Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 366
ปัง!
ลมหมัดของทั้งสองปะทะกัน ประหนึ่งสายฟ้าไหวสะเทือน
ลมพายุคลั่งน่าสะพรึงกลัวที่ตาเนื้อเห็นกระจายไปทั้งสองฝั่งโถง ผู้คนที่อยู่ในงานล้วนหรี่ตาลง ไม่อาจไม่นำพลังปราณมาต้านทานไว้
เกิดเสียงโครมดังสนั่น ร่างของผู้ฝึกปราณบางคนโซเซโคลงเคลง โต๊ะที่อยู่เบื้องหน้าสลายกลายเป็นฝุ่น
บุคคลชั้นแนวหน้าอย่างพวกไป๋หลิงซี จ้าวหยิน หนิงเหมิงและสืออวี่ กลับสลายคลื่นพลังที่ทะลักล้นออกมาอย่างง่ายดาย ท่าทางนิ่งสงบมั่นคง
จากจุดนี้ทำให้เห็นถึงความห่างชั้นระหว่างผู้ฝึกปราณที่อยู่ในงาน
ทว่าเวลานี้เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่ทันคิดถึงเรื่องพวกนี้ ทุกสายตาพากันจดจ้องไปที่กลางโถง
เงาร่านหลินสวินสั่นไหว ถอยออกไปสามก้าว
ส่วนซ่งชงเฮ่อที่อยู่ตรงข้ามนั้นก็ถอยตึงๆ ไปหลายก้าวเช่นกัน
การโจมตีนี้สมน้ำสมเนื้อกันนัก!
แต่ต้องรู้ไว้ก่อนว่า หลินสวินนั้นมือหนึ่งยังจับซ่งเจ๋ออยู่ ใช้มือเดียวสู้กับศัตรู ทำได้ถึงขนาดนี้ก็ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกแล้ว
“หึ!”
ซ่งชงเฮ่อสีหน้าถมึงทึง พลังที่ปล่อยออกมายิ่งน่าสะพรึงกลัว แสงกาฬรอบกายพลุ่งพล่าน ก่อร่างเลือนรางกลายเป็นภาพมังกรพยัคฆ์โผนกระโจน
ฉึบ!
นิ้วมือทั้งสิบของเขาประกบเข้าหากันดุจใบมีด กรีดห้วงอากาศอย่างโหดเหี้ยม ลำแสงสีดำรูปลักษณ์ประหนึ่งจันทร์เสี้ยวสายหนึ่งพลันปรากฏ คมกริบไร้ใดเปรียบ
พริบตาก็พุ่งผ่านห้วงอากาศ ฟาดฟันไปยังหลินสวิน
“วิญญาณมืดจันทร์เสี้ยวพิฆาต!”
บางคนตื่นตะลึง จำได้ว่าสิ่งที่ซ่งชงเฮ่อสำแดงออกมาคือวิชาลับโบราณซึ่งสืบทอดต่อกันมาในตระกูลซ่ง
กระบวนท่านี้มีกิตติศัพท์ยิ่งใหญ่ ว่ากันว่าสามารถฟันทั้งเทพทั้งวิญญาณ เลื่องชื่อยิ่งนักในนครต้องห้าม
เห็นเพียงสีหน้าหลินสวินไม่หวั่นไหว ลมหมัดดุจโหมคลั่ง โจมตีกระบวนท่าทลายสมุทรออกไป ดูราวกับมหาสมุทรกว้างใหญ่พลันท่วมทะลักห้วงอากาศออกมา พลังอำนาจมหาศาลไร้ขอบเขต
ฮู้ม~~
ลำแสงจันทร์เสี้ยวดำพลันถูกสลายกลายเป็นผง จมไปกลางลมหมัดแข็งแกร่งมหึมา
“น่าชังนัก!”
ซ่งชงเฮ่อหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ราวกับคาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะจัดการยากเช่นนี้
เขากำลังจะโจมตีอีกรอบ กลับเห็นว่าหลินสวินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันยิ้มบางๆ “เจ้าก็รับการโจมตีของข้าบ้าง!”
นิ้วมือเขามีประกายสีฟ้าอ่อนหมุนวนราวภาพฝัน ก่อนรวบเข้าเป็นหมัดโดยพลัน ปล่อยพลังหมัดยิงพุ่งออกไปกลางอากาศเหมือนคันธนูที่ดึงจนตึง
ตูม!
ห้วงอากาศถูกฉีกออกอย่างจัง ลมหมัดนั้นเปล่งประกายสว่างไสว เต็มไปด้วยพลังเขย่าขวัญพาให้คนกลัวไปถึงขั้วหัวใจ
กระบวนท่าทลายวิญญาณ!
ผู้คนมากมายในงานอดสะท้านใจไม่ได้ รับรู้ได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของการโจมตีนี้ของหลินสวิน แม้ดูไม่ออกว่าเป็นวิชาลับชั้นไหน แต่เพียงดูรูปลักษณ์พลังก็รู้ว่าย่อมไม่ธรรมดา
ใครจะคิดว่าหลังจากหลินสวินปล่อยหมัดโจมตีนี้ไปแล้วจะยังไม่รามือ เขาหมุนข้อมือ กลางลมหมัดราวกับมีปักษาเพลิงลงมาเยือนใต้หล้า งดงามตระการตา โสภาโอ่อ่า
“นี่…”
ชั่วขณะนั้นขนาดคนอย่างกงหมิง เย่เสี่ยวชียังแข็งทื่อไปทั้งตัว ทำใจให้สงบไม่ได้ ปักษาเพลิงทะยานห้วงฟ้า น่ากลัวยิ่ง นี่มันวิชายุทธ์ระดับไหนกัน ทำไมถึงเกิดภาพน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
ไป๋หลิงซีที่นิ่งเฉยมาตลอด ในเวลานี้ดวงตาของนางก็ฉายแววแปลกใจอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่เจอกันสองปี หลินสวินแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่นางคาดคิดไว้มาก
วิชายุทธ์ที่หลินสวินสำแดงออกมาในขณะนี้ทำให้นางตื่นตะลึงอยู่พอควร
‘เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้ ว่าในวิชาที่สืบทอดกันมาของตระกูลหลินมีวิชาลับระดับนี้ด้วย?’ อีกด้านหนึ่ง ดวงตาจ้าวหยินเปล่งประกาย ในใจรู้สึกตกตะลึงระคนสงสัยอยู่บ้าง
แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่ถือว่าจบสิ้น!
เสียงตูมดังลั่น หลินสวินที่เพิ่งสำแดงกระบวนท่าทลายปักษาเพลิงไป พลังรอบกายพลันแปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง แล้วปล่อยอีกหมัดหนึ่งออกมา
หมัดนี้ไม่สะท้านจิตใจผู้คนเท่ากระบวนท่าทลายวิญญาณ และไม่โสภาน่าตื่นตะลึงเท่ากระบวนท่าทลายปักษาเพลิง แต่เมื่อโจมตีออกมา ราวกับจะกดทับทำลายล้างทุกอย่าง!
ภาพแปลกตาที่น่าตื่นตะลึงนั้นทำให้ทั้งโถงตกอยู่ในความเงียบสนิท
นี่ ก็คือกระบวนท่าทลายอเวจี!
พูดแล้วดูเหมือนช้า ทว่าความจริงนั้นรวดเร็วยิ่ง สำแดงหมัดต่อเนื่องสามกระบวนท่า หมัดที่อานุภาพต่างกันโดยสิ้นเชิงสามแบบราวกับทับซ้อนไปด้วยกัน บดขยี้ห้วงอากาศ พุ่งเข้าใส่ซ่งชงเฮ่อที่อยู่ตรงข้าม
ตั้งแต่ตอนที่หลินสวินปล่อยหมัดแรกออกไป ซ่งชงเฮ่อก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ยามหลินสวินปล่อยหมัดที่สอง จิตใจเขาก็สั่นสะท้าน รู้สึกได้ถึงภยันตรายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
จนหมัดที่สามปล่อยออกมา ซ่งชงเฮ่อก็ไม่อาจสงบใจได้โดยสิ้นเชิง ชาไปทั้งหัว ความกลัวคืบคลานไปถึงกระดูก ในใจเอ่อล้นไปด้วยความสะพรึงกลัวสุดชีวิต
น่าตกใจเกินไปแล้ว!
ซ่งชงเฮ่อมีหรือจะคิดได้ว่า หลินสวินที่ไม่ได้แสดงฝีมือก็ไม่ได้ดูเก่งกาจอะไร ครั้นพอสำแดงออกมากลับแข็งแกร่งจนน่ากลัวได้ขนาดนี้
แต่เวลานี้จะหลบหนีก็ไม่ทันแล้ว ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างแรงกล้ากระตุ้นเร้าให้ซ่งชงเฮ่อตะคอกออกมา ทั้งร่างราวถูกเผาไหม้ สำแดงพลังทั้งหมดในร่างออกมา
พลันได้ยินเสียงโครมราวฟ้าดินถล่มดังขึ้น ทั้งร่างของซ่งชงเฮ่อถูกลมหมัดปกคลุม ในที่สุดเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวน ร่างดุจกระสอบทรายที่กระเด็นตกลงไป กระแทกเข้ากับกำแพงซึ่งห่างไปสิบกว่าจั้งอย่างรุนแรง
สุดท้ายเกิดเป็นเสียงปัง ร่างของเขาล้มลงไปบนพื้นประหนึ่งโคลนเลน เลือดออกเจ็ดทวาร สีหน้าขาวซีด ถ้าทรวงอกเขาไม่กระเพื่อมขึ้นลงเร็วถี่ คงทำให้คนสงสัยว่าเขาใกล้ตายเสียแล้ว
พลานุภาพของการโจมตีนี้ไม่เพียงกำราบซ่งชงเฮ่อได้อยู่หมัด พลังที่ปล่อยออกมายังโหมทำลายสถานที่จัดงาน แม้ทุกคนจะสามารถใช้พลังสลายได้ แต่ก็ยังทำให้ตั่ง โต๊ะเก้าอี้ และของตกแต่งเละเป็นจุณราวถูกพายุหมุนทำลาย
เละเทะยุ่งเหยิงไปหมด
ทั้งโถงเงียบเชียบไร้เสียง
หลายคนมีสีหน้าสะท้านขวัญ ตะลึงงันอยู่เช่นนั้น
การโจมตีเมื่อครู่นี้ของหลินสวินน่ากลัวเกินไปมาก พลานุภาพราวกับสลายฟ้าทลายดินได้ขั้นนั้น ทำให้พวกเขาอกสั่นขวัญแขวนไปตามกัน ลูบอกพลางถามตนเองว่า ถ้าพวกเขาเป็นซ่งชงเฮ่อคงรับรองไม่ได้ว่าจะตั้งรับการโจมตีนี้ไหว!
‘เจ้าหมอนี่ ยังวิปริตเหมือนสมัยอยู่ค่ายกระหายเลือดไม่มีผิด ไม่รู้จริงๆ ว่าสองปีมานี้เขาฝึกปราณอย่างไร…’
กงหมิงถอนหายใจในใจ
‘ให้ตายสิ ไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์ที่สามารถเดินออกมาจากค่ายกระหายเลือดได้อย่างราบรื่น ถ้าเมื่อกี้หลินสวินต้องการสังหารซ่งชงเฮ่อ ก็คงทำได้ตามอำเภอใจเลยกระมัง’ เย่เสี่ยวชีก็พึมพำในใจ
‘พลังการต่อสู้ระดับนี้ ก็เพียงพอให้คว้าห้าอันดับแรกในการทดสอบระดับอาณาจักรได้แล้ว แต่ทำไมปีนี้เขาถึงไม่ได้เข้าร่วมการทดสอบนะ’ ไป๋หลิงซีคล้ายไม่เข้าใจอยู่บ้าง
จ้าวหยินสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าในใจก็ไม่ได้สงบนิ่ง ไม่เจอกันสองปี หลินสวินเปลี่ยนไปมากนัก
ด้านสืออวี่กับหนิงเหมิงขณะนี้มีสีหน้าประหลาดอยู่บ้าง มุมปากกระตุกไม่หยุด เจ้าหลินสวินคนนี้ ดูเหมือนจะวิปริตขึ้นกว่าตอนนั้นเสียอีก…
ควรรู้ว่าซ่งชงเฮ่อผู้นั้น คว้าอันดับที่ห้าสิบหกในการทดสอบระดับอาณาจักรที่เพิ่งปิดฉากลงไปมาได้เชียวนะ!
แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินกำราบราบคาบ ถ้าข่าวนี้กระจายออกไป น่ากลัวจะสร้างเสียงฮือฮาในหมู่ผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์มากมาย
ส่วนหลินเสวี่ยเฟิงนั้นเหม่อลอยนิ่งงันไปนานแล้ว
เขาเคยรับรู้ฝีมือของหลินสวิน ถึงกับได้ประมือกับหลินสวินเองด้วยซ้ำ ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่า ตนไม่เคยเข้าใจญาติผู้น้องผู้นี้เลย
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เสียงปึงดังขึ้น ก็เห็นว่าหลินสวินปล่อยซ่งเจ๋อที่ตนจับไว้มาโดยตลอดทิ้งลงไปบนพื้น สีหน้าอีกฝ่ายบิดเบี้ยวจนพูดไม่ออก
ซ่งเจ๋อไม่คำรามกราดเกรี้ยวอีก ดวงตาที่มองมายังหลินสวินเต็มไปด้วยความสะพรึงกลัวอย่างยากจะปิดบัง ราวกับได้เผชิญหน้ากับอสูรร้ายบรรพกาล
เป็นที่แน่ชัดว่าซ่งเจ๋อเองก็ตกใจกับภาพที่หลินสวินโจมตีเอาชนะซ่งชงเฮ่อเมื่อครู่นี้เช่นกัน!