Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 424 ปากเอ่ยวาจาบ้าระห่ำ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 424 ปากเอ่ยวาจาบ้าระห่ำ
ชีวิตต่ำค่าเกินไป!
ทั้งยังเอาไหกระเบื้องห่วยๆ มาเปรียบเปรยกับหลิงเทียนโหว!
เมื่อได้ยินถ้อยคำเช่นนี้ หลายคนต่างเบิกตากว้าง เจ้าหลินสวินคนนี้ดูเหมือนนุ่มนวลไร้พิษสง ไม่คิดว่าพอด่าคนแล้วกลับร้ายกาจปานนี้
ที่ต้องรู้ก็คือหลิงเทียนโหวเป็นอันธพาลที่มีชื่อในนครต้องห้าม ดุร้ายหาใดเทียม เป็นผู้โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ แต่หลินสวินกลับไม่สนใจ โต้กลับอย่างแข็งกร้าวง่ายดาย ช่างใจกล้าเกินไปแล้ว
ส่วนเด็กสาวชนชั้นสูงบางคนกลับฉายแววประหลาดขึ้นในดวงตางดงาม นี่เป็นเด็กหนุ่มที่กล้าสั่งสอนราชนิกุลเชียวนะ ที่แท้ก็แข็งแกร่งอย่างในข่าวลือ ท่าทางหยิ่งทระนงเช่นนั้นพาให้พวกนางล้วนรู้สึกแปลกใหม่เร้าใจ
“ปากคอเราะราย น่าขันยิ่งนัก อีกเดี๋ยวเมื่อเจ้าพ่ายแพ้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะพูดอะไรได้”
หลิงเทียนโหวยิ้มน่ากลัว สีหน้าระบายไปด้วยความโหดเหี้ยม ถูกหลินสวินด่าว่าซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เขาโมโหเข้าจริงๆ เสียแล้ว
หากไม่ใช่เพราะต้องการให้หลินสวินมารับใช้ถวายชีวิตให้ตน เขาไม่มีทางอดกลั้นเช่นนี้ได้แน่
พูดจบเขาก็หันกายจากไป
หลินสวินเห็นเช่นนี้ก็เพียงยิ้มแย้ม ไม่ใส่ใจ
นี่ทำให้หลิ่วชิงเยียนทั้งกังวลและซาบซึ้งใจ นางไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ของหลินสวิน แต่อย่างไรเสียเวลานี้หลินสวินก็ออกหน้าแทนนาง ทำให้นางไม่รู้จะพูดอย่างไรดีแล้ว
“คนผู้นี้…ไม่กลัวถูกล้างแค้นหรือไงนะ”
ใกล้กันนั้นมีเด็กสาวอ่อนเยาว์ผู้หนึ่งเอ่ยถามเสียงเบา ใบหน้าน้อยแดงเรื่อ รู้สึกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ช่างน่าเร้าใจนัก
“คิกๆ นี่เจ้ามองหลินสวินผิดไปแล้ว ตั้งแต่เขาเข้านครต้องห้ามมา เรื่องนอกกรอบที่เขาทำน้อยนักหรือ แต่ถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ดีมีสุข เมื่อกี้ในตำหนักกลางถึงกับได้รับของพระราชทานจากจักรพรรดินี ที่เขากล้าบ้าระห่ำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามีของ”
เด็กสาวอีกคนหนึ่งดวงตางดงามเปล่งประกาย มือนางกำแน่น ดูเข้าใจเรื่องราวก่อนหน้านี้ของหลินสวินยิ่งนัก
ก่อนหน้านี้มีคำท้าประลองที่ฉือฉางเฟิงเอ่ยออกมา ภายหลังมีเดิมพันอย่างแข็งกร้าวกับหลิงเทียนโหวอีก เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินสวินนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งจตุรัสอย่างรวดเร็ว
“ดูสิ นี่ก็คือกรรมตามสนอง! ช่วงนี้เจ้านั่นกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขเกินไป ได้ใจจองหอง ในที่สุดก็มีคนทนดูไม่ได้แล้ว”
มีคนยินดีกับความทุกข์ของผู้อื่น
“แน่ล่ะ ก็เมื่อกี้นี้ในตำหนักกลาง จักรพรรดินีพระราชทานรางวัลให้เขา ขนาดลำนำผู้กล้าที่คุณหนูหลิ่วชิงเยียนแต่งขึ้นยังเกี่ยวข้องกับเขา ขวางหูขวางตาหลายคนมานานแล้ว”
มีผู้ที่มีน้ำเสียงอิจฉาและแค้นเคือง
ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้น หลินสวินกลับไตร่ตรองว่าเหตุใดจนถึงตอนนี้ หัวหน้าเผิงผู้นั้นยังไม่ประกาศเริ่มการประลอง
สายตาเขามองไกลออกไป ก็เห็นว่าหัวหน้าเผิงยืนอยู่ด้านหนึ่งของลานแสดงยุทธ์ ราวกับรอรับคำสั่งอะไรอยู่
“หลินสวิน!”
ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
เห็นว่าซ่งเจ๋อเดินมาอย่างย่ามใจยิ่งนักแล้วพูดว่า “ฟังให้ดีล่ะ อีกเดี๋ยวเมื่อการประลองเริ่มขึ้น ญาติผู้น้องของข้าซ่งอี้ผู้นั้นจะมาเทียบฝีมือกับเจ้า เจ้าอย่าตื่นกลัวไปล่ะ!”
ฝูงชนที่อยู่บริเวณนั้นพลันฮือฮา ขนาดซ่งอี้ยังเห็นว่าหลินสวินขวางหูขวางตาแล้วหรือ
นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจนัก ก่อนหน้านี้มีฉือฉางเฟิง หลิงเทียนโหว ตอนนี้ซ่งอี้ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการทดสอบระดับอาณาจักรปีนี้ ผู้กล้าที่โดดเด่นในรุ่นเดียวกันซึ่งเกิดในตระกูลทรงอิทธิพลตระกูลซ่ง ล้วนต้องการประลองกับหลินสวิน จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า ช่วงนี้หลินสวินยั่วโมโหขุมอำนาจมากมายแค่ไหน!
เจ้าคนนี้ช่างเคราะห์ร้ายเสียจริง เวลานี้แม้ไม่อยากอับอายก็เห็นจะยากแล้ว
หลายคนลอบหัวเราะในใจรอดูละครฉากเด็ด
“อย่ามองข้าเช่นนี้ ทำเหมือนข้าไปก่อเรื่องเลวทรามใหญ่โตมาอะไรมา”
หลินสวินไม่สนใจซ่งเจ๋อ หัวเราะขื่นมองหลิ่วชิงเยียนที่อยู่ด้านข้าง ฝ่ายหลังกำลังมองเขาอย่างกังวลและประหลาดใจ
“เจ้านี่นะ โธ่ ทำไมไม่รู้จักซ่อนคมบ้างนะ”
หลิ่วชิงเยียนถอนหายใจเบาๆ
“ช่วยไม่ได้น่ะ”
หลินสวินเอ่ยสบายๆ
คำพูดเรียบๆ คำหนึ่ง กลับทำให้ในใจหลิ่วชิงเยียนสั่นไหวรุนแรง ช่วยไม่ได้…คำที่ดูเหมือนง่ายดายนี้ กลับทำให้หลิ่วชิงเยียนรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูกรางๆ
แน่นอนว่า เมื่อลองคิดถึงสถานการณ์ที่หลินสวินเป็นอยู่หลังจากเข้ามายังนครต้องห้าม คิดถึงอันตรายคับขันที่เขาต้องเผชิญ ก็รู้ได้ว่ายากเย็นเพียงไหน
คนนอกเพียงเห็นว่าเขาก่อเรื่องใหญ่โตตลอด เห็นเพียงชื่อเสียงที่โด่งดังเกรียงไกรขึ้นของเขา เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่า เบื้องหลังหลินสวินผ่านอันตรายและความยากลำบากอย่างไรมาบ้าง
“หลินสวินเจ้ารังแกผู้อื่นมากไปแล้ว ข้าพูดกับเจ้า เจ้ากลับไม่แยแส เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ซ่งเจ๋อเอ่ยอย่างโมโห
หลินสวินชำเลืองมองเขาคราหนึ่ง หัวเราะขึ้นกะทันหันและพูดว่า “ข้านึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณชายหมวกเขียว ข้าไม่กล้าสนใจเจ้ามากนัก เดี๋ยวถูกคนเข้าใจผิดว่าข้าสวมหมวกเขียวให้เจ้า เช่นนั้นจะไม่ยุติธรรมเกินไป”
สีหน้าคนอื่นๆ ประหลาดไป คำพูดนี้ของหลินสวินช่างมีพลังทำลายล้นเหลือ
“เจ้า!“
“เจ้าเจิ้วอะไรกัน ซ่งอี้ต้องการประลองกับข้า ไม่ใช่เจ้าเสียหน่อย เจ้าจะลนลานอะไรเล่า”
หลินสวินกลอกตา
ผู้คนในบริเวณนั้นมองสบตากัน แม้เดิมทีจะรู้อยู่แล้วว่าหลินสวินบ้าระห่ำมาก แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะบ้าระห่ำได้ถึงขั้นนี้
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
ซ่งเจ๋อหน้าบูดเบี้ยวเขียวคล้ำ ทิ้งวาจาโหดเหี้ยมลอดไรฟังออกมาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
“ขนาดความกล้าท้าข้าประลองยังไม่มี สมน้ำหน้าเจ้าที่ถูกคนอื่นสวมหมวกเขียวให้ตลอดชีวิต”
ถ้อยคำลอยๆ ของหลินสวินกลับยั่วโมโหซ่งเจ๋อที่เดินไปไม่ไกลให้สั่นสะท้านไปทั้งตัว เกือบเดินตะบึงออกไป เจ้านี่ ควรฆ่าทิ้งนัก!
“หลินสวิน…”
หลิ่วชิงเยียนอดเอ่ยปากไม่ได้
หลินสวินเปลี่ยนเรื่องไปเสียอย่างนั้น ยิ้มกล่าวว่า “แม่นางชิงเยียน เจ้าว่าเจ้าเป็นห่วงข้าเช่นนี้ หากคุณชายที่ยกตัวเองเป็นองครักษ์พิทักษ์บุปผาเหล่านั้นแค้นเคืองข้าเข้า น่ากลัวจะแจ้นมาท้าประลองกับข้าอีก”
หลิ่วชิงเยียนพ่นลมหายใจค่อนว่า “เจ้าไม่ห่วงตัวเองสักนิดหรือ”
ระหว่างพูด ในใจนางก็รู้สึกกังวลอยู่บ้างจริงๆ ว่าเหตุการณ์ที่หลินสวินกล่าวจะเกิดขึ้น นางรู้ดีว่าคุณชายบางคนก็พฤติกรรมเลวร้ายนัก
“กังวลไปก็ไม่ได้อะไร สู้แล้วถึงจะรู้”
หลินสวินยิ้มพลางยักไหล่
และในเวลานี้เอง หัวหน้าเผิงที่อยู่ไกลออกไปไม่นิ่งเงียบอีกต่อไปแล้ว พลันเอ่ยขึ้นว่า “ทุกท่าน เวลานี้สามารถเริ่มการประลองได้ ผู้ที่ต้องการของรางวัลจากจักรพรรดินี บัดนี้ให้ลุกขึ้นมา”
เสียงดังกึกก้องไปทั่วทุกที่ ชั่วพริบตาก็กดทับให้เสียงสนทนาเงียบเชียบ
“หลินสวิน ไสหัวออกมาให้ข้า!”
“หลินสวิน มาสู้กัน!”
“หลินสวิน กล้าสู้กับข้าหรือไม่”
เมื่อเสียงของหัวหน้าเผิงเงียบลง ในที่นั้นก็มีสามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน เรียกชื่อเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต้องการจะประลองกับหลินสวิน!
ชัดเจนว่านั่นคือฉือฉางเฟิง หลิงเทียนโหวและซ่งอี้
ทั่วทั้งลายพลันอึกทึกครึกโครม ต่อให้รู้อยู่ก่อนว่าหลินสวินคงโชคร้ายแล้ว แต่ทุกคนกลับไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะรุนแรงขนาดนี้
ดูเอาเถิด ไม่ว่าจะเป็นฉือฉางเฟิง หลิงเทียนโหวหรือซ่งอี้ มีใครไม่ใช่ผู้ที่ถูกขนานนามว่ามีความสามารถเลิศล้ำในนครต้องห้ามบ้าง
แต่ตอนนี้กลับพากันเรียกชื่อหลินสวิน ต้องการประลองกับเขา นี่ช่างน่าตกใจยิ่งนัก
“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กนี่กลายเป็นหนูเดินผ่านตรอกที่ทุกคนพากันร้องให้ตีแล้ว! ช่างสาแก่ใจนัก!”
“นี่เป็นธรรมดา เจ้าคิดดูสิ ตั้งแต่เขาบุกเข้ามาในนครต้องห้ามก็มีเรื่องกับขุมอำนาจไม่รู้เท่าไร แต่เขากลับไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ สมน้ำหน้าที่ถูกคนอื่นเพ่งเล็ง”
“ข้ามีสังหรณ์อย่างหนึ่ง ในการประลองวันนี้ หลินสวินต้องถูกเล่นงานจนหมดรูป กลายเป็นตัวตลกคนหนึ่งอย่างแน่นอน”
“เฮ้อ ว่าไปแล้วข้าก็เลื่อมใสหลินสวินคนนี้อยู่บ้าง หาเรื่องเก่งเสียจริง ข้าไม่เคยเห็นใครที่กำเริบเสิบสานไม่หวั่นกลัว แต่ยังอยู่ดีมีสุขมาจนถึงตอนนี้ได้แบบเขาสักคน ช่างทำให้คนประหลาดใจจริงๆ”
ในที่นั้นมีเสียงฮือฮาลอยขึ้น โดยมากกำลังยินดีกับเคราะห์ร้ายของผู้อื่น ใจหมายจะคอยดูว่าหลินสวินจะรับมืออย่างไร
ขนาดคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังอดแย้มยิ้มเงียบๆ ไม่ได้ หลินสวินผู้นี้ ไม่ได้รับความชื่นชอบจากคนหนุ่มสาวเอาเสียเลย
หัวหน้าเผิงเองก็เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ถึงกับมีผู้กล้ารุ่นเยาว์สามคนลุกขึ้นมาท้าประลองหลินสวินคนเดียว
เขาอึ้งไปแล้วถามหลินสวินว่า “เจ้ายินดีรับประลองกับใคร หรือว่าจะปฏิเสธทั้งหมด”
ขวับ!
ทันใดนั้นสายตาทั้งหมดล้วนมองไปที่หลินสวิน
มีบางคนถึงกับกลั้นหัวเราะไม่ได้ “ขึ้นประลองสิ หลินสวินก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช่ว่าบ้าระห่ำมากหรอกหรือ นี่เป็นโอกาสได้สำแดงฝีมือที่แสนหายากเชียวนะ”
“ข้าว่าเขาไม่กล้าแน่”
“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ศาสตร์การสลักวิญญาณของหลินสวินก็ร้ายกาจนะ”
“ฮ่าๆๆ”
คนหนุ่มสาวที่เคยมีเรื่องกับหลินสวินอย่างฮวาอู๋โยว ฮวาอู๋เหิน ซ่งเจ๋อ ซ่งชงเฮ่อต่างหัวเราะเยาะเย้ย
เห็นเช่นนี้หลิ่วชิงเยียนก็อดโมโหไม่ได้ ลูกหลานตระกูลชั้นสูงเหล่านี้ที่ผ่านมาดูมีท่าทางสง่างาม ไม่คิดเลยว่าที่แท้จะปากคอเราะรายเช่นนี้
นางกำลังคิดจะกล่อมให้หลินสวินคลายโมโห กลับเห็นว่าเงาร่างหลินสวินหายวับออกไปก่อนแล้วลอยลงตรงกลางลานแสดงยุทธ์อย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะเย้ยหยันในที่นั้นก็เงียบลง สีหน้าคนไม่น้อยแปรเปลี่ยนเป็นฉงน คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะแน่วแน่ไม่ลัง เข้าไปในลานแสดงยุทธ์ก่อนแล้ว!
“ก่อนรับคำท้าประลอง ข้ามีอะไรจะพูดเสียหน่อย”
ภายใต้สายตามากมาย หลินสวินเอ่ยขึ้นเสียงเนิบ ดวงตาสีดำลุ่มลึกสงบนิ่ง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น
ฝูงชนล้วนสงสัย เขาจะพูดอะไรกันแน่ ในลานจึงพลันเงียบเชียบ
ทว่ากลับเห็นหลินสวินกวาดสายตาทอดมองไปยัง ‘คนคุ้นเคย’ บางคนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “วันนี้มีหลายคนที่รอดูข้าหลินสวินกลายเป็นตัวตลก พวกเขาหากไม่ใช่คนที่พ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือข้า ก็เป็นคนห่วยๆ ที่ริษยาชิงชังข้า ไม่ก็เป็นศัตรูที่มีความแค้นกับข้า แต่ในใจข้า คนเหล่านี้มีชื่อเรียกร่วมกันว่า…”
“สวะ!”
หลินสวินดูเหมือนยิ้มอยู่ แต่วาจาที่เอ่ยออกมาไม่มีความเกรงใจสักนิด พาให้สีหน้าของคนในที่นั้นไม่น้อยแปลกไป ทั้งตกใจระคนโกรธเคือง
เจ้าเด็กนี่จะจองหองไปแล้ว อยู่หน้าตำหนักกลาง ต่อหน้าขุมอำนาจสูงส่งในจักรวรรดิ กลับยังกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ มันสมควรตายยิ่งนัก!
“สวะก็เป็นสวะ ขนาดความกล้าหาญจะมาท้าประลองกับข้ายังไม่มี ได้แต่ลองอาศัยผู้อื่นมาประลองกับข้า เพื่อเรียกคืนความเคารพในตัวเอง นี่ไม่ใช่สวะแล้วจะเป็นอะไรได้”
วาจาของหลินสวินยิ่งไม่เกรงใจเข้าไปอีก ทำเอาเหล่าคนใหญ่คนโตล้วนนิ่วหน้า นี่เป็นเขตหวงห้ามในพระราชวังเชียวนะ กลับเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้ นี่มันใช้ได้ที่ไหน
“หลินสวิน ระวังวาจาด้วย”
หัวหน้าเผิงเตือนเสียงขรึม
หลินสวินพลันยิ้มขอโทษแล้วพูดว่า “เหลือประโยคสุดท้ายอีกประโยคเดียว พูดจบข้าจะรับคำท้าขอรับ”
ฝูงชนพลันพูดไม่ออก นี่มันคนแบบไหนกันนะ! ไม่มีมารยาทเสียจริง!
ก็เห็นว่าหลินสวินสูดลมหายใจลึก สายตาทอดมองไปรอบทิศ ในหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาปรากฏรอยยิ้มจางๆ แววตาแน่วแน่ พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “แต่ขอให้สวะทุกท่านในที่นี้วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้สวะอย่างพวกเจ้าผิดหวัง!”
——