Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 415 เทียบเชิญจากจักรพรรดินี
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 415 เทียบเชิญจากจักรพรรดินี
แผนการกลั่นแกล้งหลินสวินได้จบลงพร้อมกับการจากไปของฉู่ซานเหอ
ไม่นานหลินสวินก็ออกไปจากชั้นห้าของหอหลอมวิญญาณท่ามกลางศิษย์ระดับ ค. ห้องเก้าที่ห้อมล้อม และสายตาอันซับซ้อนสับสนของทุกคน
จวบจนกระทั่งกลับไปถึงที่พักอาจารย์ หลินสวินกลับเข้าห้องของตัวเองไปเพียงลำพังแล้วทรุดตัวลงนอนบนเตียง
คนนอกเห็นเพียงว่าเขาใช้วิธีอันสวยงามอย่างที่สุดคลี่คลายแผนการอันชั่วร้ายของฉู่ซานเหอ แต่มีเพียงตัวหลินสวินเองที่รู้ว่า ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงเจ็ดวันนั้น เขาเสียแรงกายแรงใจไปมากเพียงใด
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณ และถ้าเกิดข้อผิดพลาดเพียงนิด ก็จะเป็นการทำลายสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้
เพียงเท่านี้ก็จะเห็นได้ถึงความลำบากยากเย็นยามที่หลินสวินซ่อมแล้ว
เรียกได้ว่าในช่วงสี่วันแรก เขาไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ทุ่มเทคิดหาทุกวิถีทางในการซ่อมอย่างสุดความสามารถ
สุดท้ายเขาก็ทำสำเร็จ!
แต่ผลจากความทุ่มเทก็คือ เขาเหนื่อยจนไม่อยากขยับตัว อยากนอน นอนให้ได้นานที่สุด
……
และในขณะที่หลินสวินหลับอยู่นั่นเอง เหตุการณ์การซ่อมกระบี่เบิกฟ้าก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว จนเกิดความปั่นป่วนโกลาหลในสำนักศึกษามฤคมรกตในชั่วขณะ
จวบจนกระทั่งเข้าสู่รัตติกาล ข่าวนี้ราวกับกระแสลมพายุที่เริ่มกระจายไปทั่วทั้งนครต้องห้ามอย่างต่อเนื่อง เกิดความฮือฮาและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนาหู
“หลินสวินนั่น…เก่งกาจเกินไปแล้ว!”
ผู้คนมากมายต่างคิดไม่ถึงว่า เพิ่งได้รับรองการเป็นปรมาจารย์สลักวิญญาณได้เดือนกว่า หลินสวินก็สร้างเรื่องฮือฮาขนาดนี้อีกแล้ว
นั่นมันสมบัติชิ้นสำคัญของจักรพรรดินีเชียวนะ ปรมาจารย์สลักวิญญาณไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ยังจนปัญญา แต่สุดท้ายกลับถูกปรมาจารย์สลักวิญญาณเด็กหนุ่มคนหนึ่งคลี่คลายอย่างสมบูรณ์แบบ
เรื่องนี้ต้องเหลือเชื่อมากอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นในคืนนี้ชื่อของหลินสวินจึงเหมือนกับโรคระบาดอีกครั้ง แพร่กระจายไปทั่วทุกมุมของนครต้องห้ามอย่างบ้าคลั่ง เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา
หลินสวินได้ใช้การกระทำพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและพลังของเขาอีกครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย และเรื่องนี้ก็ทำให้เขาได้รับชื่อเสียงและบารมีเพิ่มขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ
เจ้าแห่งภูเขาชำระจิต อัจฉริยะด้านวิถียุทธ์ที่ล้มฮวาอู๋โยว ปรมาจารย์สลักวิญญาณอายุสิบหกปีที่ทำให้เกิดเสียงร้องเก้ามังกร อาจารย์ชั้นหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกตที่ซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จ…
หลินสวินได้ถูกรัศมีแห่งชื่อเสียงเกียรติยศปกคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า และเบื้องหลังของทุกความรุ่งโรจน์ ก็ล้วนทำให้เกิดความฮือฮาระลอกหนึ่ง
และตอนที่ทำได้ขนาดนี้ หลินสวินเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในนครต้องห้ามได้เพียงไม่ถึงปีเท่านั้น!
……
คนในวงการดูช่องทาง คนนอกวงการดูเพื่อสนุก
สำหรับคนใหญ่คนโตหลายคน การที่หลินสวินซ่อมกระบี่เบิกฟ้าได้ ย่อมมีความนัยที่พิเศษและผิดปกติอย่างมาก
นั่นมันชุดศึกสลักวิญญาณเชียวนะ!
เป็นสมบัติอันล้ำค่าของจักรพรรดินี!
ทั้งหมดนี้ไม่ได้นำพาเพียงชื่อเสียงเกียรติยศให้กับหลินสวิน ยังมีอำนาจลึกลับบางอย่างที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมองข้ามได้
ตอนนี้หลินสวินสามารถซ่อมชุดศึกสลักวิญญาณได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นจะห่างจากการที่เขาสามารถสร้างชุดศึกสลักวิญญาณขึ้นมาได้ด้วยตัวเองอีกแค่ไหนเชียว
ลองคิดดูว่า ถ้าวันหนึ่งหลินสวินที่อายุเพียงเท่านี้สามารถทำได้ขนาดนั้น จะเกิดความฮือฮาและเป็นจุดสนใจแค่ไหน
อัจฉริยะระดับนี้ ใครยังจะกล้ามีเรื่องด้วยโดยใช่เหตุ
ทำให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณที่สามารถสร้างชุดศึกสลักวิญญาณได้ไม่พอใจเข้า ย่อมไม่ใช่เรื่องสนุกแน่!
ที่สำคัญที่สุดคือ สิ่งที่หลินสวินซ่อมคราวนี้เป็นสมบัติล้ำค่าของจักรพรรดินี แบบนี้ย่อมเป็นไปได้ที่จักรพรรดินีจะรับรู้ถึงการมีตัวตนของเด็กหนุ่มยอดฝีมืออย่างหลินสวิน
มีความสัมพันธ์ชั้นนี้ ก็เท่ากับหลินสวินมีฐานะที่น่าเกรงขามเพิ่มขึ้นอีกโดยปริยาย!
“หลินสวินคนนี้ไม่เพียงความสามารถชวนตะลึง แต่ยังโชคดีจนเหลือเชื่อ หลังจากเรื่องนี้ก็พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทำให้เขาได้ผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย”
หลายคนอดทอดถอนใจแบบนี้ไม่ได้
“ฮ่า คราวนี้ฉู่ซานเหออับอายขายขี้หน้ามาก หลังจากเรื่องนี้เขาไม่เพียงแค่เสียหน้า เกรงว่าจะถูกครหาว่าเป็นพวก ‘ขี้อิจฉา’ อีกด้วย!”
“จริงด้วย ฉู่ซานเหอเป็นถึงรองหัวหน้าสาขาสลักวิญญาณ แต่กลับพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ช่างน่าสลดใจจริงๆ”
“ต่อจากนี้ตราบใดที่หลินสวินยังอยู่ในสาขาสลักวิญญาณ ฉู่ซานเหอก็ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาได้อีก สถานการณ์แบบนี้ค่อนข้างน่าอึดอัดและอัดอั้น”
พอพูดถึงฉู่ซานเหอ ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ต่างมองเหมือนกันจนน่าตกใจ นั่นก็คือแผนการครั้งนี้ของฉู่ซานเหอ ไม่เพียงทำอะไรหลินสวินไม่ได้ แต่ยังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ ในอนาคตคงยากจะเชิดหน้าขึ้นได้อีก
ที่ตลกที่สุดคือ ตอนที่พวกหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้รู้ข่าวนี้ สีหน้าของทั้งสามดูแย่ราวกับเสียบุพการีอย่างไรอย่างนั้น
เป็นความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เดิมทีตอนที่หลินสวินเริ่มมีอำนาจแข็งแกร่งขึ้นมา ก็ได้ทำให้อำนาจของตระกูลสายรองทั้งสามอย่างพวกเขาสั่นคลอน
ถึงขั้นที่บีบให้พวกเขาจำต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลจั่วและฉินเพื่อโจมตีหลินสวิน
ใครจะคิดว่ายังไม่ทันได้ลงมือด้วยซ้ำ หลินสวินก็เล่นงานผู้ยิ่งใหญ่ระดับฉู่ซานเหอจนสะบักสะบอม อับอายไปทั่วทั้งนครต้องห้าม!
ส่วนหลินสวิน เพราะการซ่อมกระบี่เบิกฟ้าในครั้งนี้ ทำให้ชื่อเสียงบารมีเพิ่มขึ้นอีกระดับในชั่วพริบตา ได้รับคำชื่นชมจากคนทั้งนคร
ทั้งยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะได้รับรางวัลจากราชวงศ์ รวมทั้งความรู้สึกดีๆ จากจักรพรรดินี!
หลินสวินยิ่งโดดเด่น ยิ่งเก่งกาจเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการโจมตีอย่างหนักหน่วงและส่งผลกระทบร้ายแรงต่อพวกเขาทั้งสามตระกูลรอง!
ในสถานการณ์ที่ฝ่ายหนึ่งผงาดง้ำ อีกฝ่ายย่อมต้องตกต่ำ ไม่แน่ว่าสักวันหลินสวินจะกางเล็บเขี้ยวลงมือกับตระกูลรองอย่างพวกเขา!
‘รอก่อนเถอะ ตระกูลจั่วและฉินยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ ปล่อยให้เจ้าได้ใจไปก่อน!’
นี่คือความคิดของหลินเทียนหลง หลินเนี่ยนซานและหลินผิงตู้ ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉิน
……
‘ผู้กล้า บททดสอบที่สี่แห่งโถงมรรคาสวรรค์คือ ‘อาณาเขตเดินทาง’ เจ้าต้องบรรลุระดับมหาสมุทรวิญญาณก่อน จึงจะสามารถเข้ารับบททดสอบนี้…’
ก่อนหลินสวินตื่นขึ้นมา ข้างหูราวกับได้ยินเสียงอันว่างเปล่าเย็นเยียบดั่งน้ำแข็งดังขึ้นอีกครั้งรางๆ
หลินสวินลืมตาขึ้นพร้อมสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาดำขลับลึกล้ำดูครุ่นคิด สุดท้ายเขาก็สกัดกั้นความวู่วามเอาไว้ ตัดสินใจว่าจะยังไม่เข้ารับบททดสอบเร็วๆ นี้
แม้ว่าพลังปราณของเขาในตอนนี้จะบรรลุถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นกลางสมบูรณ์แบบแล้ว อีกเพียงนิดก็จะบรรลุสู่ขั้นปลาย มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปรับบททดสอบในห้องโถงมรรคาสวรรค์แล้ว
แต่ก็จนปัญญา เพราะตอนนี้หลินสวินไม่มีแรงและเวลามากพอจะไปรับบททดสอบ
เขาต้องสอน ต้องฝึกยุทธ์ ต้องศึกษาการสลักวิญญาณ ต้องไปดูแลเรื่องต่างๆ ในภูเขาชำระจิตอย่างต่อเนื่อง ต้องคอยระวังการโจมตีจากตระกูลจั่วและฉิน…
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินจะมีกะจิตกะใจอะไรไปรับบททดสอบ
ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับหลินสวินแล้ว ในเมื่อด่านที่สี่ของทางเดินเมฆาหยกแห่งห้องโถงมรรคาสวรรค์มีชื่อว่า ‘อาณาเขตเดินทาง’ เพียงจากชื่อ ก็รู้ว่าด่านนี้ไม่ง่ายแน่
ถ้าเป็นไปได้ หลินสวินยอมเลือกเข้ารับการทดสอบหลังจากบรรลุสู่ขั้นปลายแห่งระดับมหาสมุทรวิญญาณ ถ้าเป็นเช่นนี้โอกาสที่จะผ่านด่านก็จะสูงขึ้นอย่างมาก
หลินสวินลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายแล้วออกจากห้องไป
ไม่นานเขาก็รู้จากเสิ่นทั่วว่าเขาหลับไปสองวันแล้ว และในสองวันนี้ เรื่องที่เขาซ่อมกระบี่เบิกฟ้าก็ได้สร้างความฮือฮาอย่างมากในนครต้องห้าม
ในสถานการณ์แบบนี้ รองหัวหน้าสาขาอย่างฉู่ซานเหอเลือกที่จะถอยหลบไปชั่วคราว ไปเก็บตัวอยู่ที่ตระกูลฉู่ หายไปจากสาขาสลักวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจของฉู่ซานเหอฉลาดมาก ถ้าเขายังอยู่ในสาขาสลักวิญญาณ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ได้รับต้องสร้างความอึดอัดให้เขาอย่างแน่นอน
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาเลือกถอยไปชั่วคราวรอให้มรสุมครั้งนี้สงบลง ไม่แน่ว่าต่อไปเขาอาจจะมีโอกาสเริ่มใหม่อีกครั้ง
เรื่องนี้ทำให้หลินสวินพลันรู้สึกเบาใจลงไม่น้อย
ในขณะเดียวกันเสิ่นทั่วก็บอกหลินสวินว่า หัวหน้าสาขาถังเฉียนได้ออกคำสั่งว่า ให้หลินสวินอยู่ที่สาขาสลักวิญญาณอย่างสบายใจ และจะให้การดูแลเป็นพิเศษ
ตอนท้ายเสิ่นทั่วได้พูดถึงเรื่องซ่อมกระบี่เบิกฟ้า หลังจากส่งสมบัติชิ้นนั้นคืนสู่ราชวงศ์แล้ว หลินสวินได้รับคำชื่นชมอย่างมาก
หลินสวินพูดตรงๆ “มีของตอบแทนและรางวัลหรือไม่ขอรับ”
เสิ่นทั่วหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ยื่นเทียบเชิญที่ทำจากหยกประทับตราดอกจื่อเย่าให้แล้วพูดว่า “นี่คือเทียบเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินี ตั้งใจส่งมาให้เจ้าเป็นกรณีพิเศษ”
หลินสวินชะงักงัน “นี่หรือรางวัล?”
สำหรับเขามันเป็นเพียงงานเลี้ยงฉลองวันเกิดเท่านั้น ผลตอบแทนนี้ธรรมดาเกินไปแล้ว
เสิ่นทั่วเห็นเช่นนี้ก็เกือบกลอกตาอย่างควบคุมไม่อยู่ จำต้องอธิบายอย่างใจเย็น “หลินสวิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเทียบเชิญแบบนี้ มีคนใหญ่คนโตมากมายแค่ไหนที่แย่งกันหัวแทบแตกก็ยังไม่อาจได้มา นี่เป็นเกียรติยศอันสูงสุด ผู้ที่สามารถเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษานี้ได้ ล้วนเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดิน!”
หลินสวินอึ้งงันไป ยังคงไม่รู้สึกสนใจดังเดิม แขกที่เข้าร่วมจะยิ่งใหญ่แค่ไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับเขา?
“เจ้าเนี่ยนะ ข้าจะว่าเจ้าว่าอะไรดี ขอเพียงแค่เจ้าไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษา จากเรื่องที่เจ้าซ่อมกระบี่เบิกฟ้า มีหรือที่จะไม่ได้รับความโปรดปรานและชื่นชมจากจักรพรรดินี?”
เสิ่นทั่วไม่ปิดบังอีกต่อไป บอกข้อดีหลายประการของการไปร่วมงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษากับหลินสวินไปตามตรง
คราวนี้หลินสวินยิ้มอย่างพอใจตามคาด กล่าวว่า “เช่นนี้ค่อยยังชั่ว ข้าไม่ได้เหนื่อยเปล่า”
เสิ่นทั่วอดยิ้มขื่นไม่ได้ เจ้าหนูคนนี้แปลกจริงๆ โอกาสทองในการร่วมงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของจักรพรรดินีที่คนอื่นต่างหมายปอง เจ้าหนูคนนี้กลับไม่สนใจ แต่พอบอกประโยชน์ถึงค่อยทำให้เขาหวั่นไหวและให้ความสำคัญ
อีกครึ่งเดือนจึงจะถึงงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษาของจักรพรรดินี หลินสวินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ยังคงทำเหมือนปกติ ทุกวันนอกจากไปสอนแล้วก็สงบจิตฝึกยุทธ์
การเปลี่ยนแปลงเดียวอาจจะเป็นเรื่องที่ว่า ทุกครั้งที่เขาสอน ภายในโถงที่หัวหน้าสาขาถังเฉียนจัดให้พิเศษนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นั่งเต็มไม่เคยว่างทุกรอบ
คนที่มาฟังการสอน ไม่เพียงแค่ศิษย์จากห้องอื่น ยังมีอาจารย์และปรมาจารย์สลักวิญญาณอาวุโสบางส่วนในสาขาสลักวิญญาณอีกด้วย!
สถานการณ์นั้น สามารถใช้คำว่าผู้คนล้นหลามอย่างมืดฟ้ามัวดินมาเปรียบเทียบได้อย่างสิ้นเชิง
ทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะนับถือหลินสวินที่ซ่อมกระบี่เบิกฟ้าสำเร็จ สำหรับนักสลักวิญญาณแล้ว ความสามารถในการสสักวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้ เพียงพอที่จะทำให้ปรมาจารย์สลักวิญญาณจำนวนไม่น้อยเลื่อมใสแล้ว!
ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไปเรื่อยๆ ข่าวงานเลี้ยงวันเฉลิมพระชนมพรรษาสามร้อยปีของจักรพรรดินีก็เริ่มเป็นที่สนใจของคนทั้งนครต้องห้าม
เพราะงานเลี้ยงในครั้งนี้แตกต่างจากที่ผ่านมา จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
——