Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 529
หมัดนั้นเรียบง่าย แน่วนิ่ง ไม่มีกลิ่นอายเผาผลาญแม้เศษเสี้ยว แต่กลับมีอานุภาพยิ่งใหญ่กว้างขวางไร้ขีดจำกัด ราวกับสามารถทะลุผ่านอดีตปัจจุบัน มุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ บดขยี้ทุกสรรพสิ่ง!
ตึง!
มือใหญ่ที่เอื้อมลงมาถูกหมัดเดียวซัดกระจายกลายเป็นฝนแสง
จากนั้นฝนแสงที่แตกกระจายก็ถูกลมหมัดลบล้างไป
ที่น่ากลัวที่สุดคือ หมัดพุ่งไปอย่างไร้สิ่งกีดขวาง ซัดตรงไปยังร่างกำยำซึ่งอยู่ไกลออกไป เรียบง่าย ตรงไปตรงมา และเผด็จการ!
นี่พอที่จะทำให้โลกสั่นสะเทือน นั่นเป็นถึงพลังแห่งราชันระดับสังสารวัฏ แต่เวลานี้กลับถูกหมัดที่จู่ๆ ก็โผล่มาซัดกระจาย
ทุกคนต่างตะลึงงันอยู่ตรงนั้น เดิมทีการปะทะกันระดับนี้ แค่เพียงผลกระทบที่กระจายออกมาก็เพียงพอจะทำลายสรรพสิ่งให้กลายเป็นจุณ กำจัดสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงนั้นทั้งมวล
เพียงแต่ภายใต้การควบคุมของลมหมัดนั่น ทั้งหมดล้วนถูกคลี่คลายจนมองไม่เห็น!
นี่เป็นพลังที่แข็งแกร่งระดับไหนกัน ถึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้
ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะเหล่านั้นพลุ่งพล่านถึงขีดสุด ตระหนักได้ว่าในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ต้องมีราชันระดับสังสารวัฏผู้อยู่ในระดับเดียวกันอีกคนมาเยือนแน่นอน!
แต่กับตระกูลเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เหล่าคนในตระกูลราวกับถูกฟ้าผ่า ต่างงุนงงกันอยู่ตรงนั้น ราชันระดับสังสารวัฏออกมือเองแต่ถูกคนสกัดกั้นไว้ได้?
นี่เป็นไปได้อย่างไร
โดยเฉพาะเหยาทั่วไห่ ก่อนหน้าเขายังอิ่มเอมยินดี เวลานี้สีหน้ากลับเปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวแข็งทื่อไปหมด เดิมคิดว่าสถานการณ์ถูกชี้ชัดไว้แล้ว หลินสวินต้องไม่อาจต้านลิขิตสวรรค์ได้แน่ แต่ใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้น
เห็นจะมีเพียงหลินสวินที่ยังคงนิ่งสงบ แต่ในส่วนลึกของจิตใจ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าความจริงแล้วเขาก็ตื่นเต้นถึงขีดสุดเช่นกัน เพียงแต่เวลานี้ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงได้
“หนิงปู้กุย!”
ร่างกำยำนั่นประหลาดใจอยู่บ้าง ทั่วร่างปรากฏแสงน้ำเลื่อมพรายน่าพรั่นพรึง เปรียบดั่งสมุทรเทพยืนตระหง่านบนผืนน้ำกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา ระลอกคลื่นม้วนซัดสาดอบอวลไปทั่วร่าง
“เหอะๆ ข้าก็ว่าใครช่างหน้าไม่อายเช่นนี้ ถึงขั้นลงมือกับเด็กคนหนึ่งอย่างไร้ยางอาย ที่แท้ก็เจ้าเรือดเฒ่ารักตัวกลัวตายอย่างเจ้านี่เอง! คิดไม่ถึงว่าเจ้าถึงกับกล้าข้ามชายแดนจากจักรวรรดิมืดมาลำพองในจักรวรรดิจื่อเย่าของข้า เช่นนั้นวันนี้ก็จงตายอยู่ที่นี่ซะเถอะ!”
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะหยาบกระด้างหนึ่งดังก้องขึ้น ปั่นป่วนเก้าชั้นฟ้า คลื่นเสียงแผ่ขยายเป็นวงกว้าง สั่นสะเทือนจนเหล่าคนตระกูลเหยาสับสนมึนงง เลือดลมสูบฉีดทั่วร่าง แทบจะถูกช่วงชิงจิตวิญญาณ!
ราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุย!
ทุกคนต่างตกตะลึงคาดไม่ถึง ผู้ที่ออกมือถึงกับเป็นบุคคลในตำนานอย่างราชันเลือดเหล็กคนนี้!
เขาเคยสาบานว่า ชีวิตนี้อยู่เพื่อการต่อสู้ แม้ตายก็ต้องหนุนนอนบนภูเขาศพทะเลเลือด เทียบท้านภา หลับใหลไปกับปฐพี!
ราชันผู้นี้ชั่วชีวิตคร่ำหวอดในการศึก ยกทัพปราบปรามกลางสมรภูมิ สั่นสะเทือนเก้าชั้นฟ้าสิบทิศ แต่มาวันนี้กลับปรากฏตัว จะไม่ให้ผู้คนสั่นสะท้านได้อย่างไร
แม้แต่หลินสวิน หลังได้ยินเสียงหัวเราะองอาจผึ่งผายหาใดเปรียบของหนิงปู้กุย ภายในใจก็ปั่นป่วนไม่หยุด คำว่าราชันคืออย่างนี้นี่เอง!
ครืน!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง ร่างสูงใหญ่ผ่าเผยร่างหนึ่งปรากฏบนผืนฟ้าก่อนตวาดลั่น “เจ้าเรือดเฒ่า ไสหัวมาสู้กันสักตั้ง!”
อานุภาพผงาดผยอง ราวเทพสงครามเหลือบมองลงมายังมนุษยโลก
“หึ เหตุใดจะไม่กล้า คิดจริงๆ หรือว่าที่ข้าไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายปีเป็นเพราะกลัวเจ้าหนิงปู้กุย”
ร่างกำยำนั่นแค่นเสียงเย็นชา ยังไม่ทันเห็นเขาเคลื่อนไหว ทั้งร่างก็หายไปกลางอากาศ พุ่งขึ้นไปเหนือชั้นฟ้า
“ฮ่าๆๆ วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าเฒ่าหน้าด้านอย่างเจ้า ดูซิว่าเจ้าจะยังกล้าปากแข็งอยู่ไหม!”
หนิงปู้กุยหัวเราะร่า ก้าวเท้าไปกลางอากาศและตามขึ้นไป
ทันใดนั้นเองบนผืนฟ้าก็เปิดฉากการต่อสู้สะเทือนใต้หล้าของราชันระดับสังสารวัฏ แต่ด้วยระยะที่ห่างไกลกันเกินไป เสมือนกำลังสู้รบอยู่ในหมู่ดาวเหนือฟากฟ้า ทำให้ผู้คนมองเห็นไม่ถนัด
เพียงแต่ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนเป็นระลอกราวเสียงคำรามของภูตผีปีศาจ แหวกทลายชั้นบรรยากาศถาโถมทั่วทศทิศ
ทั้งมีสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงเหลือคณานับ เปล่งประกายเจิดจรัสไขว้พาดอยู่นอกผืนฟ้า ประหนึ่งฝนแสงอันเกิดจากดารามากมายที่แตกสลาย น่าพรั่นพรึงหาใดเปรียบ
นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชันระดับสังสารวัฏ!
หากปะทุขึ้นบนโลกเพียงครั้ง นั่นต้องเป็นภัยพิบัติราวมหาพิบัติวันสิ้นโลกฉากหนึ่งเป็นแน่ สามารถทำลายใต้หล้าลงได้อย่างง่ายดาย พาให้สรรพชีวิตทุกข์ทรมานแสนสาหัส
มีเพียงกรีธาทัพไปเหนือน่านฟ้าเท่านั้น จึงจะสามารถหลีกเลี่ยงคลื่นสะเทือนที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมบนโลกมนุษย์นี้ได้
ทุกคน ณ ที่นั้นต่างตกตะลึง
ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู ต่างก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าในวันนี้ ในจังหวัดชิงเฟิงแห่งนี้ ถึงกับมีบุญวาสนาได้เห็นการต่อสู้ของราชันระดับสังสารวัฏด้วยตาตนเอง!
ในอดีตที่ผ่านมาแม้แต่บนสมรภูมิชายแดนนั่น น้อยมากที่จะเกิดการปะทะกันระดับนี้ เนื่องจากความเสียหายที่เกิดนั้นใหญ่โตเกินไป
“เจ้า เหยาทั่วไห่เป็นประชาชนของจักรวรรดิ กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เจตนาไม่ซื่อ เจ้าควรรู้ว่านี่เป็นโทษทรยศแผ่นดิน! ต้องประหารเก้าชั่วโคตร”
ทันใดนั้นหลินสวินก็ลุกขึ้นตะโกนดังลั่น
เพียงประโยคเดียวก็ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะตกใจตื่น ปลุกคนตระกูลเหยาที่อยู่ในอาการตกตะลึงตรงหน้านั้นให้ตื่นขึ้น
ชั่วขณะเดียว ผู้คนมากมายในที่นั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนสี!
สำหรับจักรวรรดิ เผ่ามืดคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของมนุษยชาติ ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันไม่รู้มีผู้แกล้วกล้าเท่าไหร่ที่ตายในสงครามชายแดน ทุ่มเทและเสียสละไม่รู้เท่าไหร่ จึงสามารถนำสันติสุขเฉกเช่นวันนี้กลับมาให้จักรวรรดิ
แต่มาวันนี้ ในฐานะหัวหน้าตระกูลเหยา หนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งสัจจะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของมณฑลซีหนานแห่งจักรวรรดิ เหยาทั่วไห่กลับลอบสมคบคิดกับเผ่ามืด เชิญราชันของเผ่ามืดคนหนึ่งมาจัดการกับหลินสวิน นี่ไม่ต่างอะไรกับการทรยศแผ่นดิน!
หากแพร่ออกไป ตระกูลเหยาทั้งหมดต่างต้องตกเป็นเป้าโจมตี ถูกมองว่าทรยศบ้านเมืองต้องลงโทษประหารชีวิต!
คำพูดของราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยเมื่อครู่ ได้พิสูจน์แล้วว่าทั้งหมดคือเรื่องจริงอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้คนตระกูลเหยาพวกนั้นคิดโต้แย้งก็ไม่อาจทำได้
“ฆ่า! สังหารเจ้าหนอนบ่อนไส้ต่างเผ่าที่แฝงตัวอยู่ในจักรวรรดิซะ!”
“น่าชังนัก ประชาชนแห่งจักรวรรดิที่น่าเกรงขาม กลับเป็นเศษสวะขายชีวิตให้ต่างเผ่า พวกเจ้าตระกูลเหยามีโทษถึงตายจริงๆ!”
“ไยต้องพูดมากความ วันนี้ต้องกำจัดตระกูลเหยาให้สิ้นซาก กำจัดเนื้อร้ายที่แอบสมคบคิดกับเผ่ามืดนี่ซะ!”
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจอย่างพวกอัครการค้าต่างโกรธจัดถึงขีดสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้ฝึกปราณจากตระกูลหนิงซึ่งล้วนเคยติดตามราชันเลือดเหล็กยกทัพจับศึกกลางสนามรบ ข้างกายมีสหายร่วมรบไม่รู้เท่าไหร่ที่ตายในสมรภูมิ แต่มาวันนี้ได้รู้ว่าเหยาทั่วไห่ถึงกับสมคบคิดกับเผ่ามืด แค่คิดก็รู้แล้วว่าต้องโกรธแค้นเพียงใด
ตูม!
พวกเขาต่างโมโหเดือดดาล ผู้แข็งแกร่งมากมายออกโจมตีอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ ความโกรธทะลุทะลวง หมายขยี้ตระกูลเหยาให้บี้แบน เวลานี้แม้คิดจะหยุดยั้งก็ไม่อาจทำได้แล้ว
คนตระกูลเหยาสีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด ขวัญหนีดีฝ่อ พวกเขาไหนเลยจะคิดว่าสภาพการณ์จะเลยเถิดถึงขั้นนี้
“หัวหน้าตระกูล! นี่เป็นเรื่องจริงหรือ” มีคนร้องตะโกนขึ้น
คนในตระกูลเหยาคนอื่นๆ ต่างก็ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก สมคบคิดกับเผ่ามืด? นี่คือโทษล้างตระกูลเชียวนะ!
“รอสังหารศัตรูพวกนี้ก่อน ข้าค่อยอธิบายกับพวกเจ้า ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดมากความ!”
เหยาทั่วไห่สูดหายใจลึก สีหน้าเยียบเย็นเขียวคล้ำ
มาถึงตอนนี้เขาไม่คิดจะยอมแพ้ เห็นได้ว่าในใจเขาไม่พอใจเพียงใด อันที่จริงเขาเองก็โกรธแทบบ้า
เห็นแผนที่วางไว้กำลังจะปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ใครจะคิดว่าในพริบตาสุดท้ายกลับมีราชันเลือดเหล็กหนิงปู้กุยแหวกวงล้อมออกมา ชั่วขณะเดียวก็ทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร!
เช่นนี้จะให้เหยาทั่วไห่ยอมรับได้อย่างไร
แต่คิดมากไปก็เปล่าประโยชน์ มีเพียงแต่ต้องสู้ บางทีอาจมีโอกาสรอด หากไม่สู้ก็ได้แต่รอความตายเท่านั้น!
“ฆ่า!”
เหยาทั่วไห่แผดเสียงคำราม เผ้าผมหนวดเคราแผ่สยาย
ในที่สุดการต่อสู้ก็ถูกจุดชนวน ไม่ว่าใครก็ไม่สนใจการต่อสู้ของราชันที่เกิดขึ้นเหนือเก้าชั้นฟ้านั่นอีกแล้ว และไม่มีกะจิตกะใจไปใส่ใจโดยสิ้นเชิง
เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะบุกโจมตีออกไปด้วยความโกรธ ทุกคนประดุจดั่งเทพสังหารร่วมกันโจมตีตระกูลเหยา เปิดฉากกาฬวาตคาวเลือด
ตระกูลเหยาเองก็ไม่อาจนั่งรอความตาย โจมตีกลับอย่างไม่ลังเล สู้สุดชีวิตโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเขาต่างเข้าใจดี การต่อสู้ในวันนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แต่แรกแล้ว
ไม่รอด ก็ตาย!
ชั่วขณะนั้นฟ้าดินแถบนี้ลมทมิฬคำรามลั่น หมอกเมฆโหมทำลาย แสงสมบติพุ่งทะยานน่าหวาดกลัว กดอัดอากาศ วิชาลับมหัศจรรย์ถูกสำแดงออกมา งดงามแปลกตาราวดอกไม้ไฟ
น่าสยดสยองเกินไปแล้ว เพียงแค่ชั่วเวลาไม่นาน ประตูใหญ่ตระกูลเหยาก็ถูกเหยียบย่ำ บ้านช่องห้องหอที่เรียงรายเป็นระเบียบพังทลายมลายล้าง กลายเป็นซากปรักหักพัง
ห้วงอากาศย้อมไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ทั่วทุกหนแห่งล้วนเกิดเสียงเข่นฆ่าโรมรัน เสียงกรีดร้องทุรนทุราย เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น ควันไฟโหมกระพือ แสงโลหิตเริงระบำ
เมื่อไม่มีที่พึ่งอย่างราชันระดับสังสารวัฏ ตระกูลเหยาอันยิ่งใหญ่ที่เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะซึ่งกำลังเดือดดาลทั้งกลุ่มจึงไร้แรงต้าน พ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนในตระกูลตายอนาถอย่างต่อเนื่อง
นี่เป็นภาพการนองเลือดอันบ้าระห่ำ เพราะเกิดการเคลื่อนไหวที่รุนแรงเกินไป ถึงขั้นทำให้ผู้ฝึกปราณจำนวนมากในจังหวัดชิงเฟิงตื่นตระหนก
แต่กลับไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ เพราะเสียงเข่นฆ่าโรมรันนั่นช่างน่าสะพรึง พลังอำนาจจากการปะทะก็แข็งแกร่งเกินไป ไม่ต้องกล่าวถึงคนธรรมดาทั่วไป แค่ผู้ฝึกปราณเข้ามาใกล้ก็อาจถูกลูกหลงจนชีวิตต้องประสบกับภยันตราย!
“สวรรค์ มีคนต้องการทำลายล้างตระกูลเหยาหรือ”
จังหวัดชิงเฟิงตกอยู่ในความสั่นสะเทือนครั้งใหญ่
กลางสมรภูมิ หลินสวินเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ผมดำปลิวสยาย เท้าเหยียบก้าวย่างชือน้ำแข็ง ก้าวผ่านความว่างเปล่าพุ่งไปยังเหยาทั่วไห่ราวอสนีบาต
“เหยาทั่วไห่ วันนี้เจ้าต้องตายด้วยมือข้า!”
ท่ามกลางเสียงเย็นเยียบ หลินสวินสะบัดชายเสื้อคราหนึ่ง เสามังกรจตุลักษณ์เปลี่ยนเป็นสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ตกลงมาจากฟากฟ้า กักขังเหยาทั่วไห่ไว้
ครืน!
พริบตาเดียวก็ตัดขาดจากโลกภายนอก ในเขตแดนมายาเหลือเพียงหลินสวินและเหยาทั่วไห่สองคน
“เหอะๆ อาศัยคนอย่างเจ้า? ไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อกี้เจ้าเพิ่งได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เป็นตอนที่สภาพสมบูรณ์ สำหรับข้าแล้วเจ้าก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง!”
เหยาทั่วไห่ยิ้มเย็น เขาติดอยู่ในนี้ คราแรกก็ตกใจ แต่ในไม่ช้ากลับยินดี เพราะพบว่าในเขตแดนมายานี้มีหลินสวินเพียงคนเดียว เปรียบเทียบกับโลกภายนอกแล้ว กลับเป็นว่าภยันตรายน้อยกว่ามาก
เคร้ง!
หลินสวินไม่แม้แต่จะพูดมากความ กลางฝ่ามือพลันปรากฏทวนยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อเล่มหนึ่ง ตัวทวนสีเทาสนิทขมุกขมัวปรากฏกระบวนรอยสลักวิญญาณลึกลับแน่นขนัดรอยแล้วรอยเล่า
หลังจากนั้นก็พัฒนาเป็นชุดศึกชุดหนึ่งปกคลุมไปทั่วร่างหลินสวิน
พริบตาเดียวเท่านั้น พละกำลังทั่วกายหลินสวินพลันเพิ่มมากขึ้นถึงระดับน่าสะพรึง ประดุจดังเทพสังหารองค์หนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้าง
“ชุดศึกสลักวิญญาณ?”
เหยาทั่วไห่ม่านตาหดรัดตัว ในใจสั่นสะท้าน กล่าวอย่างตกตะลึง “นี่คงไม่ใช่ ‘อาสัญสลาย’ ที่เจ้าหลอมขึ้นหรอกกระมัง”
ฉัวะ!
หลินสวินคร้านจะพูดมากความ ทวนยาวดั่งมังกรเปลี่ยนเป็นเงาแสงไพศาลนับหมื่นนับพันพุ่งพิฆาตออกไป
หลายวันมานี้ ในใจเขาสะสมความโกรธแค้นและความเกลียดชังอย่างไม่มีที่สิ้นสุดมาโดยตลอด วันนี้หากไม่ปลิดชีพเหยาทั่วไห่ด้วยมือตนเอง หลินสวินไม่อาจให้อภัยตนเองได้เป็นแน่
ครืน!
เงาทวนทบเป็นชั้นๆ ประหนึ่งพันคีรีทับซ้อนบีบอัดเข้ามา ดุดันรุนแรง ทำให้อากาศปั่นป่วนสับสน เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเสียดแก้วหู
“เหอะๆ ไอ้หนูอย่างเจ้าช่างหลงระเริงเสียจริง คิดหรือว่าอาศัยชุดศึกสลักวิญญาณชุดเดียวก็จะสามารถชนะข้าได้ ในเมื่อเจ้าส่งมาให้ถึงที่ เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตน้อยๆ เอาไว้ที่นี่ซะเถอะ!”
เหยาทั่วไห่หัวเราะเบาๆ ก่อนบุกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญ
นัยน์ตาเขาฉายแววโลภโมโทสันร้อนแรงวูบหนึ่ง รู้ว่าหากสามารถนำ ‘อาสัญสลาย’ มาไว้ในมือได้ รวมกับพลังระดับหยั่งสัจจะของตน ไม่แน่ว่าวันนี้อาจสังหารเป็นทางโลหิตเส้นหนึ่ง หนีออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปได้!
……………………