอองฝนลอยละล่อง ประหนึ่งเทพเซียน
หลินสวินยิ้มบางๆ “ดีที่สุดอย่าได้เกรงใจ มิเช่นนั้นหากท่านเกิดแพ้ขึ้นมา คนอื่นจะพานคิดว่าท่านจงใจออมมือให้ข้า ทำให้ข้าไม่สบายใจ”
“เจ้า…” ดวงตาหลินเสวี่ยเฟิงอึมครึม
สวบ!
ตอนนี้เอง หลินสวินเริ่มออกโจมตีแล้ว เงาร่างราวสายฟ้า เหนี่ยวนำแสงสว่างสีฟ้าใสเปล่งประกายราวหยกโผนกระโจนไปกลางนภา
โครม! หมัดเปล่งประกายพร่าพราวซัดออกมา
มีพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ดังหมัดทลายภูผานที กดทับสรรพสิ่ง ที่แท้ก็เป็นกระบวนท่าทลายภูผาในเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์นี่เอง!
เสียงหวีดหวิวระงมท้องฟ้า อากาศไหลเวียนวิปริตแปรปรวน
หืม?
หลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไป รวมถึงผู้เก่งกาจจำนวนหนึ่งอย่างหลินต้าเชียนดวงตาฉายแววตกตะลึง ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าสามารถใช้พลังน่ากลัวขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
มิน่าเด็กคนนี้ถึงกล้ารับคำท้าประลอง ที่แท้ก็พอมีดีอยู่บ้าง
น่าเสียดายคนที่เขาเจอคือเสวี่ยเฟิง ต่อให้ในขั้นผสานฟ้าเขาจะเก่งกาจแค่ไหน อย่างไรก็ต้องพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้
หลินเสวี่ยเฟิงในตอนแรกไม่ใส่ใจอะไรมากนัก เขามองว่าหลินสวินเป็นเพียงเด็กหนุ่มขั้นผสานฟ้าเท่านั้น ทั้งยังอ่อนวัยกว่าตน มาดวลกับเขาก็ไม่ต่างกับมดน้อยเขย่าต้นไม้ หรือทุบหินด้วยไข่
ทว่าเมื่อหลินสวินโจมตีหมัดนี้ออกมา หลินเสวี่ยเฟิงรู้ได้ทันทีว่าเขาประเมินเจ้าเด็กคนนี้ต่ำไป แต่ก็เพียงคิดเช่นนี้เท่านั้น
“เปิดได้สวย” หลินเสวี่ยเฟิงหัวเราะชอบใจ ยืนตระหง่านอยู่ที่เดิม ครู่หนึ่งก็ปล่อยพลังออกมา
พลันลำแสงที่ดูเหมือนละอองฝนก่อตัวขึ้นแล้วเทลงมาอย่างแผ่วเบา เส้นสายที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดปรากฏขึ้นโดยทั่ว ราวกับจิตรกรมากฝีมือตวัดพู่กันเขียนภาพ
“เคล็ดวิชามายาหมอกพิรุณ!”
“ท่านพี่เสวี่ยเฟิงนำวิชาขั้นสูงมาใช้ได้อย่างงดงามหมดจดถึงขั้นนี้ ไม่มีข้อบกพร่องเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก”
“เฮอะ เจ้าเด็กหลินสวินนั่นต้องได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเสียแล้วล่ะ!”
คนในลานมากมายฮึกเหิม ตื่นตาตื่นใจกับฝีมือที่หลินเสวี่ยเฟิงสำแดงออกมา
โครม!
พลันเสียงปะทะน่ากลัวดังขึ้น แสงวิญญาณสาดกระเซ็น กวาดกระจายไปทั่วทุกแห่ง
รอยสลักวิญญาณที่อยู่บนลานฝึกยุทธ์ถูกปลุกให้ตื่นอยู่ก่อนแล้ว สำแดงพลังป้องกันไร้รูปร่างขึ้น ส่งผลให้คลื่นที่ล้นออกมาจากการต่อสู้สลายไป ยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุที่ฝูงชนนอกลานถูกคลื่นกระทบได้
ตึงๆๆ
เห็นเรือนกายหลินสวินถูกสั่นสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว
ในลานพลันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โจมตีครั้งเดียวก็รู้ที่ต่ำที่สูงแล้ว!
แต่ที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ ขณะนี้ยังมีรอยยิ้มบางๆ ระบายอยู่บนใบหน้าของหลินสวิน พูดว่า “นี่เป็นพลังระดับมหาสมุทรวิญญาณหรือ ไม่เท่าไหร่นี่”
เสียงยังไม่ทันเงียบลง เขาก็พุ่งเข้าไปอีกรอบ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ พลังรอบตัวเขาเพิ่มขึ้นอีกขั้นอย่างชัดเจน ทั้งร่างถูกพลังวิญญาณสีฟ้าปกคลุมหนาแน่น ท่าทางองอาจราวมังกร
“ไม่รู้ดีชั่ว!” หลินเสวี่ยเฟิงหัวเราะเย้ยหยัน พลันเกิดเสียงซ่า ร่างกายลอยละล่องราวหมอกฝน ย่างก้าวออกไปข้างหน้า ฝ่ามือขาวผ่องเรียวยาวควบพลังมหึมาไว้ แล้วปล่อยออกไปอย่างโหดเหี้ยม
ตูม!
ทั้งสองคนเข้าต่อสู้ราวภูเขาไฟสองลูกกระทบกัน ก่อให้เกิดพลังน่าสะพรึงไหลสะเปะสะปะ ฟ้าดินเปลี่ยนสี ห้วงอากาศแหลกสลาย
พูดได้ว่า พลังของระดับมหาสมุทรวิญญาณนั้นน่าสะพรึงกลัวหาใดเปรียบยิ่งนัก ยกมือวาดขาก็เกิดพลังที่มีผลต่อฟ้าดิน สร้างพลังที่สามารถปั่นป่วนหยินหยางได้
เพียงครู่เดียวหลินสวินก็ถูกซัดสะเทือนให้กระเด็นออกไป
แต่ที่ทำให้ทุกคนตกใจคือ เขาพุ่งเข้าประจันบาญอีกครั้งราวกับคนที่ไม่เป็นอะไรเลย
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
“ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าเก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ผู้คนส่งเสียงฮือฮา
ขนาดพวกหลินไหวหย่วนที่อยู่ห่างออกไปยังอดหรี่ตาไม่ได้ ความแข็งแกร่งของหลินสวินเกินธรรมดาไปนัก
ถ้าเป็นผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าคนอื่น จะรับมือหลินเสวี่ยเฟิงสองสามกระบวนท่ายังยาก!
นี่ไม่ใช่การดูถูกผู้กล้าใต้หล้า แต่ความได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัดของระดับพลังปราณ ยังผลให้ไม่ว่าผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าผู้ใดเผชิญหน้ากับระดับมหาสมุทรวิญญาณ ล้วนรับมือได้ลำบากนัก
ทว่าหลินสวินถูกผลักจนถอยออกไปถึงสองครั้งติด แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ท่าทางกลับดูแข็งแกร่งสมบูรณ์ขึ้น ต่างออกไปอย่างยิ่ง
‘เจ้าเด็กนี่หน่วยก้านไม่ธรรมดา ในระดับจิตผสานวิญญาณ น่ากลัวจะหาคู่ต่อสู้ได้ยาก ถ้าให้เวลาเขาอีกสองสามปี ไม่แน่ว่าจะสามารถเติบโตขึ้นเป็นที่สูสีกับเสวี่ยเฟิงได้’ หลินไหวหย่วนพึมพำในใจ ‘น่าเสียดาย ที่ผู้มีสิทธิ์ครอบครองภูเขาชำระจิตมีได้แค่คนเดียว หลินสวินในตอนนี้อย่างไรก็ห่างชั้นกับเสวี่ยเฟิงไปมาก’
หลินสวินในขณะนี้ เข้าร่วมต่อสู้เต็มตัว จิตใจว่างเปล่า จดจ่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สำแดงพลังมหัศจรรย์แห่งเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ออกมาจนหมด
กระบวนท่าทลายสมุทร ทลายอากาศ ทลายวิญญาณ ทลายมังกร ทลายปักษาเพลิง…
นี่เป็นเคล็ดวิชาซึ่งตกทอดที่ห้องโถงมรรคาสวรรค์ ซุกซ่อนอยู่ในมรดกเก่าแก่กลางผนึกสะเทือนสวรรค์โบราณ เมื่อถูกหลินสวินปล่อยออกมาอย่างมุทะลุ เกิดเป็นภาพแปลกตามากมาย
แต่ถึงกระนั้น หลินสวินยังถูกทำให้กระเด็นถอยหลังอยู่เช่นเดิม แม้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เลือดลมในกายกลับพลุ่งพล่านไม่หยุด ทรมานอย่างยิ่ง
หลินเสวี่ยเฟิงแข็งแกร่งมากจริงๆ ตั้งแต่หลินสวินฝึกปราณมา ในบรรดาคู่ต่อสู้ที่เคยประมือด้วย ถ้าไม่นับฉื่อฉางเฟิง เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ทั้งยังเหมือนกับฉื่อฉางเฟิง เป็นผู้ฝึกระดับมหาสมุทรวิญญาณเช่นเดียวกัน!
ทว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว หลินก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ในช่วงยี่สิบกว่าวันที่เขาฝึกปราณที่ยอดภูเขาชำระจิตนั้น เขาได้ตระหนักถึง ‘ลักษณ์ฟ้าดิน’ แล้ว สามารถรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่เคลื่อนอยู่รอบโลก ภายนอกและในร่างเกิดความเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์มากมาย
หลินสวินในตอนนี้มีปราณขั้นผสานฟ้าสมบูรณ์ มีโอกาสจะก้าวข้ามขั้นเลื่อนระดับเมื่อไรก็ได้
ที่ยังไม่ก้าวข้ามขั้นนั้น ก็เหมือนที่เขาเคยบอกหลินจงว่า ‘ข้ายังสังเกตลักษณ์แห่งฟ้าดินไม่พอ รอยามจำเป็นค่อยก้าวข้ามทะลวงขั้นตอนนั้นก็ไม่สาย’
ดูจากตอนนี้แล้ว แรงกดดันที่หลินเสวี่ยเฟิงนำมาให้เขานั้น ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาเกิดความคิดอยากก้าวข้ามขั้น!
ตู้มมม
การต่อสู้ดุเดือดดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ในเวลาสั้นๆ ก็สู้กันกันสามสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว หลินสวินดูด้อยกว่าเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย เขาถูกผลักกระเด็นออกมาไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนจะถูกกำราบลงเมื่อไรก็ได้ แต่ทุกครั้งเขาก็ยังทนสู้ต่อได้อย่างเกินคาด ยังผลให้คนนอกลานจำนวนมากไม่คาดฝัน ส่งเสียฮือฮาไม่หยุด
ใบหน้าของหลินเสวี่ยเฟิงเยียบเย็นขึ้น ความสามารถของหลินสวินทำให้เขาประหลาดใจไม่หยุดหย่อน ราวกับแมลงสาบที่ตีไม่ตายเสียที
เดิมทีเขาคิดว่าเพียงไม่กี่กระบวนท่าก็สามารถกำราบหลินสวินได้อยู่หมัด แต่ดูจากตอนนี้ ถ้าไม่งัดฝีมือที่แท้จริงออกมาใช้คงสำเร็จได้ยาก
นี่ทำให้หลินเสวี่ยเฟิงไม่สบายใจอยู่บ้าง
เมื่อไรกันที่ผู้ฝึกปราณขั้นผสานฟ้าแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ ถ้าข่าวนี้เล็ดรอดออกไป ตนคงถูกหัวเราะเยาะแย่!