Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 461 ลอยละล่องจากไป
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 461 ลอยละล่องจากไป
ทั่วทั้งบริเวณตกอยู่ในความหวั่นไหวครั้งใหญ่เมื่อฐานะของหลินสวินถูกเปิดเผย
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเคยหลั่งเลือดด้วยน้ำมือของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้ ขนาดดาบดุดันพลิกฟ้ายังถูกเขากำราบ!
นี่เป็นราชันระดับมหาสมุทรวิญญาณเสียที่ไหนกัน เห็นชัดว่าครอบครองพลังเย้ยฟ้าที่สามารถประลองข้ามระดับกับระดับหยั่งสัจจะได้!
“ที่แท้ก็เป็นเขา มิน่า มิน่าเล่า…”
“แต่ว่าเขาเป็นใครกันแน่ แดนวิญญาณโบราณมีสัตว์ประหลาดพลิกฟ้าเช่นนี้ปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไร”
ทั้งบริเวณตื่นตระหนกเซ็งแซ่
เวลานี้พวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน อวิ๋นเคอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาเคยได้ยินวีรกรรมของ ‘เด็กหนุ่มป่าเถื่อน’ มาบ้าง
เพียงแต่กลับไม่คิดว่า เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตรงหน้านี้จะเป็นเขาไปได้!
ฆ่า!
ทว่าหลินสวินไม่แยแสคนพวกนี้ เดิมเขาก็ไม่ได้เป็นคนของแดนวิญญาณโบราณ ย่อมไม่ต้องหวั่นกลัว ต่อให้ก่อเรื่องพลิกฟ้าคว่ำดิน เลือดไหลเป็นแม่น้ำ เขาก็ไม่กังวล
ในมือเขาถือดาบแตกหัก สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งเหยียบย่างเข้าไปในห้วงอากาศ ห้ำหั่นไปทั่วราวประกายเฉียบคมโดดเด่นในโลกา ไม่มีใครต้านทานได้
พลั่ก!
เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นก็มีผู้สืบทอดสำนักโบราณคนหนึ่งถูกปลิดชีพ!
ผู้สืบทอดสำนักยอดกระบี่บูรพาหานจงผู่!
นี่เป็นอัจริยะอีกคนหนึ่งที่ตายอนาถที่นี่หลังจากลู่ผิง
ทั่วทั้งลานต่างประหลาดใจ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้วันนี้จะก่อบาปสังหารใหญ่ สังเวยเลือดของผู้กล้ากลุ่มหนึ่งเลยหรือ
เขาไม่กลัวถูกเอาคืนหรือ
ผู้กล้าแต่ละคนถูกอบรมบ่มเพาะออกมาไม่ใช่ง่ายๆ เป็นแก้วตาดวงใจของสำนักโบราณ ตายไปหนึ่งคนก็เท่ากับได้รับการกระทบกระเทือนใหญ่หลวงครั้งหนึ่ง!
กลุ่มผู้ฝึกปราณสำนักโบราณพากันไหวหวั่น แต่ละคนสีหน้าบูดเขียว วันนี้ถูกเหยียดหยามเช่นนี้ กลับทำอะไรเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นไม่ได้
หลายปีมานี้อำนาจของพวกเขาหยั่งรากลงไปในแดนวิญญาณโบราณ อำนาจคับฟ้า เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงในใต้หล้า สูงส่งโอหังเหนือทุกที่ ใครเล่าจะกล้าหาเรื่อง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการถูกผู้อื่นเย้ยหยันเลย
แต่วันนี้กลับมีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งสำแดงอานุภาพ ห้ำหั่นจนพวกเขาไร้พลังขัดขวาง!
ภาพนี้สั่นสะเทือนทุกคนอย่างลึกซึ้ง ผู้ชมการต่อสู้ทั้งหลายพากันคอแหบแห้ง ไม่ได้เจอเด็กหนุ่มที่กล้าหาญเช่นนี้มากี่ปีแล้ว มาดเช่นนั้นเรียกได้ว่าไม่มีใครเทียบได้ในโลกนี้
“ไอ้หนูจะกล้ามากไปแล้ว!”
ไกลออกไป เสียงคำรามราวสายฟ้าฟาดดังขึ้นจากปากฉู่หลินเทียนแห่งสำนักยอดกระบี่บูรพา เขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ดวงตาถลนแทบฉีกออก พุ่งมายังหลินสวิน
“จื่อนั่ว พวกเจ้ากลับไปเถอะ ไอ้เลวนี่มันจองหองนัก ให้คนแก่อย่างพวกเราจัดการก็ได้!”
“เจ้าเด็กนี่ให้รอดไปไม่ได้เด็ดขาด!”
เสียงน่าเกรงขามระลอกหนึ่งดังขึ้นกลางลาน ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะที่มาจากสำนักโบราณแต่ละสำนักล้วนลงมือแล้ว พวกเขารับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ไม่อาจทนให้หลินสวินแผลงฤทธิ์ได้อีก
มิเช่นนั้นผู้สืบทอดที่ต้องสูญเสียมีแต่จะมากขึ้น!
พริบตานั้นใต้เวิ้งฟ้าไพศาลนี้ เงาร่างของยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเงาแล้วเงาเล่าปรากฏราวกับดวงอาทิตย์ขึ้น พลานุภาพคับฟ้าข่มภูผาธารา พาให้ทั้งแถบนั้นตกอยู่ในความไหวหวั่น
ในเวลาเดียวกันกลุ่มลูกศิษย์อย่างพวกหลิงจื่อนั่ว เถี่ยเชียนหาน อวิ๋นเคอ แม้จะไม่พอใจยิ่ง แต่ก็รู่ว่าหลินสวินโหดเหี้ยมเกินไป ไม่อาจสู้ได้ ดังนั้นจึงพากันเลือกหลบหนี
“คิดจะไปหรือ ง่ายเช่นนั้นเสียที่ไหน!”
ทว่าในเวลานี้หลินสวินเหมือนไม่รู้ว่าวิกฤตกำลังมาเยือน ยังคงอหังการ์จองหองดังเดิม ในมือถือดาบหักสาดส่องหมื่นพันแสงธารดารา ปกคลุมศิษย์สำนักโบราณที่หนีไม่ทันสองคน
พวกเขาร้องโหยหวน ล้วนไม่อาจดิ้นรน ถูกเผาตายคาที่
“ไอ้เศษสวะ วันนี้เจ้าไม่รอดแน่!”
ฉู่หลินเทียนร้องคำรามพลางพุ่งเข้ามา พลังที่น่าหวาดหวั่นนั้นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีดำพุ่งเข้ากำราบ
ที่นี่ไม่ใช่แหล่งโลหิตสมบัติร่วงหล่น พลังปราณระดับหยั่งสัจจะไม่ได้ถูกข่มไว้อีก การโจมตีที่มีโทสะรวมอยู่สามารถทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสีได้
“พ่อหนุ่ม จิตสังหารเจ้ามากเกินไป ยั่วยุให้ฝูงชนโกรธแค้น ยังไงก็ยอมตายเสียโดยดีเถิด ไม่ต้องดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์อีกแล้ว”
อีกด้านหนึ่งชายชราชุดขาวผู้หนึ่งกระโจนขึ้นกลางอากาศ เงาร่างปรากฏวงล้อน้ำแข็งสีเงินส่องสว่างวงหนึ่ง ภายในบังเกิดกลิ่นอายท่วงทำนองแห่งมรรค ราวมหามรรคากำลังพวยพุ่งอยู่ภายใน
นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่นๆ โจมตี ล้วนถือครองความลี้ลับแห่งสัจวิถี เงาร่างหลอมรวมเชื่อมโยงกับใต้หล้า พลานุภาพล้นฟ้า ส่องสว่างสะท้อนซึ่งกันและกันกลางฟ้าดิน
ผู้ฝึกปราณที่อยู่ไกลออกไปพากันหลบหนี จิตใจสั่นไหวตื่นตระหนก ผู้ฝึกปราณระดับหยั่งสัจจะลงมือ จะธรรมดาเสียที่ไหน
และในเวลานี้หลินสวินก็รู้สึกได้ถึงความอันตรายถึงที่สุด แรงกดดันเพิ่มพูน นี่ไม่ใช่ยอดฝีมือแค่คนสองคน แต่เป็นกลุ่มหนึ่ง!
ทว่าเขายังไม่หวั่นดังเดิม ดวงตาเย็นเยียบราวสายฟ้า หัวเราะเสียงดังแล้วเอ่ยปากว่า “หมาแก่ฝูงหนึ่ง รังแกคนอายุน้อยอย่างข้าก็ช่างเถอะ ยังจะอ้างเหตุผลงี่เง่ามากมายขนาดนี้ น่าขัน!”
ยามเอ่ยวาจา ดาบแตกหักส่องแสง ถูกกระตุ้นถึงขั้นสูงสุด ฟาดฟันกระบวนท่าคว้าดาราออกไป
ตู้ม!
แสงสีดำที่ฉู่หลินเทียนปลดปล่อยออกมาถูกสลายจนเป็นฝุ่นผง กลายเป็นละอองแสงปลิวไปทั่ว
ส่วนหลินสวินกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด!
“นี่…”
“ปีศาจชัดๆ!”
ทั่วทั้งบริเวณฮือฮา อาศัยการโจมตีเดียวนี้ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นก็สามารถกำราบกลุ่มผู้แข็งแกร่ง ประกายดาบไม่อาจปิดบังได้!
“พ่อหนุ่ม จิตสังหารเจ้าหนักหนานัก ต้องตาย!”
ชายชราชุดขาวออกโจมตี วงล้อน้ำแข็งสีเงินสว่างวงหนึ่งพุ่งทำลาย แฝงสัจจะมหามรรคา กดทับเมฆา เสียงสะท้อนก้องน่ากลัว
“น่าขัน พวกเจ้าหมายจะฆ่าข้าเพื่อชิงสมบัติ กลับมากล่าวหาข้า ยังมียางอายหรือไม่”
หลินสวินท่าทีแข็งกร้าว ดาบหักพุ่งไปในอากาศ ปรากฏดวงดาวกลางแสงสีเงิน บังเกิดปรากฏการณ์ประหลาดไม่มีที่สิ้นสุด โจมตีออกไปอย่างดุดัน
ต้องพูดว่าดาบแตกหักเล่มนี้สะท้านโลกยิ่งนัก อานุภาพดุดันเย้ยฟ้า ถูกหลินสวินใช้สำแดงกระบวนท่าคว้าดารา ระเบิดพลานุภาพที่ยากเกินจินตนาออกมา
ปัง!
วงล้อน้ำแข็งแตกสลาย คลื่นที่ล้นออกมากระจายไปสิบทิศ
หลินสวินสีหน้าซีดขาว เงาร่างถอยไปหลายก้าว อดไหวหวั่นไม่ได้ รับรู้ว่าพลังของชายชราชุดขาวไม่ใช่เล่นๆ เลย
ส่วนชายชราชุดขาวผู้นั้นในใจยิ่งตื่นตระหนก การโจมตีนี้ของเขาสามารถปลิดชีพผู้มีปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณได้สบาย แต่กลับถูกเด็กหนุ่มผู้นี้ต้านได้ นี่ช่างเกินคาดนัก
“ปากคอเราะร้าย ไม่รู้ดีชั่ว!”
อีกด้านหนึ่งผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะหลายคนพุ่งเข้ามาอีก แต่ละคนใช้พลังแห่งสัจจะ แสงสว่างพุ่งทะลุเมฆ ลุกโชนงดงาม กดทับบริเวณนี้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
การโจมตีระดับนั้นระเบิดห้วงอากาศให้กลายเป็นจุณ ผู้ฝึกปราณหลายคนที่อยู่ไกลออกไปล้วนตกใจจนขนลุกขนพอง พากันถอยหนี ด้วยกลัวว่าจะโดนลูกหลงไปด้วย
ส่วนหลินสวินที่อยู่ใจกลางก็ประสบกับวิกฤต ต่อให้เขามีพลังเย้ยฟ้าแค่ไหนแต่อย่างไรก็ยังเป็นมนุษย์ ทั้งยังห่างชั้นระดับหนึ่ง จะตั้งรับการโจมตีร่วมกันของยอดฝีมือมากมายเช่นนี้ได้ที่ไหน
“ตายซะ!”
ฉู่หลินเทียน ชายชราชุดขาว รวมถึงยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะคนอื่นล้วนสีหน้าเย็นชา มองหลินสวินราวของไร้ค่า
ขนาดฝูงชนที่อยู่ไกลออกไปก็มองออกว่าหลินสวินประสบเคราะห์ยากหลบหนีแล้ว!
เพียงแต่ในขณะนี้หลินสวินกลับเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน ไม่หลบไม่หนี ดวงตาสีดำกวาดมองยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ฝ่ามือของเขาก็ทำลายป้ายหยกแผ่นหนึ่ง
วิ้ง!
คลื่นประหลาดสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นและปกคลุมทั่วร่างหลินสวิน
การโจมตีน่าหวาดหวั่นที่เหล่ายอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะสำแดงออกมาม้วนซัดเข้ามา แต่กลับไม่สามารถทลายคลื่นประหลาดนั้นได้เลย
“นี่อะไรน่ะ”
ทั่วทั้งบริเวณล้วนฉงน
คลื่นประหลาดราววงคลื่นสะท้อน แม้แผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายยากบรรยาย คลุมไปทั่วร่างหลินสวิน
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นล้วนหวาดกลัว พากันถอยหนี สัมผัสได้ถึงพลังคุกคามที่ถึงชีวิตจากกลิ่นอายนั้น พาให้พวกเขาพรั่นพรึง
“หากวันหน้ามีโอกาสมาอีกครั้ง จะปลิดชีพหมาแก่เห่าระงมอย่างพวกเจ้าทีละคน!”
หลินสวินหัวเราะเสียงดังท่าทางได้ใจ นี่เป็นการดูถูกอย่างหนึ่ง ทั้งยังเป็นการเหยียดหยาม เห็นพวกเขาเป็นหมูเป็นหมา
กลุ่มยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะเดือดดาลยิ่งนัก สีหน้าแดงก่ำบิดเบี้ยว เลือดลมปั่นป่วน รู้สึกได้ถึงความเหยียดหยามที่ยากบรรยาย เด็กหนุ่มคนนั้นถึงกับกล้าข่มขู่พวกเขาเช่นนี้!
เพียงแต่เด็กหนุ่มคนนั้นพลันหายลับ ด้วยถูกพลังประหลาดนั้นนำพาไประหว่างที่หัวเราะร่า ราวกับระเหยไปจากโลก
“สารเลว!”
ฉู่หลินเทียนแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า โกรธจนบ้าคลั่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับกำเริบเสิบสานอยู่ใต้จมูกตน เหยียดหยามติดๆ กัน ทั้งยังฆ่าผู้กล้าคนหนึ่งจากสำนักของเขา นี่จะไม่ให้เขาโกรธแค้นอย่างไรไหว
ยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะคนอื่นก็สีหน้าเหยเก คนมากขนาดนี้ลงมือ สุดท้ายกลับรั้งเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ไม่ได้ นี่ช่างน่าอับอายยิ่ง
“จบกัน วิชาลับราหูก็ถูกเอาไปแล้ว…”
อวิ๋นเคอสีหน้าอึมครึม เหล่าผู้กล้าคนอื่นก็ล้วนเงียบไป ในใจปั่นป่วนไม่ว่างเว้น ท่าทีจองหองไม่เห็นสิ่งใดอยู่ในสายตาของหลินสวินก่อนหน้านี้สั่นคลอนพวกเขาอย่างลึกซึ้ง
‘รอพบกันครั้งหน้าข้าจะสลายผนึกในกาย สำแดงพลังที่แท้จริงสู้กับเจ้าสักตั้ง!’
หลิงจื่อนั่วนิ่งเงียบ นางเป็นผู้กล้าหญิงชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า ไม่เคยพ่ายแพ้ใคร ได้รับความเลื่อมใสจากผู้คนนับไม่ถ้วน แต่ในวันนี้กลับทำอะไรหลินสวินไม่ได้ พาให้นางสงบใจไม่ได้เช่นกัน
เพียงแต่ไม่มีใครรู้ว่า พลังที่นางสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของพลังที่แท้จริงของนางเลย
กลุ่มผู้ฝึกปราณที่ดูการต่อสู้อยู่ เห็นการปิดฉากเช่นนี้ก็อดไหวหวั่นอย่างมากไม่ได้
“เด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นี้ หากไม่ตาย อาศัยพลังเย้ยฟ้าเช่นนั้นของเขา วันหน้าต้องก้าวสู่จุดสูงสุดของมหามรรคาแน่”
มีคนถอนใจเบาๆ
“ตามข่าวลือ ขั้นสมบูรณ์สูงสุดของระดับมหาสมุทรวิญญาณก็คือหนทางแห่งมกุฎ เด็กหนุ่มป่าเถื่อนที่มีความสามารถพลิกฟ้าปานนี้ น่ากลัวจะเป็นมกุฎระดับมหาสมุทรวิญญาณในตำนานแล้ว…”
เมื่อได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ สีหน้าของคนสำนักโบราณก็ยิ่งเหยเก
เห็นได้ชัดว่าทุกคนคิดว่าพวกเขาตกที่นั่งลำบาก!
“ไม่เกินหนึ่งวัน การต่อสู้นี้ต้องแพร่ไปทั่วแดนวิญญาณโบราณ ส่วนนามของเด็กหนุ่มป่าเถื่อนก็จะรุ่งเรืองขึ้นราวดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า สั่นสะเทือนใต้หล้า!”
นี่คือความรู้สึกของหลายคน เพราะการต่อสู่นี้ไม่ธรรมดาเกินไป เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หาดูได้ยากยิ่งนัก
“เขาเป็นใครกันแน่นะ”
แต่ว่า จนถึงท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มป่าเถื่อนผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่
“ไม่แน่ เหลียนเตี๋ยอีผู้นั้นอาจจะรู้ก็ได้ ก่อนหน้านี้นางไม่ได้เคลื่อนไหวกับเด็กหนุ่มป่าเถื่อนหรือ”
หลายคนคิดว่าหากอยากตามหาร่องรอยของหลินสวิน ขอเพียงหาเหลียนเตี๋ยอีพบก็ใช้ได้แล้ว
“ต้องจับอสูรมารสาวนี่ เค้นถามที่อยู่ของเด็กหนุ่มคนนั้น!”
“ถูกต้อง อสูรมารสาวนี่ต้องเป็นสหายของเด็กหนุ่มนั่นแน่!”
สำนักโบราณเหล่านั้นก็ล้วน ‘คิดถึง’ เหลียนเตี๋ยอีเช่นกัน
หากเหลียนเตี๋ยอีรู้ว่าการใส่ร้ายหลินสวินครั้งเดียวกลับนำพาเภทภัยมาให้นาง ก็ไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกเช่นไร
…….
ห้องโถงมรรคาสวรรค์
เงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นที่ทางเดินเมฆาหยกพร้อมคลื่นประหลาด ทำให้เขาอดเหม่อลอยไม่ได้
ก่อนหน้านี้ทุกสิ่งที่ได้ประสบในแดนวิญญาณโบราณราวกับความฝัน แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว ความรู้สึกในใจยังคงสงบลงได้ยาก
“ปิดด่านเรียบร้อย ด่านทดสอบที่ห้าของห้องโถงมรรคาสวรรค์ ‘หลอมวิถี’ พลังปราณต้องบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะ”
ไม่นานนัก เสียงเนิบนาบราวน้ำแข็งเย็นเยียบเสียงนั้นก็ดังขึ้น
__