Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 414 ตบหน้าคืนอย่างแรง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 414 ตบหน้าคืนอย่างแรง
ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด หลินสวินพูดไม่ดังมากนักแต่ทุกคนกลับได้ยินชัดเจนถนัดหู นอกจากทำให้พวกเขาตะลึง ในใจก็อดรู้สึกแปลกประหลาดไม่ได้
หลินสวินตอบโต้ไวมากไปแล้ว เมื่อครู่นี้ยังถูกมองว่าเป็นผู้ล้มเหลว ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอยู่เลย ทั้งยังถูกฉู่ซานเหอทั้งเย้ยหยันและโจมตีอย่างต่อเนื่อง
แต่พริบตาเดียว เมื่อกระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงนั้นปรากฏตัวอย่างสมบูรณ์ไร้ที่ติ ก็ราวกับฝ่ามือล่องหนที่สะบัดลงบนใบหน้าของฉู่ซานเหออย่างแรง!
เรียกได้ว่าตบเข้าไปอย่างจัง!
อีกทั้งความนัยในคำพูดของหลินสวิน ยังเป็นการจัดฉู่ซานเหอว่าเป็นไอ้โง่เหมือนฉู่ไห่ตงอีกครั้ง…
เห็นเพียงสีหน้าของฉู่ซานเหอเปลี่ยนไป สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยวและไม่อยากเชื่อ “เจ้า…นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร”
ใช่แล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากระบี่เบิกฟ้าที่แตกเป็นเก้าเสี่ยงแล้วแท้ๆ จะฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์แบบในชั่วพริบตา!
เชื่อถือเกินไปแล้ว!
“หลินสวิน กระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้ถูกซ่อมจนกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริงๆ หรือ”
เสิ่นทั่วอดถามขึ้นมาไม่ได้ เขาตกตะลึงเกินไปจริงๆ กระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ทำให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณทั่วทั้งนครต้องห้ามต่างจนปัญญา แต่หลินสวินกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
จะไม่ให้เสิ่นทั่วตะลึงได้อย่างไร
ไม่เพียงแค่เสิ่นทั่ว อาจารย์และศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ตื่นตะลึง
“ซ่อมได้แล้วจริงๆ พวกเราเห็นกับตา”
ชายชราข้างๆ หลินสวินพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทอดถอนใจ
“ใช่แล้ว ไม่เพียงแค่ความเสียหายภายในตัวกระบี่ที่ถูกซ่อมแซมจนกลับเป็นเหมือนเดิม แม้แต่กระบวนรอยสลักวิญญาณสี่สิบเก้ากระบวนที่แฝงอยู่ในกระบี่ก็ถูกหลอมและจัดลำดับใหม่ อานุภาพของกระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เหนือกว่าเมื่อก่อนไปอีกระดับ!”
“สิ่งที่เหลือเชื่อที่สุดคือ อาจารย์เสี่ยวหลินเขา…ใช้เวลาเพียงแค่สี่วันก็ทำได้ถึงขั้นนี้ เทียบกับเขาแล้ว พวกข้าช่างละอายใจนัก!”
อีกสามท่านต่างทอดถอนใจ คำพูดเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ทุกคนมองหน้ากัน ความตะลึงท่วมท้นหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นเรื่องจริงหรือนี่!
หลินสวินใช้เวลาเพียงสี่วัน ซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณชิ้นหนึ่งของจักรพรรดินีสำเร็จ!
ปีนี้เขาเพิ่งอายุสิบหกปี ห่างจากตอนที่ได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณครั้งที่แล้วแค่เดือนเดียวเท่านั้น!
เหลือเชื่อเหลือเกิน
ทุกคนต่างสะท้านขวัญ ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงบราวคนตาย ยิ่งคิดก็ยิ่งอึ้ง
ส่วนฉู่ซานเหอกลับสีหน้าอึมครึมผิดปกติ เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูนออกมา ตัวแข็งค้างอยู่กับที่ ท่าทางทั้งอัดอั้น ผิดหวังและตื่นตะลึงจนแทบจะกระอักเลือด
เห็นได้ชัดว่า จวบจนถึงตอนนี้เขายังรับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้
เขาวางแผนมาขนาดนี้ ถึงขั้นที่เริ่มคิดวิธีว่าจะโจมตีหลินสวินอย่างไร หลังจากหลินสวินพลาด
แต่เขาคิดไม่ถึงว่า หลินสวินจะสามารถซ่อมกระบี่เบิกฟ้าได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน!
เป็นไปได้อย่างไร!
ฉู่ซานเหอจำได้แม่นว่ากระบี่เบิกฟ้าเล่มนี้เคยได้รับความเสียหายอย่างหนัก เคยทำให้ปฐมาจารย์สลักวิญญาณท่านหนึ่งยังรู้สึกจนปัญญา
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมั่นใจไร้กังวล ว่าหลินสวินที่เพิ่งได้รับการรับรองเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณไม่มีทางทำสำเร็จแน่
แต่ความจริง…
กลับโหดร้ายถึงเพียงนี้ เหมือนมีดด้ามหนึ่งที่ฟันทำลายแผนการทั้งหมดของฉู่ซานเหอให้พังพินาศ ก่อนจะทิ่มแทงเข้าขั้วหัวใจของเขาอย่างจัง ทำให้เขาอัดอั้นจนหายใจไม่ออก
หลายคนต่างสัมผัสได้อย่างมีไหวพริบว่าสีหน้าของฉู่ซานเหอทะมึนขึ้นเรื่อยๆ ไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าโกรธจนแทบคลั่งแล้ว
ทำให้หลายคนอดรู้สึกดีใจไม่ได้ ก่อนหน้านี้ฉู่ซานเหอทั้งเย้ยหยันและวิพากษ์วิจารณ์หลินสวินไม่หยุด แม้จะใช้แผนร้ายอย่างเปิดเผย แต่วิธีนั้นช่างเหี้ยมเกรียมและโหดร้ายจนหลายคนรู้สึกไม่ชอบใจ
แต่ตอนนี้ฉู่ซานเหอกลับตกหลุมพรางที่ตัวเองขุดไว้เสียเอง จุดจบแบบนี้ช่างสะใจจริงๆ
โดยเฉพาะศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้า สายตาที่มองฉู่ซานเหอไม่เก็บความดูถูก เวทนาและสะใจของตัวเองเลยสักนิด
ตาเฒ่านี่คิดแต่จะทำร้ายอาจารย์เสี่ยวหลิน คราวนี้ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว แบบนี้เรียกว่ากรรมตามทัน!
ส่วนพวกตามีแววต่างมองออกว่า หลังจากเรื่องนี้บารมีของหลินสวินคงจะเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับใหม่!
เพราะที่มาของกระบี่เบิกฟ้านั้นไม่ธรรมดา ทั้งยังเป็นสมบัติชิ้นสำคัญของจักรพรรดินี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นชุดศึกสลักวิญญาณที่มีตำนานมากมาย และหลินสวินสามารถใช้ความสามารถของตัวเองซ่อมสมบัติชิ้นสำคัญนี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ฝีมือนั้นมหัศจรรย์ยากคาดเดา สร้างความตกตะลึงถ้วนหน้า!
สามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไปจะสร้างความฮือฮาและเสียงตอบรับมากเพียงใด ส่วนหลินสวินก็สามารถฉวยโอกาสนี้เพิ่มพูนชื่อเสียงอย่างสูงสุด
มองย้อนกลับไปที่ฉู่ซานเหอ ครั้งนี้เขาวางแผนมาอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต แต่สุดท้ายกลับตกหลุมที่ตัวเองขุดไว้
แม้เขาไม่ได้รับความเสียหายอันใด แต่หลังจากเรื่องนี้ชื่อเสียงและบารมีของเขาจะต้องได้รับผลกระทบอย่างไม่ต้องสงสัย และกลายเป็นผู้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งนครต้องห้าม
เหตุการณ์ที่ประสบไม่ต่างจากฉู่ไห่ตงญาติรุ่นหลานของเขาเท่าไหร่
ก็ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้หลินสวินเสียดสีว่าฉู่ซานเหอเหมือนมาจากพิมพ์เดียวกันกับฉู่ไห่ตง
ฉู่ซานเหอลอบสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายเฮือกติดต่อกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ฝืนยิ้มพูด “ฝีมือของอาจารย์เสี่ยวหลินช่างสูงส่ง ทำให้ข้าได้เปิดโลกจริงๆ เชื่อว่าทุกท่านที่อยู่ที่นี่ก็คงคิดเหมือนข้า ข้ายังมีเรื่องด่วนบางอย่างต้องจัดการ ขอตัวก่อน”
พูดจบเขาก็ทำเหมือนจะจากไป
ช่วยไม่ได้ วันนี้เสียหน้ามากแล้ว ถูกหลินสวินเอาคืนด้วยวิธีที่เหลือเชื่อท่ามกลางสายตาทุกคนเช่นนี้ ทำให้ฉู่ซานเหออับอายจนอยากตาย ยังจะมีอารมณ์อะไรอยู่ต่อ
“ช้าก่อน รองหัวหน้าสาขาฉู่คล้ายจะลืมบางเรื่องไป”
หลินสวินพลันพูดขึ้น
ฉู่ซานเหอหัวใจกระตุกวูบ พยายามข่มกลั้นความหงุดหงิดใจเอาไว้ ถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “เรื่องใด”
“ในเมื่อจักรพรรดินีมอบหมายให้สาขาสลักวิญญาณซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ย่อมต้องมีค่าตอบแทนและรางวัลอย่างมหาศาล ยามนี้ในเมื่อข้าเป็นผู้ซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จ ก็ควรจะคิดคำนวณผลตอบแทนและรางวัลให้กับข้าสักหน่อยใช่หรือไม่”
หลินสวินยิ้มถาม
ได้ยินแบบนี้ทุกคนพลันพูดอะไรไม่ออก แต่ก็จริงอย่างที่หลินสวินพูด นั่นมันกระบี่เบิกฟ้าเชียวนะ ถ้าไม่มีผลตอบแทนที่มากพอ ใครจะกล้ารับมาซ่อม
ฉู่ซานเหอมุมปากกระตุกมุมปากอย่างแรงคราหนึ่ง ยิ้มพูดอย่างแข็งทื่อ “เรื่องนี้… รอให้ส่งกระบี่เบิกฟ้าคืนราชวงศ์ก่อน แน่นอนว่าต้องประทานรางวัลมหาศาลลงมา”
หลินสวินระบายยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี”
เพียงแต่ในขณะที่ฉู่ซานเหอเตรียมจะจากไปอีกครั้ง หลินสวินพลันพูดขึ้นอีก “รองหัวหน้าสาขาฉู่ ยังมีอีกเรื่อง”
ไอ้เด็กเวรนี่ เจ้าจะพอได้หรือยัง!
ฉู่ซานเหอโกรธจนแทบจะระเบิดออกมา รู้สึกว่าหลินสวินกำลังดูหมิ่นและทรมานเขาครั้งแล้วครั้งเล่า รังแกกันเกินไปแล้ว
“ว่ามา”
ฉู่ซานเหอกัดฟันทน พ่นคำนี้ออกจากไรฟันเบาๆ
“ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่นี้ท่านได้ส่งคนไปแจ้งกับราชวงศ์ว่ากระบี่เบิกฟ้าถูกข้าหลินสวินทำลายไปแล้ว ถ้าข่าวสารที่ทางราชวงศ์ได้รับตรงข้ามกับสถานการณ์จริง…”
ไม่ทันที่หลินสวินจะพูดจบฉู่ซานเหอก็ตัวสะท้านทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่ ไม่ต้องให้หลินสวินพูดให้จบเขาก็ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา
นี่มันโทษโกหกหลอกลวงจักรพรรดินีเชียวนะ!
ถ้าจักรพรรดินีรู้ว่าตนยื่นมือสอดขาเข้ามายุ่มย่าม จุดจบนั้น…ไม่อยากจะคิด!
ยามนี้เหล่าอาจารย์และศิษย์อดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ เดาได้รางๆ ว่าหลินสวินตั้งใจให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นี้หากหลินสวินรีบเตือนก่อนโดยประกาศผลการซ่อมกระบี่เบิกฟ้า จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
วิธีแก้เผ็ดนี้เหี้ยมเหลือเกิน!
ทว่าถ้าฉู่ซานเหอไม่ได้จงใจใช้วิธีอันเหี้ยมโหดพรรค์นี้มาเล่นงานหลินสวิน ก็คงไม่ถูกหลินสวินฉวยโอกาสเอาคืน
สีหน้าของฉู่ซานเหอพลันเปลี่ยนเป็นซีดเซียวไร้สีเลือด ไม่สามารถควบคุมโทสะในใจได้อีก เขาชี้หน้าหลินสวินคำรามก้อง “หลินสวิน เจ้ารู้อยู่แล้วเหตุใดถึงไม่เตือนข้าแต่แรก ปล่อยให้ข้าตกที่นั่งลำบากเช่นนี้”
หลินสวินกลอกตา “รองหัวหน้าสาขาฉู่ กระบี่เบิกฟ้าซ่อมยากเพียงนี้ ข้าก็ไม่เห็นว่าท่านจะเคยเตือนข้านี่”
“เจ้า…!”
ฉู่ซานเหอโกรธจนตาแทบถลน ในคอปรากฏรสคาวหวานอย่างหนึ่ง เกือบจะกระอักเลือดออกมา
เขาวางแผนมานานขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายกลับถูกหลินสวินเล่นงานกลับอย่างร้ายกาจ ทำให้เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
“ข้าทำไมหรือ มีจุดไหนที่ทำให้รองหัวหน้าสาขาฉู่ไม่พอใจหรือ”
หลินสวินทำเป็นงุนงง “อีกอย่างข้าช่วยสำนักศึกษาของเราซ่อมกระบี่เบิกฟ้า ถือเป็นผลงานชิ้นใหญ่ ในฐานะรองหัวหน้าสาขา ท่านควรจะดีใจแทนข้าถึงจะถูก เหตุใด…เหตุใดจึงโกรธขนาดนี้เล่า ข้าด่าท่านเหมือนด่าฉู่ไห่ตงว่าเป็น…ไอ้โง่แล้วหรือ”
ได้ยินคำว่าไอ้โง่ ฉู่ซานเหอก็กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป ตะคอกออกมา “ไอ้หนู อย่ารังแกกันให้มากนัก!”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว สีหน้าแฝงความดุร้ายรางๆ ดูน่ากลัวพอดู พาให้เหล่าอาจารย์และศิษย์หน้าเปลี่ยนสีไปอยู่บ้าง
“ข้ารังแกกันเกินไปงั้นหรือ รองหัวหน้าสาขาฉู่ ระหว่างเราใครกันแน่ที่ทำเกินไป ในใจท่านควรรู้ดีที่สุด”
หลินสวินยิ้มพูดเสียงเรียบ “ท่านไม่จำเป็นต้องเอาฐานะมาข่มข้า ท่านคงรู้ว่าสำนักศึกษามฤคมรกตเป็นฝ่ายเชิญข้ามา ถ้าทำให้ข้าโกรธจริงๆ ข้าสะบัดก้นเดินจากไปก็ได้แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้พวกเสิ่นทั่วและเหล่าอาจารย์ต่างหัวใจสั่นไหว ไม่คิดเลยว่าพอหลินสวินโจมตีกลับจะยอมแตกหักได้ถึงเพียงนี้
ถ้าบีบจนหลินสวินออกไปจริงๆ ความสูญเสียนั้นไม่อาจจะประเมินได้!
เพราะตอนนี้หลินสวินไม่ใช่แค่ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ แต่เขายังสามารถซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณได้อีกด้วย!
กระบี่เบิกฟ้าที่เหล่าปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสยังจนปัญญา หลินสวินกลับซ่อมได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ความสามารถระดับนี้จะมีเสียกี่คน
ดังนั้นตอนที่หลินสวินประกาศกร้าวอย่างเด็ดขาดเช่นนี้ บรรดาอาจารย์พวกนั้นจึงไม่อาจรักษาท่าทีสงบนิ่ง ต่างลอบตำหนิฉู่ซานเหอในใจว่าทำเกินไป ถ้าบีบจนหลินสวินจากไปจริงๆ สาขาสลักวิญญาณของพวกเขาก็จะกลายเป็นตัวตลกในนครต้องห้าม
“เจ้า…เหี้ยมนัก!”
ด้วยความรู้สึกฉับไวจึงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้ฉู่ซานเหออัดอั้นจนปอดแทบระเบิดออกจากกัน เขาขบกรามแน่น ถลึงตาจ้องหลินสวิน ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อออกไป
เห็นได้ชัดว่าพอเผชิญกับคำขู่ของหลินสวิน เขาก็ไม่กล้าแตกหักด้วยจริงๆ ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเลือกที่จะถอย
แบบนี้เท่ากับเป็นการก้มหัวให้อย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อเห็นว่าฉู่ซานเหอผู้เป็นถึงระดับรองหัวหน้าสาขาที่มีอำนาจอย่างแน่แท้ ยังถูกหลินสวินเล่นงานจนสะบักสะบอม จากไปด้วยความอับอายและโมโห ทุกคนก็อดสลดใจไม่ได้
ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่า แผนการที่ใช้เล่นงานหลินสวิน สุดท้ายกลับพลิกผันจนชวนตะลึงถึงเพียงนี้
——