Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 467 สังหารอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 467 สังหารอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
ครืน โครม ตูม!
บริเวณนี้ราวกับภูเขาไฟระเบิด เกิดความปั่นป่วนรุนแรง อานุภาพสะเทือนฟ้า
ท่ามกลางความปั่นป่วน ชายชรารูปร่างผอมแห้งเบ้าตาลึกปรากฏตัวขึ้น กลิ่นอายสัจจะมหามรรคของระดับหยั่งสัจจะกำจายไปทั่วตัว
ในฝุ่นควันคละคลุ้งปรากฏเงาร่างของหลินสวิน แต่กลับเห็นเสื้อผ้าของเขาพัดไหว ผมดำปลิวสยาย ใบหน้าหล่อเหลาราบเรียบ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด
เฮือก!
เสียงสูดหายใจด้วยความตะลึงดังออกมาระลอกหนึ่ง
แม้แต่การโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะก็ยังถูกเด็กหนุ่มคนนี้ต้านทานไว้ได้หรือ ทอดสายตามองไปทั้งนครต้องห้ามนี้ มีสักกี่คนที่ทำได้แบบนี้
“ข้าดูถูกเจ้าเกินไป”
ความแปลกใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตาของชายชราร่างผอม เขาพลันยิ้มเยาะ พุ่งตัวไปข้างหน้าหมายจะสังหารหลินสวินต่อ
“เจ้ากล้า!”
หลินจงพุ่งออกมา
ก่อนหน้านี้เขามีท่าทางซื่อๆ เรียบๆ พอออกศึกขึ้นมากลับประหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้ามีสง่า ราวกับกวาดมองใต้หล้าเก้าหมื่นลี้ อานุภาพทะยานชั้นฟ้า
ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุน!
พญาแร้งตาเป็นประกาย ในที่สุดเจ้านี่ก็ลงมือแล้ว
เหล่าลูกหลานตระกูลหลินแห่งแสงอุดรต่างตะลึง คิดไม่ถึงว่าข้ารับใช้เก่าแก่ที่ปกป้องภูเขาชำระจิตมาโดยตลอดคนนี้ จะเป็นยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะ!
“อย่างเจ้าเนี่ยนะ คิดจะฆ่านายน้อยของข้า”
หลินจงเคลื่อนไหวกลางอากาศ ร่างกายสาดประกายแสงสีขาว เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ท่าทางทระนง ให้ความรู้สึกเกรียงไกรอย่างไม่มีใครเทียบได้อยู่รางๆ
เมื่อนานมาแล้วเขาคือทั่วฮวาหลางในการทดสอบระดับอาณาจักรเชียวนะ เป็นคนที่จักรวรรดิพระองค์ปัจจุบันยังชื่นชม ยามนี้ผ่านมานานเพียงนี้แล้ว ราวกับมังกรเก็บตัวได้กลับมาสู่โลกอีกครั้ง
สีหน้าของชายชราร่างผอมเปลี่ยนไปฉับพลัน พูดอย่างตะลึง “เจ้า…ยังไม่ตายงั้นหรือ!?”
“แค้นใหญ่ยังไม่ชำระ ไม่กล้าตาย”
เสียงของหลินจงเยียบเย็น นัยน์ตาเผยความโศกเศร้าที่ยากจะสังเกตเห็น เขาคุมเชิงอยู่ไกลๆ กีดขวางชายชราร่างผอมไว้
“ลุงจงฝากท่านด้วย ถ้าเจ้าแก่นี่กล้าลงมือก็ฆ่าเขาซะ!”
ระหว่างที่พูดหลินสวินก็ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งทะยานกลางอากาศ เข้าไปสังหารหลินจือต่อ ดูแข็งแกร่งผิดธรรมดรา
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้ากล้าเหิมเกริมไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!”
ชายชราร่างผอมคนนั้นบันดาลโทสะ ตวัดฝ่ามือจนอากาศแตกเป็นเสี่ยง พลังฝ่ามือสายหนึ่งพลุ่งพล่าน อัดแน่นด้วยพลังแห่งสัจจะมหามรรค
“หึ!”
หลินจงเองก็เคลื่อนไหวแทบจะในขณะเดียวกัน แต่ไม่เห็นว่าเขาจะกระทำอันใด ไอกระบี่แหลมคมมากมายพลันพุ่งขึ้นฟ้า เปล่งประกายราวกับรุ้งศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมไปทั่วฟ้าดิน
ทันใดนั้นทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด สังหารจนฟ้าดินมืดสลัว อาทิตย์จันทร์อับแสง
“เจ้ากล้า…!”
ในเวลาเดียวกันนั้นหลินจือกรีดร้อง สีหน้าซีดเซียว คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะลงมือ ยังไม่สามารถทำให้หลินสวินกลัวได้
อีกทั้งเขายังทำทีเหมือนว่าถ้าไม่ได้ฆ่าตนจะไม่ยอมรามือ ทำให้หลินจือกระวนกระวายใจ
“เหอะๆ กากเดนเล็กๆ คนหนึ่งของตระกูลหลิน ภัยมาเยือนแล้วยังไม่รู้ตัว ยังไม่มัดมือตัวเองรอความตายอีก จะชักช้าไปถึงเมื่อไร”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยันสนั่นฟ้าอีกเสียงก็ดังขึ้น สะเทือนราวกับฟ้าผ่า ทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยในบริเวณนั้นเกิดเสียงวิ้งๆ ในหู สั่นสะท้านขวัญบิน หวาดกลัวอย่างควบคุมไม่อยู่
ระดับหยั่งสัจจะอีกคน!
นี่เป็นชายในชุดคลุมสีดำ ดวงตาเฉียบคมราวกับคมดาบ เมื่อปรากฏกาย พลังอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งเข้าหาหลินสวิน
“ผู้อาวุโสฉินอัน!”
หลินจือรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที ท่านนี้เป็นถึงระดับหยั่งสัจจะของตระกูลฉิน มีชื่อเสียงมานานปี ตอนนี้เป็นผู้ติดตามฉินซิง คอยรักษาความปลอดภัยให้อีกฝ่าย
“หลินสวินเจ้าตายแน่!”
หลินจือร้องตะโกน ท่าทางกลับมาโหดเหี้ยมเหมือนเดิม
กลับเห็นว่าหลินสวินไม่เคยถอย ยังคงพุ่งเข้ามาสังหาร เพียงแต่ปากกลับออกคำสั่งว่า “จูเหล่าซาน ถึงคราวเจ้าลงมือแล้ว ไม่ต้องออมมือ ใครขวางฆ่าให้หมด!”
ตูม!
จูเหล่าซานไม่เอ่ยอะไรสักคำ ร่างสูงใหญ่กำยำดั่งขุนเขาพุ่งวาบเข้าไปทันที ราวกับเทพสังหารที่ยกทัพจับศึกพิชิตนรก
ปังๆๆ… ห้วงอากาศบริเวณนี้ระเบิดทลายพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา ราวกับต้านทานไอสังหารและความกระหายเลือดในตัวเขาไม่ไหว
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่นทำให้ทุกคนที่เฝ้ามองห่างออกไปรู้สึกหนังหัวชาวาบ จิตวิญญาณสั่นสะเทือน แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“หืม?”
ฉินอันในชุดคลุมดำเองก็อดหรี่ตาไม่ได้ รู้สึกแปลกใจ ช่างเป็นไอสังหารที่รุนแรงมาก
โครม!
กลับเห็นว่าจูเหล่าซานไม่เสียเวลาพูดมาก รุ้งศักดิ์สิทธิ์สีเลือดพุ่งออกมา แปรเป็นเงาดาบเต็มท้องฟ้า ขวางกั้นกลางอากาศ โจมตีสังหารออกไป
เขาเคร่งขรึมจริงจัง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก มีพลานุภาพแห่งการสังหารที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดแบบหนึ่ง
“นี่…”
หลินจือที่เดิมทีกำลังย่ามใจ คิดว่าในที่สุดก็รอดแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ทำให้นางเองยังอึ้งงันไม่น้อย
และในตอนนี้เองหลินสวินก็พุ่งเข้ามา!
ตูม!
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลินจือคนนี้ก็ถือเป็นคนเก่งกาจ นางตกอยู่ในอันตรายทว่ากลับไม่หนี แต่กัดฟันชิงลงมือก่อน
ผนึกสีทองขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นฉับพลัน แผ่กระจายแสงวิญญาณ สัตว์ปีศาจตัวหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง พุ่งเข้าไปสังหารหลินสวิน
ผนึกอสูรเถาอู้!
และถือเป็นสมบัติประหลาดชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นสมบัติโบราณที่มีชื่อเสียงในอดีตกาล เพียงการโจมตีเดียวภูผาธาราก็ทลาย อาทิตย์จันทร์แหลกละเอียด จักรวาลล่มสลาย อานุภาพล้นฟ้า
แต่ที่อยู่ในมือหลินจือแน่นอนว่าไม่ใช่ผนึกอสูรเถาอู้ของจริง เป็นเพียงของเลียนแบบ แข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณเล็กน้อย อานุภาพพอๆ กับสมบัติวิญญาณ
แน่นอนว่าย่อมทำอะไรหลินสวินไม่ได้
โครม!
พลันเห็นหลินสวินสะบัดหมัดสะเทือนผ่านอากาศกระแทกเงาเถาอู้นั่น เสียงปังดังสนั่น ละอองแสงบินว่อน เงานั่นยังไม่ทันได้แสดงอิทธิฤทธิ์ก็แหลกละเอียดกลางอากาศ
หลายคนต่างตะลึงมองตาค้างไปแล้ว ต้องมีพลังแข็งแกร่งเพียงใดถึงทำได้ขนาดนี้
ในขณะเดียวกัน หลินสวินเองก็พุ่งเข้ามาสังหารหลินจือแล้ว
“ข้าสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง!”
หลินจือกรีดเสียงแหลม งัดวิชาลับออกมา
ในบรรดาคนรุ่นหนุ่มสาวของตระกูลหลินสายรอง นางเองก็ถือว่าเป็นหัวหอกคนหนึ่ง ฝีมือยอดเยี่ยม พรสวรรค์ไม่ธรรมดา บรรลุสู่ระดับมหาสมุทรวิญญาณมาตั้งนานแล้ว
เสียดายที่นางมาเจอหลินสวิน
ปัง!
หลินสวินเพียงวาดเท้าเดียวก็สลายวิชาลับนั่นได้ แรงสะเทือนยังทำให้นางกระอักเลือด
หลินจือรวบรวมพลังทั้งหมดในตัว หมายจะดิ้นรนตอบโต้ แต่พอหลินสวินโจมตีลงมาก็ประหนึ่งทำลายล้างสรรพสิ่ง ล่าสังหารจนนางกรีดร้องไม่หยุด จำต้องหลีกหนี
ฉึก!
นิ้วมือของหลินสวินราวกับกรงเล็บมังกร ควบรวมแสงประกายสีฟ้าแล้วปล่อยออกมา แม้หลินจือจะหลบอย่างเต็มกำลังเสื้อผ้าก็ยังคงถูกฉีกทึ้งจนเผยให้เห็นลำแขน บนผิวหนังมีรอยกรงเล็บห้ารอยอย่างเห็นได้ชัด ลึกจนเห็นกระดูก เลือดสีสดไหลอาบ
หลินจือร้องครวญอย่างเจ็บปวด นางสะพรึงกลัวยิ่งนัก รู้สึกถึงภัยคุกคามที่อันตรายถึงชีวิต
ปัง!
เสียดายที่นางยากจะหนีได้แล้ว ถูกหลินสวินคว้าคอแล้วยกตัวขึ้นมา
“สวะอย่างเจ้ายังกล้าพาคนมาวางอำนาจบาตรใหญ่หน้าภูเขาชำระจิตของข้าอีกหรือ”
เสียงของหลินสวินเยียบเย็น ราวกับแส้หนังที่สะบัดใส่หน้าหลินจืออย่างแรง ทำให้นางทั้งเจ็บทั้งอายอย่างที่สุด
คนมากมายตกตะลึง ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมาก
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะทั้งสองอย่างชายชราร่างผอมและฉินอันปรากฏตัวติดๆ กัน แต่กลับไม่สามารถกำราบหลินสวินได้ ตรงกันข้ามยังชักนำให้เกิดการต่อสู้อันดุเดือดกับหลินจงและจูเหล่าซาน
และในเวลานั้นหลินสวินโจมตีอย่างแข็งกร้าว เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็จับตัวหลินจือไว้ได้ จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร
ที่ผ่านมาหลินจือก็นับว่าเป็นบุคคลเก่งกาจและมั่นใจในตัวเองมาก คนรุ่นเยาว์ของตระกูลหลินสายรอง มีหลายคนที่ไม่กล้าล่วงเกินนาง
แต่ตอนนี้นางถูกสยบ เผ้าผมกระเซอะกระเซิง ถูกหลินสวินหิ้วไว้ในมือเหมือนเป็นลูกไก่ นี่เป็นความอับอายอย่างใหญ่หลวงสำหรับนางอย่างไม่ต้องสงสัย ถูกหลินสวินหิ้วคอต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ทรมานยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก
“สวรรค์ หลินสวินแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดร หลายคนโห่ร้องดีใจ เบิกตาโพลงอย่างมีความสุขล้นใจ
“แค่กๆๆ…”
หลินจือไออย่างรุนแรง ถูกบีบคอจนทรมานอย่างที่สุด นางอยากกรีดร้อง แต่เพิ่งจะอ้าปากก็รู้สึกหายใจไม่สะดวก ใกล้จะหมดลมเต็มที
ปัง!
หลินสินทุ่มนางลงพื้น หลินจือเจ็บจนกระตุกไปทั้งร่างกาย สีหน้าบิดเบี้ยว ในขณะเดียวกันก็เดือดดาลอย่างที่สุด นางเคยถูกกระทำเช่นนี้เมื่อไหร่กัน
“แน่จริงเจ้าก็ฆ่าข้าสิ!”
ในที่สุดหลินจือก็ส่งเสียงได้ จึงแผดเสียงอย่างชิงชัง
หลินสวินหลุบตามองนางอย่างเหยียดหยาม เอ่ยอย่างเฉยเมย “ต่อให้เจ้าไม่ขอเช่นนี้ข้าก็จะฆ่าเจ้า สวะอย่างเจ้าอยู่ไปก็เป็นความอับอายของตระกูลหลิน”
แสงอันเย็นเยียบเฉียบคมสายหนึ่งปรากฏบนปลายนิ้วของหลินสวิน
เห็นเช่นนี้สีหน้าของคนมากมายต่างเปลี่ยนไป หลินสวินเขา…จะฆ่าจริงๆ หรือ
แม้แต่เสี่ยวเคอยังขมวดคิ้ว หากทำเช่นนี้ก็เท่ากับแตกหักทันที ต่อไปจะทำให้ภูเขาชำระจิตเปิดศึกกับสายรองของตระกูลหลินอย่างเป็นทางการ
“เจ้า…เจ้ากล้า!?”
หลินจือร้องเสียงหลงอย่างตกตะลึง สั่นไปทั้งตัว เจ้าหมอนี่ไม่กลัวว่าจะเป็นการเปิดศึกกับพวกเขาจริงๆ หรือ ไม่กลัวถูกตระกูลจั่วและตระกูลฉินกดดันจริงๆ หรือ
ฟุ่บ!
ไม่มีลังเล ไม่มีปรานี ถึงขั้นที่ไม่ขมวดคิ้วสักกระผีก แสงประกายเย็นเยียบนั่นก็ปาดคอหลินจือขาด!
“เจ้า…ถึงกับ…กล้า…จริงๆ…”
ก่อนตายหลินจือเบิกตาโพลง มองใบหน้าอันราบเรียบเฉยชาของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่จำยอมและไม่เข้าใจ
นางไม่เข้าใจ หลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหนจึงกล้าทำเช่นนี้
ฝั่งตระกูลหลินแห่งแสงอุดร รวมทั้งลูกหลานตระกูลหลินสายรองทั้งหลายที่หลบหนีไปไกลตั้งนานแล้ว ยามนี้สีหน้าต่างตะลึง อึ้งค้างอยู่กับที่
ฆ่าแล้ว!
หลินสวินฆ่าแล้วจริงๆ ถ้านับตามลำดับญาติในตระกูล เขาต้องเรียกหลินจือว่าญาติผู้พี่ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้หลินจือกลับตายในมือเขา
ที่สำคัญที่สุดคือฐานะหลินจือไม่ธรรมดา การฆ่านางก็เท่ากับการแตกหักอย่างสิ้นเชิง ถ้าผู้มีอำนาจของตระกูลหลินสายรองรู้เข้า จะชักนำให้เกิดการปะทะซึ่งหน้าแน่นอน!
ผลลัพธ์นี้เหนือความคาดหมายจริงๆ
“คนทรยศพรรค์นี้ กลั่นแกล้งพี่ทำลายน้อง หากไม่ฆ่า ข้าหลินสวินคงผิดต่อบรรพบุรุษตระกูลหลิน!”
สีหน้าหลินสวินราบเรียบ ใบหน้าสุภาพหล่อเหล่าแฝงความเคร่งขรึมชวนกดดันอยู่รางๆ เสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ
“นับตั้งแต่วันนี้ ขอเพียงเป็นพวกที่ทำผิดแล้วไม่รู้สำนึก ตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหลินแห่งภูเขาชำระจิต ไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าฐานะจะยิ่งใหญ่เพียงใด ก็ต้องชดใช้ด้วยเลือด!”
เสียงดังกึกก้องหนักแน่นมั่นคง เต็มไปด้วยไอสังหารทิ่มแทงหัวใจ ทำให้หลายคนอดสั่นสะท้านหวาดหวั่นไม่ได้
คำพูดนี้ของหลินสวินไม่เพียงพูดให้ตระกูลหลินสายรองอย่างธารประจิม คานเมฆา และยอดวายุฟัง แต่ยังเป็นการทำให้ตระกูลหลินแห่งแสงอุดรเข้าใจกระจ่างชัดว่า เขาหลินสวินยอมให้เกิดเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้เด็ดขาด นี่เป็นขีดสุดของเขา ไม่ว่าใครก็ห้ามแตะต้องเด็ดขาด
กลางอากาศยอดฝีมือระดับหยั่งสัจจะยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ส่วนบนพื้นดิน สายตาที่ทุกคนมองหลินสวินต่างเปลี่ยนไป ไม่มีใครกล้ามองว่าเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งอีกต่อไป
วิธีที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่นี้ทำให้พวกเขาตระหนักได้อย่างสุดซึ้งว่า ยามนี้เด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้นำตระกูลหลิน เป็นผู้ปกครองภูเขาชำระจิต!
“ฝีมือไม่เลว แม้แต่คนในตระกูลตัวเองยังกล้าฆ่า คราวนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดเจ้าจึงกล้าบีบให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าลง”
ยามนี้เอง น้ำเสียงสบายๆ ที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเย็นชาดังขึ้นในลาน พร้อมกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงที่เอามือไขว้หลังเดินก้าวเข้ามา
——