Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 486 ชื่อเสียงสะเทือนทั่วทิศ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 486 ชื่อเสียงสะเทือนทั่วทิศ
พวกสืออวี่ หนิงเหมิงเองก็อ้าปากค้าง เจ้าหลินสวินนี่โหดเหี้ยมนัก หรือเมื่อครู่เขากดพลังเอาไว้ตลอด รอปลาทุกตัวติดเบ็ดแล้วจึงเริ่มปลดปล่อยพลัง?
ร้ายกาจนัก!
แววตาที่พวกเขามองไปยังหลินสวินล้วนเคลือบแววประหลาด เพื่อชิงคะแนนสะสมมา เจ้านี่ช่างเจ้าเล่ห์ได้ที่จริงๆ
เพียงแต่คราวนี้พวกเขาต่างกล่าวหาหลินสวินอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว ครั้งนี้เขาไม่ได้ขุดหลุมวางกับดัก เพียงแค่ถือโอกาสกระทำไปตามสถานการณ์เท่านั้น ที่น่าประหลาดก็คือศิษย์ของสาขายุทธ์วิถีพวกนั้นต่างโง่เง่ากระโดดลงมาเอง นี่จะโทษใครได้เล่า
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
มีคนตะโกนขึ้น เดือดดาลหาใดเปรียบ
“ทำไม แพ้ไม่เป็น?”
หลินสวินคร้านจะพูดมากความ เริ่มเก็บป้ายประจำตัว “นั่นใคร ถ้าเจ้ากล้าหนีล่ะก็ อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
ศิษย์คนหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปตัดสินใจหลบหนี แต่ถูกคำพูดประโยคเดียวของหลินสวินทำเอาตัวสั่นอยู่กับที่ สีหน้าพลันดูไม่ได้ทันที ท้ายที่สุดก็จนปัญญา ยื่นป้ายประจำตัวออกมา
“เจ้าคนขี้โกง!”
ยังมีคนไม่ยินยอม ส่งเสียงแหลมไม่หยุด
คะแนนนั่นคือเลือดเนื้อและจิตใจของพวกเขา ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวบรวมมาได้ มาวันนี้กลับต้องมอบให้กับผู้อื่น พวกเขาจะเต็มใจได้อย่างไร
“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ถ้ามีวิธีเจ้าก็ลองโกงให้ข้าดูหน่อยสิ”
หลินสวินจัดการคว้าป้ายประจำตัวจากฝ่ายตรงข้ามมา ทำเอาฝั่งนั้นโกรธจนตัวสั่นระริกไปทั้งตัว อยากจะลงมือ แต่ท้ายที่สุดก็ได้แต่อดทนไว้
ช่วยไม่ได้ แม้แต่ยอดฝีมืออย่างพวกหลันอวี่ จินจู๋หลิวต่างล้วนไม่ใช่คู่ประมือของหลินสวิน เขาไหนเลยจะกล้าท้าทายหลินสวิน
ในที่สุดหลินสวินก็ชิงเอาป้ายประจำตัวมาอีกสิบกว่าป้าย นำมารวมกับป้ายประจำตัวของพวกหลันอวี่ จินจู๋หลิวที่ชนะมาได้ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่ต่ำกว่าสี่พันคะแนน!
กำไรล้นเหลือ ที่ทำให้หลินสวินรู้สึกเกินความคาดหมายคือ จากที่เขาคำนวณดูแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ในอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ได้รับรางวัลสองพันคะแนน เมื่อรวมกันแล้วก็เกินหกพันคะแนน ไปทดสอบ ‘การทดสอบบันไดสวรรค์’ แล้วก็ยังมีคะแนนเหลือ
“ขอบคุณมาก ทุกท่าน”
ท้ายที่สุดหลินสวินโบกมือด้วยรอยยิ้ม จากยอดเขามหาสมุทรวิญญาณไปพร้อมพวกสืออวี่ หนิงเหมิง
บรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นต่างโมโหแทบกระอักเลือด อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
…
ฟุ่บ!
ไม่นานนักบนยอดเขามหาสมุทรวิญญาณ บุรุษชุดขาวพลิ้วไหวคนหนึ่งได้มาถึง ร่างสูงโปร่งดุจเทพเซียนสันโดษ ดวงตาสุกสกาวราวประกายดวงดาว
กู้อวิ๋นถิง!
เขาจ้องมองไปยังชื่ออันดับหนึ่งของกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณแล้วชะงักอย่างอดไม่อยู่ เสมือนมีบางอย่างไม่อาจเข้าใจ ปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อครู่ยิ่งใหญ่มหัศจรรย์เช่นนั้น เหตุใดคนๆ นี้กลับไม่สามารถทิ้งชื่อไว้บนกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ?
นิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่หนึ่ง กู้อวิ๋นถิงค่อยหมุนตัวจากไป
ไม่นานนักคนจำนวนมากทยอยมาถึงยอดเขามหาสมุทรวิญญาณ มีทั้งอาจารย์และลูกศิษย์มากมายในสำนักศึกษามฤคมรกต เมื่อเห็นชื่ออันดับหนึ่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณต่างอดตกใจสั่นสะท้านไม่ได้
หลินสวิน!
เป็นเขาหรือนี่!
สำนักศึกษามฤคมรกตวันนี้ถูกลิขิตไว้ให้ไม่สงบ หลังจากหลินสวินหายไปสองเดือนก็กลับมาอย่างทรงพลัง มอบความพ่ายแพ้ในคราเดียวให้พวกสืออวิ๋นเผิง เซวียอวิ้น จินจู๋หลิว หลันอวี่ที่ลานแสดงยุทธ์ ทำเอาอาจารย์และศิษย์สาขายุทธ์วิถีต่างฮือฮา
ท่าทางกำเริบเสิบสานนั้นของเขากับฝีมือการต่อสู้อันร้ายกาจที่แสร้งทำเป็นหมาป่าสวมหนังแกะ ทำให้ผู้คนขบฟันเกลียดชัง ขณะเดียวกันก็ประหวั่นและหวาดกลัวอยู่ในใจ
“เจ้านี่ ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งร้ายกาจ จงใจแกล้งอ่อนแอหลอกลวงผู้คน ไร้ยางอายสิ้นดี!”
“ร้ายกาจนัก แม้แต่หลันอวี่ยังขอยอมแพ้ด้วยตนเอง แค่ด้านการฝึกยุทธ์หลินสวินก็อยู่เหนือผู้กล้าเกือบทั้งหมดแล้ว!”
นี่คือคำประเมินจากผู้คนทั้งหลายที่มีต่อหลินสวิน แค้นเขาด่าว่าเขาร้ายกาจไร้ยางอาย เจ้าเล่ห์ชั่วช้า ไม่มีท่าทางงามสง่าแห่งผู้กล้าแม้เพียงนิด
ส่วนผู้ที่ชื่นชมเขาก็ยกย่องสรรเสริญอย่างใจกว้าง นับถือในศักยภาพของเขาอย่างยิ่ง
แต่ไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อผู้คนต่างคาดเดาว่าพลังการต่อสู้ของหลินสวินแท้จริงแล้วแข็งแกร่งระดับไหน ข่าวคราวที่ราวกับระเบิดก็ม้วนตัวเข้าใส่สำนักศึกษามฤคมรกตอีกครั้ง!
หลินสวินไต่ขึ้นกระดานอย่างทรงพลัง ขึ้นสู่อันดับสูงสุดแห่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณในคราเดียว พลังกดดันผู้กล้าทั้งมวล!
นี่ก็น่ากลัวมากไปแล้ว กระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณสื่อถึงเกียรติยศอันสูงสุดอย่างหนึ่ง ชื่อที่รั้งอยู่บนนั้นได้ ล้วนเป็นตัวแทนของผู้กล้าหนึ่งร้อยคนที่โดดเด่นที่สุดของสาขายุทธ์วิถีในปัจจุบัน
แต่มาวันนี้ หลินสวินปรมาจารย์สลักวิญญาณหนุ่มน้อยที่มาจากสาขาสลักวิญญาณ กลับปรากฏตัวอย่างเกรียงไกร ก้าวย่างขึ้นเป็นอันดับหนึ่งกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ จะไม่ให้ผู้คนสั่นสะท้านได้อย่างไร
ใครเล่าจะจินตนาการได้ว่าในด้านการฝึกปราณ หลินสวินก็เป็นแถวหน้าของระดับมหาสมุทรวิญญาณ
“น่าชังนัก หลินสวินนั่นไม่ใช่ศิษย์สาขายุทธ์วิถีเสียหน่อย มาวันนี้กลับขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ นี่ไม่เท่ากับว่ารังแกไม่เห็นหัวพวกเราสาขายุทธ์วิถีรึ”
ศิษย์สาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นต่างนั่งไม่ติด ทุกข์ใจและขุ่นเคืองไม่หยุดหย่อน
“หลินสวินยอดเยี่ยมนัก ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน สาขาอื่นใครเล่าจะกล้าเหมือนหลินสวิน หลังสยบอัจฉริยะผู้กล้าอย่างบ้าระห่ำ ก็ยึดครองอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณนั่นต่อ ทำเอาศิษย์สาขายุทธ์วิถีพวกนั้นกล้ำกลืนฝืนทน”
“ผู้กล้าของสาขายุทธ์วิถีเหล่านั้นแต่ละคนต่างทำท่าทีสูงส่ง หยิ่งผยองเป็นที่สุด หลังได้รับบทเรียนครั้งนี้ บางทีอาจทำให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัวเสียใหม่”
ในสาขาอื่น ศิษย์จำนวนหนึ่งต่างก็ตื่นเต้นยินดี เห็นว่าหลินสวินคือคนร้ายกาจที่โหดเหี้ยมดุดันคนหนึ่ง ก่อความวุ่นวายได้อย่างปราดเปรียวห้าวหาญ
กระทั่งข่าวที่กู้อวิ๋นถิงก้าวขึ้นกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณแพร่ออกไป ถึงทำให้บรรดาศิษย์สาขายุทธ์วิถีฮึกเหิมขึ้นมาได้
“ปิดด่านห้าปี พอศิษย์พี่กู้อวิ๋นถิงออกด่านมาก็ออกจากกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ ก้าวเข้าสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ เทียมหน้าเทียมตากับผู้กล้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดหลายพันปีมานี้ นี่แหละคือปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง!”
“ฮ่าๆๆ ต่อให้เจ้าหลินสวินนั่นบ้าระห่ำยิ่งกว่านี้ ก็ยังได้แค่อันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ เทียบกับศิษย์พี่กู้อวิ๋นถิงแล้ว เขาก็เป็นไข่มุกเม็ดเล็กมิอาจเทียมสู้แสงตะวันจันทรา!”
กู้อวิ๋นถิงเพียงคนเดียวก็สลายอารมณ์อันหดหู่ของศิษย์สาขายุทธ์วิถีทั้งหลายลงได้ ทำให้พวกเขาปลื้มปิติและฮึกเหิม
“มิน่าล่ะวันนี้ถึงเกิดปรากฏการณ์ประหลาดจากฟากฟ้า ที่แท้เป็นเพราะกู้อวิ๋นถิงขึ้นสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณแล้วนี่เอง!”
“กายสุวรรณมรรคอัคคีกู้อวิ๋นถิง เขา… ตอนนี้ก้าวนำหน้าผู้กล้าในยุคเดียวกัน ขึ้นไปเคียงบ่าเคียงไหล่กับเหล่าผู้กล้าที่เจิดจรัสที่สุดในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมานี้!”
แม้แต่อาจารย์และศิษย์ของสาขาอื่นในสำนักศึกษามฤคมรกต เมื่อทราบข่าวนี้ต่างอดตื่นตะลึงกับกู้อวิ๋นถิงไม่ได้
คนๆ นี้ช่างเย้ยฟ้าเสียจริง เฉกเช่นอัจฉริยบุคคลไร้เทียมทาน ทำให้ผู้คนยากจะอิจฉาริษยา เพราะเขาโดดเด่นเหนือใครเกินไป
“พวกเจ้าว่าหลินสวินและกู้อวิ๋นถิงสองคนนี้ ใครแข็งแกร่งกว่ากัน”
“แน่นอนว่าเป็นกู้อวิ๋นถิง! หลินสวินเป็นแค่อันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณ แต่กู้อวิ๋นถิงก้าวข้ามไปแล้ว เข้าสู่กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ ข้าจำได้ว่าปีนี้หลินสวินเพิ่งจะอายุสิบหก แต่กู้อวิ๋นถิงนั้นอายุยี่สิบกว่าแล้ว ทั้งสองอายุห่างกันไม่น้อย หากให้เวลาหลินสวินสักสองสามปีจะต้องอยู่เหนือกู้อวิ๋นถิงแน่”
“น่าขัน อายุน้อยแค่เป็นตัวแทนของพลังแฝงเท่านั้น ในตอนนี้สิ่งที่แข่งขันกันคือการประลองบนหนทางฝึกตน สุดท้ายหลินสวินขาดไปหนึ่งขั้น คิดจะไล่ตามกู้อวิ๋นถิงเห็นทีจะยาก”
ในสำนักศึกษามฤคมรกตผู้คนมากมายต่างยกหลินสวินและกู้อวิ๋นถิงมาเปรียบเทียบกัน จนกระทั่งก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างดุเดือด
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สำนักศึกษามฤคมรกตในตอนนี้ หลินสวินและกู้อวิ๋นถิงกลายเป็นสองคนที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด!
และพร้อมกันนั้น ในนครต้องห้ามยังมีข่าวอีกอย่างแพร่ออกไป…
หลินสวินที่หายไปเป็นเวลาสองเดือน นับตั้งแต่วันที่ออกด่านปรากฏตัว ก็เปิดฉากเข่นฆ่านองเลือด จัดการลูกหลานสายรองตระกูลหลินจำนวนหนึ่ง ทั้งยังกุมตัวผู้กล้ารุ่นเยาว์สองคนอย่างจั่วหยางและฉินซิงไว้!
ชั่วขณะเดียวนครต้องห้ามพลันตกอยู่ในความโกลาหล
หลินสวิน ใครๆ ต่างก็รู้จัก ก่อนหน้านี้เขาเคยทำเรื่องชุลมุนวุ่นวายไว้มาก ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมนับไม่ถ้วน ทำให้นครต้องห้ามสั่นสะเทือน
แต่ขณะที่ทุกคนคิดว่าการล่วงเกินราชวงศ์ของเขาทำให้เขาถึงคราวเคราะห์ ต้องพบเจอแรงกดดันและความวิบัติมากมายแน่นอน เขากลับโจมตีออกมาอย่างแข็งกร้าว!
“ออกด่านวันแรกก็เปิดฉากนองเลือด ใช้ท่าทีเด็ดขาดสังหารคนตระกูลรองที่กล้ายั่วยุและต่อต้านภูเขาชำระจิต หลินสวินเด็กคนนี้ ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ!”
“หรือว่าเขาไม่กลัวตาย แม้แต่จั่วหยางและฉินซิงต่างถูกเขาจับกุมตัวไว้ ไม่กลัวว่าจะถูกแก้แค้นจากตระกูลจั่วและตระกูลฉินหรือ”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าหลินสวินไม่มีทางอดทนกล้ำกลืนแน่ ตอนนั้นเขากล้าบังคับให้หลิงเทียนโหวคุกเข่าขอโทษต่อหน้าคนใหญ่คนโตมากมายในพระราชวัง บนโลกนี้ยังมีอะไรที่เขาไม่กล้าทำอีกหรือ”
ในนครต้องห้ามต่างวิพากษ์วิจารณ์กันทุกหนแห่ง
สองเดือนที่หายไปนี้ หลินสวินใช้ท่าทีกระหายเลือดและแข็งแกร่งดึงสายตาผู้คนกลับมาอีกครั้ง ทำให้ทุกคนต่างตระหนก
ใครก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ นี่เท่ากับเป็นการฉีกหน้าขุมกำลังตระกูลรองทั้งสามแห่งตระกูลหลินอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังล่วงเกินตระกูลจั่วและฉินสองตระกูลอย่างยิ่งเช่นกัน!
“สภาพการณ์ภูเขาชำระจิตในตอนนี้อยู่ในระดับที่อันตรายล่อแหลมมาก หลินสวินกลับยังไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเปิดฉากต่อสู้ยกใหญ่ นี่เขากำลังเล่นกับไฟอยู่นะ”
“กระต่ายถูกบีบจนตรอกยังกัดคนได้เลย หลินสวินทำเช่นนี้ เกรงว่าคงถูกบีบถึงขั้นเข้าตาจน ไม่อาจไม่ลงมือแล้ว”
“เฮ้อ คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีแค่ตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงอย่างตระกูลจั่วและฉินน่ะสิ ยังมีพลังของราชวงศ์ด้วย ข้าว่าไม่นานหลินสวินต้องพบเคราะห์แน่ และภูเขาชำระจิตนั่นก็ไม่อาจประคับประคองอยู่ได้อย่างแน่นอน!”
“จริงดังว่า ต่อให้เขามีพลังเย้ยฟ้าแค่ไหน อย่างไรก็เป็นแค่เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ไม่รู้หรอกว่าอำนาจของตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเหล่านั้นน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน การจะสังหารเขายังง่ายกว่าบี้มดตัวหนึ่งด้วยซ้ำ”
นครต้องห้ามคือเมืองหลวงแห่งจักรวรรดิ วันที่หลินสวินออกด่านก็ก่อให้เกิดความสนใจและการวิพากษ์วิจารณ์ทั่วทั้งเมือง เช่นนี้ก็ดูออกแล้วว่า ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ชื่อเสียงของหลินสวินได้สั่งสมมาถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมองข้ามได้!
และในวันนี้ ข่าวที่หลินสวินเข้าสู่สำนักศึกษามฤคมรกต ซัดเหล่าผู้กล้าอย่างหฤโหด ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งบนกระดานทองคำมหาสมุทรวิญญาณก็แพร่ไปยังนครต้องห้าม
พร้อมกันนั้นข่าวหลินสวินจับกุมตัวผู้กล้าตระกูลทรงอิทธิพลสองคนอย่างจั่วหยางและฉินซิง ทั้งยังเข่นฆ่าคนตระกูลหลินสายรองก็แพร่ไปในสำนักศึกษามฤคมรกต
ก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหล ความแตกตื่นสารพัดแบบ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายอีกครั้งอย่างไม่มีข้อยกเว้น ทำให้ชื่อหลินสวินกลายเป็นคนที่ได้รับการจับตามองที่สุดของนครต้องห้ามในตอนนี้
การปฏิบัติตัวเช่นนี้ กวามองทั่วใต้หล้านับแต่อดีตที่ผ่านมา เรียกได้ว่าหายากยิ่งนัก!
ถึงอย่างไรหากไม่พูดถึงฐานะและพลังแท้จริงทั้งหมด หลินสวินในตอนนี้เป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกคนหนึ่งเท่านั้น แต่กลับสามารถชักนำให้ทั้งนครสั่นสะเทือน เพียงแค่จุดนี้จุดเดียว ในรุ่นเดียวกันก็แทบจะหาใครมาเทียบหลินสวินไม่ได้
สำหรับเรื่องเหล่านี้หลินสวินอาจไม่รู้ ต่อให้รู้แล้วก็คงไม่ใส่ใจมากนัก เดิมทีเขาก็ต้องการสร้างเรื่องอึกทึกอยู่แล้ว ไม่ว่าชื่อเสียงจะดีหรือไม่ดี ขอแค่ก่อเรื่องใหญ่พอก็ใช้ได้แล้ว
…….
หอกิจวิญญาณ
หลินสวินนำป้ายประจำตัวกองหนึ่งไปยังที่นั่น เขาต้องแลกเปลี่ยนคะแนนสะสม หลังจากนั้นค่อยเริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าร่วม ‘การทดสอบบันไดสวรรค์’!
……………….