Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 437 เล่นโคลนจนเสพติด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 437 เล่นโคลนจนเสพติด
เสียงฟ้าผ่าสะเทือน ลำแสงเจิดจ้าเป็นประกาย
เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของเฉียนไหวเต็มไปด้วยความดุร้าย เห็นภาพนี้หลินสวินอดรู้สึกสะใจไม่ได้
ก่อนหน้านี้ยามอยู่ในสังเวียนสวรรค์ยุทธ์ ตอนที่เขากำลังจะฆ่าฮวาอู๋โยวก็ถูกยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะฮวาเชียนเฉิงเข้ามาแทรกแซงกะทันหัน จนเกือบกลายเป็นฝ่ายโดนฆ่าแทน
สิ่งที่โจมตีให้ฮวาเชียนเฉิงถอยไปในตอนนั้น ก็คือไข่มุกสะเทือนสวรรค์!
ตอนนี้หลินสวินเพียงแค่เอาวิธีเดิมกลับมาใช้ใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าผลลัพธ์ดีมาก ท่ามกลางความประมาทเฉียนไหวจึงถูกโจมตีใส่เต็มๆ
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ทันใดนั้นเงาร่างของเฉียนไหวก็ทะลวงออกมาจากขบวนสายฟ้า เพียงแต่ท่าทางของเขาในตอนนี้ต่างไปจากเมื่อครู่เป็นคนละคนเลยทีเดียว
เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด ผิวหนังที่เปลือยเปล่าไหม้เกรียม เส้นผมถูกเผา ใบหน้ากว่าครึ่งระเบิดไม่เหลือสภาพ ดูน่ากลัวผิดปกติ
เป็นถึงยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ โดดเด่นสะดุดตาระดับไหน ยามนี้กลับสะบักสะบอมถึงเพียงนี้ ช่างเป็นความอับอายอย่างสูงสุด!
เฉียนไหวโกรธจนแทบคลั่ง พุ่งปราดออกไปหาหลินสวิน
“เอาชีวิตมา!”
เฉียนไหวในยามนี้ราวกับปีศาจร้ายผู้เหี้ยมโหด ยโสโอหัง คิดแต่จะตามฆ่าหลินสวินโดยไม่สนกิริยา
เพียงแต่หลินสวินหนีไปตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้นจึงกลายเป็นสงครามการไล่ล่าอีกครั้ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าหนีไม่พ้นหรอก คราวนี้ถ้าไม่ได้หักกระดูกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ ข้าสาบานว่าจะไม่หยุด!”
เฉียนไหวเดือดดาลอย่างแท้จริง ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด
ก่อนหน้านี้เขาประมาทไป คิดว่าด้วยฝีมือของหลินสวิน ไม่มีทางมีอาวุธอะไรที่ทำร้ายตัวเองได้แน่
แต่ใครจะคิดว่าอานุภาพของสายฟ้าสะเทือนสวรรค์นั่นจะน่ากลัวขนาดนี้ แม้แต่เขายังถูกโจมตีจนรับมือไม่ทัน ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรเล่า
เหมือนกับโดนมดตัวหนึ่งตบหน้าอย่างแรง ความรู้สึกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าอัดอั้นแค่ไหน
เฉียนไหวที่ถูกโทสะครอบงำดูน่ากลัวที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงครู่เดียวก็ตามหลินสวินทันอีกครั้ง
เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะลงมือ เงาร่างของหลินสวินที่อยู่ห่างออกไปก็ชะงักงัน หยุดฝีเท้ากลางอากาศอีกครั้งแล้วทำท่าเหมือนจะโยนของ
พรึ่บ!
แสงดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น
หือ?
เฉียนไหวเพ่งสายตา ในใจสั่นสะท้าน นึกถึงสิ่งที่ประสบเมื่อครู่ มีหรือที่เขาจะกล้าชะล่าใจ เงาร่างพลันแวบหลบไปอย่างรวดเร็ว
และในขณะนั้นเอง ในที่สุดเขาก็ได้เห็นตัวจริงของแสงสีดำนั่น ไม่ใช่เม็ดไข่มุกอย่างที่เขากลัว แต่เป็น…
โคลนก้อนหนึ่งงั้นหรือ
ปัง!
พลันเห็นโคลนนั่นระเบิดตัวกลางอากาศ และกลายเป็นฝุ่นผงร่วงพรูลงมากลางอากาศ ราวกับเป็นการหัวเราะเยาะอ้อมๆ
เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากของเฉียนไหวเต้นตุบๆ มุมปากกระตุกรุนแรงอย่างกลั้นไม่อยู่ ในใจมีเพลิงโกรธพลุ่งพล่านอย่างยากจะควบคุม
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนจองหองคนนี้ บังอาจ…บังอาจเอาโคลนก้อนหนึ่งมาเย้ยหยันเขา!!
ทันใดนั้นเฉียนไหวก็โกรธจนแทบระเบิด ส่งเสียงคำรามประหนึ่งสัตว์ป่า เงาร่างไล่ตามไปราวกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนอีกครั้ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าจบสิ้นแล้ว เจ้าตายแน่! ถ้าข้าไม่ได้เผาเจ้าให้ตายทั้งเป็น ข้ายอมเปลี่ยนไปใช้แซ่เจ้า!”
“อย่า ข้าไม่อยากได้ลูกหลานไม่ได้เรื่องอย่างเจ้า!”
เสียงหัวเราะของหลินสวินดังมาจากบริเวณที่ห่างออกไป
สีหน้าของเฉียนไหวยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามข่มกลั้นเพลิงโทสะดั่งภูเขาไฟปะทุในใจ กัดฟันไล่ตามไปอย่างบ้าคลั่ง
ในใจได้เริ่มใคร่ครวญว่าหลังจากจับหลินสวินได้จะใช้วิธีรุนแรงอันใดทรมานหลินสวิน
เขาเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะ เคยเสียเปรียบขนาดนี้ซะที่ไหนกัน เคยถูกเด็กเมื่อวานซืนระดับมหาสมุทรวิญญาณปั่นหัวจนเสียหน้าขนาดนี้ซะที่ไหน
ไม่เคย!
คราวนี้แม้ว่าหลินสวินจะมีที่มายิ่งใหญ่แค่ไหน เขาก็ไม่สนใจแล้ว ถ้าไม่ได้ฆ่าหลินสวินให้ตาย ก็ไม่เพียงพอจะระบายความอับอายและโทสะภายในใจของเขาออกมา
“ตายซะ!”
ไม่นานเขาก็ตามหลินสวินทันอีกครั้ง รอบตัวเขาปล่อยเปลวไฟออกมา สองมือผายออก ฝ่ามือมีแสงเจิดจ้าปกคลุม
นี่คือท่าไม้ตายของเขา มั่นใจว่าเพียงพอที่จะทำให้หลินสวินกลายเป็นฝุ่นผงไม่เหลือซากได้ในคราเดียว!
“ไอ้แก่ รับกระบวนท่า!”
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น หลินสวินกลับสะบัดมือไปข้างหลังอย่างแรงโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ แสงดำสายหนึ่งถูกปล่อยออกมาราวสายฟ้า
อีกแล้ว!
ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคนนี้คิดว่าตนจะหลงกลอีกหรือ
แต่ถ้า…
ถ้าคราวนี้เป็นของจริงจะทำอย่างไร
ชั่วขณะนั้นเฉียนไหวสับสนขึ้นมา ทั้งโกรธทั้งอัดอั้น
แต่ไม่มีเวลาให้เขาคิดมากไปกว่านี้แล้ว ท่ามกลางความอับจนปัญญา เขาจำต้องหลบหลีกอีกครั้ง
เขาไม่กล้าเสี่ยง การโจมตีเมื่อครู่นี้ทำให้เขาบาดเจ็บไม่น้อยแล้ว ถ้าถูกโจมตีอีกครั้งเกรงว่าจะเจ็บจนล้มลง
ปัง!
โคลนก้อนหนึ่งระเบิดตัวไม่ไกลนัก ก่อนที่ฝุ่นจะฟุ้งกระจาย…
“ข้า…ข้าจะฆ่าไอ้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าซะ!”
เฉียนไหวโกรธจนแทบกระอักเลือด หลงกลอีกแล้ว นี่ทำให้เขาหน้าร้อนผ่าว ในใจเต็มไปด้วยความอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เฉียนไหวที่โกรธจนคลั่งไปแล้วไล่ตามไปอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้เขาตั้งใจอย่างเด็ดเดี่ยวว่า ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จะไม่! จะไม่หลงกลอีกเด็ดขาด!
คนๆ หนึ่งตกหลุมพรางหนึ่งครั้ง อาจจะเพราะประมาท ถ้าตกหลุมพรางเป็นครั้งที่สอง ก็อาจจะเพราะประมาทเช่นกัน แต่ถ้าตกหลุมพรางสามครั้งติด นั่นย่อมไม่ใช่ปัญหาเรื่องความประมาท แต่เป็นความอับอายอย่างหนึ่ง!
ตาม!
ตาม!
ตาม!
คราวนี้เฉียนไหวรักษาความนิ่งสงบอย่างที่สุด สกัดกั้นความเดือดดาล อัดอั้นและอับอายภายในใจไว้สุดกำลัง
เพื่อให้มั่นใจว่าคราวนี้จะฆ่าได้ในคราเดียว เขาถึงกับเปลี่ยนเป็นรอบคอบยิ่งขึ้น เขาเริ่มรวบรวมพลังตั้งแต่ยังห่างจากหลินสวินอีกหลายพันจั้ง
ยามห่างจากหลินสวินราวหนึ่งพันจั้ง เขาก็ลงมืออย่างไม่ลังเล!
ชิ้ง!
คราวนี้เขาใช้สมบัติของตัวเอง เป็นกระบี่วิญญาณที่ปล่อยเปลวเพลิงสีเงินเจิดจ้าและบิดงอราวกับงูสีเงิน
หนึ่งกระบี่ทะลวงอากาศ เพียงพริบตาก็ฟาดฟันสังหารใส่บริเวณที่ห่างออกไปพันจั้ง
เพียงการโจมตีเดียวก็ดูออกว่าเฉียนไหวหมกมุ่นในศาสตร์กระบี่มานานหลายปี ทั้งความไว ความแม่นยำและความรุนแรง ล้วนแล้วแต่ร้ายกาจยากใครเทียบ
เพียงแต่…
หลินสวินราวกับมีญาณทิพย์ เงาร่างแวบหนีหายกลางอากาศอย่างแปลกประหลาด หลบการโจมตีนี้แล้วหนีต่อ
ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!
กระบี่วิญญาณสีเงินถูกเฉียนไหวกวัดแกว่ง ฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง บีบจนหลินสวินทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แม้แต่ความเร็วในการหนียังช้าลง สถานการณ์อันตรายยิ่ง
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ทำไมไม่หนีแล้วล่ะ ฮะ? ฮ่าๆๆ ข้าคิดไว้แล้วว่าเดี๋ยวจับเจ้าได้จะแล่เนื้อเจ้าออกเป็นชิ้นๆ แล้วเอาชิงจิตวิญญาณเจ้าออกมา ค่อยๆ เผาด้วยเพลิงหยินใต้พิภพให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย!”
เฉียนไหวหัวเราะลั่นอย่างร้ายกาจราวกับกำลังปลดปล่อยอารมณ์
เขาหัวเราะพลางกวัดแกว่งกระบี่วิญญาณ อานุภาพยิ่งดูเหี้ยมโหดกดดัน บีบจนหลินสวินหลบแทบไม่ทันแล้ว
“ไอ้แก่ รับกระบวนท่า!”
จู่ๆ หลินสวินก็ตะเบ็งเสียง
สีหน้าของเฉียนไหวที่เดิมกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแข็งทื่อไปทันที ใช้วิธีบ้าๆ นี่อีกแล้ว!
จากนั้นเขาพลันตะเบ็งเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “มาสิ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ของเจ้าจะเล่นได้ถึงเมื่อไหร่!”
ฟุ่บ
แสงดำสายหนึ่งปรากฏขึ้น
ส่วนเฉียนไหวกัดฟันทันที ไม่คิดจะหนีอีกแล้ว เขาสูดหายใจลึก ฟันกระบี่ออกไปตั้งแต่ที่แสงสีดำนั่นยังไม่เข้ามาใกล้
ฉึก!
ตามคาด เป็นโคลนอีกก้อนหนึ่งที่ถูกฟันเป็นฝุ่นผง
ทำให้เฉียนไหวหัวเราะลั่นออกมาทันที “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน ข้าว่าเจ้าคงมีไข่มุกสายฟ้าอะไรนั่นแค่เม็ดเดียว แต่ยังกล้าใช้วิธีแบบนี้มาหลอกข้า น่าขำจริงๆ!”
ในขณะที่พูด กระบี่วิญญาณสีเงินอร่ามนั่นก็ร่ายรำบ้าคลั่ง พลานุภาพน่าสะพรึงกลัว
สุดท้ายหลินสวินหมดทางหนี ถูกไอกระบี่สายหนึ่งกวาดผ่าน แผ่นหลังฉีกเป็นรอยเลือดยาว ผิวหนังแตกเนื้อเปิด เลือดไหลดั่งสายน้ำตก
อีกนิดก็จะฟันโดนอวัยวะภายใน!
แต่หลินสวินราวกับไม่รู้สึก หลบพลางหัวเราะลั่น “ไอ้แก่ เจ้าลองอีกทีสิ”
ในขณะที่พูดเขาก็สะบัดมือขว้างแสงดำสายนั้นออกมาอีกครั้ง
ปัง!
แสงสีดำถูกฟันทิ้ง ยังคงเป็นโคลนก้อนหนึ่ง
เฉียนไหวอดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่ได้ “คิดจะหลอกข้าหรือ เจ้าหนูอย่างเจ้าช่างแปลกจริงๆ จะตายแล้วยังไม่รู้ตัว!”
“เจ้าลองอีกที”
เป็นแสงสีดำที่ถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
ปัง!
ยังคงเป็นโคลน
“ไอ้โง่ เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ”
“ลองดูอีก”
ปัง!
โคลน
ปัง!
โคลน
และในระหว่างนี้ สถานการณ์ของหลินสวินยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ แม้ว่าเขาจะหลบอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ยังคงได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลจากกระบี่ เลือดสีสดไหลอาบ
ต้องยอมรับว่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะน่ากลัวเกินไปจริงๆ โดยเฉพาะยามโกรธ พลังนั่นไม่ใช่พลังที่ระดับมหาสมุทรวิญญาณจะสู้ได้
แม้ว่าพรสวรรค์ของหลินสวินจะโดดเด่นเพียงใด รากฐานแน่นหนาแค่ไหน แต่ก็ยังห่างกันหนึ่งระดับใหญ่ พลังที่ครอบครองไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน อยากจะข้ามระดับไปสู้กับระดับหยั่งสัจจะจึงแทบไม่มีหวัง
ตรงข้ามกับหลินสวิน เฉียนไหวกลับหัวเราะคลุ้มคลั่ง ความเดือดดาล คับแค้น อับอายในใจล้วนได้รับการปลดปล่อย ทำให้เขาถึงขั้นไม่อยากฆ่าหลินสวินให้ตายในทันที
ไม่ใช่ว่าไม่เกลียด แต่เกลียดมากเกินไปจนไม่อยากให้หลินสวินตายง่ายๆ แบบนี้!
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เข้ามา! ข้าจะดูซิว่าเจ้ายังเหลือโคลนอีกเท่าไหร่!”
เฉียนไหวแสยะยิ้ม ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาโดนระเบิดจนเลือดเนื้อปนเป ยิ้มแล้วดูน่าสยดสยองกว่าปกติ
“ไอ้แก่อย่างเจ้านี่น่าสนใจจริงๆ เล่นโคลนจนเสพติดแล้วหรือ”
หลินสวินเยาะเย้ย
ท่าทางดูถูกแบบนี้กระตุ้นให้เฉียนไหวเกือบคลุ้งคลั่ง ถึงขั้นถูกเด็กเมื่อวานซืนที่กำลังจะตายเย้ยหยันว่าเขากำลังเล่นโคลน!
ถ้าแพร่กระจายออกไป ผู้ฝึกปราณทั้งใต้หล้าจะคิดอย่างไร
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เฉียนไหวบันดาลโทสะ ไม่ชักช้าอีก สำแดงกระบวนท่าพิฆาตออกมา
“งั้นหรือ ลองลิ้มรสโคลนก้อนนี้ก่อน!”
แทบจะในขณะเดียวกันแสงสีดำถูกปล่อยออกจากมือหลินสวินอีกครั้ง
สู้กันมาจนถึงตอนนี้ เฉียนไหวฟันโคลนไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว เห็นเช่นนี้จึงฟันกระบี่ออกไปทันทีตามจิตใต้สำนึก ไม่มีความรู้สึกกังวลใดๆ ทั้งสิ้น
หรือพูดอีกอย่างว่า จากสัญญาณหลายๆ อย่างตั้งแต่เมื่อครู่นี้ เขามั่นใจตั้งนานแล้วว่าหลินสวินใช้ความสามารถแค่ขี้ปะติ๋วของตัวเองหมดแล้ว เพียงวางมาดใหญ่โตเพื่อตบตา ดูน่าขันยิ่งนัก
เพียงแต่…
ตอนที่ไอกระบี่ฟันออกมา ในใจเฉียนไหวกลับรู้สึกตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก ทันใดนั้นเขาก็หน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน
เพราะเขาเห็นอย่างชัดเจนว่า แสงสีดำนั่นไม่ใช่โคลน แต่เป็นไข่มุกที่มีสายฟ้าโหมซัดสาด…
ไม่ได้การแล้ว!
เฉียนไหวตกใจอกสั่นขวัญหนีทันที ร่างกายแข็งทื่อ สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน มีหรือจะกล้าลังเล รีบหลบหนีไปข้างๆ ทันที
แต่การตอบสนองของเขาช้าไปหนึ่งระดับ พลันได้ยินเสียงคำรามที่ดังสะเทือนฟ้าดิน บนท้องฟ้าราวกับมีพระอาทิตย์ดวงหนึ่งปรากฏขึ้น สว่างไสวอย่างที่สุด พลังระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมเงาร่างของเฉียนไหวทันที…
——