Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 392 เสียงร้องแห่งเก้ามังกร
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 392 เสียงร้องแห่งเก้ามังกร
“ทั้งสองท่านคิดจะฉีกหน้ากันจริงๆ หรือ”
“หึ อย่าพูดเพ้อเจ้อ หลินสวินคนนี้สำนักศึกษาเซียนช่างฝีมือของข้าหมายมั่นไว้แล้ว อย่าว่าแต่ฉีกหน้ากันเลย ยิ่งกว่านี้ข้าก็ทำได้!”
“ข้าเชื่อว่าถ้าหัวหน้าสำนักศึกษาของพวกเรารู้ความเก่งกาจของหลินสวิน ย่อมต้องสนับสนุนข้าทุกทางอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทั้งสองท่านจะลองดูก็ได้ ดูซิว่าสำนักศึกษามฤคมรกตของข้าจะยอมหรือไม่!”
“พวกเจ้า…รังแกกันเกินไปแล้ว!”
ภายในโถง ทั้งอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างเถียงกันหน้าแดงคอโป่ง ถลึงตาจับจ้องอย่างขุ่นข้อง ไม่มีใครยอมใคร
เหล่าผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างนิ่งเงียบด้วยความรู้สึกอันสับสน
พวกเขาไม่มีอารมณ์มาชมดูความคึกครื้นแล้ว หากเป็นไปได้พวกเขาก็อยากเข้าไปแย่งชิงด้วยอย่างไม่ลังเล ต่อให้ต้องแย่งกันจนหัวแตกไปข้างก็ไม่เสียดาย!
ถึงอย่างไรหลินสวินก็ผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรในรวดเดียวด้วยปรากฏการณ์แสงทองทะยานฟ้า เด็กหนุ่มปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นแบบนี้ย่อมคุ้มค่ากับสิ่งที่พวกเขาต้องจ่ายออกไป
แต่ที่น่าเสียดายคือ…
เมื่อเทียบกับพวกอวี๋เป่ยโต้วแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ไปแย่ง!
นี่ต่างหากที่ทรมานที่สุด
เฟิงชิงโยวยืนอยู่เพียงลำพัง จิตใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผลทดสอบการรับรองสิทธิ์ออกมาแล้ว ความจริงได้พิสูจน์ว่าหลินสวินเป็นผู้มีความสามารถเหนือสามัญในศาสตร์การสลักวิญญาณอย่างไม่อาจมีใครเทียบเคียงได้!
แม้แต่นางยังสู้ไม่ได้!
เฟิงชิงโยวในตอนนั้นผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรตอนอายุสิบเจ็ด กลายเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณที่อายุน้อยที่สุดในจักรวรรดิ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า
แต่ตอนนี้หลินสวินผ่านการทดสอบเก้าศิลาประตูมังกรด้วยอายุสิบหกปี ทั้งยังสร้างผลงานอันสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด่าน!
แบบนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างปาฏิหาริย์เท่านั้น แต่ไม่ต่างอะไรกับการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่!
เมื่อเทียบกันแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงชิงโยวรู้สึกถึงคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะบังเอิญมาที่ภาคีใหญ่นักสลักวิญญาณ แม้แต่นางเองก็คงไม่อาจเชื่อเรื่องทั้งหมดนี้
‘เจ้าหมอนี่เป็นตัวประหลาดแบบใดนะ’
เฟิงชิงโยวอดหันมองหลินสวินในจอภาพอีกครั้งไม่ได้ แต่วินาทีต่อมานางพลันอึ้งงันไป
หลินสวินที่ผ่านการทดสอบแล้วยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นประตูมังกร เงาร่างราวกับหินแกร่ง สงบนิ่งไม่ขยับ!
นี่มัน…
เฟิงชิงโยวเพ่งสายตามองไป แล้วอดส่งเสียงขึ้นมาไม่ได้ “ผู้อาวุโสทุกท่าน เรื่องทั้งหมด…เหมือนจะยังไม่จบ!”
ได้ยินเช่นนี้อวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วที่กำลังแก่งแย่งกันอย่างลืมตัว รวมทั้งคนใหญ่คนโตในโถงต่างอึ้งงัน พอเห็นการกระทำแปลกๆ ของหลินสวินต่างอดแปลกใจไม่ได้ เด็กคนนี้กำลังทำอะไรอยู่
“หืม แปลกนะ การทดสอบจบลงแล้ว เหตุใดหลินสวินจึงยังไม่ขยับ”
ไม่นานเหล่านักสลักวิญญาณที่อยู่หน้าแท่นประตูมังกรก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ และส่งเสียงงุนงงออกมา
“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กนั่นหรือเปล่า” คนตระกูลฉู่คนหนึ่งคาดการอย่างเลวร้าย
“ฟ้าอิจฉาคนเก่ง หรือผลงานเมื่อครู่นี้ของเขาโดดเด่นเกินไปจนชักนำความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันขึ้น”
“คงจะเป็นเช่นนั้น มิเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่ลงจากแท่นประตูมังกร”
คนตระกูลฉู่คนอื่นๆ ต่างเสริมขึ้น
ในที่สุดฉู่ไห่ตงที่ทรุดนั่งอยู่บนเก้าอี้ก็ได้สติจากอาการอึ้งงันขึ้นมาบ้าง เห็นแบบนี้ในใจก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหลินสวิน นั่นคงจะดีมาก!
ไม่ว่าอย่างไร ชั่วขณะนี้ทุกสายตาต่างหยุดอยู่ที่หลินสวินอีกครั้ง แววตาเคลือบแคลง ไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังประสบกับอะไรอยู่
……
การทดสอบจบลงแล้วหรือ
ยัง!
อย่างน้อยสำหรับหลินสวินแล้ว มันยังไม่จบ
การหยั่งถึงรอยสลักพิสดารครั้งนี้ ทำให้เขาควบคุมกระบวนรอยสลักวิญญาณอันลึกลับซับซ้อนจากศิลาหินทั้งเก้าหลักได้
ในศิลาทุกๆ หลักล้วนเรียกได้ว่าเป็นกระบวนรอยสลักวิญญาณขนาดใหญ่ที่หาดูได้ยาก
แต่สุดท้ายหลินสวินยังคงรู้สึกว่ามันยังไม่สมบูรณ์ เขาสัมผัสได้รางๆ ว่า ถ้าผสานกระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้าศิลาเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน บางทีนี่อาจจะเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งซ่อนอยู่ใน ‘เก้าศิลาประตูมังกร’!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงนั่งนิ่งอยู่บนแท่นประตูมังกรไม่ยอมขยับตัว
ในสมองพลังความคิดอันแรงกล้ากำลังพลุ่งพล่านรุนแรง พัฒนากระบวนรอยสลักวิญญาณอันซับซ้อนในแต่ละศิลา
ราวกับภาพวาดโบราณอันลึกลับเก้าภาพปรากฏขึ้นในหัว กลายเป็นภาพรอยสลักวิญญาณที่เรียกได้ว่าซับซ้อนและยิ่งใหญ่
ไม่นานหลินสวินก็เริ่มรับรู้ได้ถึงความลำบาก มันซับซ้อนเกินไป ความลับอันแสนวิเศษที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้าเรียกได้ว่าอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก ถ้าอยากผสานพวกมันให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์แบบ ยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
แต่หลินสวินไม่เคยลังเล เขาจมอยู่ในการตระหนักรู้หยั่งถึง ไม่สามารถทนหยุดกลางคันแบบนี้เด็ดขาด
‘กระบวนรอยสลักวิญญาณที่อยู่ตัวหยุดนิ่งแล้วไม่สามารถผสานรวมได้!’
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหลินสวินก็ได้ข้อสรุป แต่จู่ๆ เขากลับตระหนักได้ว่า ‘หากสามารถทำให้กระบวนรอยสลักวิญญาณเหล่านี้โคจรเคลื่อนไหว จะมีโอกาสผสานรวมกันเองหรือไม่’
ก็เหมือนกับ ‘รอยสลักเวทเรืองแสง’ ที่แต่ละลายเส้นโคจรล้วนแสดงให้เห็นถึงความอัศจรรย์ของการเปลี่ยนแปลง หากใช้การเปลี่ยนแปลงทำนองเดียวกัน จะสามารถทำให้กระบวนรอยสลักวิญญาณทั้งเก้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้หรือไม่
คิดถึงตรงนี้ หลินสวินพลันลงมือพิสูจน์อย่างไม่ลังเล!
……
เวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูป
หลินสวินนั่งนิ่งไม่ขยับราวกับเป็นรูปปั้น
นี่ทำให้ทุกคนล้วนเคลือบแคลงใจว่าเด็กคนนี้กำลังทำอะไรอยู่กันแน่
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็เป็นการยืนยันว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลินสวินแน่นอน ทำให้คนตระกูลฉู่ต่างรอคอย อยากให้หลินสวินพบเจอหายนะ และถ้าตายไปเลยจะดีที่สุด!
โดยเฉพาะฉู่ไห่ตง เขารู้สึกว่าตราบใดที่หลินสวินยังมีชีวิตอยู่ เขาก็ไม่สามารถสู้หน้าใครได้อีก ชาตินี้ทั้งชาติคงเป็นได้แค่เงาของเจ้าหมอนี่ ซึ่งเขาทนไม่ได้เด็ดขาด
เวลายังคงผ่านเลยไป คราวนี้แม้กระทั่งผู้ทรงอิทธิพลอย่างอวี๋เป่ยโต้ว เฉิงจิ่งและเสิ่นทั่วต่างก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติและอดกังวลไม่ได้
หลินสวินถือเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในศาสตร์การสลักวิญญาณ หากเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นกับเขา…ถือเป็นความสูญเสียอย่างมหันต์!
“ทุกท่านจำได้หรือไม่ว่า เมื่อพันปีที่แล้วในจักรวรรดิเคยมีข่าวลือหนึ่ง”
จู่ๆ เสิ่นทั่วก็เหมือนฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ พลันส่งเสียงขึ้น
“ข่าวลืออันใด”
เหล่าผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างสงสัย
“ว่ากันว่า ในเก้าศิลาประตูมังกรนี้มีความลับที่ยังไม่เคยถูกเปิดเผยมาตลอด หากใครสามารถคลี่คลายมันได้ ก็จะทำให้เกิดเสียงร้องแห่งเก้ามังกรดังกึกก้องไปทั่วหล้า!”
เสิ่นทั่วกล่าวเสียงขรึม
เสียงร้องแห่งเก้ามังกร!
เหล่าคนใหญ่คนโตต่างอึ้งงันโดยพร้อมเพรียงกัน และในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินเรื่องเล่าเช่นนี้จริงๆ เพียงแต่มันเหลือเชื่อเกินไป และยังไม่เคยได้รับการยืนยัน จึงมิได้ชักนำให้เกิดคลื่นลมอันใดขึ้น
และคำเล่าลือนี้ก็เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว
แต่ตอนนี้จู่ๆ เสิ่นทั่วก็พูดถึงเรื่องนี้ ทำให้พวกเขาต่างตระหนักได้ว่า หรือบางทีสิ่งที่หลินสวินกำลังทำตอนนี้ ก็คือคลี่คลายความลับที่ซ่อนอยู่ในศิลาเก้ามังกร?
“นั่นเห็นชัดว่าไม่มีทางเป็นเรื่องจริงแน่ การทดสอบสิ้นสุดลงแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะ…ที่จะเกิดเรื่องเหลือเชื่อเช่นนี้ขึ้นอีก”
“ใช่แล้ว เสียงร้องแห่งเก้ามังกรที่ว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็นแค่เรื่องลวงโลก ไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงตั้งแต่อดีตกาลจนถึงตอนนี้”
คนใหญ่คนโตบางส่วนโต้เถียงอย่างไม่เห็นด้วย
เสิ่นทั่วอดพูดขึ้นไม่ได้ “ความลับที่ไม่เคยถูกเปิดเผย แน่นอนว่าต้องไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…”
เพียงแต่ไม่รอให้เขาจะพูดจบ เสียงร้องอันทรงพลัง เก่าแก่และลึกล้ำพลันดังขึ้นบทแท่นประตูมังกร!
วินาทีนั้นผู้มีชื่อเสียงทุกคนในโถงต่างหัวใจสั่นสะท้าน สัมผัสได้ถึงความกดดันยากบรรยายออกมาเป็นคำพูด ทั้งตัวสั่นเทา เกิดความเกรงกลัวอันยากจะควบคุมได้
เพราะเสียงนั้นเก่าแก่และกังวานเกินไป เปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาล ราวกับสวรรค์ส่งสารลงมาสู่มวลมนุษย์!
และภายในโถงทดสอบ ยามนี้เหล่านักสลักวิญญาณและคนตระกูลฉู่ทุกคนต่างตัวสั่นระริก ถูกพลังอันน่าเกรงขามเข้าครอบงำทั้งกายและใจ
พวกที่มีความสามารถไม่สูงพอทรุดลงกองกับพื้น สีหน้าซีดเซียว ใบหน้าเผยความหวาดกลัว เสียงร้องอันเก่าแก่โบราณนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ฮู้ม~~
และในเวลาเดียวกันนั้น เสียงร้องมังกรดังกึกก้องไปทั่วทั้งแท่นประตูมังกร แสงสีทองอร่ามทะลักล้นออกจากศิลาทั้งเก้าหลักโอบล้อมร่างหลินสวินไว้ภายใน ราวกับพิรุณแสง เสมือนหนึ่งภาพฝัน ยากจะมองเห็นเงาร่างนั้นได้ชัดเจน
มหัศจรรย์เกินไปแล้ว ราวกับการเกิดปรากฏการณ์โบราณฉากขึ้น ทำให้ทุกคนตะลึง จมสู่ความหวาดหวั่นสั่นสะท้านที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูด
“นี่มัน…”
เหล่าผู้มีชื่อเสียงต่างสะท้านไหว
“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เคยมีใครเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนหรือไม่”
มีคนตื่นตะลึงขึ้นมา
“หรือนี่จะเป็น…เสียงร้องแห่งเก้ามังกรในตำนาน”
บางคนเผยสีหน้าคลุ้มคลั่ง
แต่กลับไม่มีใครตอบได้ว่า เหตุใดจู่ๆ จึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับหลินสวิน ที่ผ่านมาเขาเคยผ่านเรื่องมหัศจรรย์อันใดมาบ้างกันแน่
ไม่นานก็มีเสียงร้องมังกรดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง กึกก้องกังวาน ทรงพลังไม่มีที่สิ้นสุด!
สั่นสะเทือนไปทั้งโถง แสงทองอร่ามที่ถาโถมออกมาบนแท่นประตูมังกรดุคลื่นคลั่ง พลิกม้วนพุ่งลอยอย่างน่าตื่นตะลึง
วันนี้จะต้องเป็นวันที่ทุกคนยากจะลืมไปทั้งชีวิต!
เพราะหลังจากนั้นเสียงร้องมังกรได้ดังขึ้นเป็นระลอก ราวกับมังกรบรรพกาลสำแดงฤทธิ์ สะเทือนไปทั่วหล้า
ส่วนหลินสวินถูกแสงทองที่ทะลักล้นออกมาปกคลุมไปทั้งตัว ถึงขั้นที่ทั้งแท่นประตูมังกรล้วนส่องแสงสีทองอร่าม งดงามราวกับภาพมายา
“เสียงร้องแห่งเก้ามังกร! มีจริงดั่งคำเล่าขาน!”
เสิ่นทั่วตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่!
“นั่นก็หมายความว่า เมื่อครู่นี้หลินสวินได้คลี่คลายความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ซ่อนอยู่ในเก้าศิลาประตูมังกรอย่างนั้นหรือ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่! เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้กับเก้าศิลาประตูมังกรมาก่อน!”
“แสงทองทะยานฟ้า เสียงร้องแห่งเก้ามังกร… ปรากฏการณ์ระดับประวัติการณ์เช่นนี้กลับเกิดขึ้นพร้อมกัน นี่…ใครจะกล้าคิด”
“หรือหลินสวินจะเป็นลูกรักที่ได้รับการคุ้มครองจากเทพแห่งการสลักวิญญาณ”
ผู้มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ต่างร้องเสียงหลง ตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดวงตาเบิกโพลง จิตใจถูกความตื่นตะลึงครอบงำจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้
‘วิปริต… วิปริต… วิปริตชัดๆ… สวรรค์…ช่างไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว…’
เฟิงชิงโยวเม้มริมฝีปากในขณะที่ลอบพึมพำในใจอย่างเหี้ยมโหด
พรวด!
ฉู่ไห่ตงที่เฝ้ามองทุกอย่างอยู่ภายในโถงทดสอบตัวแข็งค้างไปนาน สุดท้ายก็กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่!
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเสียงร้องแห่งเก้ามังกรคืออะไร แต่เขารู้ดีว่ามีปาฏิหาริย์ครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับหลินสวินอีกแล้ว!
จะให้ฉู่ไห่ตงรับไหวได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ ท่ามกลางความเคียดแค้นที่โจมตีฉู่ไห้ตงอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายเขาก็โกรธจนกระอักเลือด ตัวสั่นระลอกหนึ่งจนเกือบเป็นลมล้มพับไป
“ไห่ตง!”
คนตระกูลฉู่พลันลนลานขึ้นมา รีบเข้าไปพยุง
——