Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 407 ปฏิบัติต่างกัน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 407 ปฏิบัติต่างกัน
หอหลอมวิญญาณ
เห็นชื่อคงพาให้ตกใจ แต่แท้จริงแล้วที่นี่เป็นสถานที่ที่เตรียมไว้ให้นักสลักวิญญาณหลอมอาวุธ
ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่เป็น ‘สนามสอบ’ ไปในตัวด้วย
ทุกเดือน ศิษย์สาขาสลักวิญญาณจะมารับการทดสอบหนึ่งครั้งที่นี่ เพื่อวัดสถานการณ์การเรียนรู้ของศิษย์ทุกคนว่ามีพัฒนาการหรือไม่
ผลลัพธ์สุดท้ายของการทดสอบ จะมีผลต่ออันดับและคะแนนสะสมของศิษย์ทุกคน
และวันนี้ ก็เป็นวันที่กลุ่มศิษย์ของตึกเรียนเล็กระดับ ค. ทั้งเก้าห้องดำเนินการทดสอบ
“คารวะอาจารย์เสี่ยวหลิน”
“อาจารย์เสี่ยวหลินก็มาแล้ว”
“อาจารย์เสี่ยวหลิน หลังผลการทดสอบออกมาแล้วท่านอย่าหดหู่ไปนะ”
เมื่อหลินสวินพาศิษย์ห้องเรียนระดับ ค. ห้องเก้าเข้าไปในหอหลอมวิญญาณ ระหว่างทางก็ถูกทักทายไม่ขาด บ้างเป็นอาจารย์ บ้างเป็นศิษย์ ช่างครึกครื้นยิ่ง
จากตรงนี้ก็ดูออกว่า ในสาขาสลักวิญญาณตอนนี้หลินสวินก็เหมือนเป็นผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับความนิยมชมชอบผู้หนึ่งไปแล้ว
เพียงแต่ศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าของเขานั้น ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดก็ล้วนถูกหัวเราะเยาะหยัน ได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างไปจากหลินสวิน
แน่นอนว่า ล้วนเป็นการเย้ยหยันจากศิษย์ห้องอื่น
“หึ ให้อาจารย์เสี่ยวหลินต้องมาสั่งสอนเจ้าโง่พวกนี้ สวรรค์ตามืดบอดเสียจริง”
“โธ่ ถ้าครั้งนี้คะแนนทดสอบของเจ้าพวกนี้ยังรั้งท้ายอีก จะให้อาจารย์เสี่ยวหลินเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันนะ”
“ไม่สู้พวกเราไปขอร้องให้สำนักศึกษาสั่งการให้อาจารย์เสี่ยวหลินมาสอนห้องพวกเราแทนล่ะ ระดับ ค. ห้องเก้านั่นมันพวกไม่ได้เรื่อง อย่ามาพาอาจารย์เสี่ยวหลินให้เสียไปด้วยเลย”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ดังเข้าหูไม่หยุดหย่อน พาให้กลุ่มศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าต่างยิ่งแสดงสีหน้าเหยเก จิตใจถูกเผาไหม้ไปด้วยไฟโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะคำตักเตือนของหลินสวินก่อนหน้านี้ พวกเขาคงได้บันดาลโทสะไปแล้ว
ที่เป็นเช่นนี้ได้ เหตุผลก็ง่ายดายนัก
ที่ผ่านมาอันดับของระดับ ค. ห้องเก้าอยู่รั้งท้ายห้องเรียนทั้งเก้าในตึกระดับ ค. มาตลอด ไม่เคยได้หลุดพ้นเคราะห์ร้ายนามว่า ‘ที่หนึ่งจากข้างล่าง’
อีกทั้งศิษย์ในระดับ ค. ห้องเก้ามีตัวแสบอยู่ไม่น้อย อบรมสั่งสอนได้ยากนัก คะแนนทดสอบทุกครั้งก็เลวร้ายจนทนดูไม่ได้
ในสถานการณ์เช่นนี้ จะถูกคนอื่นยั่วยุและหัวเราะเยาะก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
เมื่อก่อนหลินสวินยังไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้นัก แต่เมื่อได้เห็นทุกอย่างกับตา เขาจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าที่แท้ศิษย์ที่ตนสอนมาตลอดนั้น ดันเป็นเด็กชั้นเลวมารวมตัวปะปนกันกลุ่มหนึ่ง
นี่ทำให้หลินสวินเงียบกริบไปแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรคนพวกนี้ก็เป็นศิษย์รุ่นแรกของเขา เขาจะไม่พอใจได้อย่างไรเล่า
นอกจากนี้เท่าที่หลินสวินสังเกตจากการสอนมาหนึ่งเดือน เขาพบว่าศิษย์พวกนี้ไม่ใช่ ‘เด็กชั้นเลวที่มารวมตัวปะปนกัน’ อย่างที่ผู้อื่นพูด!
รอเมื่อผลการทดสอบออกมาย่อมพิสูจน์เรื่องนี้ได้
…
โถงใหญ่ชั้นหนึ่งของหอหลอมวิญญาณ
กลางโถงใหญ่กว้างขวางและเงียบเชียบน่าเกรงขามนั้นถูกแบ่งออกเป็นเก้าเขต ศิษย์ทั้งเก้าห้องของตึกเล็กระดับค. ถูกจัดแบ่งเข้าไปในเขตทั้งเก้านี้อย่างชัดเจน
ศิษย์ทั้งหมดสองร้อยเจ็ดสิบคน เวลานี้ล้วนนั่งหลังตรงบนเบาะนั่ง ด้านหน้ามีตั่งตัวหนึ่ง
เมื่อการทดสอบเริ่มขึ้น พวกเขาจะได้รับมอบเนื้อหาการทดสอบที่แตกต่างกันมาหลอมอาวุธวิญญาณระดับมนุษย์ชั้นต่ำหนึ่งชิ้น
ความสมบูรณ์มากน้อยของอาวุธวิญญาณที่หลอมออกมา จะเป็นตัวตัดสินคะแนนทดสอบของพวกเขาในที่สุด
ผู้คุมสอบหลักครั้งนี้คือปรมาจารย์สลักวิญญาณสามท่าน ในนั้นมีเสิ่นทั่ว ส่วนอีกสองท่านที่เหลือ คนหนึ่งมีผมเผ้าหนวดเคราสีดอกเลา รูปร่างอ้วนเผละนามว่าหลูฉุนโส่ว ส่วนอีกคนหนึ่งผอมบางราวลำไผ่ สีหน้าเย็นชาดุดัน มีนามว่าอู่จ้าวหยาง
พวกเขาทั้งสามเวลานี้นั่งตัวตรงอยู่กลางโถงใหญ่ เบื้องล่างของพวกเขามีอาจารย์ระดับค. ทั้งเก้าห้องนั่งอยู่
หลินสวินก็นั่งตัวตรงอยู่ในนั้น
“อาจารย์เสี่ยวหลิน ครั้งนี้อย่าได้ขัดเคืองเลยนะ ฮ่าๆ”
อีกด้านหนึ่ง อาจารย์ระดับ ค. ห้องแปดหัวเราะพลางเอ่ยปาก
“จะพูดเช่นนี้ไม่ได้ อาจารย์เสี่ยวหลินเพิ่งมารับตำแหน่งได้หนึ่งเดือน แม้ว่าศิษย์เหล่านั้นของเขาทำได้แค่พอผ่าน ก็ไม่เกินความคาดหมาย”
“ใช่แล้ว การพัฒนาในศาสตร์การสลักรอยวิญญาณไม่สามารถทำได้ในชั่วข้ามคืน คะแนนห้องเก้าครั้งนี้อาจจะยังไม่ดีขึ้นตามเคย แต่วันหน้าอีกยาวไกล เชื่อว่าด้วยการชี้นำอย่างใส่ใจของอาจารย์เสี่ยวหลิน จะทำให้คะแนนของห้องเก้าค่อยๆ ดีขึ้นแน่”
อาจารย์ผู้อื่นก็เอ่ยขึ้นเซ็งแซ่
ถ้อยคำของพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่เห็นชัดว่า ส่วนลึกในใจพวกเขาล้วนไม่คิดว่าคะแนนทดสอบในครั้งนี้ของระดับ ค. ห้องเก้าจะเปลี่ยนแปลงไปได้
หลินสวินไม่ได้โต้แย้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้น เพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ข้าเชื่อมั่นในศิษย์ของข้า”
เห็นว่าหลินสวินกลับนิ่งสงบได้เพียงนี้ ก็ทำให้อาจารย์คนอื่นอดแปลกใจไม่ได้ ทันใดนั้นก็หัวเราะหยันขึ้น ไม่ต่อความอีก
อย่างไรก็ยังเป็นเยาว์วัย ดูท่าในใจคงไม่ยอมรับสินะ!
แต่ว่า ระดับค. ห้องเก้านั้นรั้งท้ายมานานแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าน้ำแข็งหนาสามฉื่อไม่ได้เกิดจากหน้าหนาววันเดียว คิดจะเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนกัน
พวกเขาล้วนไม่เชื่อว่าวิชาสลักรอยวิญญาณที่หลินสวินถ่ายทอดให้นั้น จะสามารถทำให้ศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าพวกนั้นพลันเกิดความเปลี่ยนแปลงราวเกิดใหม่
การทดสอบจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในอีกหนึ่งเค่อ หลินสวินว่างจนเบื่อหน่าย ดวงตากวาดไปรอบทิศ กลับพบเรื่องน่าประหลาดใจ ในห้องโถงใหญ่ชั้นหนึ่งของหอหลอมวิญญาณวันนี้ดูครึกครื้นเป็นพิเศษ อาณาเขตกว้างขวางที่ไกลออกไปนั้นถูกเงาร่างมากมายครอบครองอยู่ก่อนแล้ว
นอกจากนี้ที่ประตูทางเข้ายังมีเงาร่างต่อเนื่องไม่ขาดสายกำลังเข้ามาอยู่
ไม่นานหลินสวินก็ดูออกว่า ในหมู่เงาร่างเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นศิษย์จากตึกเรียนระดับ ก. และ ข. รวมถึงอาจารย์บางคน
“อาจารย์หวง หรือการทดสอบทุกครั้งล้วนมีคนมาสังเกตการณ์มากมายเช่นนี้?”
หลินสวินอดถามอาจารย์ที่อยู่ด้านข้างไม่ได้
อาจารย์หวงมองหลินสวินด้วยสายตาประหลาดปราดหนึ่ง แล้วตอบอย่างแผ่วเบาว่า “เมื่อก่อนไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนเกี่ยวกับเจ้าอาจารย์เสี่ยวหลิน”
“ข้าหรือ”
หลินสวินอึ้งไป
“ใช่ ในสาขาสลักวิญญาณตอนนี้ ล้วนยกย่องว่าเจ้าสอนหนังสือเก่ง มีวิธีสอนเป็นเอกลักษณ์ จึงอยากมาดูว่า ด้วยการเรียนหนึ่งเดือนนี้ ศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าจะมีความเปลี่ยนแปลงที่คาดเดาไม่ได้ในการทดสอบครั้งนี้หรือไม่”
อาจารย์หวงอธิบายอย่างใจเย็นหนึ่งรอบ
หลินสวินหัวเราะหยัน “ข้าว่าพวกเขามาดูเรื่องสนุกต่างหาก ถ้าศิษย์พวกนั้นของข้าทำไม่ได้ดี คงไม่ได้มายกย่องว่าข้าสอนหนังสือเก่งเสียแล้วล่ะ”
อาจารย์หวงหน้าตึงไปเล็กน้อย อึดอัดใจไม่หยุดหย่อน
ในสาขาสลักวิญญาณตอนนี้ ที่ชื่นชมหลินสวินนั้นมีมาก แต่ที่แคลงใจในตัวหลินสวินก็มากเช่นกัน เห็นว่าเนื้อหาที่เขาสอนแม้แปลกใหม่ แต่กลับแหวกแนวแหกคอกยิ่ง หลุดจากตำราไม่เป็นไปตามแบบแผน หนีไม่พ้นเสียงวิจารณ์ว่าเขาเรียกร้องความสนใจจากฝูงชน
และการทดสอบครั้งนี้ สามารถพิสูจน์ความสามารถในการสอนของหลินสวินได้ว่าเป็นเช่นไรกันแน่ ทั้งยังพิสูจน์ว่าเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องความสนใจจากฝูงชนหรือไม่โดยไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นถึงได้มีอาจารย์และศิษย์มากมายขนาดนี้มาสังเกตการณ์
หลินสวินก็เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเอง เมื่อได้เห็นสีหน้าของอาจารย์หวงอีก เขาก็รู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงระฆังทดสอบดังขึ้น บรรยากาศในที่นั้นพลันน่าเกรงขามขึ้น เสียงสนทนาทุกประเภทหยุดลง แปรเปลี่ยนเป็นเงียบสงบน่ายำเกรง
ทันใดนั้นก็มีบ่าวรับใช้หลายคนปรากฏตัวออกมาอย่างเป็นระเบียบ เริ่มให้ศิษย์ทั้งเก้าห้องในที่นั้นจับฉลาก บนฉลากมีเนื้อหาการสอบที่ต่างกันออกไป
แม้ว่าล้วนเป็นการหลอมอาวุธวิญญาณระดับมนุษย์ชั้นต่ำ แต่อาวุธวิญญาณก็แบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ทั้งอาวุธต่อสู้ ชุดเกราะเป็นต้น
นอกจากนี้การหลอมอาวุธที่แตกต่างกัน ก็ต้องใช้หมึกวิญญาณและวัสดุวิญญาณที่ต่างกันไป ดังนั้นด้วยการจับฉลาก ย่อมไม่มีทางเกิดเรื่องทุจริตเพื่อความสัมพันธ์ส่วนตัว ทั้งยังสามารถรับรองความยุติธรรมของการทดสอบได้ด้วย
ไม่นานนักผลการจับฉลากก็ออกมา ศิษย์ทุกคนได้รับมอบวัสดุวิญญาณและหมึกวิญญาณตามผลการจับฉลากที่ต่างกันไป
“เริ่มการทดสอบเถิด”
การทดสอบประจำเดือนครั้งนี้เริ่มขึ้นตามเสียงสั่งการของเสิ่นทั่ว
ซ่าๆๆ ซ่าๆๆ
โถงใหญ่ที่เงียบเชียบพลันเต็มไปด้วยเสียงกรอบแกรบซึ่งเกิดขึ้นยามด้ามสลักลากรอยสลักวิญญาณ ก้องสะท้อนทั่วโถงใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นผู้คุมสอบหลัก หรือว่าอาจารย์แต่ละห้องอย่างพวกหลินสวิน หรือเหล่าอาจารย์และศิษย์ที่มาสังเกตการณ์ เวลานี้สายตาล้วนจับจ้องไปที่สนามสอบ
แน่นอนว่าดวงตาส่วนใหญ่นั้นมองไปที่ศิษย์สามสิบคนของระดับ ค. ห้องเก้า
หลินสวินตรวจดูศิษย์ของตัวเอง ที่เขาสอนไปหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ล้วนเป็นความรู้ในการสลักวิญญาณ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นศิษย์ของตนหลอมอาวุธขึ้นมาจริงๆ เช่นกัน
หลินสวินมีความคิดไม่เหมือนกับอาจารย์ท่านอื่น เป้าหมายของเขานั้นเรียบง่ายมาก เขาเพียงต้องการใช้การทดสอบครั้งนี้ ทำความเข้าใจความสามารถด้านการสลักวิญญาณของศิษย์ทุกคนมากยิ่งขึ้น วิเคราะห์ข้อดีข้อด้อยที่แสดงออกมาระหว่างที่พวกเขาหลอมอาวุธ
เช่นนี้แล้ว ภายหลังเมื่อสอนหนังสือ ก็จะ ‘สอนตามผู้เรียน’ ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้
การหลอมอาวุธเป็นเรื่องที่น่าเบื่อยิ่งทั้งสิ้นเปลืองเวลาเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับนักสลักวิญญาณชั้นต้นแล้ว คิดจะหลอมอาวุธวิญญาณระดับมนุษย์ชั้นต่ำสักชิ้นนั้น อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหกชั่วยาม อย่างมากก็สามถึงห้าวัน!
แต่การทดสอบครั้งนี้ต่างออกไป หมึกวิญญาณต่างผสมเรียบร้อยแล้ว โครงอาวุธวิญญาณก็เตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ เพียงสลักรอยวิญญาณบนนั้นก็พอแล้ว
เมื่อคำนวณเช่นนี้ ในสถานการณ์ปกติ ประมาณห้าชั่วยามก็ควรทำแบบทดสอบเสร็จแล้ว
เวลาผ่านไป บรรยากาศในที่นั้นยังเงียบเชียบน่ายำเกรงเช่นเดิม ไม่มีผู้ใดส่งเสียงเอะอะ
ในนี้ล้วนเป็นนักสลักวิญญาณ ต่างรู้ว่ายามนักสลักวิญญาณสลักรอยวิญญาณนั้น จะถูกรบกวนไม่ได้เด็ดขาด
“พลังพื้นฐานของหลิวฮุยมั่นคงเสียจริง แต่ด้านความเร็วยังต้องพัฒนาอีก”
“เอ๋ ดูไม่ออกเลยนะนี่ ว่าพลังการรับรู้ของหยางจิ้งเหยาผู้นั้นจะละเอียดอ่อนเช่นนี้…”
“ฟ่านจือชิวผู้นี้สภาวะจิตมีปัญหา นานแล้วยังเข้าสู่สภาวะหลอมอาวุธไม่ได้เลย นี่เป็นข้อห้ามร้ายแรง ยังขาดการฝึกปรือ”
“โอ้ เด็กสาวคนนี้เหมือนจะชื่อเย่ซู่เหมียวใช่ไหม เป็นผู้มีความสามารถรุ่นเยาว์ที่ดีคนหนึ่งเลยนี่”
…
เวลาล่วงเลยไป หลินสวินก็กำลังวิเคราะห์ความสามารถที่ศิษย์ทุกคนแสดงออกมาในสนามสอบเช่นกัน ตรวจสอบฝีมือของศิษย์เหล่านี้ในด้านต่างๆ โดยไม่รู้สึกเบื่อเลย
สองชั่วยามผ่านไป
ตรงตำแหน่งของระดับ ค. ห้องหนึ่ง เด็กหนุ่มชุดดำผอมบางผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน นำอาวุธวิญญาณที่หลอมเสร็จแล้วมอบให้บ่าวรับใช้
เหล่าอาจารย์และศิษย์ในที่นั้นล้วนจ้องเขม็ง สีหน้าฉายแววประหลาด โม่อวิ๋น! ลูกหลานตระกูลโม่ หนึ่งในสามตระกูลนักสลักวิญญาณใหญ่ ผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของระดับค. ห้องหนึ่ง ได้คะแนนอันดับหนึ่งของระดับ ค. ทั้งเก้ามาโดยตลอด!
ในการทดสอบครั้งนี้ เขาก็เป็นผู้ที่ทำแบบทดสอบเสร็จเป็นคนแรก!
หลินสวินไม่รู้ชัดว่าโม่อวิ๋นผู้นี้เป็นใคร แต่เขากลับพบว่า ตั้งแต่โม่อวิ๋นลุกขึ้นยืนนั้น ก็เหมือนไฟนำทาง ในเวลาต่อมามีศิษย์ทำแบบทดสอบเสร็จตามมาไม่ขาดสาย
ที่น่าอึดอัดใจก็คือ ศิษย์เหล่านั้นล้วนเป็นศิษย์จากห้องอื่น ส่วนระดับ ค. ห้องเก้าของเขานั้น ไม่กระดิกแม้สักนิดเดียว…