Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 484 การเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 484 การเปลี่ยนแปลงถึงขีดสุด
ปึง! ปึง! ปึง!
ฉับพลันหลินสวินไม่อาจสนใจอะไรได้อีก ด้วยสนามประลองภายในร่างกายน่าสะพรึงกลัวเกินบรรยาย ทำเส้นลมปราณ จุดชีพจน กล้ามเนื้อและกระดูก เลือดเนื้อทั่วร่างของเขาเสมือนเครื่องแก้วที่ไม่อาจทนทานต่อแรงกระหน่ำ เกิดเสียงดังสนั่นราวกับแตกทลาย!
ละอองโลหิตแผ่กระจายวงแล้ววงเล่า เส้นลมปราณแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เส้นแล้วเส้นเล่า เจ็บปวดสาหัสสุดแสนจะพรรณนา ทำให้หลินสวินเกือบจะเป็นลมหมดสติไป
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเพียงแค่ต้องการไต่ขึ้นกระดานเท่านั้น ทำไมถึงประสบกับหายนะไม่คาดฝันเช่นนี้ ถึงกับจะทำลายสังขารของเขาให้สิ้นไป!
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก แม้ว่าจิตใจหลินสวินแข็งแกร่งประดุจหินผา เวลานี้ต่างมิอาจห้ามไม่ให้สติหลุดลอย หรือวันนี้ต้องตายจากไปอย่างอธิบายสาเหตุไม่ได้เช่นนี้?
ไร้สาระสิ้นดี!
เขายังไม่ทันได้หลอมชุดศึกสลักวิญญาณ ไม่ได้สังหารศัตรูของตระกูลหลินพวกนั้น ไม่ได้แก้แค้นหนี้เลือดให้บิดามารดา…
จะตายไปเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
หลินสวินไม่ยินยอม!
ชีพจรวิญญาณถูกช่วงชิงไปตั้งแต่เด็ก ไม่ง่ายเลยกว่าจะเอาชีวิตรอดมาได้ จะรีบร้อนตายไปทั้งอย่างนี้ได้อย่างไรกัน
หลังก้าวผ่านความยากลำบากเหลือคณานับ เขาเพิ่งจะฟื้นคืนชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดได้ ไต่เต้ามาถึงระดับมหาสมุทรวิญญาณขั้นสูงสุด มีวิถีฝึกปราณเป็นของตนเอง แต่มาวันนี้จะให้สิ้นสุดลงเช่นนี้หรือ
หลินสวินยิ่งไม่ยอมไปใหญ่!
เขาพยายามดิ้นรนต่อต้านอย่างสุดชีวิตแต่กลับไม่เกิดผล ภายในร่างยังเหมือนสนามประลอง ถูกพลังน่าอัศจรรย์ทั้งสองยึดครองและควบคุม ห้ำหั่นกันและกัน ทำให้เขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรงเปลี่ยนแปลงสิ่งใด
ปึง! ปึง! ปึง!
ภายในร่างกายเสมือนถั่วที่ถูกผัด เกิดเสียงระเบิดแตกดังสนั่น แม้แต่อวัยวะตันห้ากลวงหกต่างเริ่มพังทลายทรุดลง
ยามร่างกายใกล้จะพังทลายในอีกไม่ช้า พลันเห็นประตูสวรรค์ในห้วงนิมิตเริ่มเคลื่อนไหว กดอัดบดทับไข่มุกประกายสวยงามเม็ดหนึ่ง!
นั่นคือมุกนักบุญอมตะ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักคนเถื่อนวารี หนึ่งในเก้าสายพ่อมดเถื่อน!
เมื่อแรกเริ่มฝึกในค่ายกระหายเลือด หลินสวินเคยสังหารนักฆ่าคนหนึ่งจากสำนักคนเถื่อนวารี และได้ไข่มุกนี้มาโดยบังเอิญ มันสงบนิ่งอยู่ภายในห้วงนิมิตมาโดยตลอด
กระทั่งระหว่างทางที่เข้าสู่นครต้องห้าม ถูกวังน้ำวนใต้น้ำม้วนตัวทะลุผ่านโพรงดำลวงตา มุกนักบุญอมตะนี้จึงสำแดงความวิเศษออกมา ทำให้หลินสวินโผล่ขึ้นมากลางโบราณสถานบรรพกาล ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณโดยไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด
และที่นั่นเอง หลินสวินก็อาศัยมุกนักบุญอมตะเม็ดนี้ พาตะพาบเขียวที่ถูกขังไม่รู้คืนวันอยู่ในนั้นหนีออกมาโดยสวัสดิภาพ
เดิมทีหลินสวินนึกว่าไข่มุกนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ ภายหลังต้องมีประโยชน์อย่างมากแน่ เพียงแต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อร่างกายของตนใกล้พังทลายลง ‘ประตูสวรรค์’ จะเคลื่อนไหว จัดการกดทับมุกนักบุญอมตะ!
ตูม!
การเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวก่อตัวขึ้น หากไม่ใช่หลินสวินบรรลุขั้นสมบูรณ์แห่ง ‘ดาราจักรโคจร’ นานแล้ว ทำให้ห้วงนิมิตแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งถึงขีดสุด เพียงการจู่โจมเดียวนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายห้วงนิมิตของเขาลงได้!
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หลินสวินยังคงปวดหัวราวจะแตกเป็นเสี่ยง จิตวิญญาณเกือบจะพังทลาย
ทว่าไม่นานหลินสวินพลันสังเกตเห็นว่า พลังที่เย็นสบายนุ่มนวลราวกับน้ำพุแห่งมรรคไหลออกมาจากห้วงนิมิต แผ่ขยายไปยังทุกอณูทั่วสรรพางค์กาย
ชั่วพริบตาเดียวนั้น แลเห็นเส้นลมปราณ จุดชีพจร กล้ามเนื้อและกระดูกที่ใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ อวัยวะตันห้ากลวงหก เลือดเนื้อผิวหนังที่เกือบจะระเบิดสิ้น ราวกับได้กลืนกินโอสถทิพย์ชั้นเลิศก็มิปาน ถูกฟื้นฟูด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ เปล่งพลังชีวิตน่ากลัวหาใดเปรียบ!
พลังชีวิตนั้นประหนึ่งมหาสมุทรกว้างสุดลูกหูลูกตา เจิดจ้าดุจอาทิตย์แผดเผา หล่อเลี้ยงร่างกายและจิตวิญญาณ เพียงแค่ล่วงผ่าน ทุกอย่างต่างล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ความเจ็บปวดไร้ขอบเขตถูกความรู้สึกสบายยากอธิบายเข้ามาแทนที่ ราวกับชำระร่างกายในบ่อน้ำร้อนโอสถทิพย์ ชะล้างขัดเกลาร่างกายให้บริสุทธิ์
หลินสวินสบายจนเกือบรำพึงออกมาอย่างอดไม่อยู่ ความรู้สึกก่อนหน้านี้ยังทรมานเหมือนถูกลงทัณฑ์ในนรกภูมิรับ แต่ครู่ต่อมาก็มาถึงสรวงสวรรค์ กลายเป็นเทพเซียน วิเศษน่าอภิรมย์ยากจะเอ่ย
พร้อมกันนั้นในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจสาเหตุ มุกนักบุญอมตะในห้วงนิมิตซึ่งถูกประตูสวรรค์กดทับ พลังมหาศาลเย็นสบายดุจน้ำพุมาจากมุกนักบุญอมตะนี่เอง!
‘ของล้ำค่าชิ้นนี้ยังมีอานุภาพวิเศษราวชุบชีวิตคนจากความตายด้วยหรือ’
หลินสวินอัศจรรย์ใจทันที
อีกทั้งเขายังพบว่า ขณะนี้เส้นลมปราณ จุดชีพจร เลือดเนื้อ กระดูก อวัยวะตันห้ากลวงหกและพื้นที่อื่นๆ ทั่วร่างของเขา ไม่เพียงถูกฟื้นฟูเท่านั้น ยังกำลังเปลี่ยนแปลงไปด้วย!
ไอพลังชีวิตแสนอัศจรรย์สายแล้วสายเล่า ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกเปลี่ยนเป็นแวววาวเกลี้ยงเกลา ทำให้เส้นปราณและจุดชีพจรแปรเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายโชติช่วง ทำให้เลือดเนื้อผิวหนังราวกับถูกชะล้างและขัดเกลา นำพาพลังชีวิตอันเข้มข้นมีชีวิตชีวา ประหนึ่งเตาหลอมกำลังลุกโหม!
เหลือเชื่อ!
หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าเคราะห์ดีในเคราะห์ร้าย?
ในใจหลินสวินฮึกเหิม รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เขาสังเกตเห็นว่าพลังลึกลับที่ไหลทะลักเข้าสู่ร่างกายถูกซัดจนพินาศอีกครั้ง ชะล้างออกไปจนหมด ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
ตึง!
แต่ฟ้าดินราวกับตั้งใจเป็นปรปักษ์กับหลินสวิน ยังไม่ทันให้เขาได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตนโดยละเอียด ก็บังเกิดเสียงธรรมเก่าแก่โบราณดั่งเสียงจากสวรรค์ดังขึ้นอีกครั้ง
พริบตานั้นหลินสวินอดขนหัวลุกไม่ได้ มาอีกแล้ว!
ไม่แม้แต่จะให้เขามีโอกาสปฏิเสธ พลังลึกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าก็ทะลักเข้ามา ไหลหลั่งเข้าร่างกายของเขา วิ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง
‘ประตูสวรรค์’ เสมือนถูกยั่วโทสะ ส่งเสียงไม่หยุด ปล่อยคลื่นพลังออกไปห้ำหั่นอีกครั้ง
สนามประลองภายในร่างเปิดฉากซ้ำอีก!
ทั้งยังรุนแรงยิ่งกว่าสองครั้งก่อนหน้า
เพียงเวลาไม่นาน หลินสวินที่ถูกฟื้นฟูกลับมาดังเดิม ทั้งยังเปลี่ยนร่างกายเป็นแข็งแกร่งยิ่งขึ้น กลับเหมือนแจกันแก้วที่เต็มไปด้วยรอยร้าว ใกล้แตกทลายอีกครั้ง
ความเจ็บปวดแสนสาหัสตามติดมา ทำให้หลินสวินร่วงสู่นรกดำมืดอีกครา ราวกับเผชิญโทษทัณฑ์ทรมาน ถูกเคี่ยวกรำอย่างทุกข์ระทมหาใดเปรียบ
ที่น่าอัศจรรย์คือขณะที่ร่างกายของเขาใกล้จะพังทลาย ล่มสลายจนถึงที่สุดนั้น มุกนักบุญอมตะก็ถูกกดทับอย่างไร้ปรานีอีกครั้ง ปลดปล่อยพลังอันน่ามหัศจรรย์เริ่มฟื้นฟูร่างกายแก่หลินสวิน…
ด้วยเหตุนี้หลินสวินจึงได้จากนรกภูมิกลับไปยังสรวงสวรรค์อีกครั้ง!
หลินสวินกลับไม่ยินดีอีกต่อไป ทั้งหมดนี้ช่างล่อแหลมเกินไปแล้ว ทำให้เขาประสบกับความเจ็บปวดรวดร้าว ทุกข์ทรมานถึงขีดสุด หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเกรงว่าตัวเขาคงถูกเคี่ยวกรำจนแหลกสลายเป็นแน่
ทั้งหมดนี้เปรียบเสมือนการเวียนว่ายฉากหนึ่ง สลับสับเปลี่ยนระหว่างนรกภูมิและสรวงสวรรค์ พินาศและเกิดใหม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ความเป็นความตายวนเวียนอยู่ ณ ที่แห่งนี้!
หากไม่ได้ประสบด้วยตนเอง มิอาจรับรู้ถึงรสชาติของมัน
ตึง!
ตึง!
ตึง!
…เวลาต่อมาเสียงธรรมเก่าแก่โบราณดั่งเสียงจากสวรรค์ดังขึ้นต่อเนื่อง แต่ละครั้งที่เกิดเสียง จะต้องมีพลังลึกลับไหลทะลวงสู่ร่างกายของหลินสวิน
ในขณะเดียวกันประตูสวรรค์ก็เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เข่นฆ่าโรมรันกับพลังลึกลับนั่น ราวกับเห็นร่างกายของหลินสวินเป็นเขตหวงห้าม ไม่อาจทนให้พลังลึกลับแตะต้องแม้แต่ปลายเล็บ
และทุกครั้งที่ร่างกายของหลินสวินใกล้พังพินาศ ก็จะถูกพลังของมุกนักบุญอมตะฟื้นฟูซ่อมแซมครั้งแล้วครั้งเล่า ประหนึ่งเป็นการตีเหล็กนับพันครั้ง ทำให้พลังกายและจิตวิญญาณของเขาเปลี่ยนแปลงและเพิ่มสูงขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่รู้ตัว!
ระหว่างกระบวนการนี้หลินสวินไม่ได้สังเกตเลยว่า ข้างหลังเขามีแววตาของผู้อาวุโสร่างผอมท่านนั้นเฝ้ามองดูเขาอยู่ตลอดเวลา
นั่นเป็นดวงตาล้ำลึกดุจหลุมดำคู่หนึ่ง ผสมกลมกลืนกับรอยสลักลับมหามรรค เสมือนกำลังมองทะลุฟ้าดินอย่างปรุโปร่ง
‘เคราะห์ดีในเคราะห์ร้ายสินะ ดูท่าไม่ต้องให้ข้าลงมือแล้ว…’
เป็นเวลานานที่ผู้อาวุโสร่างผอมตกอยู่ในห้วงความคิด
…
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ยาวนานราวผ่านไปศตวรรษหนึ่ง ทั้งเหมือนเป็นความฝันที่ชีวิตและความตายตามติดกันไปมา ในที่สุดหลินสวินก็รู้สึกตัว
เสียงธรรมเก่าแก่โบราณนั้นหายไปแล้ว ไม่ดังขึ้นมาอีก
ในห้วงนิมิต ประตูสวรรค์กลับไปเงียบสงบ ตั้งตระหง่านเร้นลับ
มีเพียงมุกนักบุญอมตะที่ขาดหายไป!
หลินสวินตกตะลึง เพิ่งนึกออกว่าในการปะทะที่เวียนว่ายราวกับไม่มีที่สิ้นสุดเมื่อครู่นี้ มุกนักบุญอมตะดูเหมือนจะถูกเคี่ยวกรำบดทับ กลายเป็น ‘สิ่งหล่อเลี้ยง’ ภายในร่างกายตนเอง!
นี่ทำให้หลินสวินสะท้านสะเทือน นั่นคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ของสำนักคนเถื่อนวารีเชียวนะ! มีพลังที่สามารถทะลวงผ่านห้วงอากาศได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ทำไมถึงถูกทำให้หายไปได้?
คงไม่ใช่ว่า พลังแห่งมุกนักบุญอมตะได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเขาแล้วหรอกกระมัง
หลินสวินรีบร้อนตรวจสอบร่างกายตนเอง
เห็นภายในร่างถูกปกคลุมด้วยพลังชีวิตโชติช่วง เส้นลมปราณจุดชีพจร เลือดเนื้ออวัยวะภายใน กล้ามเนื้อกระดูกต่างเปล่งประกายหาใดเปรียบ ไร้ซึ่งสิ่งปฏิกูล เหมือนดั่งงานศิลป์อันงามสง่าศักดิ์สิทธิ์ ส่องแสงงามตา ผิวหนังก็เปล่งปลั่งแวววาวเป็นประกาย พลังแห่งชีวิตไหลเคลื่อนแช่มช้า
เปรียบเสมือนผ่านพิธีชำระถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก ทำให้ภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงราวเกิดใหม่อย่างน่าอัศจรรย์!
กระดูกนั้นขาวสะอาดดังหยกผลึก แข็งกล้าถึงขั้นไม่สามารถจินตนาการได้ อวัยวะตันห้ากลวงหกหลังถูกแทรกซึมก็ไร้ซึ่งสิ่งเจือปน เหมือนดั่งวัตถุศักดิ์สิทธิ์ เต็มเปี่ยมด้วยพลังชีวิตอันเปี่ยมล้นแวววาวเจิดจรัส
ในส่วนเส้นลมปราณและจุดชีพจร ก็ล้วนเหมือนแสงเรืองรองกำลังไหลทะลัก ทั้งบริสุทธิ์และทนทาน
เพียงสูดลมหายใจเข้าออก อวัยวะภายใน เลือดเนื้อ พลังขับเคลื่อนภายในร่างก็เต้นตามเป็นจังหวะ เกิดเป็นเสียงน่ายินดี เลิศล้ำเกินคำบรรยาย
นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงแค่ด้านพลังเท่านั้น แต่เป็นการยกระดับทั้งร่างกายและจิตใจทุกอณู!
เหมือนกระบี่วิเศษที่ตีหลอมนับครั้งไม่ถ้วนเล่มหนึ่ง ไร้ซึ่งมลทิน สะอาดเป็นมันวาวลานตา มีพลังชีวิตและจิตวิญญาณยากจินตนาการ!
‘ถูกทำลายและฟื้นคืนไม่รู้กี่หน ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่างมุกนักบุญอมตะจนหมด กว่าจะสร้างร่างกายและจิตวิญยาณเช่นนี้ออกมาได้!’
หลินสวินทอดถอนใจอย่างเสียดาย
เขาสามารถสัมผัสได้ว่า แม้พลังปราณจะไม่ได้ทะลวงขั้น แต่ด้วยการยกระดับของร่างกายและจิตวิญญาณ ทำให้ร่างกาย จิตวิญญาณ และพลังปราณของเขาต่างก้าวมาอยู่ในขั้นสมบูรณ์ถึงขีดสุด!
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าทำให้ข้าคาดไม่ถึงจริงๆ”
ทันใดนั้นข้างหูได้ยินเสียงแหบเครือผ่านโลกมายาวนาน พริบตาเดียวเท่านั้นหลินสวินก็รู้สึกเลื่อนลอย
ต่อมากลับมาปรากฏตัวอยู่บนสายธารแห่งกาลเวลาสายนั้นอีกครั้ง ยืนตระหง่านอยู่บนยอดคลื่น!
สีหน้าหลินสวินเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูทันใด ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหลุดออกมาจากความยากลำบากได้ หรือจะต้องประสบกับเหตุการณ์เดิมอีกครั้ง?
“ไม่ต้องตื่นกลัวไป พลังของ ‘ป้ายหินวิญญาณมรรค’ สงบลงแล้ว จะไม่ปรากฏขึ้นอีก”
เสียงแหบเครือดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นหลินสวินก็เห็นว่าข้างกายมีผู้อาวุโสร่างผอมคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจรู้
ใบหน้าเขาผ่ายผอม ดวงตาผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ยืนอยู่ตรงนั้นตามอารมณ์ แต่ไม่รู้ด้วยอานุภาพอันใด หลินสวินราวกลับมองเห็นภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งตั้งตระหง่านกลางฟ้าดิน คงอยู่ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันไม่สั่นคลอน!
ฉับพลันนั้นหลินสวินใจสั่นไหว ตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสคนนี้จะต้องเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งที่ไม่อาจคาดคะเนความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน!
“ผู้อาวุโส เหตุใดจึงพาข้ามายังที่แห่งนี้อีกครั้ง”
หลินสวินอดไม่ได้ที่จะซักถาม
“ในใจเจ้าไม่อยากรู้หรือว่าเมื่อครู่ประสบพบกับสิ่งใด”
ผู้อาวุโสร่างผอมเอ่ยเสียงราบเรียบ ทว่ากลับดึงดูดความสนใจของหลินสวินได้ในพริบตา จริงด้วย เมื่อครู่ตนเพียงแค่จะไต่ขึ้นกระดานเท่านั้น เหตุใดจึงก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงเช่นนี้
……………………….